5 ตุลาคม 2549 20:20 น.

คำว่า มีค่า กับ ความสุข มันมาคู่กันแน่หรอ ?

ardin

" คนที่มีอนาคต คือ คนที่มีงานการดีดีรองรับ "

ด้วยความเชื่ออย่างงี้ ที่สั่งสมมา ทำให้ฉันตัดสินใจใช้ชีวิต ให้มีค่าด้วนการเลือกเส้นทางชีวิตในถนนที่จะเดินไปสู่งานที่ดีดี ที่เป็นที่ยอมรับของทุกๆคน 

ใครหลายๆคนที่มักจะแนะนำฉัน เมื่อฉันไปปรึกษาเรื่องเลือกที่เรียน ว่า เอาเถอะ ก็เลือกที่เราชอบไง เลือกที่เรารักจะเรียน เลือกที่เราเรียนแล้วจะมีความสุข 

ฉันก็เข้าใจในความหมายของมันหรอกนะ แล้วฉันก็เคยให้คำแนะนำอย่างนี้กับหลายคนมาแล้ว แต่ทำไมพอมันมาถึงเรื่องที่เราต้องเลือกจริงๆ กลับไม่ง่ายนักเลยละ 

ความชอบ มักจะไม่เคยแปรผันตามความจริงที่เป็นอยู่เอาซะเลย 

เมื่อตอนเด็กๆ ก็มีแต่คนคอยบอกฉันทุกๆวันว่า ต้องตั้งใจเรียน เรียนเก่งๆ แล้วพ่อแม่ก็จะดีใจ โตขึ้นก็จะดี  ฉันจึงเห็นการเรียนสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆมาตลอด 

ฉันไม่เคยได้ไปเรียนพวกกิจกรรมเสริมอะไรอย่างเพื่อนๆ ที่มีเล่นเปียโน เทควันโด้ หรือวาดภาพ เพราะเสาร์อาทิตย์ คือการเรียนพิเศษเสริมบทเรียนล่วงหน้า แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก กลับคิดว่าก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะเราก็ไม่สนใจเรื่องเล่นๆพวกนั้นอยู่แล้วเอาเวลาไปเรียนพิเศษก็ดีแล้ว 

พอเริ่มขึ้นมัธยมก็ต้องเริ่มเลือกสายที่จะเรียน ซึ่งก็แน่นอนว่า สิ่งที่ดีที่สุดตอนนั้นคือ สายวิทย์ เพราะฉันก็ไม่ชอบศิลปะอะไรหรอก เนื่องจากไม่เคยมีแววว่าจะวาดอะไรได้เป็นรูปเป็นร่างเลย แต่มานั่งคิดอีกที ฉันก็ไม่เคยชอบวิทยาศาสตร์ไปมากกว่าศิลปะสักหน่อย 

แต่เมื่อเลือกแล้วว่าจะเรียนวิทย์ก็เอา แล้วฉันก็ไม่ได้ทำมันแย่สักหน่อย เมื่อเรียนมาทางสายนี้ ก็มีแต่คนชม มีแต่คนเห็นด้วยกับมันทั้งนั้น ผู้ใหญ่หลายๆคนก็บอกกับฉันอีกว่า 

ดีแล้ว เรียนสายวิทย์ จะได้เลือกเรียนต่อได้หลายๆอย่าง 
ดีแล้ว เรียนทางนี้งานการอนาคตก้าวหน้า และมั่นคง 
เก่งจัง เรียนทางด้านนี้ 
อะไรอีกต่างๆมากมาย จนฉันคิดว่าฉันเริ่มพอใจกับมันจริงๆและตัดสินใจไม่ผิด  

เมื่อจบม.ปลายสายวิทย์ล้วนๆ แล้ว ทำให้เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ชอบกับไม่ชอบ ได้มากขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่เคยรู้เลยว่า อะไรคือสิ่งที่ฉันชอบจริงๆ และอยากทำมันจริงๆ เคยมีใครสักคนที่บอกฉันว่า 

"ถ้าในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร ก็ลองเลือกทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดไปเรื่อยๆสิ"

ฉันจึงเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด เท่าที่ฉันจะคว้ามาได้ 

แต่ฉันก็เพิ่งค้นพบความจริงอีกข้อของตัวเอง ว่า

"ถ้าเราไม่เคยลองไปสัมผัสมันจริงๆ ต้องจับ ต้องทนกับมันจริงๆ ก็ไม่เคยรู้หรอก ว่าชอบ หรือไม่ชอบ" 

นี่คงเป็นความผิดของชีวิตฉันทุกครั้งที่รู้สึกได้ เพราะเป็นอย่างงี้ เมื่อได้ลองเรียนลองอยู่กับมันนานๆ จนรู้สึกว่าไม่ใช่ ฉันถึงจะเพิ่งรู้ตัว และมันก็อาจจะสายเกินไป เพราะฉันเลือกเดินเข้าแล้ว ฉันเคยคิดว่าทำไมไม่ลองกลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาอีก ว่าถ้ามัวแต่กลับไปเริ่มต้นใหม่อย่างงี้ทุกๆอย่าง วนไปวนมา เริ่มต้นด้วยความไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ แล้วก็จบลงด้วยที่ว่าทนไม่ไหวแล้ว ขอเคลียร์แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ อย่างงี้นะหรอ ชีวิตเรา 

ไม่ละ คราวนี้ฉันอยากจะลองสู้ให้มันเดินไปถึงเส้นชัยกับเขาบ้าง 

ทุกครั้งฉันถูกสอนให้ท่องไว้เสมอว่า 

"ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" 

แต่วันนี้ฉันชักเริ่มสงสัยแล้วว่า 

"งานที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่วัดคุณค่าของคน ทำให้เรามีความสุขได้จริงๆหรอ ?"				
19 กรกฎาคม 2549 18:00 น.

LIVE & LEARN

ardin

ความจริง = ความสุข + ความทุกข์ 
สมการนี้คงเป็นจริงตลอดในความรู้สึกของฉัน แต่ความหมายของมันไม่เคยซ้ำกันสักวัน เพราะแม้ว่าความจริงจะต้องประกอบด้วยสองสิ่งนี้ แต่สัดส่วนของสองสิ่งนี้ไม่เคยเท่ากันเลย และไม่เคยซ้ำกันเลยในแต่ละวัน
อยู่ที่ตัวฉันเอง ใจฉันเองนั้นแหละ จะมาเป็นตัวกำหนด ว่าฉันอยากได้สิ่งไหนมากกว่ากัน 
ตาชั่งของชีวิตฉัน วันนี้อยากจะเอียงไปข้างไหน ก็อยู่ที่ฉันนั้นแหละที่จะหยิบอะไรใส่ลงไปในตาชั่งนั้น

ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ และอยากให้มีแต่ความสุขในชีวิต แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีใครทำเช่นนั้นได้ 
เพราะธรรมชาติหรือจะพระเจ้าที่สร้างคนเราขึ้นมา 
เกิดอิจฉาและอยากเล่นสนุก อยากทดสอบเรา
ในทุกๆวันมีเหตุการณ์มากมายที่ถูกสร้างขึ้นให้เกี่ยวเนื่องกับชีวิตเรา ดึงให้เราไปอยู่กับความทุกข์ ทั้งๆที่เราก็พยายามฝืนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนกำลังวังชาของมันช่างมีมากมายมหาศาลเสียจริงๆ ยิ่งพอเราเผลอไปกับมันด้วยแล้วละก็ มันจะเหมือนกับดูดพลังแห่งการมีความสุขของเราไปอีก แล้วนี่เราจะต้านมันไหวหรือ 

..ไหวซิ ..อยู่ที่เรียนรู้ ไง ไม่ใช่แค่โรงเรียนที่เราจะไปเรียนรู้ แต่ชีวิตเรานี้แหละ ลองมาเรียนรู้ชีวิตกัน 
ไม่ว่าจะทำอะไร เดินไปไหน ทุกสิ่งมันมีสิ่งที่แฝงอยู่ภายในทั้งสิ้น เก็บสิ่งเหล่านั้นมาเรียนรู้ 
บางที สิ่งที่เราเห็นว่าไร้สาระที่สุด อาจจะทำให้เราพบ หนทางที่จะใส่ของลงในตาชั่งด้านความสุขเพิ่มขึ้นก็ได้ 


 แค่นี้แหละ ถ้าเราสามารถตอบตัวเองได้ว่า เราสู้มันได้ เราไหวอยู่ 
แค่นี้ ถ้าเราเชื่อว่า เราทำได้ ก็จงทำมันให้ดีที่สุด				
12 กรกฎาคม 2549 20:43 น.

ความจริงของคนที่เป็น...ฐาน

ardin

ในการเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้นั้นก็จำเป็นที่ต้องมีการทดสอบ 

และในหนึ่งคณะ หรือ หนึ่งวิชาที่เรียนก็ไม่ใช้เราเรียนคนเดียว(แน่ละเพราะมนุษย์อยู่อย่างสัตว์สังคม)

ดังนั้น การประเมินการทดสอบแต่ละครั้งก็จำเป็นต้องมีการแบ่งเขตการประเมิน เพื่อจัดลำดับชั้น(ไหนเค้าว่า คนเราเท่าเทียมกันไง)

ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด ก็คือการเรียงลำดับ และแบ่งกลุ่มคนออกเป็นสองกลุ่ม
โดยใช้ สิ่งที่เรียกว่า 'มีน'  หรือ ค่าเฉลี่ย นั้นเอง 

ซึ่ง มีน ก็หาได้โดย การนำคะแนนทุกคนมารวมกัน แล้วหารด้วยจำนวนคนทั้งหมด 

ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม จำนวนคนมันก็เยอะ จากที่เคยเรียนเลขมา ตัวหารเยอะๆ จะทำให้ค่าที่ได้ออกมาน้อยลง

แต่สงสัยว่า จำนวนคนที่ว่าเยอะนั้นมันยังแพ้คะแนนรวม (ที่ไม่น่าเชื่อว่าที่เห็นสูงนั้นจะมีคะแนนของเราเป็นส่วนประกอบ)  

เมื่อได้ค่ามีน ออกมาแล้วเราก็จะได้คนออกมา 2 จำพวก 

คือ คนที่อยู่เหนือมีน กับคนที่อยู่ใต้มีน 

ดูเหมือนไม่ต่างกันอะไรนัก  

แต่ผลที่ได้มันฟ้องถึงการกระทำ  


กลุ่มคนที่อยู่ใต้มีน หรือที่นิยมเรียกกันว่าฐาน 

เป็นกลุ่มคนที่มีความเสียสละ ให้เพื่อนผู้อยากไต่เต้า เหยียบขึ้นไป

เป็นกลุ่มคนผู้น่าได้รับการสรรเสริญ ว่าแข็งแรง มั่นคงในความเป็นฐาน

เบื้องหลังของที่มาในความเป็นฐานนั้นมีมากมาย 

ทุกๆปัจจัยไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในหรือภายนอกที่ทำให้คะแนนสอบออกมาต่ำกว่าคนส่วนมาก

และเหล่านี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือเหตุการณ์จริงแต่ประการใดทั้งสิ้น 

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "เฮ้ย บ่ายนี้ว่างแล้ว ไปดูหนังกันเหอะ แก้เครียด เมื่อเช้าเรียนไม่รู้เรื่องเลย"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "รีบกลับบ้าน ไปแกะเทปอาจารย์ดีกว่า เมื่อเช้าเรียนไม่รู้เรื่องเลย"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "เมื่อวานดูละคร...หรือป่าว พี่แอน(นามสมมุติ)น่ารักเนอะ เข้าใจความรู้สึกคนท้องเลย"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "เมื่อวานดูสไลด์อาจารย์...พอเห็นรูปแล้ว เข้าใจที่เรียนไปขึ้นเยอะเลย "

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "หาวว...ง่วงจัง เมื่อคืนดูบอลดึกอ่ะ ของีบในคาบนี้ละกัน"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "หาวว...ง่วงจัง เมื่อคืนอยู่หาข้อมูลเตรียมพรีเซ็นต์ดึก เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยกลับไปนอนคืนนี้เร็วหน่อย"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "พี่ๆ คอมฯเครื่องนี้ว่างป่าว ... เล่นเกมนิดนึงละกาน"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "พี่ๆ คอมฯเครื่องนี้ว่างป่าว ... จะหาข้อมูล case study"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "ทำข้อสอบไม่ทันเลย อ.ออกข้อยังไงฟะ ยากโคตร!!"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "ว้า ... เว้นไปตั้งข้อนึง เสียดายแต่อ.ออกข้อสอบเก่งเนอะ"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "แกะเทปเสร็จยังอ่ะ ที่จะสอบคราวนี้ ขอยืมไปซีร้อกนะ"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "แกะเทปเองดีกว่า จะได้เข้าใจและฟังทบทวนที่เรียน"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "ข้อมูลยังไม่ครบเลย จะต้องใช้พรุ่งนี้แล้ว ...ไปหาแถวร้านซีร็อกละกาน"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "ข้อมูลยังไม่ครบเลย จะต้องใช้พรุ่งนี้แล้ว ... ไปหาที่ห้องสมุดดีกว่า"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "ดีนะมีเครื่องเล่นMP3 เวลารถติด จะได้ฟังเพลง ไม่น่าเบื่อ"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "ดีนะมีเครื่องเล่นMP3 เวลารถติด จะได้ฟัง เลคเชอร์อ.ทวนไปได้"

---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "มีเนื้อหาภาษาไทยมั้ยอ่ะ อังกฤษเอาไปก็ไม่ได้อ่าน ซีแต่ชุดที่เป็นภาษาไทยก็พอ"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "ซีร็อกภาษาอังกฤษก็ได้ ซีจาก text ข้อมูลครบดี อ้างอิงน่าเชื่อถือกว่า"


---

คนที่ยืนยันในความเป็นฐาน : "สอบวันจันทร์ ทำไมให้เวลาแค่เสาร์ อาทิตย์แล้วใครจะไปอ่านทัน"

คนที่เหยียบอยู่เหนือมีน : "สอบวันจันทร์ ดีนะที่แกะเทปอ.ไว้ก่อนแล้ว เหลือแค่อ่านทวนนิดหน่อย"

----

ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องสมมติ(สมมติ...ว่าไม่เกิดขึ้นจริง) 

แต่ถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า มีน ก็ไม่ใช่สิ่งสูงสุดในการแบ่งแยกคนหรอก 

เพราะการจะเป็น หรือไม่เป็นแบบไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง (หรือที่เค้าบอกว่า ทำตัวเอง)

ดังนั้น ถ้าอยากจะเป็นแบบไหน มีชีวิตยังไง อยู่เหนือมีน หรือเป็นฐาน มันก็ขึ้นอยู่กับใจเราเอง


บางคนก็อยากมีความสุขจากความสะดวกสบาย

แต่อีกหลายๆคนก็อยากมีความสุขจากความยากลำบาก
...
..
.
เพราะความสุขของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน 


ชีวิตเราเกิดมาครั้งเดียว ก็ขึ้นกับเราแล้วละ ว่าจะใช้มันให้มีความสุขยังไง ...				
8 พฤษภาคม 2549 16:24 น.

ความรักเป็นของคุณ

ardin


..ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์

คำกล่าวยอดนิยมนี้ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า มันเป็นจริงหรือเท็จเช่นใด
เพราะความรักของแต่ละคน ก็ย่อมแตกต่างกันไป 
ไม่มีใครจะมีความรักแล้วจะมีแต่ความทุกข์ไปได้
และก็เช่นกัน ไม่มีใครที่มีจะมีรักแล้วจะพบแต่ความสุขทุกๆวัน

เมื่อความรักเป็นอะไรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างนี้
คนที่มีรักหลายๆคนก็มักจะเกิด...ความกลัว
บางคนกลัวตั้งแต่ยังไม่ทันได้มีรักซะด้วยซ้ำ
กลัวว่าเขาคนนั้นจะดีจริงไหม? 
กลัวว่าช่วงเวลาแห่งความสุขจะอยู่อีกนานแค่ไหน?
กลัวสิ่งต่างๆที่มันยังไม่เกิดขึ้น กังวลไปล่วงหน้า คิดไปก่อนแล้ว
การทำเช่นนั้นไม่มีอะไรดีเลย ความกลัวจะมาบั่นทอนความมั่นใจ
และความกลัวก็จะมาทำลายความเข้มแข็งในความรักของเรา

ความรักไม่มีอะไรต้องกลัว 
แค่เราดำเนินมันไปเรื่อยๆด้วยความเชื่อใจ ในคนสองคน
ถ้าไม่เชื่อมั่นซะแล้ว เราจะกล้า ก้าวเข้าไปหาความรักได้ยังไง
อย่าให้ความกลัว มาเป็นมือที่สามที่จะแทรกแซงในความรักของคุณได้เลย
เพราะ....ความรักเป็นของคุณ

				
10 มีนาคม 2549 18:14 น.

เป็นเด็กก็อยากโต..โตแล้วอยากเป็นเด็ก

ardin

เด็กอยากโต...

นี่เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก
เดี๋ยวโตแล้วก็รู้เองละ เป็นเด็กเป็นเล็กถามมาก
เครื่องเล่นนี้สำหรับเด็กสูงกว่า 140 ซม.
สถานที่นี้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ฯลฯ
เหล่านี้คงเป็นเหตุผลของเด็กหลายๆคนที่ ทำให้อยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ 
เป็นเด็กนี่ทำไมช่างยากนัก จะมีใครเข้าใจความทุกข์ของเราบ้างมั้ยน้า  
ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อรีบไปโรงเรียน ฟังคุณครูสอนหนังสือ 
ซึ่งโดยมากก็มักจะบ่นอะไรนอกตำราเรียนเสมอๆ 
ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่า การแต่งกาย กับทรงผมนี่ จะเป็นปัญหาอะไรมากกับการเรียน ดีหน่อยก็ตอนพักกลางวันที่ยังมีเพื่อนๆ คอยชวนไปเล่น 
แต่พอกลับบ้านก็ต้องโดนบังคับให้รีบทำการบ้าน 
แถมดึกๆ จะดูละครก็ไม่ได้ เพราะเด็กดีต้องรีบให้เข้านอนแต่หัวค่ำ  
ชีวิตนี้อยากโตเร็วๆ ให้พ้นจากกฏเกณฑ์อะไรที่มันมากมายเสียจริงๆ

ผู้ใหญ่อยากเป็นเด็ก...

โอ้ย พรุ่งนี้ต้องมีประชุมฝ่าย ยังไม่ได้เตรียมงานเลย
เฮ้อ จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกแล้วหรือเนี่ย
ไหนจะค่าเครดิตการ์ดของเดือนก่อนอีก ใช้อะไรไปบ้างเนี่ย เยอะจริงๆ
ทำไมเขาต้องทิ้งเราด้วยเหตุผลที่เขาว่าเราดีเกินไปด้วยเนี่ย
ฯลฯ
เหล่านี้คงเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่หลายๆคนที่ ทำให้อยากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง 
เป็นผู้ใหญ่นี่เหนื่อยจริงๆ ไม่เหมือนสมัยเด็ก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย 
วันๆก็เอาแต่วิ่งเล่นสนุกไปเรื่อยเปื่อย กับแค่เรียนหนังสือเท่านั้น ช่างสบายจริงๆ
ต่างกับเรา ...โอ้ย ตื่นเช้านี้ปวดหัวจริงๆ 
เมื่อวานเล่นปั่นงานเตรียมประชุมเช้านี้ซะเกือบสว่าง  
ออกมาผจญกับการจราจรที่ติดขัดในเมืองหลวง 
ขับปาดกันไปปาดกันมา 
แถมตกลงลูกค้าเบี้ยวนัดยกเลิกประชุม 
งานที่ทำมา หัวหน้าเอาไปดูแล้วก็สั่งๆๆมาให้แก้นู้นแก้นี่ ไม่ถูกใจสักอย่าง มาทำเองดีกว่าม้าง ?? คืนนี้ต้องอยู่ทำโออีก แล้วฉันจะได้นอนเมื่อไหร่กันเนี่ย 


 ทุกคนมักมองเห็นแต่ความทุกข์ของตัวเอง 
หลังจากที่มองชีวิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้วฉันก็คิดถึงสิ่งนี้ขึ้นมา 
ทุกๆคนมักจะเห็นในความสำคัญของตัวเอง ฉันต้องเด่น ต้องเลิศ ที่สุด 
คนอื่นๆจะเป็นยังไงฉันไม่รู้
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ผิดหรอกนะ ฉันก็เป็นอย่างนั้น ใครๆก็เป็นอย่างนั้น 
ถูกต้องแล้ว
ถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วจะให้ใครมารักละ 
แต่การรักตัวเองก็ต้องมีกรอบ กรอบที่ว่าก็คือ
รักตัวเองได้ แต่อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น
รักตัวเองได้ แต่ก็จงมีความรักมอบให้ผู้อื่นด้วย
 แค่นี้ฉันว่าก็เพียงพอแล้วละ

ส่วนความทุกข์ ฉันว่ามันเกิดขึ้นได้กับทุกคน 
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองทุกข์ของตัวเองเป็นแบบไหน
ซึ่งโดยส่วนมาก เราเองมักจะมองความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองยิ่งใหญ่กว่าของคนอื่นเสมอ 
ทั้งๆที่มันอาจจะเท่ากันหรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ 
ลองหันมามองว่าทุกข์มันก็คือทุกข์เหมือนกันนั้นแหละ 
หรือเราคิดไปอีกว่าทุกข์ของเราก็เหมือนเกมส์ที่เคยเล่นสมัยเด็กๆไง 
มีตัวหัวหน้าให้ฝ่าด่าน ไปช่วยเจ้าหญิงให้ได้ 
สนุกกับการแก้ปัญหาที่ยากๆท้าทายและสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต 

ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เราก็ต้องผ่าน เราก็ต้องเจอในสักวัน 
ธรรมชาติได้จัดเวลามาให้เราเจอกับวัยต่างๆได้อย่างเหมาะสมแล้ว

เป็นเด็ก พอมีอะไรที่เสียใจ โดนลงโทษ ก็อยากจะรีบโต  เพื่อให้พ้นจากชีวิตที่โดนพ่อแม่ คุณครูบังคับ

เป็นผู้ใหญ่ พอได้ผ่านช่วงเวลามามาก เวลาเหนื่อยก็ดึงเอาความทรงจำในครั้งวัยเยาว์มาเป็นพลังในการสู้ไปกับชีวิตทำงานในแต่ละวัน 

ถ้าให้เลือกได้คงไม่มีผู้ใหญ่คนไหนอยากเลือกกลับไปเป็นเด็กจริงๆหรอก เพราะเกมที่เขาเคยฝ่าด่านมาแล้ว มันจะไปสนุกอะไรที่จะลงไปเล่นซ้ำ 
...
...
...
เทียบไม่ได้กับ ด่านใหม่ๆ ที่ต้องเจอต่อไปหรอก				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟardin
Lovings  ardin เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟardin
Lovings  ardin เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟardin
Lovings  ardin เลิฟ 0 คน
  ardin
ไม่มีข้อความส่งถึงardin