5 มีนาคม 2557 00:11 น.

รักษ์เขตขันธ์แบ่งปันรัก

Prayad

โอ้ ไทยแลนด์แดนดินถิ่นขวานคล้าย
ฤๅดี-ร้ายหมายเจตแบ่งเขตขันธ์
สปป. ปปส. หนอ งงงัน
สารพันคำย่อจนท้อใจ
หากตัดส่วนขวานงามให้ด้ามบิ่น
ขวานคงสิ้นคุณค่าจะหาไหน
ตัดทิ้งขวานทั้งเล่มฤๅเต็มใจ
แบ่งเขตไทยแม้น้อยนิดฤๅคิดควร
แต่ต้องแบ่งปันรักทุกฝักฝ่าย
รัก เหนือ ใต้ อีสาน ล้วนหว่านสวน
รักไทยกลาง ยืนยั้งอยู่ทั้งมวล
ไทยจึงล้วนควรแบ่งหลัก...ปันรักเอย
4 มีนาคม 2557 22:19 น.

ขาดเธอ : Without Her

Prayad

เจ้าของร้างลาแล้วเหลือแก้วไว้

ดั่งธารใสไร้เงาจันทร์เป็นวันหมอง

ชุดเคยใส่ไร้คนรับคอยจับจอง

ดั่งรอยร่องจันทร์ผ่านม่านฟ้าครวญ

 

ทางที่เธอเทียวท่องไร้น้องเที่ยว

ดั่งวันเปลี่ยวคืนเปล่าร้าวกำสรวล

หมอนเคยอิงหญิงหลบหน้าพาซบซวน

รักเรรวนน้ำตาร่วงทวงคืนวัน

 

ดวงฤทัยไร้นุชสุดอ้างว้าง

คำของนางลางเลือนเคลื่อนห่างหัน

ยามขาดเธอเหม่อไปยิ่งไกลกัน

ดั่งเงากั้นเมฆป่าสบลบผืนนา

Without Her

What of her glass without her? The blank grey

There where the

pool is blind of the moon’s face.

Her dress without her? 

The tossed empty space

Of cloud-rack whence the moon has passed away.

Her paths without her? Day’s appointed sway

Usurped by desolate night. Her pillowed place

Without her? Tears, ah me! for love’s good grace,

And cold forgetfulness of night or day.

What of the heart without her? Nay, poor heart,

Of thee what word remains ere speech be still?

A wayfarer by barren ways and chill,

Steep ways and weary, without her thou art,

Where the long cloud, the long wood’s counterpart,

            Sheds doubled darkness up the labouring hill.

(Dente Gabriel Rossetti, 12 May 1829 – 9 April 1882)

3 มีนาคม 2557 18:03 น.

รำพันกับจันทรา

Prayad

แสงจันทร์นวลชวนให้หทัยคิด

ยามเพ่งพิศจันทราน้ำตาไหล

นิราศร้างห่างคู่ชู้ทางใจ

แสนอาลัยห่วงหาพะงางาม

 

หริ่งเรไรหรีดร้องยิ่งหมองหม่น

ดวงกมลหม่นไหม้ใคร่ไถ่ถาม

ใคร่ชี้ชวนยวนเย้าเคล้านงราม

ใคร่ติดตามนงนุชดุจเงานาง

ยิ่งสายลมพรมไล้ไผ่เอนลู่

ดั่งยอดชู้คู่ใจจะไกลร้าง

เมื่อเมฆคล้อยลอยเคลื่อนแสงเลือนราง

คล้ายรักจางห่างเหเสน่ห์คลาย

 

วอนดวงเดือนเคลื่อนไปดลใจนุช

อย่าสิ้นสุดรักเราที่เฝ้าหมาย

สุกสกาวขาวเด่นเป็นประกาย

จงเฉิดฉายคงอยู่คู่จันทรา

ขอให้รักดำรงซื่อตรงมั่น

ไม่มีวันเสื่อมสิ้นดุจหินผา

ไม่มีวันหม่นหมองนองน้ำตา

สุขอุราเชยชื่นทุกคืนวัน

 

ครั้นดวงเดือนเคลื่อนลับดับจากฟ้า

ยิ่งเหว่ว้าอาวรณ์นอนหลับฝัน

ถึงยอดชู้คู่ใจยามไกลกัน

เกรงสัมพันธ์ฟั่นเฝือมิเหลือใย

(๓ มีนาคม ๒๕๓๑) 

2 มีนาคม 2557 05:11 น.

เมื่อเราพรากจากกัน : When we two parted

Prayad

น้ำตาหลั่งนั่งซบสงบนิ่ง                                              

จำทอดทิ้งร้างลายอดยาหยี

หัวใจแหลกแตกร้าวเศร้าหลายปี                 

สองปรางที่เคยเห็นซีดเย็นชา

 

จุมพิตเธอยิ่งเห็นเยือกเย็นกว่า      

จริงดั่งว่าตามทำนายใช่มุสา

ต้องประสบพบเหงาเศร้าโศกา                    

รุ่งทิวาหยาดหยดพลิ้วพรมคิ้วคาง

ยิ่งย้ำเยือนเตือนเรายามเหงานี้                     

สัญญามีเหลือเกินเธอเมินหมาง

แสงสว่างสร้างชื่อนั้นคือนาง                       

ยินเอ่ยอ้างนามเธอเหม่อละอาย

 

เขาเอ่ยชื่อกานดาต่อหน้าฉัน                        

หูก็พลันยินระฆังลั่นดังหมาย

ฉันสะท้านสั่นจังงังทั่วทั้งกาย                      

เธอวิเลิศเฉิดฉายเมียงมายมอง

หามีใครล่วงรู้เคยคู่รัก                                

ฉันตระหนักเธอดีไม่มีสอง

นานแสนนานในอดีตกรีดทำนอง                  

เกินกว่าร้องเรียกเอ่ยเผยให้ตรม

 

เป็นความลับอย่างชะงัดเรานัดพบ                

เงียบสงบฉันสะอื้นและขื่นขม

หัวใจเธออาจลืมเรื่อยเฉื่อยอารมณ์                              

จิตเธอก้มรับฉ้อฉลแห่งกลลวง

หากหลายปีต่อไปในภายหน้า                      

เผื่อพบพาอดีตเก่าเคยเฝ้าหวง

จะทักเธออย่างไรในแดดวง                         

น้ำตาร่วงเงียบสงบยามพบกัน

When we two parted

When we two parted

In silence and tears,

Half broken-hearted,

To sever for years,

Pale grew thy cheek and cold,

Colder thy kiss;

Truly that hour foretold

Sorrow to this!                       

The dew of the morning

Sunk chill on my brow;

It felt like the warning

Of what I feel now.

Thy vows are all broken,

And light is thy fame:

I hear thy name spoken

And share in its shame.

They name thee before me,

A knell to mine ear;

A shudder comes o’er me-

Why wert thou so dear?

They know not I knew thee

Who knew thee too well:

Long, long shall I rue thee

Too deeply to tell.      

In secret we met:

In silence I grieve

That thy heart could forget,

Thy spirit deceive.

If I should meet thee

After long years,

How should I greet thee?-                                                                                        

With silence and tears.

(George Gordon Lord Byron, 22 January 1788 – 19 April 1824)

1 มีนาคม 2557 06:00 น.

ความสวยงามตามภาพฝัน

Prayad

ลมรำเพยเอ่ยเอื้อน    กลอนกานท์
ลิขิตตอบชอบสาส์น   สุดซึ้ง
มโนหนึ่งเบิกบาน      ครวญคร่ำ   นำพา
จิดบ่หยุดสุดอึ้ง         กู่ก้อง    ปองนวล
ฉันพบเธอในฝันทุกวันว่าง
มิเริดร้างดมดอมสุดหอมหวล
แต่วันพบซบเกาะเยาะยียวน
ยังอบอวลอุ่นไอมิไคลคลา
ชอบคำค้อนค่อนขอดจิกตอดเล่น
ทั้งร้อนเย็น แสบคัน สุขหรรษา
ราวเจ้าเงาะเหยาะพจน์แหย่รจนา
ดุจมัจฉาคาตู้แอบดูเธอ
ปิรันย่า-ปลากัด จึงจัดให้
สองเราไซร้ลำซิ่ง ชิงเสมอ
ด้วยกลอนรักหักใจใฝ่ละเมอ
เกี่ยวพันเพ้อเผลอเกี้ยวฮักเกี่ยวใจ
อาจจะเล่นเป็นเงาะฉอเลาะเจ้า
คงคลายเศร้าเย้ายวนกวนไฉน
ประสาเงาะงี่เง่าจะเอาไง
จะบอกให้รักจนหมดในรจนา
งั้นตามเงาะงี่เง่าไปเฝ้าเกาะ
ย่าง เหยียบเหยาะเลาะชม ดิน ลม ฟ้า
ฟังทะเลเห่กล่อมย้อมอุรา
ชื่นชีวาพ่อตาแกล้งไม่แล้งรัก
ยามราตรีมีดาวขึ้นพราวพร่าง
แม้ไร้ร่างระหว่างจินต์มิสิ้นศักดิ์
ร่วมใฝ่ฝันพันใจหทัยทัก
จวบจนจักรวาลสุดฤๅหยุดเรา
(แด่ เธอผู้สวยงามยามสร้างฝัน)
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPrayad
Lovings  Prayad เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPrayad
Lovings  Prayad เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPrayad
Lovings  Prayad เลิฟ 0 คน
  Prayad
ไม่มีข้อความส่งถึงPrayad