กลอนเสียใจ

Drama

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย


                   ดราเอ๋ยดราม่า                 เจ้าเข้ามาในชีวิตแต่ตอนไหนตั้งแต่เจ้าเข้ามาใจเปลี่ยนไป                เหมือนหัวใจอ่อนแรงเข้าทุกที
เมื่อเห็นภาพบาดตาแลบาดใจ              เมื่อยินเสียงเขาไซร้ยิ่งอยากหนี
ทั้งผัมสัม สายตา ถ้อยวจี                     อยากจะลี้ไกลให้ห่างคนใจดำ
เขาเคยออดออเซาะเคล้าเคลียคลอ      เฝ้าพะนอเสริมส่งรักให้หวานล้ำ
ฝากสัญญาเอาไว้ให้จดจำ                    ฝากความหวังให้รำลึกวันดีดี
แต่ทุกสิ่งก็สูญสิ้นดับสลาย                   คำกลับกลายเป็นคำลวง..น่าบัดสี
เขานำเอารักใหม่มาย่ำยี                       เหยียบขยี้ให้หัวใจเริ่มโรยรา
ตั้งแต่นั้นเจ้าเข้ามาในชีวิต                   คอยสะกิดให้ดวงใจโหยไห้หา
เรื่องใดใดร้องไห้ง่ายดังดารา                เจ้าน้ำตาแม้ไร้คนมาดูดี
เจ้านี่นะยังพาเพื่อนมาด้วย                   พามาช่วยให้หัวใจฉันป่นปี้
"ความทรงจำ"ย้อนเวลาทุกนาที            ในวันที่....รักและเลิก....ให้หวนคืน
"ความคิดถึง" และ "ความเหงา" เข้าเคียงข้าง  มาช่วยสร้างความทรงจำให้รื้อฟื้น
เป็นอย่างนี้ทุกวันและทุกคืน                  ใจขมขื่นปวดแปลบปลาบเกือบเจียนตาย
ไม่เอาแล้ว....เจ้าควรไปไกลจากฉัน        อย่าแกล้งกันแบบนี้เลยสหาย
แค่คนรัก...ลาไปไกล เจ็บมิคลาย           เจ้าอย่าหมายให้ใจนี้สิ้นลมลง
ฉันรู้อยู่ขณะรักควรตริตรอง                   ใช้สมองอย่าหล

อาลัย พี่โต รองผู้ว่า จังหวัดยะลา

ไหมแก้วสีฟ้าคราม


แด่... พี่โต(อิศรา ทองธวัช)
สดุดี วีรชน
คนแผ่นดิน
สละสิ้น วิญญาณ อย่างหาญกล้า
จากน้ำมือ โจรบาป
ใจหยาบช้า
ไร้จรรยา ลอบฆ่า หน้าไม่อาย
พี่น้องเพื่อน ม.เชียงใหม่
อาลัยท่าน
ครูอาจารย์ ยินข่าว เศร้าใจหาย
โศกสลด คลุมครอบ
รายรอบกาย
ท่านวางวาย สมชายพลี วีรชน
...
ดวงวิญญาณท่าน จงสู่สุคติภพ บรรจบสวรรค์
เทพไกวัล เกื้อกูล
บุญกุศล
พบพระศรีอารย์ ดวงไตร ในเบื้องบน
บันดาลดล เทวา ดุสิตาลัย.
จาก
น้องจีออ มช.

เพียงรำพึง

แย้ม ไกลวันเกิน


             
มีบางใครใกล้ชิด แค่"คิดถึง"
พร่ำรำพึงผูกมิตร แค่"คิดฝัน"
แท้เธอคือความหมาย"สายสัมพันธ์"
นิจนิรันดร์น้อยไป จะให้ลืม
บนบันทึกที่สร้างบางบรรทัด
ยังเน้นชัดความนัยให้ปลาบปลื้ม
ความอาวรณ์อ่อนไหวที่ให้ยืม
ยังด่ำดื่มเดียวดายเป็นสายใย
สายสัมพันธ์สั้นเหลือเมื่ออ้างถึง
แต่ตราตรึงตวัดพันจนหวั่นไหว
ถักอาทรซ่อนเร้นเป็นสายใจ
เกิดภายในใช้นาม"ความผูกพัน"
ไวโอลินสิ้นบทขอปลดสาย
อายุคล้ายปลายเครือมันเหลือสั้น
มิอาจล่วงคำลา"อย่าลืมกัน"
ความสำคัญคนไกล"ไม่มากพอ"
จบเพลงรักรอยเก่าเพียงเท่านี้
ธรณีกรรแสงสำแดงต่อ
ไร้คำร้องเหลือเพียง เสียงขลุ่ย-ซอ
ไร้คำขอใครจำไร้คำลา....................................แย้ม
หยาดน้ำตาจากจินต์ที่รินหยด
ยังราดรดดวงกมลคนโหยหา
ไวโอลินถึงบทหมดศรัทธา
คำอำลาจากใครจึงไม่มี.................................din  dinner
เก็บปากกาเขียนกลอนซ่อนตัวเอง
ส่งเสียงเพลงสุดท้ายคล้ายหน้าที่
คนเขียนกลอนซ่อนตนสายดนตรี
เขาไม่มีสัญญากลับมาเยือน..............................แย้ม ไกลวันเกิน.

เสียงเพลงรัก

ลูกหว้า


เสียงเพลงรักมาหยุดสะดุดกึก
ความรู้สึกน้ำตาแทบบ่าไหล
อารมณ์รักเรียกร้องของหัวใจ
วอนเธอให้บรรเลงบทเพลงเดิม

เคยกล่อมดาวกล่อมเดือนเลือนรานร้าว
ให้เดินก้าวสะพานเธอสานเสริม
เสียงไพเราะเนิบเนิบเคยเคลิบเคลิ้ม
จะซ้ำเติมใจนี้อีกกี่ครั้ง

เธอจะเป็นเช่นน้ำยามโหยอ่อน
เหมือนมนต์พรเพลงทิพย์กระซิบสั่ง
บนทางเดินขวากหนามข้ามระวัง
ภาพความหลังอันหวานผ่านคืนวัน

ด้วยมือเธอที่ก่อถักทอรัก
จึงรู้จักหนแห่งแหล่งสวรรค์
มิได้อยู่ฟ้าไกลเข้าใจกัน
แต่อยู่นั่นที่เธออยู่ผู้บันดาล

เรามาปันสุขกันฉันคนรัก
เพื่อรู้จักชื่นมื่นวันคืนหวาน
ใจจริงจังหวังให้ได้พบพาน
สู่วิมานสวรรค์อันอำไพ

เมื่อจบการบรรเลงบทเพลงรัก
สุดจะหักห้ามตรมข่มไม่ไหว
แม้เพลงรักเคยหลงจบลงไป
ความรักไม่จบลงคงนิรันดร์

สิ่งใดเล่าที่ต้องการ

นักสืบไร้ชื่อ


เพราะเหตุใดแก้วเหล้าเราเริ่มร้าว     เหมือนดั่งเงาให้เราต้องแข่งขัน
บรรยายการที่เราเคยแบ่งปัน            เคยสร้างฝันร่วมกันเนิ่นนานมา
แต่วันนี้พี่มีธุรกิจ                            ให้ต้องคิดปวดหัวเป็นหนักหนา
น้องยังอยุ่เคียงข้างเสมอมา             แก้ปัญหาร่วมกันฉันท์ครอบครัว
เราทำงานร่วมกันดั่งพี่น้อง              เคยปกป้องพร้องเพื่อนมิเลือนหาย
หรืออำนาจเงินตราข้างๆกาย            เราต้องกลายเป็นศัตรูคู่กัน
หากมองย้อนทุกๆอย่างในความคิด   เนรมิตรเงินตราคือความฝัน
สิ่งใดเหล้าที่พี่อยากได้มัน              มิตรหรือตังที่พี่นั้นต้องการ
หากถามน้องข้างในความรู้สึก          ว่าลึกๆข้างในที่เคยผ่าน
คำว่าเพื่อนพี่น้องผมต้องการ            มหาศาลความรักที่ยั่งยืน
หากเดินต่อด้วยกันนั้นลำบาก           ขอลาจากไปอย่างไม่ฝืน
แต่จะขอจดจำยามค่ำคืน                ที่เราเคยยืนเคี่ยงข้างกันฉันพี่น้อง

ขมิ้นเมือง

แม่น้ำในฟ้า


สิบปีผ่านนานวันฉันยังอยู่
อย่างไม่รู้สิ่งใดจะใคร่หวัง
ย่ำเดินดินถิ่นหล้าล้ากำลัง
โซเซซังซัดเซพเนจร
 
มองดาวเดือนเกลื่อนฟ้านภามืด
ฟ้าดูชืดจืดไปเพราะใจหลอน
ค่ำคืนฝนหล่นพร่างกลางนคร
แอบเปียกปอนรินหยดรดน้ำตา
 
ข่มหัวใจให้หยุดสุดจะคิด
โชติอาทิตย์ ฤ จันทร์ ก็ฝันว่า
ฝันดีพาลผลาญเผาเร้าอุรา
เพราะฝันพา...หัวใจไปพบเธอ
 
 
ภาพตำตา...คาทรวงยังทวงจิต
คู่ตัวติด...ผิดคน...เป็นผลเพ้อ
รากหยั่งแค้นแสนลึกเมื่อนึกเจอ
มิอาจเบลอ...ภาพนั้นลงบั่นทอน
 
 
ค่ำนอนหนาวดาวเคียงเพียงลมกอด
ท่อนแขนสอดหัวดุนหนุนแทนหมอน
กล่อมจิตพักหลับไหลในบทกลอน
ขมิ้นเมืองเหลืองอ่อน..นอนหลับตา
 
ลมโชยแผ่วแว่วเสียงสำเนียงเอื้อน
“โอ้ดวงเดือน...ดวงดาวที่สาวว่า
เด่นดวงใดในรักประจักษ์พา
ขวัญชีวา...ยอดชู้จะชูชม”
 
 “
เฉิดโฉมงามนามเชื้อพี่ชายมาด
ชาตรีชาติ...เช่นพี่...ฤดีสม
ผิดเชิญควักชักมีดมากรีดคม
ให้สิ้นลม...ชมวาตพินาศใจ”
 
น้ำตาคลอรอหยดลงรดแก้ม
เพียงแตะแต้มฝุ่นล้างพอพร่างใส
สิบปีเลื่อนเคลื่อนกาลที่ผ่านไป
หมดหัวใจ...ไม่เห็นอยากเป็นคน
 
ถึงกระนั้นตัวฉันในวันนี้
แม้นฤดี...เปรอะเปื้อนเหมือนปี้ป่น
ก็แค่เจียมเขียมคิด...ในจิตตน
มิใช่คน...บ้าบอและขอทาน
 

เสี้ยวอาวรณ์

ผู้หญิงช่างฝัน


เงียบงำ...
ในห้องแห่งทรงจำ ณ ค่ำนี้
เลือนรางห่างหายไปทุกที
ความอบอุ่นที่เคยมีในหัวใจ
กาลเวลา..
มิอาจย้อนคืนมาใช่หรือไม่
ผ่านมาแล้ววันวารย่อมผ่านไป
เอื้อมคว้าเอาไว้ได้เพียงอาวรณ์
 
จากนี้...
คงไม่มี..เหมือนกันกับวันก่อน
ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าขานผ่านคำกลอน
เอาไว้ย้อนคำนึง.. คิดถึงกัน
 
 

๏ รอยบรรพ์๚ะ๛

บินเดี่ยวหมื่นลี้


๏ เพรงบุพเพคงวาสน์เรื่องชาติภพ
แต่ยังสบทัณฑ์แถนอย่างแน่นเหนียว
อีกคำสาปบาปบรรพ์ยังฝั้นเกลียว
เข้าหน่วงเหนี่ยวมัดทรวงท่ามช่วงกาล
วงกรรมแห่งโทษายากฝ่าฝืน
วันจรดคืนหมายจักเข้าหักหาญ
กลับถูกขวากแทงทิ่มตอกลิ่มมาน
เกินทัดทานทอนแรงที่แปลงทัณฑ์
จำตกห้วงหุบเหวของเรียวบาป
ต้องคำสาปในโลกความโศกศัลย์
ตราบรอยวาสน์เกื้อหนุนจากบุญบรรพ์
เข้าคลายฝั้นเกลียววัฎที่มัดทรวง
ม่านพิรุณยังครองทั่วท้องป่า
ดั่งขึงคาม่านหม่นจรดบนสรวง
ร้างดาวเดือนแจ่มใสวิไลดวง
ทุกคาบช่วงเยียบเย็นมิเว้นวาย
**พุดซ้อนขาวผลิแย้มแต่งแต้มถิ่น
ส่งกลิ่นหอมรวยรินไม่สิ้นสาย
อีกไม่นานผ่านคล้อยก็พลอยคลาย
พร้อมกลีบรายโปรยร่วงซบทรวงดิน**
หวังเพรงกรรมที่ยุดเฉกพุดซ้อน
จักคลายคลอนย้ายยกและผกผิน
รอนโทษาฤทธิ์แรงแห่งพรหมินทร์
เลือนลบสิ้นมิก่อแตกหน่อทัณฑ์
มวลสุมาลย์ดาษดอยดูหงอยเหงา
ใต้เงื้อมเงาโปรยปรายสายวสันต์
คล้ายร่วมรับคำสาปของบาปบรรพ์
ที่ขวางคั่นวิถีสองชีวา
ความคิดถึงบ่าไหลจากใจพี่
ทบทวีล้นหลากมากนักหนา
แต่ทัณฑ์แถนแรงฤทธิ์..อนิจจา
เกินหักฝ่าวงล้อมต้องยอมทน
หากบุพเพปางบรรพ์ยังปั้นแต่ง
รอโทษแห่งพรหมินทร์นั้นสิ้นผล
นานเพียงไหนทุกช่วงแห่งดวงมน
ยังเปี่ยมล้นเสน่หา..และอาลัย๚ะ๛

รอย-ยิ้ม-ที่-หาย-ไป

ลูกหว้า


และแล้วน้ำตาแห่งความอ่อนไหว
ก็ย่ำเท้าทิ้งตัวเป็นสายบนใบหน้า
ลบความเข้มแข็งสุดท้ายที่ฉันมีชั่วพริบตา
มันเป็นเกมส์แห่งความปวดปร่า ที่สั่นคลอนน้ำตา จนท่วมใจ
หมากตัวหนึ่ง .. . บนกระดานแห่งความอ้างว้าง
ร่ำไห้กับการถูกทิ้งขว้าง . .. อย่างหวั่นไหว
ช่วยตอบโจทย์ให้กระจ่างสักนิด   ความจริงแล้วฉันทำผิดเรื่องใด
จึงถูกพันธนาการความเหงาไว้ .. . เข่นฆ่ากัน
หรือว่าที่แท้  ~ ฉันเป็น “แค่” คน “ไม่เคยถูกรัก”
คนแสนดีอย่างเธอ จึงไม่อาจจมปลัก . .. เดินร่วมฝัน
ไม่มีสิทธิ์ .. เลือกเอาความรักทั้งชีวิตไปผูกพัน
ควรต้องยอมรับคำพิพากษาลงทัณฑ์ .. . ด้วยความเต็มใจ
ฉันยอมจำนนแล้วล่ะ . .. ที่รัก
ช่วยอยู่ปลอบโยนอีกสักพัก  ~ แล้วค่อยแยกย้ายได้ไหม?
แลกกับรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่กำลังหมดไป
พร้อมกับการมาเยือนของความเสียใจ . .. ชั่วนิรันดร์

ที่นี่มีลูกสุนัขขาย

กระบี่ใบไม้


ที่นี่มีลูกสุนัขขาย
เด็กน้อยเห็นป้ายอยู่ตรงหน้า
เขาจึงเข้าไปสอบถามถึงราคา
ตัวละ 30 เหรียญกว่า...คือค่าเงิน
เด็กน้อยมีเงินอยู่ 5 เหรียญ
แต่ยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่นานเนิ่น
เจ้าของร้านเห็นเด็กน้อยเลือกดูเพลิน
จึงอุ้มหมาก้าวเดินมาให้ดู
หมาตัวเล็กวิ่งขวักไขว่ดูน่ารัก
มีตัวหนึ่งเศร้านักซ่อนแอบอยู่
เด็กน้อยจึงสุดสนใจแสนใคร่รู้
เจ้าตัวเล็กที่แอบอู้...มันเป็นอะไร?
“เจ้าตัวนี้มันเป็นหมาขาพิการ
ไร้ขาหลังพอคืบคลานกระเผลกได้
หนูคงไม่อยากได้หมา...ไร้ขาไป
ยังคงมีลูกหมาใหม่อีกหลายตัว”
เด็กน้อยยิ่งมองยิ่งสนใจ
จับเจ้าหมาเอามาไกล้แล้วลูบหัว
เจ้าหมาน้อยกระดิกหางระริกรัว
“....ผมขอซื้อหมาหนึ่งตัว...คือตัวนี้
ตอนนี้ผมเงินไม่พอ...จึงขอผ่อน
30 เหรียญ ตามขั้นตอนจนหมดหนี้...”
เจ้าของร้านบอกว่าหมา “ใช่หมาดี
หนูอยากได้...ขอให้ฟรี ก็แล้วกัน”
เด็กน้อยเสียใจ ยืนร้องไห้
“คงขอฟรี ไม่ได้เป็นแม่นมั่น
ค่าชีวิตหมาทุกตัวเทียมเท่าทัน
จะฟรีแค่...ตัวนั้น...ได้อย่างไร?”
เด็กน้อยพูดก่อนถกขากางเกงขึ้น
เขาหยัดยืนได้เพราะเหล็กโยงยึดไว้
“หมาตัวน้อยอาจต้องการ มากกว่าใคร
เฝ้ารอคอยคนรู้ใจ...ซักหนึ่งคน...”
…..?????????...

คิดฮอดกันอยู๋บ่คะ ^_^

แก้วประภัสสร


เก็บดวงใจดวงนี้อย่าทำร้า้ย
ให้เหมือนตายทั้งเป็นเช่นอสูรย์
อย่าให้เจ็บเป็นรอยพลอยอาดูรย์
โปรดเกื้อกูลความรักอย่าหักกัน
เก็บรอยยิ้มฉันไว้ยามไกลห่าง
ก่อนละวางทุกสิ่งอิงตามฝัน
อย่าให้เหือดแห้งไปยามไกลกัน
เหมือนตะวันชิงพลบต้องจบลา
เก็บหัวใจดวงน้อยอย่าปล่อยล่วง
ให้มันคว้างเคว้งไปไกลเลยหนา
ความคิดถึงอยู่ไหมใคร่ถามมา
ก่อนจากลาโปรดตอบ..ขอขอบคุณ

เมื่อความรู้สึกคุยกับความรัก ๒

ดวงจันทร์


ความรู้สึก: “ในความนึกคิดของฉัน
เจ้ากำลังบอกว่านั่นคือความไม่แน่นหนัก”
ความรัก: “ก็เธอไม่เชื่อใจในความรัก
ทั้งที่ไม่รู้จักว่ารักเป็นอย่างไร”
ความรู้สึก: “ฉันเข้าใจดี
ว่ารักที่มีคือการให้”
ความรัก: “แต่เธอก็ไม่เคยรับไว้
กับบางหัวใจที่เขามอบไว้ให้เธอ”
ความรัก: “นั่นหรือคือความรัก
ที่เธอนึกตระหนักอยู่เสมอ
คือทอดทิ้งความห่วงใยที่บางใครมอบให้เธอ
แล้วเอารักไปปรนเปรอให้กับคนที่เธอต้องการ”
ความรู้สึก: “ก็ฉันรัก...”
ความรัก: “แต่ก็ไม่รู้จักที่จะสงสาร”
ความรู้สึก: “ก็ใจฉันทรมาน...”
ความรัก: “หรือจะให้อีกคนร้าวรานกับการเสียใจ”
ความรัก: “คนที่รักเธอยังพอมี
เขาก็ดูดีและพร้อมจะมอบชีวีให้
ความรู้สึก: “แล้วถ้าเขาทิ้งเราไป”
ความรัก: “คงไม่เป็นอะไร ก็แค่กลับไป(ไม่มีใคร)เหมือนเดิม”

* คำนึงรัก *

แก้วประเสริฐ


* คำนึงรัก *
รักแสนรักฝากไว้อยู่ในจิต
ทาบทรวงคิดละเมอสุดเพ้อฝัน
วันแลคืนตื่นผวาคราสิ้นกัน
ทุกคืนนั้นทรมานผลาญหัวใจ
โอ้รักเอ๋ยอยู่ไหนที่ใดเล่า
ฉันมองเฝ้าคอยวันอันสดใส
เห็นแต่ดาวแลจันทร์นั้นทีไร
อยากร้องไห้ใฝ่คนึงคิดถึงเธอ
จำสัญญาผูกพันนั้นหรือเปล่า
หยอกเคยเย้าฝากไว้ให้เสมอ
เสียงกระซิบหมุนกลับนับยากเจอ
จนพลั้งเผลอเห็นเงาเฝ้าเรียกนาง
แว่วเสียงร้องนกไพรใจวาบหวิว
สายลมพลิ้วเยือกเย็นเน้นใกล้สาง
น้ำค้างพรมเปียกชุ่มรุ่มร้อนจาง
แสนเลือนลางฝากไว้ในแรมลา
อรุโณทัยเบิกฟ้าครายามรุ่ง
หมอกคละคลุ้งเรียงรายยากใฝ่หา
กลิ่นดอกโศกโปรยพลิ้วระลิ่วมา
สิ่งหมายตายากพบประสบเจอ
เหม่อมองฟ้าคำนึงถึงความรัก
หวานฟูมฟักก่อไว้สร้างใจเผลอ
ร่ำร้องเรียกปองหมายในตัวเธอ
พร่ำครวญเพ้อรำพึงคนึงทุกวัน
รักเหมือนเมฆลอยลิ่วปลิวสิ่งหวัง
อาศัยพลังสายลมบ่มสุขสันต์
แทนกลิ่นไอหอมฟุ้งจรุงอนันต์
คลอเคล้ากันผ่านไว้ในรุ่งอรุณ
หวนเวลาผ่านไปใจแสนเศร้า
ความปวดร้าวฝากไว้ในคุกรุ่น
นี่นะหรือความรักยากเจือจุน
ดุจดังฝุ่นผ่านเพ้อละเมอครวญ.
* แก้วประเสริฐ. *

ครวญ

แย้ม ไกลวันเกิน


นั่งเหม่อลอย ลำพัง ริมฝั่งน้ำ
ดวงตะวัน แดงช้ำ ชิดขอบฟ้า
ระเรื่อแดง แสงหม่น สนธยา
ผิวธารา เรื่อแดง แสงเดียวกัน
ทั้งผืนฟ้า ผิวน้ำ ยามโพล้เพล้
คล้ายหักเห หักห้าม ทุกความฝัน
ผูกความหวัง รั้งพ่วง ดวงตะวัน
ท้ายก็พลัน วูบดับ แล้วลับเลือน
เหลือความหลัง คั่งค้าง กลางสายน้ำ
ลอยคำถาม แสนไกล...อยู่ไหนเพื่อน?
ฉันอยู่นี่ ที่ใหม่ ไกลจากเรือน
อยู่เสมือน ต้นไม้ ใกล้ฝั่งชล.....แย้ม
เราเหม่อลอยลำพังริมฝั่งน้ำ
สุดชอกช้ำดวงใจไปทุกหน
รินน้ำตาไหลหยดรดกมล
คิดถึงคนอยู่ไกล...ไยไม่มา?.....din
รินความหวังทั้งหลายเป็นสายน้ำ
คอยทวงถามถึงเธอเสมอว่า
กลับมาเถิดคนดีที่ลับลา
สายน้ำตาสายนี้ยังมีเธอ....แย้ม
เห็นนกบิน ผินลับ กลับรังรัก
สร้างน้ำหนัก หน่วงใจ ให้เสมอ
ความไร้คู่เคียงข้าง อย่างที่เจอ
ได้แค่เพ้อ เพียงนก บินวกวน....ย้อย
พี่ครวญคร่ำเคลิ้มคล้อยละห้อยโหย
อาดูรโดยเดียวดายมาหลายหน
ตากน้ำตาผ้ายับกับมือตน
คิดถึงคนเคยเคียงมากเพียงใด....กวีน้อยเจ้าสำราญ
ทุกราตรี ที่หวัง ยังคงเก้อ
จะให้เพ้อ รำพัน ถึงวันไหน?
ตากน้ำตาผ้ายับ ซับอาลัย
เสียดหัวใจ ซ้ำซ้อน นอนละเมอ....แย้ม
ญ...    เพียงยินเสียงครวญคร่ำที่พร่ำบอก
เกรงลวงหลอกให้ใจต้องไผลเผลอ
ความคิดถึงเลอค่ามันพร่าเบลอ
จึงต้องเก้อรอพี่ที่ฝั่งชล....din
เห็นเรือแจว แววหวัง น้องยังอยู่
หวังพี่กู่ เรียกหา มาสักหน
เมื่อเรือน้อย ลอยลับ ก็อับจน
ความมืดมน ยังเสมือน เป็นเพื่อนแทน...แย้ม

กุหลาบแดงดอกเก่า

คนกรุงศรี


กุหลาบแดง เคยได้ หลายปีผ่าน
ทวนเหตุการณ์ วานวัน นั้นสดใส
แทนคำรัก ที่บอก ออกจากใจ
จะอื่นใด สุขสันต์ นั้นมิปาน
หวังว่าสุข คงสม ภิรมย์หมาย
ด้วยมิคลาย คำมั่น แม้วันผ่าน
หากลิขิต ของฟ้า พาร้าวราญ
เจ็บดวงมาน เกินจัก หักใจลง
กุหลาบแดง ดอกสุดท้าย จำได้มั่น
แม้ว่าวัน นี้ยุ่ย เป็นผุยผง
แต่ภาพตาม ความหลัง ยังมั่นคง
อยู่ยืนยง อย่างผ่าน เพียงวานวันมองกุหลาบ สีแดง แทงใจช้ำ
หวนคิดถึง ถ้อยคำ ที่จำมั่น
นับหลายปี ที่เหงา เศร้าอนันต์
แล้วใครกัน นั้นไหน เข้าใจเรา
อยากจะลืม ความหลัง ที่ฝังลึก
ความรู้สึก สับสน ปนหมองเหงา
รับความจริง ปล่อยวาง ให้บางเบา
แล้วใครเล่า เขาหมาย ช่วยคลายตรม
กุหลาบแดง วันนี้ มีไหมหนอ
แอบคอยรอ เราหวัง ยังสุขสม
แต่คิดไป ใจหนอ ท้อระทม
ใจที่ซม มีไหม ใครเยียวยา

แด่คนเคยรัก

ยาแก้ปวด


แด่คนที่ฉันเคยรัก....
คนที่ฉันจมปลักไม่ไปไหน
คนที่ฉันทุ่มเทจนหมดใจ
คนที่ฉันมอบให้หัวใจเดียว
แด่คนที่ฉันเคยรัก...
คนที่ทำอกหักไม่แลเหลียว
คนที่ลืมห้องหอเคยกลมเกลียว
คนที่ปล่อยฉันโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
แด่คนที่ฉันเคยรัก...
ทำใจฉันเจ็บหนักกับความหลัง
ทำทั้งสุขทั้งทุกข์มาประดัง
แม้แต่ชื่อเธอยังสะกิดใจ
แด่คนที่ฉันเคยรัก...
พอแล้วเถอะขอพักเลิกหวั่นไหว
หยุดเสียทีเถิดนะ"เจ้าหัวใจ"
คนสุดท้ายที่หัวใจ..ยอมให้ทำ
MV โดนๆ
http://www.youtube.com/watch?v=Wj4SwRdef5o

กอดฉันเถิด

รงค


หากเราสองต้องพรากกันไกลห่าง
มีบางอย่างอยากขอจะได้ไหม
เพื่อระลึกนึกถึงเมื่อครั้งใด
ซาบซึ้งใจอย่างนั้นตลอดกาล
เป็นคำขอสุดท้ายที่อยากขอ
หวังเพียงต่อเวลามาสมาน
บาดแผลลึกเจ็บนั้นทรมาน
เพียงต้องการยืดระยะให้ออกไป
กอดฉันเถิดคนดีอย่าหนีก่อน
จะไม่ย้อนคำถามยังรับไหว
เพียงต้องการสิ่งนั้นชโลมใจ
กอดเอาไว้นานนานอย่าค้านเลย
แม้ทั้งรู้ว่ารักต้องขาดลอย
เกินเอื้อมสอยคืนมาอย่างเปิดเผย
อยากจะเก็บรู้สึกที่เคยเคย
ไว้เขนยกอดนอนทุกวันคืน
ก่อนอำลากันไปนานแสนนาน
กอดประสานไออุ่นไร้ขัดขืน
คงจะช่วยให้ฉันได้หยัดยืน
หลังจากตื่นไร้เงาที่แล้วมา
การร่ำลากันไว้ในคืนนี้
คงจะดีช่วยกอดเช่นปรารถนา
ลดความแรงเสียใจก่อนร้างลา
ที่แล้วมาด้วยผิดฉันเสียใจ
กอดฉันเถิดที่รักโปรดปราณี
ก่อนจะหนีกันห่างหายไปไหน
หวังใช้กอดยอดรักดวงฤทัย
เก็บไว้ในรู้สึกตลอดกาล
31 มกราคม 2556
หน้า / 17  
ทั้งหมด 281 กลอน