กลอนข้อคิด

วันนี้ดีที่สุด

ไม้เก็ด


แม้ไก่จะไม่ขัน            ดวงตะวันก็โผล่มา
สายน้ำที่ไหลลา               ห่อนหวนหามาที่เดิม
ปีเก่าไม่ส่งท้าย            ก็ห่างหายไม่ต่อเติม
ปีใหม่ไม่เฉลิม-               ฉลองรับ  ฉับฉับมา
ฉะนี้ เพราะฉะนั้น       ตระหนักกันใช้ปัญญา
คืนวันล่วงเวลา                คงคุณค่าคณามี
อย่าปล่อยให้ล่วงเปล่า  อยู่ที่เก่าไม่ใยดี
วันเดือนเคลื่อนเป็นปี      รู้หน้าที่ทำดีกัน
วันนี้ดีที่สุด                   รีบเร่งรุดสุดสร้างสรรค์
อย่าริไปผลัดวัน-               ประกันพรุ่งไม่รุ่งเรือง
แม้ไก่จะไม่ขัน              ดวงตะวันก็โผล่เนือง
อย่าให้สิ้นเปล่าเปลือง        ทำต่อเนื่องแต่วันนี้.

ฝันติดไฟ

แดนไพร


จากถิ่นฐานบ้านช่องท้องนาไร่
หวังติดไฟให้ฝันมันสวยหรู
จากพ่อแม่ และพี่พี่ที่อุ้มชู
ไว้คอยดูจะสู้โลกโชคชะตา
อดีตเป็นเช่นไรฉันไม่สน
ชีวิตคนต้องหวังวันข้างหน้า
มีมืดมีสว่างดั่งจันทรา
ต้องเสาะหาแสงไฟให้ตนเอง
เกิดมาแล้วไม่นานหนอก็ตายหมด
ถ้ามัวคดโกงใคร ไหนศักดิ์ศรี
ถ้ามัวทำชั่วไซร้ ไหนความดี
คิดดูซิค่าของคน อยู่หนใด....

ปีใหม่ใจต้องนิ่ง

แดนไพร


ปีใหม่อะไรใหม่เคยได้คิด
ปีใหม่ให้ชีวิตเปลี่ยนไปหรือ
ปีใหม่เพียงอายุผ่านเท่านั้นฤา
ปีใหม่คือโลกใหม่หรือใบเดิม
ใจของเราดวงเก่าก็เท่านี้
ใจไม่ดีหาดีมาเพิ่มเสริม
ใจที่ดีรักษาดีหาดีเติม
ใจริเริ่มทำแต่ดีปีใหม่งาม
ต้องมองโลกให้ดีกว่านี้นะ
ต้องมีจิตคารวะพระทั้งสาม
ต้องรู้จักขวยเขินอย่าเกินงาม
ต้องเกรงขามความชั่วอย่ามัวเมา
นิ่งให้ดีมีปัญญาอย่าบุ่มบ่าม
นิ่งให้งามพูดจาอย่าด่าเขา
นิ่งเข้าไว้ปัญหาหนักจะได้เบา
นิ่งเข้าสู่ปีใหม่ใจมั่นคง..

สำเภาทอง...ครองฟ้าพาณิชย์

ยุทธภูมิ สุวรรณเวช


สำเภาทอง  ล่องนาวาฟ้าพาณิชย์
คือบัณฑิตวิชชาชาญบริหาร
รู้ธรรมะนำชีวิตพิชิตงาน
รู้แตกฉานชาญวิทยาล้ำค่าคม
โบกสะบัดศตวรรษพัดสนปก
อร่ามกนกหกทิศวิจิตรสม
เสด็จพ่อคือศูนย์กลางพร่างพรายพรหม
ชนชื่นชมสมสมญา...พระนคร

เธอคือ ...สำเภาเจ้าพาณิชย์

ยุทธภูมิ สุวรรณเวช


เธอคือนามสำเภาเจ้าพาณิชย์
รู้ประสืทธิ์วิทยานาวาสาร
รู้ลิขิตคิดธรรมลำนำธาร
รู้แตกฉานงานการงานสังคม
ใบระบัดศตวรรษปักษ์สนปก
อร่ามกนกหกทิศสฤษดิ์สม
พ่อชุมพรขจรพรายขจายพรหม
ฤาโลกชม  สมสมญา  พระนคร

พ่อทำลายลูก

นิติ


สัตว์ที่มนุษย์เรียกว่าเดรัจฉาน  แต่มันยังรู้จักความเป็นสัตว์
แต่เรียกตนเองว่ามนุษย์ยังทำตนยิ่งกว่าสัตว์

นิราศสุโขทัย

ณธีร์


แรมเก้าค่ำเดือนสิบเอ็ดปีมะเส็ง
เป็นฤกษ์ดีศรีสวัสดิ์วิวัฒน์เฮง
เหยียบคันเร่งออกเคหาคราอรุณ
ขึ้นวงแหวนสายสวรรค์ตะวันออก
ริ้วลมร่ายรายระลอกบอกไออุ่น
บ่ายขึ้นเหนือเมื่อหนาวราวละมุน
ให้ครวญครุ่นคิดถึงหลังครั้งก่อนกาล
จากมานานเนิ่นแล้วแก้วตาพี่
ในวันนี้พี่จะกลับไปรับหวาน
น้องอยู่ดีมีสุขในทุกกาล
อย่าร้าวรานโศกเศร้านะเจ้ากลอย
ออกปทุมธานีแล้วเมื่อสาย
รีบผันผายอยุธยาฝนผะผอย
คราปลายฝนต้นหนาวเจ้าคงคอย
เจ้านกน้อยจะกลับมาคราเหมันต์
ผ่านอ่างทองสิงห์บุรีพี่คิดถึง
รักครั้งหนึ่งก่อนเก่าเราร่วมฝัน
เมื่อไกลกายไกลตามานานวัน
ใจก็พลอยไกลกันเช่นนั้นเลย
ผ่านชัยนาทบาดอุราพาใจเศร้า
นกยังเฝ้าเคล้าคู่ดูผ่าเผย
พี่กับน้องต้องห่างกันโอ้ขวัญเอย
ไฉนเลยจะเหมือนนกวิหคบิน
วิ่งตะบึงถึงตอนนครสวรรค์
ถึงเที่ยงพลัน ณ มหาชลาสินธุ์
ต้นแม่น้ำเจ้าพระยาข้ายลยิน
มาเยือนถิ่นปากน้ำโพอันโอฬาร์
เติมพลังลงท้องค่อยผ่องแพ้ว
เมื่ออิ่มแล้วเดินเที่ยวชมน้ำท่า
แม่น้ำนี้มีคุณกรุณณา
เหล่าประชาชาวไทยควรได้คิด
โอ้มหาคงคาชลาศัย
สมัยใหม่น้ำครำดำสนิท
ไม่สำเหนียกสำนึกกันสักนิด
ว่าชีวิตเราถึงฆาตเมื่อขาดน้ำ
ถึงจะก่นบ่นไปก็ไร้ค่า
เหมือนคนบ้าใบ้บ๊องสมองต่ำ
อนาคตเด็กเกิดมาตาดำดำ
ต้องรับกรรมผู้ใหญ่ก่อน่าท้อใจ
จากนครสวรรค์สร้างเข้าทางเปลี่ยว
ออกเก้าเลี้ยวเข้าพิจิตรคิดว่าใกล้
นับระยะหนทางไม่ห่างไกล
แต่กระไรวิ่งได้ช้าไม่น่าเลย
ถึงสามง่ามบ่ายสามโมงตรงสามแยก

ชาวนากับงูเห่า

หิ่งห้อย


เจ้าของที่คนเก่าเขาไปไหน
เจ้าของที่คนใหม่นั่นใครหว่า
มาถมที่ห้วยหนองของชาวนา
หุ่นพ่อค้าหน้าตาดียืนชี้มือ
เจ้าของเดิมโดนปลดหมดความหมาย
เพราะใจง่ายหลงลมเขาข่มซื้อ
ขาดผู้มีเมตตาช่วยหารือ
ความเซ่อเซ่อซื่อซื่อคือชาวนา
มีปริศนามาเฉลยเอ่ยเรื่องเก่า
จะขอนำมาเล่าเป็นปริศนา
นิทานเศร้าเรื่องงูเห่ากับชาวนา
เป็นปัญหาชวนพินิจสะกิดเกา
เพียงประสบงูเห่านิ่งหนาวสั่น
ก็กระสันเปลื้องทุกข์รีบคุกเข่า
ประคองแขนอำนวยช่วยบรรเทา
ด้วยความเขลาสุดท้ายวายชีวา
ต้นอารีย์ต้นนี้ที่ปลูกไว้
ออกดอกเป็นภัยช่างไร้ค่า
ต้นรักหักร้าวหนอชาวนา
คงเหลือเพียงน้ำตาชโลมดิน
เจ้างูเห่าก่อคดีที่ทุ่งนา
พิพากษามิกล้ามาตัดสิน
ฆาตกรงูเห่าเจ้าทมิฬ
มันแลบลิ้นแผ่พังพานผลาญชาวนา
ขอได้โปรดเถิดศาลอ่านสำนวน
ให้ครบถ้วนกระทงความตามภาษา
อย่าเพียงสรุปเพียงย่อรออาญา
พิพากษารีบสะสางล้างมลทิน
หากชักช้าชาวนาไทยไร้สงบ
ต้องอพยพวุ่นวายต้องย้ายถิ่น
ถูกฉ้อฉนป่นปี้ที่ทำกิน
มันแลบลิ้นปลิ้นปล้อนบ่อนทำลาย

รำพึงฝากจากพ่อแม่

หิ่งห้อย


หรือว่าลืมตำนานม่านฟ้าสาง
หรือว่าลืมหนทางจึงจางหาย
หรือว่าลืมแดนดินถิ่นเกิดกาย
หรือว่าลืมความหมายสายสัมพันธ์
หรือสิ้นแล้วสายใยใต้สำนึก
หรือมัวตรึงนึกถึงซึ่งความฝัน
หรือเจอหลากขวากหนองต้องฝ่าฟัน
หรือไหวหวั่นอันใดไม่ย้อนมา
หรือว่ามัวหลีกเลี่ยงคิดเบี่ยงบ่าย
หรือแหนงหน่ายทรนงในวงศาย์
หรือผูกเหน็บเจ็บแสบแปลบอุรา
หรือเหว่ว้าระอาใจในกมล
หรือว่านึกย้อนรอยแล้วน้อยจิต
หรือชีวิตตกอับคิดสับสน
หรือชีวิตขัดข้องต้องอดทน
หรือเกลือกกล่นกลัดกลุ้มร้อนรุ่มใจ
หรือตกอับทรัพย์จ่ายรายได้น้อย
หรือท้อถอยคอยแต่แค่อาศัย
หรือต่อสู้อยู่ย้ำระกำใจ
หรือปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นพาล
หรือปกปิดชีวิตเศร้า…..เอาใจสู้
หรือเพียงอยู่อยู่ไปไร้หลักฐาน
หรือหมกมุ่นชีวิตด้วยกิจการ
หรือจุ้นจ้านจับเจ่าเมากามา
หรือวางแผนพัฒนาอนาคต
หรือเก็บกดกัดฟันหมั่นศึกษา
หรือชอกช้ำน้ำใจใยไม่มา
หรือลืมว่าข้านี้……มีแม่พ่อ
สิ้นกระแสสื่อสารมานานแล้ว
สิ้นวี่แววแนวคิดการติดต่อ
สิ้นกระแสสายใยกลั้นใจรอ
อกแม่พ่อขอเพียงเห็นก็เป็นสุข
กลับมาบ้านสานใยให้เหนียวแน่น
กลับมาแคว้นแดนเราเร้าปลอบปลุก
กลับมาดูพ่อแม่แก่เป็นทุกข์
กลับมาปลุกความรัก…รักบ้านเรา

กว่าจะแกร่ง

วฤก


๏ กว่าจะแกร่งแข็งได้ในวันนี้
ก็หลายทีทำพลาดอาจถลา
แม้เจ็บจุกปลุกใจให้ลุกมา
อย่ายอมล้ารอนลดหมดแรงใจ
ผิดคือครูดูเห็นเป็นตัวอย่าง
คำกล่าวอ้างเอ่ยไว้ได้ยินไหม
ที่พลั้งพลาดพลาดแล้วแล้วเลยไป
เรียนรู้ไว้สังวรสั่งสอนตน
เยี่ยงอย่างดีมีไว้ให้เอาเยี่ยง
หนทางเพลี่ยงพล้ำเตือนเลื่อนหลงหน
ทนทำดีดีทรงอยู่คงทน
จงเป็นคนมีค่าพาเจตน์จง
เมื่อกล้าแกร่งแข็งได้ในวันนี้
ใช่ไม่มีมองผิดจิตเลอะหลง
ควรพินิจคิดบั่นปัญหาปลง
เพื่อธำรงความแข็งแกร่งปัญญา ๚

โปรดพิจารณา

นิติ


โง่งม หรือ ซมซาน
ลนลาน หรือ หวานใจ
จริงจัง หรือ ว่าใช่
เป็นไก่อ่อน หรือ พ่อปลาช่อน
###############
คนโง่ อาจ ฉลาด
คนขลาด  อาจ โง่
เพราะหยิ่ง จริง ยโส
อยากโก้ จึง โง่ลง

ผู้เฒ่า

หิ่งห้อย


ชื่อว่าพ่อชื่อว่าแม่แปลว่าหนัก
แบกความรักจากใจให้ลูกเจ้า
พ่อดูแลแม่เลี้ยงดูผู้ยังเยาว์
ป้อนน้ำข้าวดูแลแต่เนิ่นนาน
อันความหวังตั้งใจในพ่อแม่
ได้ผันแปรฝังปลูกให้ลูกหลาน
ให้ร่ำเรียนเพียรต่อพอประมาณ
อธิษฐานบันดาลช่วยอำนวยพร
เฒ่าชราคู่นั้นในวันนี้
คือผู้ที่น่าชูผู้เคยสอน
เป็นช่างศิลป์คอยปั้นตามขั้นตอน
เป็นผู้สอนเป็นผู้ส่งเผ่าวงศ์วาน
เป็นเรื่องเศร้าเฒ่าชราเวลานี้
เพียงเห็นมีจานข้าวเปล่าอาหาร
มีไม้เท้ายาววาพาเดินคลาน
มีไม้เท้าเท่านั้นยันกายา
สั่นงกเงิ่นเดินคลานสังขารโรย
อ่อนระโหยโรยแรงตะแคงบ่า
มีอาหารได้เพียงเลี้ยงกายา
รอเวลาคืนร่างอย่างทรมาน

พ่อ

เด็กเมืองยศ


พ่อตื่นก่อนไก่ขันประชันเสียง   ก่อนนกบินเรื่อยเรียงเป็นทิวแถว
พ่อตื่นก่อนอาทิตย์เคลื่อนพ้นแนว  พ้นทิวแถวต้นไม้ไล่มืดมน
ฉันเดินตามรอยเท้าพ่อเมื่อตอนสาย  เพื่อจะไปยังทุ่งมุ่งฝึกฝน
ทำไร่นาตามประสาผู้ทุกข์ทน  กรำแดดฝนเหนื่อยยากลำบากกาย
พ่อจ๋า ..ลูกไส้กิ่วหิวข้าว     เลือดไหลยาวเป็นทางเจ็บเหลือหลาย
โดนหญ้าบาดปานจะขาดใจตาย  กลัวเหลือหลาย งูเงี้ยวเขี้ยวขบเอา
ลูกเอ๋ย..ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอก  พ่อจะบอกความสบายให้กับเจ้า
ความรื่นรมย์สุดสวยสำหรับเรา   มิได้เอาดอกไม้มาปูทาง
แม้ว่ามันบีบคั้นหัวใจเจ้า    หนามทิ่มเอาที่เท้าต้องถากถาง
เลือดของเจ้าที่ไหลมาเป็นทาง  เปรียบเป็นดั่งทับทิมบนหญ้างาม
น้ำตาเจ้าที่ไหลลงใบไม้   เปรียบได้ดั่งหยาดเพชรน่าเกรงขาม
เพื่อมนุษยชาติจงเด่นงาม  อย่าละความกล้าหาญและอดทน
เมื่อจะต้องเผชิญกับความทุกข์  จงสุขในอุดมอารณ์ที่ฝึกฝน
จะไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นคน   ขอจงเดินดั้นด้นตาม..พ่อ..มา
......เด็กเมืองยศ....

วันพ่อ ในมุมมอง ของผู้พ่อ

ม้าก้านกล้วย


นั่งใจเหงา หดหู่ อยู่ในบ้าน
ลูกหลาน หายหน้า มาเหินห่าง
พ่อกับแม่ แก่เฒ่า เหงาอ้างว้าง
อยู่อย่าง ห่อเหี่ยว เปล่าเปลี่ยวใจ
วันแม่ แม่เจ้า ก็เฝ้าแต่
ชะเง้อชะแง้ รอลูกว่า จะมาเมื่อไหร่
ไม่พลั้งไม่เผลอ เหม่อแล แม้เงาไกลไกล
จนสิ้นวัน ผ่านไป ก็ไม่เห็นมา
วันพ่อ ในมุมมอง ของผู้พ่อ
กรยอ ขอสรรเสริญ ชนม์พรรษา
ก็แค่วันนี้ วันที่ ห้าธันวา
ก็แค่รู้ว่า วันพ่อหลวง ของปวงชนไท
แต่พ่อคนนี้ คิดถึงเจ้า เท่าชีวิต
ไม่ได้คิด ว่าวันนั้น จะเป็นวันไหน
พ่อห่วงลูก ร้อนหรือหนาว เจ้าทำอะไร
เหนื่อยไหม ท้อมั้ย ไม่ได้ข่าวดี
พวกเจ้า เติบใหญ่ ในวัยฉกรรจ์
ล้วนทำงาน กันทั้งนั้น ในวันนี้
จะอย่างไร ยังเป็นลูก ของพ่ออยู่ดี
หวังใจ ตั้งฤดี ให้ลูกก้าวไกล
แม้ไม่สอน ก็เคยนำ ให้ทำตาม
คอยห้ามปราม เรื่องเลวร้าย ไม่กรายใกล้
ผิดชอบชั่วดี ตอกย้ำ ให้จำไว้
เมื่อเจ้าได้ ดีกว่าพ่อ พอใจแล้ว
---(ม้าก้านกล้วย)-----

ชีวิตกับการศึกษา...จากพ่อ

วัฒน์ ฒนรัตน์


เกิดมาเป็นคน หนังสือเป็นต้น วิชาหนาเจ้า
ถ้าแม้นไม่รู้ อดสูอายเขา เพื่อนฝูงเยาะเย้า ว่าเง่าว่าโง่....
ลางคนเกิดมา ไม่รู้วิชา เคอะอยู่จนโต
ไปเป็นข้าเขา เพราะเง่าเพราะโง่บ้างเป็นคนโซ เพียรขอก็มี....
ถ้ารู้วิชา ประเสริฐนักหนา ชูหน้าว่าดี
จะไปแห่งใด มีคนปราณี ยากไร้ไม่มี สวัสดิมงคล....
31/08/2543 จากพ่อ....

จะให้พ่อบ้าง

ผู้หญิงธรรมดา


พ่อบอกว่าย่าจำวันเกิดไม่ได้
ไม่เป็นไรพ่อรู้ปีเพราะมี พ.ศ.
เพราะพี่น้องเยอะแยะเหมือนมะละกอ
ทำให้พ่อไม่มีวันเกิดเหมือนใครใคร
แม้แต่เดือนก็ไม่รู้จริงจริง
พ่อบอกสิ่งเหล่านั้นหาสำคัญไม่
แค่รู้ว่าเราเป็นใคร
และได้ทำตนเป็นคนดีหรือยัง
วันเกิดแม่ฉันซื้อชุดนอนให้
วันเกิดพี่ชายก็ซื้อบ้าง
วันเกิดน้องชายมีของขวัญทุกครั้ง
แต่วันเกิดพ่อยังไม่เคยให้อะไร
นึกทบทวนอย่างลึกซึ้ง
จะเข้าใจถึงความรู้สึกพ่อได้
แม้ไม่ต้องการสิ่งของแต่คงน้อยใจ
จากนี้ไปจะไม่ให้พ่อเสียใจอีก
ขอใช้วันพ่อแห่งชาตินี้ล่ะกัน
แบ่งใจฉันออกเป็นสองซีก
อีกใจให้พระองค์ท่านและแบ่งปันให้พ่อ
แม้จะชดใช้ที่ผ่านมาไม่พอ
แต่จะก่อจากนี้..และมีให้พ่อตลอดไป

กระถางเล็ก-เล็ก

หนึ่งนก ฤดูหนาว


ในกระถางดินเล็กเล็ก
ฉันยังเด็กนัก
พ่อสอนให้รู้จัก
การฟูมฟัก ต้นกล้าต้นน้อย
พ่อบอกฉันว่า
ต้องรดน้ำอย่างค่อยค่อย
และต้องอดทนรอคอย
จะเห็นร่องรอยของการเปลี่ยนแปลง
มันเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ตุ่มตาผลิใบแผ่แขนง
หญ้ากลุ่มหนึ่ง ..กลับสูงแซง
บังแสง ต้นกล้าที่บอบบาง
พ่อบอกว่า ในพื้นที่ อันน้อยนิด
อาจมีหลายชีวิตในกระถาง
ไส้เดือนตัวหนึ่งอาจอำพลาง
มดบางตัวจะเดินทางผ่านมา
ในพื้นที่ของการเติบโตแห่งนี้
เราต้องรู้วิธีการรักษา
ให้ต้นกล้าเติบโตเต็มกล้า
และหญ้าคือปัญหาสำหรับเรา
ขณะที่ฉันสอบเลื่อนชั้น
พ่อย้ายมันออกจากระถางใบเก่า
ต้นกล้าเติบใหญ่ให้ร่มเงา
นานวันเข้ามันก็สูงเกือบถึงหลังคา
คนผ่านมาไปมาหน้าบ้าน
ดอกหอมบานรอท่า
อวดความงดงามอยู่เต็มตา
ยืดหยัดศรัทธาอยู่เต็มตน…
หน้า / 28  
ทั้งหมด 467 กลอน