.... เปิดไดอารี่...ความทรงจำดีดีที่ดอยล้าน ....( ต่อ )

ผีเสื้อปีกบางฯ

๒๔ มีนาคม ๒๕๔๖
.... หวายยยย.....เราตื่นสายอีกแล้ววววว
เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ก็เข้าวันใหม่แล้ว (พี่ ๆ ใจร้าย ใช้แรงงานเด็ก) 
วันนี้ น้อง ๆ มารอแต่เช้าเลย
ฮั่นแน่ .... จับน้องเล่นเกมส์ดีก่า อิอิ สำเร็จแฮะ !!!!
วันนี้ทุกคนตั้งใจทำกิจกรรมดี ปัญหาระหว่างเพศเริ่มหมดไป
ทีละน้อย ๆ จนแทบไม่เหลือ น่าชื่นใจมาก ๆ เลยค่ะ 
ยิ่งการนำเสนอผลงานของน้อง ๆ ผู้ชาย ที่ตลก ๆ 
ทำให้เกิดเสียงหัวเราะดังก้องบริเวณโรงเรียนได้ไม่ยากเลย
วันนี้มีกิจกรรมที่ทำให้เกิดอารมณ์อ่อนไหว และละเอียดอ่อน
ค่อนข้างเยอะ ซึ่งจาวตาลเตรียมใจมารับความเงียบแล้วล่ะ 
แต่ผลกลับตรงข้าม น้อง ๆ กล้าแลกเปลี่ยนเรื่องราว
ความทุกข์ที่สุดของตัวเอง ให้เพื่อนฟังได้อย่างไม่ลังเลมากนัก
ถึงแม้บางคนจะมีน้ำใส ๆ คลอเต็มเบ้าตาก็ตาม .... 
จาวตาลว่ามันเป็นน้ำตาแห่งการปลดปล่อยนะคะ 
ถ้ามันจะไหล ก็ปล่อยมันเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่า 
เรายังมีกันและกันอยู่เคียงข้าง ที่พร้อมจะให้กำลังใจเสมอ 
(โห ..ซึ้งก็เป็นด้วย อิอิ) .... จาวตาลว่ากิจกรรมนี้ทำให้พวกเรา
สนิทกันขึ้นเย๊ออออเลยนะคะ ไม่เชื่อลองดูตอนนี้สิ (จะเห็นมะเนี่ย)
น้อง ๆ จูงมือพวกเราเดินชมหมู่บ้าน แล้วก็ไร่ของพวกเขาค่ะ ...
ไร่เขียวชอุ่ม ลมเย็น ๆ มีผลไม้เมืองหนาวให้เด็ดใส่ปากได้
ตลอดทางเลย ... พวกเราทุกคนมีโอกาสไปกราบพระอาจารย์
ที่มาอยู่บนดอยด้วยน๊า.... น้อง ๆ ลากพวกเราขึ้นเขาไปค่ะ 
กว่าจะตะกายพาตัวอ้วน ๆ ของตัวเอง ขึ้นมาได้ครบ ๖ ชีวิต 
ก็แทบกระอัก น้อง ๆ หลายคนชวนพวกเราไปที่บ้าน 
แต่ไปไม่หมดหรอกนะคะ ต้องกลับไปพักผ่อนเอาแรง
เพราะคืนนี้มีปาร์ตี้แบบลีซู อิอิ (ขอแว๊บไปอาบน้ำก่อนนะคะ)
ปิ๊ง !!!!.... (กรุณาจินตนาการภาพนางฟ้าปรากฏตัวข้างหน้า) 
มาแล้วค๊าาา....น้องดาว (นางฟ้าของจาวตาล ผู้เนรมิตชุดสวย
ให้พวกเรา...อิอิอิ)) หนึ่งในผู้เข้าอบรม  พาจาวตาล พี่โบว์ 
พี่แอน ไปแต่งสวยเป็นสาวลีซู ส่วนหนุ่ม ๆ อีก ๓ คน ก็ซุ่ม
ไปหล่อในชุดชนเผ่ามา 
เมื่อเราไปถึงลานกว้างที่เดิม น้อง ๆ ที่น่ารักก็ลากพวกเรา
(แบบไม่ทันตั้งตัว) เข้าวงเต้นรำทันที การเต้นแบบลีซู
จะจับมือ  และ ล้อมกันเป็นวง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสเดียวที่
ชายหนุ่มหญิงสาว  จะจับมือ เมาสาว เมาบ่าว (น้องๆที่นั่น
เค้าเรียกกันแบบเนี้ยค่ะ) กันได้ โดยมีนักดนตรีดีดเพลง
อยู่กลางวง ทุกคนจะทำเท้าเป็นท่าเดียวกันหมดเลย 
ดูแล้วน่ารักดีแฮะ....
หลังจากการเต้นรำจบลง น้อง ๆ ๕-๖ คนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม 
ดูดาวที่ส่องประกายระยับอยู่บนผืนกำมะหยี่สีดำอันกว้างใหญ่ 
(ต้องไปเห็นเองค่ะว่าดาวบนดอยน่ะ สวยแค่ไหน) พร้อมกับ
ถ่ายทอดความประทับใจ และเรื่องราวส่วนตัวของพวกเขา 
ออกมาให้ได้ฟังกันอย่างสนิทสนม น้องตัวเล็ก ๆ บางคน
ก็หลับไปกับตักพี่ย้ง บางคนก็นั่งตักพี่แอน พี่เอก
หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ซัน ผู้ยังคงเป็นขวัญใจน้องผู้ชาย
อยู่เสมอ ก็วิ่งเล่น อยู่....บนลานใกล้ ๆ นั้น มีครูคนหนึ่งขับลำนำ
เพลงลีซูแท้ ๆ ให้ได้ฟัง
.... ชีวิตที่มีความสุข บางครั้งมันก็เรียบง่ายแบบนี้นี่เอง.....				
ของเล่นของน้องๆบนดอย				
น้อง ๆ ร่วมกันทำกิจกรรม				
ตัวแทนกลุ่มออกมารายงานผล
     น้อง ๆ ทำได้ดีมากจริง ๆ ......ขอปรบมือให้				
หนุ่ม - สาวลีซู ในงานเต้นรำ
               สวยมั๊ยยยคะ......อิอิอิ				
บรรยากาศในงานเต้นรำ
ที่หนุ่ม - สาว จับมือล้อมกันเป็นวงกลม
   และมีคนบรรเลงเพลงอยู่ตรงกลาง				
งานเต้นรำ				
ระหว่างทางที่เดินไปไร่
                                         อิอิอิ....แวะเก็บภาพวิวสวย ๆ ก่อนนะคะ


๒๕ มีนาคม ๒๕๔๖

.... วันนี้แล้วสินะคะ ที่พวกเราต้องจากความเรียบง่ายที่ดอยล้าน 
กลับสู่กรุงเทพฯอันยุ่งเหยิง น้องโจ ผู้เข้าอบรมอีกคน 
มาพร้อมเพื่อน ๆพาพวกเราไปเดินดูไร่ที่น้องบอกว่าอยู่ใกล้ ๆ 
แค่นี้เอง (ใกล้มากเลยค่ะ ขาไปเกือบ ๓ กิโลฯ ขากลับอีก ๓ กิโลฯ) 
และชิมลูกท้อ ลูกบ๊วยสด ๆ ...แถมระหว่างทางนะคะ น้อง ๆ ยัง
เด็ดหญ้านู่นหญ้านี่ มาให้เคี้ยวตลอดทางเลย จาวตาลได้ลองดื่มน้ำ
จากตาน้ำบนเขาด้วยนะคะ ดื่มน้ำใส ๆ กับสัมผัสลมเย็น ๆ 
ทำให้พวกเราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง .... น้อง ๆ ต้องเดิน
มาที่ไร่แทบทุกวัน นี่สิ เคล็ดลับความแกร่งและความแข็งแรง
ของทุกคน ส่วนพวกเรา.... ไม่ต้องพูดถึงค่ะ หอบกันหลายรอบแล้ว

แต่ดอยที่นี่ เดินยังไง๊ ยังไงก็มีความสุขค่ะ เพราะว่าชาวดอยล้าน
จะรักและหวงแหนป่าไม้ของพวกเขามาก ดังนั้นป่าเลยเขียวชอุ่ม 
น่าสดชื่นมาก ๆ ค่ะ แถมชาวบ้านยังช่วยกันป้องกันเรื่อง
ยาเสพย์ติดได้อย่างดีเยี่ยม ดอยนี้เลยเป็นแหล่งปลอดยาค่ะ 
ที่สำคัญ พวกเขายังเป็นเกราะปราการด่านแรก ที่จะป้องกัน
ไม่ให้ยาเสพย์ติดเข้าประเทศไทย เพราะพวกเขาจะขับไล่
และไม่ต้อนรับคนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาฯเลยล่ะค่ะ

แต่รัฐบาลต้องการให้ดอยนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยจะตัดถนนขึ้นไป 
ให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยว  ชาวบ้านเขาไม่ยอมเลยล่ะค่ะ เด็ก ๆ 
ที่ได้รับการอบรม จึงรวมตัวกับชาวบ้าน จัดตั้งเครือข่ายติดต่อกับ 
NGO เพื่อเจรจากับรัฐบาล เพี้ยง !!!! ...ขอให้สำเร็จทีเถอะค่ะ 
ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะกลายเป็น สวนสัตว์มนุษย์ เหมือน
ชาวกะเหรี่ยงคอยาวก็ได้

ความน่ารัก และความเอื้ออาทรของทุกคนก็ทำให้พวกเราผูกพัน
กับมิตรภาพที่เกิดขึ้น จนไม่อยากกลับ .... เมื่อถึงเวลาที่ต้อง
ลงจากดอย ถึงกับใจหาย.... น้ำตาซึมเลยล่ะค่ะ
เวลา ๔- ๕ วันสั้นเหลือเกิน พวกเรากล่าวคำอำลาดอยที่น่าอยู่ 
เต็มไปด้วยความสวยงามและน้ำใจอันบริสุทธิ์อยู่ในใจ.... 
ทุกคนนั่งเงียบ ๆ เก็บความประทับใจ ความอบอุ่น และ
มิตรภาพที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ของดอยแห่งนี้ตามทางที่รถ
แล่นผ่านเข้าสู่ตัวเมือง....

..... ดอยล้าน และ ผู้คนที่นั่น....จะอยู่ในใจพวกเราตลอดกาล...
แล้วเราจะเจอกันอีกแน่นอน				
comments powered by Disqus
  • windsaint

    22 พฤษภาคม 2546 19:48 น. - comment id 68801

    น่าสนุกจัง เราชอบชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ที่สุดเลย
    
    อยู่กับป่ากับน้ำ อ่านแล้วสบายใจจัง อิอิ
    ฝันหวานเชียว

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน