30 มกราคม 2550 14:10 น.

สมัยนิยมสมาคมสงคราม

กวีปกรณ์

ตำราเรียนเพียรเสนอเธอศึกษา
ความรู้มากหลากวิชาช่วยกล่อมสอน
แบ่งมากมายหลายแผนกแยกหมวดตอน
ประสาทพรพรมปัญญาปัญหาคลาย

คณิตศาสตร์สอนคำนวณค่อยครวญคิด
สูตรพินิจเน้นพิเคราะห์ให้เหมาะหมาย
จึงค้นพบผลลัพธ์ลำดับปลาย
โจทย์ทั้งหลายจึงสำเร็จลุล่วงการ

วิทยาศาสตร์สั่งสมกระบวนแบบ
ฝึกความคิดยลแยบแยกแก่นสาร
หนึ่งเหตุหนึ่งผลทดลองทาน
ทบทวนกระบวนงานการประมวล

ภาษาศาสตร์ศิลป์ถ้อยช่วยร้อยเรื่อง
นรชาติปราดเปรื่องเครื่องครบถ้วน
วัฒนธรรมเทศคงคู่ควร
สรรค์สำนวนความรู้คู่โลกา

สังคมศาสตร์สรรค์สร้างสัมพันธ์สาน
ประสบการณ์เก่าก่อเกียรติควรศึกษา
เรื่องราวร้ายหมายมาดมุ่งคลาดคลา
ยื้อหยุดอย่าหยิบนำกระทำเลย

จริยศาสตร์ส่งเสริมสังคมศรี
เหตุชั่วดีสู่ผลปลายหมายเฉลย
สรรค์คนดีใช่คนเด่นเช่นคุ้นเคย
คุณธรรมใช่เอ่ยอ้างเพียงคำ

สรรพศาสตร์เสี้ยมสอนสิ่งสร้างสรรค์
นรชนชาติพันธุ์พ้นระส่ำ
เพื่อผ่านเภทภัยยากวิบากกรรม
ปัญญานำปัญหาห่างร้างทุกข์ทน

ปัจจุบันปัญหาคณานับ
ไยยากลับลบเลือนเหลือเกลื่อนกล่น
คล้ายศาสตร์ศิลป์เสื่อมคุณเจือจุนคน
สู่สังคมมากล้นความรุนแรง

กลายสมัยนิยมการรบพุ่ง
ระเบิดกรุงเผาโรงเรียนทุกหัวระแหง
ส่งเสริมศาสตร์ศิลปาการฆ่าแกง
ก่อกำแพงพรากสัมพันธ์จนบรรลัย

กรุณานับย้อนแต่ตอนต้น
บรรพชนเชื่อมสังคมนิยมสมัย
สรรค์ความรู้รอนความเขลาเผาโพยภัย
สิ้นสมัยสมาคมนิยมสงคราม				
17 มกราคม 2550 06:33 น.

...ม้านั่งน้อยยังคอยใคร

กวีปกรณ์

ม้านั่งน้อยคอยใครมาใช้นั่ง
ถูกวางตั้งตรงใต้ต้นไม้ใหญ่
อยู่ลำพังเพียงตนอย่างจนใจ
ขอสักคนแค่ใครคอยข้างเคียง

แท้ที่จริงจำนวนคนล้วนมาก
ทั้งหญิงชายหลายหลากเพื่อหลบเลี่ยง-
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยนักพักพอเพียง
เช้าสายเที่ยงบ่ายเย็นไม่เว้นวัน

ม้านั่งพร่ำเพรียกพร้องยังร้องเรียก
"ใครสำเนียกนึกได้เข้าใจฉัน
มานั่งคู่เคียงข้างไม่ห่างกัน
เห็นคุณค่าความสำคัญ...แค่สักคน"  

ใช่เพียงเจอเพื่อจากพรากเพื่อพบ
วนเวียนอยู่มิรู้จบแม้สักหน
ต้นไม้ใหญ่ยืนข้างพลางผ่อนปรน-
กล่าวกลับไป "งานแห่งตนจงทนทำ...

...มิตรไมตรีไม้มีให้ไยไม่เห็น
มิได้เร้นหลบซ่อนหรือเพียงพร่ำ
คงยืนคู่อยู่เคียงเลี่ยงฝนพรำ
กำบังแดดแผดกล้ำกร่อนทำลาย

คุณค่าเจ้าเอาไว้ใช้เพียงนั่ง
ในบางคราวบางครั้งหรือทั้งหลาย
เขาเหนื่อยหนักพักร้อนผ่อนใจกาย
ครั้นคลี่คลายคืนแรงและรื่นรมย์

ทุกสิ่งสรรพ์พันล้านบนลานกว้าง
ล้วนสรรค์สร้างด้วยพิเคราะห์ควรเหมาะสม
เพื่อประโยชน์การใด...อย่าได้ตรม
ตั้งไตร่ตรองมองชมชอบตนเอง"

เมื่อยินถ้อยร้อยเรียงสำเนียงแก้ว
ต้นไม้แผ่วกระซิบปลุกใจเร่ง
ม้านั่งน้อยครื้นครึกนึกบรรเลง
นิ่งครวญเพลงหน้าที่ยินดีทำ

อีกทั้งถ้อยรำพันที่ลั่นไว้
หวังมีใครเคียงกายคลายเหงากล้ำ
ยังมีหนึ่งไม้ใหญ่ยืนร่ายรำ
ร้องระบำเคียงข้างไม่ห่างไกล
				
12 มกราคม 2550 05:01 น.

รักร้าวยิ่งหนาวคราวเหมันต์

กวีปกรณ์

คืนหนาวคราวเหมันต์พานผันผ่าน
หนาวเนิ่นนานกว่าก่อนกอดกายไหว
คว้าผ้าผวยคลุมได้แต่ขาดใจ
แล้วสิ่งใดผ่อนผันเหมันต์มาน

ยิ่งเดือนมืดไม่เห็นซ่อนเร้นร่าง
เพียงดาวพร่างพราวไสวฟ้าไพศาล
หรือจันทร์เจ้าแหลกลับดับสิ้นกาล
ดั่งดวงรักร้าวรานยากทานทน

ยามกายสั่นทรวงในยิ่งไหวหวาม
ช้ำ ปวดปร่า ไถ่ถามเป็นล้านหน
คืนหนาวหนักทักทายหมายวายชนม์
น้ำตาหล่นรินไหนจากนัยนา

รักเอ๋ยรักร้าว
ขอสักครั้งสักคราวเห็นใจข้า
คราวเหมันต์เยือนย่ำย้ำทุกครา-
ขอเจ้าอย่าเยี่ยมเยียนแวะเวียนจินตน์

ยามลมลวงเล่ห์ร้ายคลายหน็บหนาว
ตะวันผ่าวแผดร้อนผ่อนหนาวสิ้น
ค่อยมาพบพร้องเพรียกเรียกให้ยิน
จักมาบิ่นบาดใจทนไหวเอย				
7 มกราคม 2550 17:54 น.

ยินดี

กวีปกรณ์

ได้รับบัตรเชิญชวนมาสรวลเส
ร่วมสังสรรค์ฮาเฮเวลาค่ำ
เป็นสักขีศรีพยานรักบานฉ่ำ
ลายมือนั้นยังจำน้ำคำใคร

ข้อความเขียนเทียนคัดบรรทัดถ้อย
เพียงนิดหน่อยหนึ่งนานที่ถามไถ่
คนสนิทมิตรสหายที่ใกล้ไกล
ร่วมรื่นร่มเริงใจในงานวิวาห์

เลิกวันนัดพิมพ์ใส่สร้อยดอกรัก
 สิบมกราฯไม่นานนักนับวันหน้า
อีกสามวันพลันพุธใกล้เข้ามา
ใจยินดีปรีดาน้ำตานอง

ตัดสินใจร่วมงานวันหวานชื่น
หวังสาวเจ้ายิ้มรื่นรักสนอง
มีเจ้าบ่าวเคียงใกล้ดั่งใจปอง
ภาพทั้งสองร่วมเรียงชิดเคียงกาย

เตรียมชุดไว้ไปร่วมรื่นภิรมย์
สมาคมคนสนิทมิตรสหาย
น้ำนองสองตามาทักทาย
ตั้งแต่ครั้งรักสลายเมื่อปลายปี

คงขอบคุณคนดีที่คิดถึง
เพียงคนหนึ่งในรอยจินต์จวบวันนี้
วันที่เธอมีคนรักร่วมภักดี
ขอสุขสันต์เปรมปรีดิ์ศรีวิวาห์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์