กลอนข้อคิด

เวลา กับ คำขอโทษ

ปุยเมจิกา


+++++++++++++++++++++
เคยถาม ตัวเอง บ้างรึเปล่า
ว่าชีวิต คนเรา จะยืนยาวแค่ไหน
หากเวลา ของวันนี้ หมดลงไป
เช้าวันใหม่ ยังเหลือไหม วันเวลา
เคยทำ อะไร ผิดไว้กับใคร
กล้าขอโทษ เขาไหม หรือไม่กล้า
เก็บคำขอโทษไว้ ผ่านไปกับเวลา
จนวันหนึ่ง คงหมดปัญญา ไปขอโทษใคร
++++++++++++++++++++++

เงินกับเวลา สิ่งที่ล้ำค่าคืออะไร

อรุโณทัย


เพราะคิดว่าเงินคืองานบันดาลสุข
ช่วยคลายทุกข์เมื่อต้องการซึ่งสิ่งของ
ชายคนหนึ่งสูญสิ้นเมียที่เคยครอง
จิตหม่นหมองเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว
เฝ้าทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
เป็นประจำซ้ำทิ้งลูกอยู่โดดเดี่ยว
รอพ่อกลับจากงานนั่งแลเหลียว
ทางที่เลี้ยวเข้าบ้านพร้อมข้าวปลา
เห็นหน้าพ่อดีใจ รีบถามไถ่
ทำงานเหนื่อยบ้างไหม คุณพ่อจ๋า
ผู้เป็นพ่อตอบ เหนื่อยสิ ลูกยา
เสียงอ่อนล้าพร้อมเอ่ยถามด้วยความชิน
ทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง
ลูกตอบมั่ง สำเร็จ ทั้งหมดสิ้น
อาบน้ำเถอะพ่อ ลูกรอกิน
ข้าวในปิ่นโตเก่า เฝ้ารอคอย
หลังอิ่มข้าวมื้อเย็นของลูกพ่อ
คุยกันต่อหลายเรื่องอยู่บ่อยบ่อย
มาวันนี้ลูกเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อนลอย
ขอถามหน่อยได้ค่าจ้างวันเท่าไร
พ่อหันมามองหน้าลูกขมวดคิ้ว
นั่งหน้านิ่วด้วยความสงสัย
แล้วตอบลูก เงินไม่มากเท่าใด
ทำงานได้เพียงวันละสี่ร้อย
ลูกขอยืมเงินสักสองร้อยได้ไหม
“หา ว่าไงน่ะ” เสียงพ่อฉุนขึ้นหน่อย
อารมณ์ขุ่นมัวต่อว่าลูกน้อย
พูดพล่อยพล่อยเงินหาง่ายนักหรือไง
เสียงสั่งสอนลูกรักให้หักจิต
ลูกนั่งคิดนั่งนิ่งน้ำตาไหล
พ่อทำงานเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ
ทำประโยชน์ใดให้พ่อจึงขอเงิน
เมื่อเวลาผ่านพ้นสักพักหนึ่ง
คิดคำนึงถึงความหลังให้เก้อเขิน
ลูก ไม่เกเร บุญเหลือเกิน
มาขอเงินเพิ่มหน่อย ไยต้องว่า
เมื่อคิดได้ไปหาลูกในห้อง
เห็นยังร้องน้ำตาไหลนองใบหน้า
ขอโทษลูก เอ่ยเสียงเครือในวาจา
ว่าแต่ว่า ไหนลองบอก ยืมทำไม
เสียงตอบ พร้อมสะอื้นจากลำ

เพื่อใคร

Khuad Kao


เราเถียงว่าด่ากันเพื่อสรรค์สร้าง
หรือถากถางทางไว้ให้ใครเล่า
เราฆ่ากันเพื่อใครใช่พวกเรา
เมื่อพวกเขาย่ำเดินเจริญพันธุ์
เราด่ากูขู่มึงถึงฆ่าเข่น
เพราะต่างเห็นเขาต่างอยู่อย่างนั้น
เราเห็นดีชั่วเขาไม่เท่ากัน
จึงห้ำหั่นกันเองไม่เกรงใคร
เราโกรธแค้นเคืองกันอันต่างแพ้
เขาแสยะยิ้มแหยแต่ยิ่งใหญ่
เราเหลือยิ้มคงอยู่ผู้มีชัย
ของผองใจจงรักและภักดี
คนเป็นได้แค่คนทุกชนชั้น
สุดท้ายนั้นต้องตายอย่าหมายหนี
อำนาจใดดีพร้อมย่อมไม่มี
ใจเสรีใช่ทาสอำนาจใด
ใครบังอาจเสนอตนยืนบนหัว
นั่นทำดีเสมอตัวชั่วขับไล่
รัฐบาลคือขี้ข้าตลอดไป
ไม่มีใครล้ำค่าเกินกว่าคน
เราต่างมัวเมายอมพร้อมทั้งรัก
และตั้งศักดิ์เขาไว้ใจหวังผล
ยกเขาไว้เหลือเชื่อเหนือหัวตน
เราแค่ส้นตีนเขาก้าวเดินแทน

ลิขิตฟ้า...แค่โจทย์

กวีบ้านไร่


หลากหลายร้อยบทโหดเหี้ยม จากฟ้า
โหมเข้ามา จนฟันฝ่า ล่าจุดหมาย
หลายร้อยครั้งเกือบพลาด ชีพเกือบวาย
ตะเกียกตะกาย ต่อสู้ จึงเป็นคน
คำว่าคน คำนี้
ยากเกินที่จะนิยาม จึงขวายขวน
หรือนิยาม คือการต่อสู้ดิ้นรน
หรือว่าคน คือการแย่งชิงกัน
เราเป็นคน คนหนึงที่แข่งฟ้า
หลอกชะตา ที่เล่นกลย์ จนน่าขำ
ชะตาฟ้า ขีดเส้นร่าง ข้างกายนั้น
ไม่ใช่กัลย์ สุ่มร่าง โปรดก้าวเดิน
อย่ายอมให้ฟ้าลิขิตชีวิตนี้
ทุกนาที ต่อสู่น่าสรรเสริญ
หากพลาดพลั้ง อย่ารั้งจงเผชิญ
ก้าวย่างเดิน ต่อสู่ ให้รู้กัน
จริงแท้แล้วฟ้าไม่ได้ลิขิตเขียน
แต่คอยเตือนให้รู้ผล ของขันธ์
ความร้อนรุ่มสุ่มร่างเป็นไฟกัลย์
ก็เพราะนั้น ตัวเราสร้างกรรมขึ้นมา
ตนคิดก่อ อย่ารอผลกรรมที่สร้าง
โปรดจงวางแนวทาง ให้คิดหา
กรรมใดทำ กรรมใดสร้างมันขึ้นมา
สติปัญญา ฟ้าให้ มาแก้ไขดู
หากเรายอมอ่อนตามกรรมลิขิต
ทั้งชีวิตมีสิ่งใด น่าอดสู
อย่าให้ฟ้า มาขีดเส้นให้คิดดู
ก็เพราะรู้ ตัวเราลิขิต เรา
กลอนนี้มอบให้เพื่อนคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านกลอนของกวีบ้านไร่ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้เขียนกลอนให้ เพราะช่วงนี้ ว ๔ หนาแน่นมาก

ไร้รัก

kasin1251


หากโลกนี้ไร้รักเป็นอย่างไร
โลกคงไม่มีสุขทุกข์ถามหา
ข่าวหน้าหนึ่งโกรธกันฆ่าตำตา
เพราะรักมาหายไปไม่กลับคืน
ยามมีรักไม่ใช้ไร้ความรู้สึก
โลกเปิดศึกข่มเหงหากขัดขืน
ไร้ความรักต่อสู้ด้วยมีดปืน
แล้วจะยืนอย่างไรเป้าสายตา
หากยังไร้ความรักฟาดฟันต่อ
ไม่มีขอชีวิตร้องโหยหา
หากความรักไม่หวนคืนกลับมา
ก็ยังฆ่ากันทุกวันเท่านั้นเอง
ทะเลาะกันด่ากันเพราะไร้รัก
ไม่ประจักษ์มืดบอดยังข่มเหง
จนตัวตายก็ยังโกรธโทษกันเอง
หากกลัวเกรงหารักมีไมตรี
จงอภัยให้รักเป็นตัวล่อ
แล้วสานต่อสามัคคีไม่แบ่งสี
หายโกรธต้องขอโทษกันทันที
เพื่อไทยนี้มีสุขทุกคืนวัน.

++โอ้!...ชีวิต++

ภัทราภา


อันชีวิตคนเราช่างเศร้านัก
ไม่พร้อมพักความสุขซึ่งทุกข์หนี
ยังเวียนว่ายปะปนความเลวดี
มีราคีหมองมัวให้พัวพัน
มีใครบ้างเพียบพร้อมทั้งชีวิต
บ้างจริตมารยามาห้ำหั่น
มีเงินทองเหลือล้นหมื่นล้านพัน
ที่ทำกันเพียงอ้างความรวยจน
มีความสุขสุขที่ใจใช่สิ่งของ
เพียงเหลียวมองลอบข้างทุกแห่งหน
ตัดปัญหาเนื่องจากความมีจน
อยู่อย่างคนเห็นค่าของตัวเรา
ไม่ต้องเปรียบชีวิตกับคนอื่น
พาขมขื่นไม่มีเหมือนดั่งเขา
จงพอใจในสิ่งที่เป็นเรา
อย่าเอาเงาคนอื่นมาขืนตน
เกิดเป็นคนก็มีเพียงเท่านี้
ยังโชคดีมีสิทธิทำกุศล
มีโอกาสอย่าข้ามความเป็นคน
เร่งรู้ตนรู้อยู่คู่ความดี

อย่าหลงชัย

ตราชู


อย่าหลงชัย
ประวัติศาสตร์ประกาศศึกจารึกสาร
ตั้งหลายวารปฐวีธานีไหว
เพิ่มบาดแผลแก่ชาติฉกาจฉไกร
ยังมีหน้าว่าได้มิ่งชัยมา
ใช่ชัยของผองชนรับผลชื่น
แต่คนอื่น กลุ่มอื่นออกชื่นหน้า
สัญชาติเขียวเคี้ยวคดซ่อนขดคา
กิริยาเยื้องยักคอยชักโยง
นี่คือชัย “ไอ้เขียว” ไอ้เขี้ยวขอ
ที่เก่งล่อไล่รุนรุกทุนโขยง
ร้องปาวปาวป่าวลั่นว่าจรรโลง
พยุงโครงสร้างชาติพิลาสครัน
แล้วสืบสร้างทางนำฐานอำนาจ
มุ่งหมายมาดรั้งเมืองรุ่งเรืองมั่น
ใช้ปวงชนรณโรมฮือโหมรัน
เร่งกดดันโดยสะดวก ล้างพวกเดิม
โปรดอย่าหวังดังกระเดื่อง “การเมืองใหม่”
เมื่อเรืองไรสุริยันไร้วันเริ่ม
ระบบเก่าเหล่าร้ายลามคล้ายเริม
มีแต่เติมสกปรกลามกเต็ม
ใครดีเส้นเด่นสายก็ได้สิทธิ์
ลับความคิดขุมกลดั่งสนเข็ม
ครุ่นครอบครองคล้องใคร่ หัวใจเค็ม
ปากและเล็มทีละน้อย ลิ้นคอยเลีย
ใครร้างเส้นเร้นสายเลิกหมายสิทธิ์
ถึงความคิดเข้าเค้าถูกเขาเขี่ย
ชุมระยำชำเราเมืองเราเพลีย
ตกต่ำเตี้ยติดเตอะกับเขรอะตม
มิฝังซากกากศพระบบเก่า
ก็ยังเน่าเนืองนิตย์สนิทสนม
เลือกคนใหม่ใครมาก็อาจม
เพราะสั่งสมชั่วสิ้นเคยชินทราม
อนึ่งด้านการศึกษาประชาสรรพ์
ต้องเท่าทันกันทั้งหมดไม่กดหยาม
จึงตื่นตัวทั่วประเทศทุกเขตคาม
รู้ตรึกตามความรู้เลือกผู้แทน
ตราบเมื่อรัฐพัฒนาเช่นว่านี้
จึงค่อยมี “การเมืองใหม่” มีได้แม่น
หลักไม่เลื่อนเคลื่อนขย้อนหรือคลอนแคลน
บรรเจิดแดนโดยใจสร้างได้จริง
ประวัติศาสตร์ประกาศศึกจารึกสาร
ก็แค่กา

นวลน้ำค้าง..ณ กลางใจ...ใครเล่ารู้..!

พุด


เพราะจิตดวงใสใจเสรี
อัญมณีไพรดวงนี้เฝ้าค้นหา
เปิดใจกว้างเรียนรู้โลกโศกมายา
นานาหลุมพรางต่างอ้างกัน
เหลืองแสนดีพลีชีพเฝ้าจงรัก
แดงป้องปักกษัตราพาเสกสรร
แดงเสียใจถูกใส่ร้ายใช่เช่นนั้น
ต่างห้ำหั่นผองข้ารากหญ้าชน
เพียงสงบค้นให้พบหลุมลวงพราง
ที่กล่าวอ้างชาติวิบัติทุกข์สับสน
ใช้ปัญญามาไตร่ตรองไร้ตัวตน
ลึกซึ้งจนต้องรินน้ำตาแด่ฟ้าไทย
ลูกรักชาติรักศาสน์กษัตรา
รักชาวนาชาวไร่ใต้ฟ้าใส
รักยุติธรรมนำโลกประชาธิปไตย
รักน้ำใจยิ้มสยามนิยามไท
หากลึกลับซับซ้อนขั้นตอนรู้
ใช่เพียงดูฉากหน้าเรื่องราวไหน
ศึกษาด้วยปัญญาจักเข้าใจ
ว่าเหตุใดชาติแบ่งแยกแตกสามัคคี
เพื่อบางคนกระนั้นใช่ละหรือ
โหมคำลือสื่อสิ้นไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
แท้ความจริงไม่เคยตายในปฐพี
ใครจะดีจะร้ายใช่ช้านาน
เล่นกันในระบอบชอบด้วยกฏกติกา
ศรัทธาประชาธิปไตยคอยสร้างสาน
รัฐธรรมนูญวางไว้ด้วยหลักการ
รัฐประหารกี่คราพาล่มจม
ลึกลึกมิอาจกล่าวหนาววิปโยค
ค้นพบโศกจากอำนาจที่ห้อมห่ม
ก่อกรรมเวรมากมายชนระทม
น่าขื่นขมกับเรื่องราวหนาวดวงใจ
กราบมิ่งมหากษัตราศรัทธายิ่ง
เหนือทุกสิ่งน้ำพระทัยดั่งเพชรใส
หวังแผ่นดินใต้ร่มฉัตรรัตนตรัย
ธำรงไทด้วยทรงทศพิธราชธรรม....!
รัตนโกสินทร์เรืองรองดั่งทองทา..!
รัตนโกสินทร์ยังสงบงามนิยามค่า
มายาลมหายใจได้ฝากฝัน
ทำความดีพลีเมตตาให้แบ่งปัน
เธอและฉันหลอมรวมใจสะสมบุญ
รักษางามทั้งนอกในใจพิสุทธิ์
โลกสมมุติยังคงเฝ้าเวียนหมุน
โอบเอื้อรักจากใจละไ

" ให้ "

กิตติกานต์


...ทุกครั้งที่เป็นผู้ให้ใจเป็นสุข
เหมือนได้ปลุกดวงกมลคนไร้ฝัน
เอาใจเขาใส่ใจเราเฝ้าแบ่งปัน
สร้างสีสันโลกใบใหญ่ให้งดงาม
...เป็นผู้ให้สบายใจมากกว่ารับ
มิต้องจับความคิดคนพ้นเหยียดหยาม
แต่ว่าใช่จะหมายให้ได้ทุกยาม
ก็เพียงตามความสมควรล้วนยินดี
...อยากให้มิตรภาพอาบซ่านผ่านความรัก
สังคมจักสุขได้ไร้หมองศรี
มิตรจิตรมิตรใจในไมตรี
ให้คุณธรรมนำชีวีวิถีไทย
...สิ่งละอันพันละน้อยค่อยต่อสาน
กอปรเก็บกาลผันผ่านวันหวานได้
เมื่อกมลอบอุ่นละมุนละไม
ก็พร้อมให้ด้วยสายใยในกรุณา
...หากเมื่อใดใจเราเฝ้าแต่รับ
ลองสดับเสียงแห่งใจช่างไร้ค่า
จะมืดมิดอับจนหม่นวิญญา
ในอุราเคืองขุ่นวุ่นวายใจ
...เป็นผู้รับ ผู้ให้ได้ตามจิต
ประมวลคิดสถานการณ์อย่าหวั่นไหว
ในยามที่มีเหตุเกิดเภทภัย
แบ่งปันให้สละทรัพย์นับกำลัง
เป็นผู้ให้กำลังใจก็ได้สุข
ได้ปลอบปลุกใจตนคนสิ้นหวัง
ชีวิตนี้อะไรอะไรใช่จีรัง
จึงเหมือนดั่งสอนใจให้ใกล้ธรรม.
...............................................................................
..............................................................กิตติกานต์.

‘ อย่าเศร้า ’

นั่งยิ้มริมระเบียง


โลกใช่ร้าง ว่างเปล่า อย่าเศร้านัก
เพียงแค่รัก เลือนหาย กลายเป็นอื่น
ถึงกับจม น้ำตาร่ำ ทุกค่ำคืน
ไม่ยอมตื่น จากฝันร้าย ใฝ่ความจริง
เพียงหนึ่งคน จากไป ใช่ทั้งหมด
ขาดเพียงหยด หนึ่งน้ำใจ ใช่หมดสิ้น
เขาไม่รัก ใช่ทั้งใจ จะพังภิณฑ์
ยังมีเพื่อน นับไม่สิ้น แผ่นดินนี้
กอบเก็บใจ เติมต่อ ก่อใจใหม่
กอบเก็บฝัน เติมไฟ ให้ล้นปรี่
กอบเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ วันแสนดี
เพื่อก้าวสู่ พรุ่งนี้ ที่ขอบฟ้า
โลกใช่ร้าง ว่างเปล่า อย่าเศร้านัก
ก็เพียงแค่ เขาไม่รัก ใช่หนักหนา
หยัดยืนแกร่ง ไม่ย่อท้อ ต่อชะตา
ยอมให้ล้า แต่อย่าล้ม ระทมนาน
‘ ยอมให้ล้า แต่อย่าล้ม จมวันวาร ’

ข้อคิด วันวาเลนไทน์

zilver


วันไหนไหนก็เป็นวันแห่งความรัก
ควรห้ามหักอย่าให้สมอารมณ์หมาย
ต้องหักห้ามห้ามกายให้ใจเป็นนาย
ไม่ว่าชายหรือหญิงนั้นควรหมั่นตรอง
วาเลนไทน์วันหวานวันเคียงคู่
ต่างได้อยู่สุขร่วมกันแค่เราสอง
มีความสุขสมดังใฝ่ดังใจปอง
นาทีทองนาทีหวานชื่นบานทรวง
คุณค่าแห่งหัวใจใช่วันนี้
แต่อยู่ที่ความใส่ใจที่ใหญ่หลวง
ให้ทุกวันเป็นรักแท้ใช่รักลวง
อย่าให้บ่วงห้วงตัณหามาครอบงำ
วาเลนไทน์ตามความหมายของชายหญิง
คือรักจริงที่คงมั่นแสนเลิศล้ำ
กระซิบรักในส่วนลึกความทรงจำ
รักคือคำที่ควรย้ำพร่ำทุกครา

กำลังใจให้ชีวิต

พิมพรรณ


พยายามสร้างความหวังดีให้ชีวิต
ด้วยมีสิทธิ์ภูมิใจในวันหน้า
ถึงลำบากก็บากบั่นกัดฟันมา
รอวันฟ้าสีทองส่องชีวี
พยายามปรามใจไม่ไหวอ่อน
กับคำหลอนย้อนยอกของพวกผี
มีสติตั้งใจตรองให้ดี
อย่าให้มีโมหะมาครอบครอง
ก่อนกระทำการใดตรองให้มาก
แม้นเหนื่อยยากจะอดทนความหม่นหมอง
ใครจะว่าอย่างไรอย่าไปมอง
ถ้าเราทำถูกต้องมันต้องดี
อย่าหลงเชื่อคำคนปนยาพิษ
ใครคือมิตรใตรศัตรูดูถ้วนถี่
รวมทั้งคนหลายหน้าพวกกาลี
ถ้อยวจีของมันนั้นอย่าฟัง
ก็บากบั่นฟันฝ่ามานานนัก
จึงมีหลักชีวีถึงที่หวัง
กับคำคนเคยติฉินหมิ่นชิงชัง
คือพลังผลักดันสู่วันนี้
เบนสายตาเศร้าหมองขึ้นมองฟ้า
แววศรัทธาเชื่อมั่นนั้นเต็มปรี่
เราเลิกเป็นผู้แพ้แต่วันนี้
ตั้งฤดีประคองร่างอย่างมั่นคง

ความรัก

Beauty


ใกล้เพลาวาเลนไทน์ให้ประจักษ์
ว่าความรักที่จริงใจมีไหมหนอ
รักของแม่และพ่อผู้เฝ้ารอ
น้ำตาคลอรอลูกกลับหลับไม่ลง
ลูกบอกไปเที่ยวฉลองวาเลนไทน์
จะรีบกลับไม่ไถลไม่ไหลหลง
แต่สุดท้ายวาเลนไทน์ก็จบตรง
แม่ต้องปลงทำใจในชีวี
ลูกกลับมาตอนเช้าเมาเต็มที่
แม่รีบรี่เข้าประคองอย่างหมองศรี
ไม่รักใครรักตัวเองกันมั่งซี
พ่อแม่นี้นี่แหละห่วงสุดดวงใจ

อายุ...

นครา ประไพพงศ์


เพียงตัวเลขสมมุติมนุษย์ตั้ง
หมุนตามหลังเรื่องราวเข็มยาวสั้น
เป็นตัวแทนแห่งกาลผ่านคืนวัน
ที่ผ่านผันทุกเวลาทุกนาที
เมื่อครบรอบครบเวลาเพิ่มอายุ
เพื่อผ่านลุวันวัยไม่อาจหนี
เกิดมาเพื่อเพิ่มอายุลุวันปี
จนเป็นผีหมดอายุลุล่วงพ้น
แต่เริ่มต้นจนหมดสิ้นชีวินจบ
รู้ถ้วนครบทุกการณ์ผ่านแดดฝน
เก็บเกี่ยวทุกเรื่องราวคราวเป็นคน
นำเตือนตนเตือนใจในทุกครา
เมื่อยังมีลมหายใจในวันนี้
จงมุ่งมั่นทำดีมีคุณค่า
เมื่ออายุล่วงผันวันตายลา
คนศรัทธารุ่นหลังยังเชิดชู

ส่งมือมาให้ฉัน

krajokngao


เจ็บปวดนักใช่ไหมใจที่ล้า
ที่ผ่านมาหัวใจแตกสลาย
มอบความรักหวังดีและไว้ใจ
เขายังไม่รู้สึกอิ่มและเพียงพอ
ให้ระบายออกมาในวันนี้
ให้เต็มที่หากใจนั้นร้องขอ
จะเกิดจากอะไรเป็นต้นตอ
แต่ล้วนก่อให้เกิดความทุกข์ใจ
อยากให้เธอเข้มแข็งกว่านี้นะ
ไม่ว่าจะสถานการณ์เป็นแบบไหน
เลิกหวั่นกลัวไม่ว่าปัญหาใด
เริ่มต้นใหม่ก้าวไปสู่ปลายทาง
อย่าเพิ่งท้ออ่อนแอและท้อถอย
ลบเลือนรอยที่เคยต้องหมองหมาง
ในวันนี้ทำใจเดินสายกลาง
แล้วก้าวย่างข้ามผ่านทุกข์ในใจ
จับมือฉันคนนี้ให้แนบแน่น
เป็นปึกแผ่นไปด้วยกันเข้าใจไหม
ที่ผ่านมาล้มแล้วก็ปล่อยไป
ลุกขึ้นได้ด้วยหัวใจของตัวเอง

ในวันที่ไม่มีใคร

นิระนา


เหม่อมองฟ้าน้ำตาเอ่อรินไหล
อยากถามฟ้าว่ามีใครเหงาเหมือนฉัน
ความรู้สึกยากจะบอกแสนจาบัลย์
ได้แต่เหงาเศร้าทุกวันเมื่อไม่มีเธอ
ชีวิตฉันคงสิ้นหากไร้เธอเคียงข้าง
คงอ้างว้างเดียวดายไร้ความหมาย
อยากจบชีวิตตรงนี้  อยากจะตาย
สิ้นรักร้าย  ให้มลายไปกับเธอ
แต่ยังมีคนที่หวังในตัวฉัน
หวังสักวันให้ฉันนั้นอยู่เพื่อเขา
คือ  พ่อ แม่  พี่  น้อง  ของตัวเรา
ที่คอยเฝ้า  คอยห่วง  อยู่ทุกครา
แล้วเธอหล่ะที่พบเจออย่างตัวฉัน
จะคิดสั้นอีกไหม  เมื่อไม่มีเขา
จะคิดถึงคนที่รักในตัวเรา
หรือจบชีวิตเศร้าๆ  เพราะเขาเลย
จงคิดเถิดคิดซักนิด เมื่อผิดหวัง
เราก็ยังยืนหยัด  ไม่ขัดสน
ก็แค่เพียงความรักคนหนึ่งคน
ที่ผ่านพ้นไปตามกาลเวลา
ขอให้เริ่มต้นใหม่ในวันนี้
เหมือนกับที่ฉันเริ่มไม่ท้อถอย
มองข้างหลังดูคนที่เฝ้าคอย
อย่าท้อถอย  สู้ต่อไปจงหยัดยืน

เวลาชีวิต...

นครา ประไพพงศ์


ปฏิทินสิ้นปี...อีกปีแล้ว
ยินเสียงแจ้วสวัสดีวันปีใหม่
รู้ดีรู้เห็นความเป็นไป
ว่าจะปีไหนไหน...ไม่ต่างกัน
แค่เข็มของเวลาวนมาครบ
บรรจบรอบปีเข็มยาวสั้น
ก็เริ่มรอบใหม่ในรุ่งวัน
ก็แค่นั้นคิดอะไรให้มากมาย
อย่าสนใจเรื่องปีที่เปลี่ยนหมุน
จงสนใจตัวคุณ...ไหนเป้าหมาย
ชีวิตที่เคลื่อนไหวยังไม่ตาย
พร้อมเวลาเวียนว่าย...ครบรอบปี
ถึงเวลามองตนค้นให้ทั่ว
ทั้งตัวหัวใจไหนศักดิ์ศรี
มองเวลาข้างหน้าอย่ารอรี
เร่งสร้างความดี...เพื่อชีวิต
หน้า / 28  
ทั้งหมด 467 กลอน