30 พฤศจิกายน 2555 16:10 น.

อาศิรวาท: สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

กวีปกรณ์

เบญจาธันวดิเรกเฉลิมอดุลย์เดช
เทอดจอมนราเรศ.............บดินทร์
ข้าฯขอกรานสดุดีพระเกียรติสุรนรินทร์
เทอดไท้พระองค์อินทร์-	....ธิราชย์
สองหัตถ์ทรงบริบาลประชาบุรณชาติ
เสริมสรรพศิลป์ศาสตร์......ประชา
สองบาททรงลุเสด็จผไทพิพฒนา
เปี่ยมล้นพระเมตตา..........กรุณ
โอวาทวิทยเจิดจรัสสุริยชุณห์
พอเพียงสิค้ำจุน................จรูญ
ขอจงทรงสุเกษมสราญพลพิบูลย์
กรองฉันทลักษณ์ทูล..........ถวาย
ทุกการณ์ทรงลุประสงค์พระกรณิยหมาย
สมบูรณ์ศุภางค์กาย...........เจริญ
น้อมอาราธนองคพุทธคุณเชอญ
ทีฆายุโกเทอญ.................ทวี

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯ ข้าพระพุทธเจ้า
นายเอกชล  ดุลณกิจ (กวีปกรณ์) 
และสมาชิกบ้านกลอนไทย
				
30 พฤศจิกายน 2555 09:51 น.

เส้นสายความทรงจำ

กวีปกรณ์

 ปุยเมฆหมอกลอยเยือนเคลื่อนคลอเคล้า
ปลุกภาพแห่งวันเก่าให้ลุกตื่น
แม้เนิ่นนานกาลผันผ่านวันคืน
บรรยากาศปลุกฟื้นรื้อวานวัน

แม้คอนกรีตตึกสูงไร้ยูงทอง
ไร้ทิวเขาคาดคล้องลำธารสั้น
ช่างแตกต่างจากผืนพนาพรรณ
แต่ความคิดถึงนั้นพอบรรเทา

ลายละเอียดเอ่ยอ้างอย่างมากมาย
บางทรงจำหนีหายผลัดกันเล่า
เพียงสายเมฆกลายหมอกมาหยอกเย้า
หรืออาจเป็นความเหงาเข้าทักทาย

เราไม่อาจหยุดวันให้ผันผ่าน
ในทุกฤดูกาลมากความหมาย
อาจเป็นความคิดถึงที่ทักทาย
ก่อนซีดจางจนหายจากทรงจำ

เรายังหลับและตื่นฟื้นวันใหม่
ดอกไม้บานผลัดใบให้ดื่มด่ำ
ต่างภาระรับผิดชอบใครมอบทำ
กลับทุกยามงามล้ำกำลังใจ

จวบมาจนวันนี้กี่ปีผ่าน
จนวสันต์สิ้นกาลสู่วารใหม่
อาจคิมหันต์หอบหิ้วปลิวดอกใบ
ความทรงจำหวามไหวให้หลงลืม

หากหัวใจเราคงคิดถึงกัน
ผลัดเล่าขวัญเรื่องราวคราวปลาบปลื้ม
เสียงหัวเราะเปื้อนยิ้มให้หยิบยืม
ต่างยกความทรงจำขึ้นดื่ม...ยากลืมเลือน
				
22 พฤศจิกายน 2555 18:36 น.

แด่พุทธรักษ์

กวีปกรณ์

สุดโศกเศร้าโศกกาแสนอาดูร
ซากดอกไม้ป่าปูนกองพูนเพิ่ม
เหลือเพียงเศษความช้ำคอยซ้ำเติม
ท่ามกลางความฮึกเหิมทรชน

ช่อดาวเรืองเคยเหลืองเรืองอร่าม
พุทธรักษ์เคยงามทุกแห่งหน
วัชพืชรานเกลือกกลั้วทั่วตำบล
ประกาศกร้าวแผ่นดินตนไม่สนใคร

ทั้งหญ้าแฝกหญ้าแพรกรุมแดกดิน
สูบสายสินธุ์เจ้าพระยาข้าเป็นใหญ่
สนามหลวงสวนลุมฯ ทุกลุ่มใด
จ่ายจัดสรรแบ่งไปตามใจตัว

ก่อนแผ่นดินผืนเดิมจะเทิ้มสั่น
พลิกหน้าดินกลบมันเสียถ้วนทั่ว
ขุดรากหญ้าฝ้าฟางให้ควายวัว
แบ่งหมักปุ๋ยหว่านทั่วทั้งแผ่นดิน

แล้วดาวเรืองจึงเหลืองแลเรืองรอง
เสียงแซ่ซร้องพุทธรักษ์มิพักสิ้น
สุพรรณหงส์ทรงประทับเย้ยนาคิน
ท่ามสายกระแสสินธุ์เจ้าพระยา
				
22 พฤศจิกายน 2555 00:54 น.

สมรภูมิ

กวีปกรณ์

ท่ามกลางสมรภูมิเลือด
ศีลธรรมแทบเหือดแห้งหาย
ตึกรามอาคารร้างว้างวอดวาย
หมาแมวต่างหนีตายหมายรอดตัว

วัดวาวังเวงแม้เพลงสวด
สถานีไร้ตำรวจออกตรวจทั่ว
อาชญากรสงครามไม่คร้ามกลัว
ท่ามราตรีมืดมัวทั่วแสงเพลิง

ดอกไม้แห้งตายกลายเพียงซาก
สันติภาพแห้งผากยากเถลิง
เสียงจังหวะปืนก้องร้องระเริง
ขวัญเอยขวัญกระเจิงบันเทิงใจ

เหลียวหน้าแลหลังพรั่งศัตรู
บ้านเมืองถิ่นกูให้อยู่ไหน
อนาคตหมดสิ้นเสียเท่าไร
กอดคอกันร้องไห้แค่ไหนพอ

แบ่งชาติแบ่งเชื้อความเชื่อต่าง
เคยสังคมกลายสงครามน่าหัวร่อ
ประวัติศาสตร์เขียนไว้เป็นหลักตอ
แสร้งตัดพ้อเห็นค่ายังฆ่าฟัน

หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองหากกองรวม
เฉกธารใสไหลร่วมกลายเลือดพรั่น
สามัคคีเข่นคร่าบูชายัญ
ชาติอาสัญเสียหายกลายเพียงนาม
				
21 พฤศจิกายน 2555 19:48 น.

เรา

กวีปกรณ์

เรายังเป็นเช่นเราดังเก่าก่อน
เกิดเจ็บตายล้มนอนใต้ก้อนหิน
ความโศกศัลย์สำราญบนลานจินต์
หวังสักวันร้างสิ้นอจินไตย

เรายังเยาว์สุขเศร้าอย่างเขลาโง่
กว่าเติบโตอ่อนแอแลร้องไห้
ทุกเรื่องราวผ่านพ้นทุกข์ทนใด
จึงเรียนรู้ควรละไว้และเว้นวาง

เรายังเกิดเจ็บตายว่ายวังวน
ต่างสับสนทนทุกข์หวังสุขสร้าง
บ้างบ้าใบอับจนหมดหนทาง
ความเชื่อถูกล้มล้างจางจากจินต์

ยามทุกข์เศร้าเสียใจด้วยไหวหวั่น
หวังสักวันสุขศานต์รานทุกข์สิ้น
หลงในรักรสรูปยามสูบกิน
กว่ารู้ตื่นก็ดับดิ้นสิ้นสำราญ

เรายังเกิดคนเดียวตายคนเดียว
ยังชีพด้วยเก็บเกี่ยวการณ์ที่ผ่าน
สอนตนให้รู้ตื่นรู้เบิกบาน
รอดพ้นจากภัยพาลแม้กาลใด

เรายังเชื่อยังหวังยังศรัทธา
จนกว่าแสงแววตาจะหาไม่
เมื่อเธอทุกข์จงทุกข์อย่างสุขใจ
ครั้นเมื่อสุขคราใดด้วยปัญญา

เรายังเป็นเช่นเราดังเก่าก่อน
เรารุ่มร้อนด้วยไฟปรารถนา
เราคิดเห็นคิดต่างบ้างบางครา
เราพลาดพลั้งสักกี่คราอย่าปราชัย
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์