เจ็ดวันอัศจรรย์ ที่ลอนดอน

ปีกฟ้า

วันแรก - อังคารที่ 24 เมษายน
เราเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงก็ถึงสนามบิน Heathrow ที่กรุงลอนดอน และนั่งรถไฟด่วน Heathrow Express ไปลงที่ Paddington ซึ่งเราได้นัดเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่นเอาไว้ เมื่อไปถึงและเริ่มเห็นตัวเมือง เรารู้สึกตื่นเต้นและแปลกที่แปลกทางเล็กน้อย บ้านเมืองของอังกฤษค่อนข้างดูคลาสสิค ไม่มีตึกสูง ตึกแต่ละหลังอายุเป็นร้อยปีแต่ตกแต่งภายในใหม่
หลังจากเจอเพื่อนและต่อ Taxi ไปถึงโรงแรมที่ได้จองไว้ เราก็เก็บข้าวของจนเสร็จ และเริ่มออกไปเดินทางตามที่ต่างๆโดยเริ่มจากที่ Hyde Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากในกรุงลอนดอน สถานที่สวยงามและร่มรื่น ในทะเลสาบมีฝูงหงส์ซึ่งไม่ค่อยกลัวคนอาศัยอยู่ เราสามารถถ่ายภาพได้ใกล้พวกมันมากๆ หลายๆภาพ เมื่อถ่ายภาพจนเป็นที่พอใจเราก็ไปเดินต่อที่ Piccadilly Circus และ Oxford Circus ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่มีร้านค้าขายของต่างๆอยู่มากมาย แต่ละร้านจะมีจุดเด่นของตัวเองและขายของเฉพาะเจาะจง บางร้านขายเสื้อผ้า บางร้านขายคอมพิวเตอร์ บางร้านขายอาหาร ซึ่งมองดูแล้วค่อนข้างแตกต่างจากเมืองไทย ที่ผู้คนจะเข้าไปรวมกันอยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆตามจุดต่างๆของกรุงเทพฯ ในตอนบ่ายเราเดินต่อไปที่ Bond Street ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้ายี่ห้อดังๆต่างๆมากมาย และที่ โซโห ซึ่งเป็นย่าน China Town ของกรุงลอนดอน ที่ที่เราได้มีโอกาสลิ้มรสติ่มซำที่อร่อยมากที่นั่นด้วย
ในตอนเย็น เราได้ไปเที่ยวที่หอนาฬิกา Big Ben และตื่นตาตื่นใจกับ British Airways London Eye วงล้อขนาดยักษ์ที่มีแคปซูลอยู่รอบๆ เคลื่อนตัวช้าๆเพื่อพานักท่องเที่ยวได้ชมกรุงลอนดอนจากมุมสูง และเราแปลกใจเล็กน้อยที่ว่าเวลา 3 ทุ่มที่นั่น ท้องฟ้ายังคงสว่างอยู่คล้าย 6 โมงเย็นของกรุงเทพฯ เมื่อเที่ยวเสร็จเราก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับโรงแรม รถไฟใต้ดินที่นั่นค่อนข้างสะดวกมากเพราะสามารถไปได้ทุกที่โดยใช้ตั๋ว Travel Card แค่ใบเดียว แค่ชี้จุดเริ่มต้นกับจุดปลายทาง เราก็จะรู้ว่าต้องใช้รถไฟขบวนไหน ผ่านกี่สถานี ใช้เลาประมาณเท่าไร ทั้งนี้การท่องเที่ยวส่วน ใหญ่ในลอนดอน จะใช้รถไฟใต้ดินนี้เป็นหลักและการเดินต่อไปยังสถานที่ต่างๆ (ลืมบอกไปว่าตอนเรากลับมาน้ำหนักหายไปหลายกิโล)				
				
				
วันที่สอง - พุธที่ 25 เมษายน

วันนี้เราไปที่ Cambridge โดยนั่งรถไฟไป เราได้เห็นบ้านเมืองที่สวยงาม คล้ายกับสมัยที่ยังมีอัศวินอยู่ วันนี้โชคดีที่อากาศค่อนข้างดีที่ไม่มีฝน เราได้เดินเล่นไปรอบๆเมือง เมือง Cambridge ซึ่งเป็นเมืองที่มี High School และมหาวิทยาลัยตั้งอยู่หลายแห่ง ผู้คนส่วนใหญ่ที่เราเจอะเจอก็เป็นนักศึกษา หลากหลายเชื้อชาติ นอกจากบ้านเมืองที่คลาสสิคแล้วยังมีธรรมชาติและความร่มรื่นของต้นไม้เมืองหนาว และคลองที่ไหลผ่านเมืองด้วย

เรากลับมาถึงลอนดอน ตอนสี่โมงเย็นและไปต่อที่วิหาร St. Paul วิหารขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุง ข้างๆมีการรื้อถอนตึกสูงที่อยู่รอบๆ เนื่องจากทางการเห็นว่าบดบังความสำคัญของวิหารไป ต่อมาเราได้เดินผ่าน Millenium Bridge สะพานที่สร้างขึ้นฉลองปี 2000 เพื่อไปยัง Tate Modern 2002 สถานที่แสดงงานศิลปะยุคใหม่ สถานที่ค่อนข้างสวยงาม ระหว่างทางที่เดินไปนั้น บรรยากาศรอบๆแม่น้ำ Tames เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและสีสันของการสังสรรค์หลังเลิกงานของคนหนุ่มสาวตามร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆ เราเดินกันไปที่ London Eye เพื่อจะขึ้นไปชม ซึ่งเราเสียค่าผ่านประตูกันคนละประมาณ 10 ปอนด์ บน London Eye นั้นทิวทัศน์สวยงามมาก มองเห็นสถานที่สำคัญต่างๆมากมาย เห็นขอบฟ้าที่โค้งกลม เห็นพระอาทิตย์กำลังจะตก เห็นชีวิต ความเป็นไปของแม่น้ำ Tames เรารู้สึกตื่นเต้นและประทับใจ รู้สึกเหมือนว่ากำลังลอยอยู่บนอากาศ และเราจบการเที่ยวของวันนี้ที่ภัตตาคารเป็ดปักกิ่งแห่งหนึ่งในย่านโซโห				
				
วันที่สาม - พฤหัสที่ 26 เมษายน

วันนี้มีความตั้งใจอย่างแรงสูงที่จะไปที่ Meseum ต่างๆของอังกฤษ เนื่องจากตอนนี้รัฐบาลเปิดให้เข้าชมได้ฟรีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเราได้รู้มาถึงกิตติศัพท์ความอลังการของพิพิธภัณฑ์ที่นั่น เราไปกันที่ Natural History Meseum ที่ที่เก็บโครงกระดูกไดโนเสาร์เอาไว้ เราตื่นตาตื่นใจตั้งแต่แรกที่เข้าไป เพราะเจอโครงกระดูกไดโนเสาร์ตัวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า และเมื่อเดินชมไปเรื่อยๆก็ยิ่งประทับใจมากขึ้น เพราะในพิพิธภัณฑ์นี้เก็บทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโลกเรา ทุกๆอย่างจริงๆและใหญ่มาก เรียกว่าต้องเดินกันทั้งวันเพื่อชมให้ได้ละเอียด มีห้องแสดงอยู่หลายร้อยห้อง ห้องหนึ่งที่ประทับใจคือห้องที่แสดงถึงขนาดของสัตว์โลก โดยการทำหุ่นจำลองปลาวาฬสิน้ำเงินทั้งตัวเท่าของจริงเปรียบเทียบกับสัตว์อื่นๆเช่นช้าง ม้า หมี ห้องนี้ใหญ่มากขนาดที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้หมด

หลังจากเดินชมจนหมดแรง เราก็ไปเดินต่อที่ Harrods ห้างสรรพสินค้าที่โด่งดังของอังกฤษ ซึ่งเราตั้งใจไว้ตั้งแต่ที่แรกว่าจะไม่ซื้ออะไรเพราะของแพง แต่ดูไปดูมาก็มีบางอย่างที่น่าซื้อเก็บเอาไว้ จึงเสียเงินไปพอสมควร จากนั้นเราก็ได้ไปที่ Covert Gerden Market ที่ที่ขายของต่างๆที่เป็นงานฝีมือ และเราก็พักทานอาหารที่นั่น

ในตอนบ่ายๆเย็นๆ เราไปที่ Tate Modern อีกครั้งแต่ครั้งนี้เข้าไปข้างในเพื่อดูงานศิลปะ แต่ดูไปดูมาแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เพราะดูไม่รู้เรื่อง ภาพส่วนใหญ่จะเป็น Abstract ค่อนข้างมาก เมื่อออกมาจาก Tate Modern แล้วเราก็ไปที่ร้านหนังสือ Water Stones ร้านหนังสือที่ใหญ่มากอยู่แถว Piccadilly Circus ที่นั่นมีหนังสือมากมายที่หายากในเมืองไทย มีหลายเล่มที่เล็งเอาไว้เผื่อซื้อตอนจะกลับมา และเหมือนเดิม เราก็ไปทานอาหารเย็นที่โซโห ดูเหมือนว่าเป็นที่ที่มีอาหารให้ทานใกล้เคียงกับเมืองไทยที่สุด				
วันที่สี่ - ศุกร์ที่ 27 เมษายน

วันนี้ตอนเข้าเราไปเดินหาหนังสือด้าน Art กันที่ Eustion ตามคำแนะนำของคนรู้จัก ฝนตกลงมาเป็นระยะ หลังจากเลือกหนังสือกันสักพัก เราก็ไปต่อที่ Leicester Square ศูนย์รวมของร้านค้ามากมายอยู่ห่างจาก Piccadilly Circus ไม่มาก ซึ่งเราใช้เวลากันนานพอสมควรในการเดิน Shopping

ตกตอนบ่าย ก็ไปที่ Tower Bridge มีนักท่องเที่ยวมากมาย เดินไปถ่ายรูปและอิ่มเอิบกับบรรยากาศรอบๆแม่น้ำ Tames เมื่อมองไปจากสะพาน เห็นเรือรบลำใหญ่จอดอยู่และเห็นตึกข้างๆรูปทรงทันสมัยมาก เมื่อสอบถามจากเพื่อนจึงได้ความว่าเป็นที่ทำการใหม่ของกรุงลอนดอน ดูตอนแรกนึกว่าตึกเกี่ยวกับธุรกิจอะไรที่ไฮเทค วันนี้กลับที่พักกันค่อนข้างเร็ว เพราะตอนเย็นเพื่อนที่นั่นทำอาหารเย็นเลี้ยง ซึ่งเราค่อนข้างโชคดีที่ได้เห็นด้วยว่าชีวิตของเด็กนักเรียนไทยที่อังกฤษนั้นใช้ชีวิตอย่างไร ทำอะไรบ้าง นอกจากต้องประหยัดแล้ว ยังต้องหาเงินจากทางอื่นด้วย เช่นการสอนพิเศษ การทำงานที่ร้านอาหาร เพื่อนเราคนนี้เรียนการสี Violin อยู่ที่มหาวิทยาลัยทางด้านดนตรีแห่งหนึ่งที่นั่น มีชื่อเสียงมากในวงการดนตรี และเปิดการแสดงคอนเสริต์ในเมืองไทยอยู่เนืองๆเมื่อกลับมาประเทศไทย				
				
วันที่ห้า - เสาร์ที่ 28 เมษายน

วันนี้เราตื่นแต่เช้าไปที่ Buckingham Palace เพื่อดูการเปลี่ยนการ์ดตอนเวลา 11.00 น. เมื่อไปถึงมีคนจำนวนมากที่รอดูอยู่ เราต้องเบียดเสียดกับฝูงชนเข้าไปถ่ายรูปและดูการบรรเลงเพลง รวมถึงการสวนสนาม อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนบ่ายเราก็ไปต่อที่ British Meseum ที่ที่เก็บอารยธรรมของประเทศและทวีปต่างๆไว้ทั่วโลก ที่นี่เปิดให้ถ่ายภาพได้อิสระ เราจึงได้ถ่ายภาพมัมมี่และฟาโรห์ของจริงมาหลายภาพ แต่อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเราก็ตัดสินใจไป Science Meseum ต่อทั้งๆที่ยังเดิน British Meseum ไม่ทั่ว

ที่ Science Meseum เป็นอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่ดีมาก มีวิวัฒนาการของเทคโนโลยีให้ดูตั้งแต่เริ่มแรกที่มนุษย์คิดขึ้นเกือบทุกอย่าง ทั้งโทรศัพท์ เครื่องบิน รถยนต์ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งยังมีโรงหนัง IMAX ที่ดูได้ 360 องศา แต่เราไม่ได้ชมเนื่องจากไปตอนเย็นแล้ว รอบหนังหมด เมื่อเดินไปเดินมาก็พบกับ Sim EX เครื่อง Simulator ยานอวกาศ มีคนต่อคิวยาว ด้วยความอยากดูก็เลยยอมจ่ายเงิน 3 ปอนด์กว่าๆ เข้าไป ปรากฏว่าสนุกสุดยอด เพราะหนัง Animation นั้นสมจริงมาก ทั้งระบบภาพและเสียงตื่นเต้น เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการนั่งยานอวกาศของเราออกไปกู้โลกจากดาวหางที่กำลังจะพุ่งชน (เหมือน Armagradon เลย) เมื่อเดินที่นี่เสร็จ เราก็ตรงกลับโรงแรม และไปทานอาหารเย็นที่ร้าน Four Seasons ร้านเป็ดปักกิ่งที่ดังที่สุดใน London และเมื่อได้ลิ้มลอง ก็สมคำล่ำลือจริงๆด้วย				
วันที่หก - อาทิตย์ที่ 29 เมษายน

วันนี้ไปสนามฟุตบอลของทีม Chelsea ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองลอนดอน ในตอนแรกเราคิดว่าคงแค่ไปเดินดูเฉยๆ แต่พอไปถึงได้เจอกับนักฟุตบอลทีม Chelsea ซ้อมกันอยู่ เล่นเอาตื่นเต้นไปตามๆกัน จึงรอดู หลังจากก้มๆเงยๆอยู่สักพัก นักกีฬาฯก็เดินออกมาเมื่อซ้อมเสร็จ เรารีบเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย ซึ่งเค้าก็ใจดีถ่ายกับเรา ทั้งๆที่จะรีบไป เมื่อหายตื่นเต้น เราก็ไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แต่รสชาดไม่ค่อยเหมือนเมืองไทยเลย (สงสัยใช้ฝรั่งทำ)

ตอนบ่ายเราไปช้อปปิ้งอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวกลับในวันรุ่งขึ้น ก็เดินซื้อของกันในย่าน Piccadilly Circus และไปถูกใจเอาห้างสรรพสินค้าห้างแห่งหนึ่งชื่อ Hamleys ห้างนี้ขายแต่ของเล่นทั้งห้างเลย เราก็เดินเข้าไปดู ค่อนข้างถูกใจ เหมือนเดินอยู่ในแผนกของเด็กเล่นที่ใหญ่ๆ หลังจากเดินกันอยู่นาน ก็กลับไปนอนโรงแรม				
วันที่เจ็ด - จันทร์ที่ 30 เมษายน

วันสุดท้ายที่ลอนดอนค่อนข้างฉุกละหุกหน่อย เพราะว่าต้องทำการยัดข้าวของที่เอาไปและที่ซื้อกลับมาลงในกระเป๋าเดินทางใบเดิมของเรา หลังจากพยายามอยู่นาน เมื่อ Check Out เสร็จ เราก็ไปตะลุย Meseum ต่อ วันนี้เป็น Natural Portrait Gallery Meseum และ Natural Gallery Meseum ซึ่งเราก็ชอบอกชอบใจมาก เพราะว่าได้เห็นภาพวาดเมื่อสมัยที่เรายังเรียนหนังสือชั้นประถมอยู่ แต่เป็นของจริง ภาพบางภาพสวยงามไร้ที่ติ หลายๆภาพเป็นของศิลปินผู้มีชื่อเสียงหลายๆคน พิพิธภัณฑ์นี้เป็นพิพิธภัณฑ์แรกที่เราสามารถเดินจนทั่วได้ เพราะวันนี้ฝนตกทั้งวัน เราเลยอยู่ใน Meseum นี้นานหน่อยและขนาดก็ไม่ใหญ่มาก

ก่อนกลับไปเอาของที่โรงแรม เราแวะร้านหนังสือ Water Stones อีกครั้งเพื่อซื้อหนังสือต่างๆที่เล็งไว้ตอนแรก และไปกินอาหารเย็นที่ร้าน Four Seasons อีกครั้งคราวนี้กินไปเยอะเลย และกล่าวคำอำลาเพื่อนของเราที่เค้าให้การต้อนรับและช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยม จากนั้นก็ขึ้น Heathorw Express รถไฟด่วนตรงไปยังสนามบิน Heathrow

เราขึ้นเครื่องบินตอนประมาณ 3 ทุ่มที่นั่น และถึงกรุงเทพฯตอนบ่าย 3 โมง ของวันที่ 1 พฤษภาคมโดยสายการบิน British Airways เช่นเดิม เรารู้สึกว่านี่คือการท่องเที่ยวที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ เราได้เรียนรู้ว่าโลกภายนอกยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้เราเรียนรู้ และจุดประกายให้เรารู้ว่านี่อาจเป็นแค่การเริ่มต้นในการเดินทางครั้งต่อไปของเรา เรารู้สึกขอบคุณ British Council ที่ได้จัดประกวดเว็บไซท์ นอกจากให้เราได้แสดงความสามารถแล้ว ยังให้โอกาสเราได้ท่องเที่ยวที่ลอนดอน เมืองแห่งสีสันและความสวยงามอีกด้วย				
				
				
				
				
				
พีรกาญจน์ สิริเวชพันธุ - ผู้ชนะเลิศรางวัลที่ 1 ในการประกวดเว็บไซท์ British Council 2002
ภัทรวุฒิ ทรัพย์เย็น - รองชนะเลิศ ในการประกวดเว็บไซท์ British Council 2002


ภาพถ่าย : Digital Camera Pentax 330 Optio
เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2545				
comments powered by Disqus
  • ^_^

    6 กรกฎาคม 2545 22:09 น. - comment id 65684

    อยากไปบ้างจัง
  • ธนรัฐ สวัสดิชัย

    7 กรกฎาคม 2545 05:04 น. - comment id 65685

    อิอิ.... อิจฉาจังเยย...
  • คนมีฝัน

    7 กรกฎาคม 2545 13:54 น. - comment id 65686

    เย้ๆๆๆ ได้รู้กันซะทีหลังจากที่สงสัยกันมานานว่าคนไหน????? พี่ปีกฟ้า 55555
  • idaho

    7 กรกฎาคม 2545 17:21 น. - comment id 65690

    นี่เองคุณปีกฟ้า
  • โคลอน

    8 กรกฎาคม 2545 00:20 น. - comment id 65698

    ดีจัง...เป็นประสปการณ์ที่ดีและน่าจดจำนะคะ ขอบคุงมากค่ะที่เก็บภาพจ๋วยๆมาฝากกาน
  • แมวยิ้ม

    9 กรกฎาคม 2545 17:00 น. - comment id 65725

    เก่งจังคุณ  คุณปีกฟ้า
  • ผีเสื้อปีกบางฯ

    10 กรกฎาคม 2545 20:28 น. - comment id 65748

    ......
    
    ตามมาชื่นชมค่ะ 
    เก่งจริง.....เก่งจัง
    
    อิอิอิอิ....พี่ปีกฟ้าแก้มป่องประมาณแก้มนู๋เลยอ่ะ
    
    .......
    
  • n@t

    11 กรกฎาคม 2545 23:50 น. - comment id 65786

    Cool!
    While you were in amazing London, 
    I was in amazing Shanghai. ^____^
  • แอน

    5 กันยายน 2545 20:43 น. - comment id 66299

    อยากไปบ้าง
  • topnarak

    2 มกราคม 2548 19:07 น. - comment id 80333

    น่าอิจฉามากมาก

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน