23 กุมภาพันธ์ 2549 19:05 น.

๏ ห่วงนาง

กวีปกรณ์

๐ ยินเสียงน้องนงคราญนานเนิ่นแล้ว
ลอยลมแผ่วแว่วมาให้ใจหาย
พี่ยิ่งครวญใคร่ครุ่นจนวุ่นวาย
ไม่เคยต้องห่างไปหลายวัน

๐ ด้วยจำเป็นหลายเรื่องอย่าเคืองพี่
ช่วยเห็นใจคนดีแม่ดวงขวัญ
เมื่อสิ้นงานสัญญาหวนคืนพลัน
แต่เจ้านั้นดวงแดอย่าแปรไป

๐ พี่วอนจันทร์กล่อมเจ้ายามเข้านอน
ด้วยห่วงหาอาทรใคร่ย้อนใกล้
แต่ช่างเหลือเกินการทำตามใจ
จึงเพียงได้ไหว้วานขานดวงจันทร์

๐ ยามเพลาลมฟ้าถึงคราเปลี่ยน
เหมันต์เวียนเจียนบ้าเวลาหัน-
มองข้างกายไม่มีแม่ชีวัน
ใจหนาวสั่นพรั่นพรึงถึงดวงมาน

๐ คำนึงถึงเจ้าเหลือเจือความห่วง
คงหนาวทรวงพวงแก้มแช่มเป็นกร้าน
เอาเสื้อพี่ที่ให้ในวันวาน
ห่มเนื้อน้องป้องต้านทานลมแรง

๐ จงลงกลอนก่อนนอนให้ท้วนทั่ว
อย่าพลั้งตัวเผลอไผลในบางแห่ง
ป้องกันชายกลายกล้ำกำยำแรง
เข้ามาแฝงเร้นร้ายทำลายน้อง

๐ ริ้นไรยุงมุ้งม่านเอากางกั้น
พ่นยาใส่ไล่พลันกันทั่วห้อง
รวมทั้งเรือนหลังนี้ที่เราครอง
ด้วยกลัวผิวใยยองหม่นหมองไป

๐ ด้วยสิ้นห่วงดวงแดแม่เนื้อทอง
เหลือยามห่างนางน้องอย่าร้องไห้
ยามพี่ยินเสียงเจ้าแสนเศร้าใจ
เชื่อคำพี่ที่กล่าวไว้ในสัญญา

๐ แม่เนื้อเย็นเห็นแก่ใจพี่บ้าง
จำต้องร้างนางไกลใจห่วงหา
ยามพี่กินไร้คนดีป้อนพี่ยา
ทั้งข้าวปลาล้วนสิ้นกลิ่นมือนาง

๐ เพลากลืนช่างลำเค็ญจำเป็นฝืน
จำใจกลืนเพื่อยั้งแลรั้งร่าง
ไม่ให้กายวายจนพ้นสรรพางค์
เพียงคอยวันย้อนทางย่างสู่เรือน

๐ ยิ่งก้าวย่างห่างไกลเรือนเราสอง
น้ำตาพี่น้ำตาน้องไหลนองเปื้อน
ยิ่งนานวันผันผ่านนานแรมเดือน
ยิ่งเร่งวันให้เคลื่อนเลื่อนเร็วไว

๐ ยามหนาวลมห่มผ้ากว่ากายอุ่น
ไม่เหมือนยามพี่หนุนเนื้อนางได้
ทั้งอุ่นร่างพลางอุ่นทั่วถึงใจ
แต่ยามนี้พี่ไร้ใครข้างเคียง

๐ น้องรู้ไหมใจกายพี่นี้ร้อนรุ่ม
เหงื่อไคลชุ่มคล้ายต้องแสงแรงยามเที่ยง
ยามนอนเหมือนไฟสุมรุมข้างเตียง
ไร้ทางเบี่ยงเลี่ยงได้เท่าใกล้นาง

๐ ยามมองจันทร์พลันหวนถึงนวลน้อง
จันทร์ไม่ผ่องความคำนึงจึงไม่สร่าง-
หน้าดวงใจไร้รอยคล้ำสีดำจาง
มาปนเปื้อนเกลื่อนปรางแก้มนางนวล

๐ ใครเคยเปรยเอ่ยไว้ให้ยินบ้าง
สามวันไกลใจนางพลางแบ่งส่วน
ยิ่งทางไกลใจหญิงยิ่งเรรวน
ยิ่งหลายคำย้ำล้วนป่วนดวงใจ

๐ เมื่อพี่ให้ใจน้องไปครองแล้ว
ย่อมเชื่อใจน้องแก้วใช่ใครไม่
เชื่อในสายสัมพันธ์อันโยงใย
ดังเงื่อนป่านสานใจไว้ใกล้กัน

๐ พี่ห่างไกลใจน้องต้องไม่กลัว
ห่างเพียงตัวหัวใจยังคงมั่น
วอนสายลมโบยคำพี่รำพัน
ให้นางนั้นกลั้นไห้ใจตรอมตรม

๐ เมื่อเจ้ายินคำพี่ที่โชยไป
ยามลมปลิวพลิ้วไหวดั่งใจสม
คลายเสียงนวลครวญไห้ในอารมณ์
วอนสายลมพรมใจน้องให้ผ่อนคลาย 

๐ สิ้นงานแล้วแก้วตาถึงคราหวน
ของพี่ซื้อเพื่อนวลจำนวนหลาย
พี่รู้เจ้าหวังเพียงพี่เคียงกาย
แต่เสียดายไกลบ้านมานานที

๐ ทั้งเงินงามตามเจ้าเคยเซ้าไว้
ครั้นก็หามาให้ด้วยใจพี่
เงินหลายอย่างสร้อยบ้างต่างหูมี
หวังคนดีสวมใส่ใจพี่ยา

๐ แก้วแหวนงามเจ้าเคยบ่นเปรยถึง
เป็นน้ำหนึ่งพี่สรรไปวันกว่า
ตรงไหนมีของดีเร้นพี่เฟ้นมา
หวังแก้วตาคงชื่นรื่นอารมณ์

๐ ส่วนเครื่องทองน้องพี่ก็มีให้
หวังสิ่งใดได้สิ่งนั้นพลันใจสม
เห็นโครงสวยด้วยพันเป็นฟั่นปม
ทั้งยังพรมด้วยมาลีสีสวยงาม

๐ ได้แพรไหมให้น้องมาสองผืน
ใส่กลางวันห่มกลางคืนครั้งเคยถาม
ทั้งยังจำคำเจ้าเฝ้าทำตาม
ต้องผ้างามงามตาราคาเยา

๐ ได้ของไปให้นางตามจำนวน
ถึงเพลาพี่หวนหานวลเจ้า
ครั้นแล้วใจใคร่คล้อยลอยเบาเบา
ด้วยยินดีที่สองเราใกล้เคล้าคลอ

๐ เมื่อหนทางห่างไกลใกล้ขึ้นมา
ด้วยบาทาเร่งก้าวยาวไม่ย่อ
ไม่เป็นเช่นครั้งห่างย่างแค่พอ-
ด้วยใจหนอรั้งเท้าไม่ก้าวไว

๐ แม้นใกล้ค่ำยิ่งย่ำย่างไม่ค้างแรม
ได้ครึ่งทางพลางยิ้มแย้มแซมหน้าได้
เพียงเพื่อหวนคืนนางที่ร้างไกล
ที่จำกลั้นน้ำตาไว้ไปเป็นเดือน

๐ ถึงเคหาฟ้าสางใกล้นางแล้ว
คอยเหลียวมองน้องแก้วแลเอ่ยเอื้อน
เจ้ามาลาพี่ยาหวนคืนเรือน
วอนเจ้าเคลื่อนกลอนบ้านให้ผ่านไป

๐ เสียงนางเลื่อนเคลื่อนกลอนให้ใจร้อนเร้า
คล้ายน้องเอาไฟเผาความเหงาให้
พอบานเผยเอ่ยชื่อหาพี่ยาใจ
น้ำตาพี่นี้ไหลด้วยยินดี

๐ ยื่นของให้นางยิ้มพิมพ์ไฉไล
เอาวางไว้นั่งใกล้ไออุ่นพี่
ความห่างไกลไร้สิ้น...สิ้นเสียที
พลางหอมปรางคนดีที่รอคอย

๐ กลิ่นแก้มเจ้าใครเขา ฤๅ แทนได้
มีหรือใครมาแทนได้แม้ปลายก้อย
แลผิวพรรณผ่องใสไร้ร่องรอย
จันทร์ยังด้อยกว่าเจ้าแม่เยาว์มาลย์

๐ ขอผ่อนเหนื่อยเมื่อยล้าค่อยว่าต่อ-
พี่วอนขอนางน้องร้องเพลงหวาน-
กล่อมพี่นอนจนฝันเหมือนวันวาน
พลางนงคราญนอนใกล้อย่าไกลเลย

๐ ยามนอนเคียงเรียงรายข้างกายพี่
เจ้ามาลียินไหมเสียงใจเอ๋ย
เจ้าห่างพี่เพียงวาแม่ทรามเชย
เสียงใจนั้นพลันนิ่งเลยลงทันใด

๐ ช่วยเพิ่มแรงแห่งใจให้เต้นอยู่
ห่างเพียงครู่พี่ยาทานไม่ไหว
ครั้งนี้หวนคืนเจ้าเหย้าเรือนใจ
เพื่อต่อไปไม่ห่างอย่างวันวาน

๐ ต่อแต่นี้ขอมีเพียงเราสอง
ที่ร่วมครองเรือนใจจนใครขาน
ตั้งแต่ร้างสร้างเป็นเช่นตำนาน
ด้วยหัวใจใกล้ปานสานสัมพันธ์				
20 กุมภาพันธ์ 2549 20:09 น.

. . . ไ ม่ สิ้ น รั ก . . .

กวีปกรณ์

ห ยิ บ รู ป ถ่ า ย ใ บ เ ก่ า ค รั้ ง เ ร า ส อ ง 
ค ง เ คี ย ง ค ร อ ง ป อ ง รั ก ไ ม่ ห่ า ง ห า ย
ฮั ม เ พ ล ง รั ก บ ท เ ก่ า เ ศ ร้ า เ ดี ย ว ด า ย
สิ้ น เ รื อ น ร่ า ง เ ธ อ ข้ า ง ก า ย ค ล้ า ย วั น ว า น 

น้ำ ต า ห ย า ด ริ น ไ ห ล ใ น ด ว ง จิ ต 
ซ่ อ น ก ล้ำ ก ลื น ฝื น ปิ ด ด้ ว ย เ พ ล ง ห ว า น
ท่ ว ง ทํ า น อ ง ป รั บ เ ป ลี่ ย น ไ ป ต ล อ ด ก า ล
แ ท ร ก ผ ส า น ด้ ว ย ส ะ อื้ น ห มื่ น ทํ า น อ ง

แ ม้ เ พ ล ง รั ก จั ก เ ป ลี่ ย น เ ป็ น เ พ ล ง เ ศ ร้ า
เ ปี่ ย ม ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม เ ห ง า อั น ห ม่ น ห ม อ ง
แ ต่ ยั ง ค ง ถั ก ถ้ อ ย พ ร่ำ ร้ อ ย ก ร อ ง
เ พี ย ง คํ า รั ก ที่ จั ก ร้ อ ง ป อ ง เ ธ อ ยิ น 

จ ะ จ า ก ไ ป ไ ก ล ต า ข อ บ ฟ้ า กั้ น 
ห รื อ อ ยู่ ใ ก ล้ ใ ค ร กั น. . . รั ก ทั้ ง สิ้ น 
ว อ น ส า ย ล ม โ บ ก บ ร ร เ ล ง เ พ ล ง โ บ ย บิ น
ใ ห้ รั บ รู้ ทั้ ง ชี วิ น . . .  ไ ม่ สิ้ น รั ก . . .
 				
20 กุมภาพันธ์ 2549 02:11 น.

...จงถนอมดวงใจให้เพียงรัก(แท้)...

กวีปกรณ์

สิ้นรักรส...มดนี้ยังหนีสิ้น
แม้นอ้อยตาลหวานลิ้นยังขื่นขม
เมื่อรักจากถากใจให้ตรอมตรม
พิษชำแรกแทรกอารมณ์ระทมนาน

น้ำต้มผักอันหวานเหมือนตาลอ้อย
รสอร่อยกร่อยจางห่างรสหวาน
จะทนฝืนกลืนกี่ครั้งชั่งทรมาน
ขมลิ้นปานบอระเพ็ดจำเข็ดไกล

ไม่นานนักรักกลับปลอมทำหอมหวาน
มายั่วยวนชวนสะท้านเกินต้านไหว
จากกำหลาบฝังจิตสนิทใจ
ก็ขวักไขว่ไล่คว้าหาลิ้มลอง

อีกครั้งแล้วแก้วกมลหลงกลรัก
โดนศรพิษฤทธิ์หนักปักเป็นหนอง
เจ็บไม่จำซ้ำรอยเดิมเริ่มพุพอง
น้ำตานองร้องไห้ใจระบม

ยามสมานจนคลายหายอักเสบ
กลับขอพรวอนเทพแสร้งเสพสม
เนรมิตลิขิตคู่ชู้อารมณ์
ลืมรอยร้าวคราวระทมอันตรมตรอม

สร้างบาดแผลแก่ใจไม่รู้จบ
เป็นรอยลึกมิอาจลบบำรุงซ่อม
เล่ห์รักร้ายอย่าเผลอตัวไปมัวมอม
จงอดออมถนอมใจให้เพียงรัก(แท้)
				
18 กุมภาพันธ์ 2549 13:53 น.

อัปสรสวรรค์

กวีปกรณ์

อดีตวันผันผ่านจนกาลนี้
ทุกราตรีมีเพียงเจ้าเฝ้าจิตฝัน
ยิ่งคืนงามอร่ามแจ้งแจ่มแสงจันทร์
กมลครั้นกระสันหาวัลย์ดารา

เพียงแลเหลียวดวงเนตรสังเกตพักตร์
พลันนึกรักภักติสิเน่หา
ทึกในจินต์นางคงหลงลงนภา
อัปสราแห่งสวรรค์จากชั้นใด

อยากสัมผัสปรางเจ้าเยาวมาลย์
แม่นงคราญมานพี่ยากจักทานไหว
แย้มสรวลนิดน้อยหน่อยเป็นไร
ช่วยหทัยพี่ชื่นรื่นฤดี

ส่งสวรรค์อันระส่ำดำฤษณา
จนอุษาพาสว่างบ่ห่างหนี
หมายอิงแอบแนบอุรายอดมาลี
มอบให้พี่นี้ได้รัก...จักเป็นบุญ

พี่จักคอยบอกคำดำรัสชอบ
และหมั่นมอบอ้อมอกกกกอดอุ่น
กระซิบรัก...ถักสายใยละไมละมุน
ยื่นลำแขนแทนนุ่นให้หนุนนอน

ร่วมเคียงมิตรชิดใกล้ไม่ไกลห่าง
จักพานางต่างสวรรค์บรรจถรณ์
ให้สมดั่งจากทิพคคนัมพร
สู่โลกหล้าเพียงบังอรนาครพิเชียร
				
15 กุมภาพันธ์ 2549 21:42 น.

คือ...ไม่แพ้

กวีปกรณ์

วันหนึ่ง คืนหนึ่ง ชั่วขณะ
ความฝันกำลังจะมาสู่
หนึ่งก้าว หนึ่งพลั้ง ยังสู้
หมายมุ่งบูรพาหาประจิม

ข้ามผืนแผ่นดินสินธุ์ชล
พานพบบ่วงกลปนลิ่ม
ฝ่าฟันผันผ่านลานดิน
จารจินต์จดไว้ในกมล

ไร้วันคืนใจจะยอมแพ้
ทอนใจให้อ่อนแอแม้สักหน
ธงใดไหนเลยจะเผยพ้น
เหนือศีรษะตน...ไม่มี

วันหนึ่ง คืนหนึ่ง ชั่วขณะ
หนึ่งฝันไร้วันขยำขยี้
หนึ่งก้าว หนึ่งพลั้งที่มี
คือบทเรียนให้ใจนี้ก้าวไป

นี่คือทางแห่งชีวิต
รอยฝันลิขิตพิสมัย
ตามล่าคว้าร่างทางไกล
เพื่อใกล้เส้นชัยสักวัน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์