19 สิงหาคม 2555 01:58 น.

คิดถึงบ้าน

เปลวเพลิง

ที่ท้องทุ่งถิ่นฐานบ้านเรานั้น		
ไร้สิ่งสรรพ์เจริญหลามตามสมัย
ไร้ร้านรวงสะดวกเข้าเอากำไร			
ไร้ดวงไฟแสงสีราตรีกาล
	
เราจำได้แต่ว่าคราพลบค่ำ			
วัวควายย่ำยาตรากลับมาบ้าน
พ่อแบกจอบเก่าคร่ำจากทำงาน			
การไถหว่านกล้าเรียวเขียวขจี
	
แม่ตั้งเตาเตรียมไฟไว้หุงข้าว			
ตำหรับสาวบ้านนาสมราศี
เราลงคลองเล่นน้ำฉ่ำกายี			
ก่อนเร็วรี่รุดหน้ากลับมาเรือน

โอ้หอมหวนไข่เจียวฝีมือแม่			
เรียบง่ายแต่อิ่มใจหาใดเหมือน
พ่อนอนหงาย ประแป้ง ชมแสงเดือน		
ยามดาวเยือนหลังคาฟ้าแพรวพราย
	
เพื่อนไพรพฤกษ์ยามนี้มีหริ่งหรีด		
ขับสังคีตมโหรีดนตรีหลาย
ราตรีกรุ่นกลิ่นย้อมหอมกำจาย			
ลมหนาวกายแต่อุ่นรักประจักษ์ทรวง
	
โอ้บ้านทุ่งถิ่นเก่าของเรานั้น			
คือภาพฝันอาบแดนสุดแหนหวง
สุขสบาย กาย ใจ ไร้เล่ห์ลวง			
ท่ามกลางปวงธรรมชาติพิลาสพิไล
	
คืนนี้ส่งใจฝากข้ามฟากฟ้า			
กับดาราระยิบแข่งแสงสดใส
คิดถึงทุ่ง บ้านเรา เนาหทัย			
อีกเมื่อไหร่จะได้กลับไปเยือน				
18 สิงหาคม 2555 01:58 น.

เงาเหงา

เปลวเพลิง

ค่ำคืนนี้มีงานสำราญจิต			
ใครมีมิตรคู่ใจควงไปด้วย
แต่เราสิเดินควงกับดวงซวย			
กินแห้ว บ๊วย มุ่งมาเอกากาย
	
ทั้งที่มีผู้คนล้นแท้แท้				
เราอิ่มแปล้กับความเหงาทุกเช้าสาย
อยากรื่นรมย์ห่มฤดีคลี่กำจาย			
ก็เหมือนหมายตะกายหาวคว้าดาวเดือน
	
โอ้คืนนี้เช่นกัน-เหมือนวันก่อน			
เราเดินอ่อนแรงระโหยโดยไร้เพื่อน
รอสักคนส่งใจไล้มาเยือน			
ลบฝาดเฝื่อน "ขาดสหาย" คลายสักที
	
ม่านฟ้าคลุมด้วยดาวพราวแสงใส		
และแขไขส่องกระจ่างอย่างเต็มที่
ใจเราคลุมเปลี่ยว เหงา เศร้าฤดี		
และไม่มีผู้ดำเนินเดินข้างกัน
	
คงมีแต่เงาดำสำนึกนี้				
ที่เรามีเคียงข้างไม่ห่างหัน
ทิ้งหวังซึ่งงามสลายกลายเป็นควัน		
ฝังเรา ณ ปัจจุบันอันเดียวดาย


.....................................................

เหงากับคืนค่ำ อยู่คนเดียว				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง