กลอนคิดถึง

หว่านเมล็ดพันธุ์ให้หัวใจ

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ


หว่านเมล็ดพันธุ์ให้หัวใจ
ห้วงหัวใจสานฝันวันระวี
เกิดก่อมีรักใหม่ใจเรียกหา
สานสิ่งเอื้อเกื้อหนุนเจือจุนมา
บ่มเวลาด้วยรักจักงดงาม
รดน้ำใจรินน้ำใจให้เต็มใจ
ทุกข์สุขอยู่อย่างไรได้ไต่ถาม
เฝ้าคิดถึงห่วงใยในทุกยาม
เติมเต็มความรักแท้ให้แก่กัน
แล้วจงมอบเมล็ดพันธุ์สรรค์ความสุข
เพื่อลดเลือนความทุกข์กระตุกขวัญ
รอดอกรักเบิกบานระหว่างวัน
ปล่อยดวงใจดวงนั้นละวางตน
จะได้อยู่กับตัวเมื่อมัวหมอง
อยู่กับห้องหัวใจในบางหน
เฝ้าดูแลเมล็ดพันธุ์หว่านใจตน
เพียรขุดก่นพรวนดินถิ่นหัวใจ
และจะได้รดน้ำใจให้ต้นรัก
สานทอถักกิ่งต้นจนใบใหม่
รอดอกบานผลิผลล้นหัวใจ
รู้ความหมายดอกผลรักตนเอง
เพื่อจะได้ยืนได้เมื่อไร้รัก
เหลือดอกบานทักทายไล่ข่มเหง
เมื่อกลับมาคนเดียวเปลี่ยววังเวง
ฮำบทเพลงส่งท้ายในความหลัง
ในตอนนั้นแผ่นดินใจอุดมแล้ว
ด้วยหน่อแนวเมล็ดพันธุ์สรรค์ความหวัง
เติมน้ำใจเต็มใจได้พลัง
เฝ้าฝากฝังพันธุ์ไว้ในเวลา
และจะได้รู้จักรักที่แท้
ใจแน่วแน่รื้อพังข้อกังขา
วันทุกข์เกี่ยวเกาะรั้งพันธนา
เมล็ดกล้าจะเติบโตมาคุ้มครอง
โรยละอองเกสรให้หัวใจ
อ่อนละมุนกรุ่นละไมขับไล่หมอง
วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง
แต่ได้มองและยิ้มให้ไม้ต้นงาม
..................
วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง
ยังได้มองเห็นว่ารักตัวเอง
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ

....ป่าไม้ไกลเจ้า......

มนต์กวี


.
เรียนจบ......ประจำ......ป่าไม้
โหยให้.......ใจหวน......นวลเจ้า
พรากน้อง....มานาน.....นมเนาว์
ท่ามเขา.......ป่าดง.......พงพี
.
คิดถึง........นวลนาง.....หนักหนา
ปกป่า.........นั้นเป็น......หน้าที่
ทางนู้น.......น้องคง.......อยู่ดี
ทางนี้.........กลัดกลุ้ม....สุมทรวง
.
กลางป่า.......ฝ่าฝน.......ทนหนาว
รวดร้าว.......กอดปืน......ฝืนง่วง
ชีวิต............ลิขิต.........ตามดวง
เป็นห่วง.......แต่นาง......ทางนั้น
.
มาอยู่..........ทางนี้.......เถิดหนา
ท่ามป่า........นั้นเป็น......สวรรค์
เพียงเรา........มั่นรัก......ผูกพัน
ปลูกฝัน........ด้วยกัน.....แก้วตา

ก็คน..มันคิดถึง

มวลภมร


ก็คิดถึง จะให้ บอกไงเล่า
ก็คิดถึง แต่เช้า ไปจนสาย
ก็คิดถึง ไม่บอก อึดอัดตาย
ก็คิดถึง มากมาย จึงบอกกัน
..
ไม่คิดถึง ก็คง ไม่สนหรอก
ไม่คิดถึง ไม่บอก ให้เปลืองฝัน
ไม่คิดถึง หัวใจ ไม่ผูกกัน
ไม่คิดถึง สักวัน คงสบาย
..
ก็คิดถึง มากนะ จึงจะบอก
ก็คิดถึง ไม่หลอก ให้ใจหาย
ก็คิดถึง อยากให้ อยู่ข้างกาย
ก็คิดถึง ไม่หาย สักนาที
..
ไม่คิดถึง คงดี กว่านี้นะ
ไม่คิดถึง คงจะไม่ เป็นอย่างนี้
ไม่คิดถึง เมื่อไร คงเข้าที
ไม่คิดถึง คงดี ไม่หวั่นใจ
...
ก็คิดถึง ทำไง ใจสะกิด
ก็คิดถึง ความคิด ห้ามไม่ได้
ก็คิดถึง ข้างเดียว ช่างประไร
ก็คิดถึง หมดใจ รู้ไว้เธอ
19.08.55   20:20

คิดถึงบ้าน

เปลวเพลิง


ที่ท้องทุ่งถิ่นฐานบ้านเรานั้น
ไร้สิ่งสรรพ์เจริญหลามตามสมัย
ไร้ร้านรวงสะดวกเข้าเอากำไร
ไร้ดวงไฟแสงสีราตรีกาลเราจำได้แต่ว่าคราพลบค่ำ
วัวควายย่ำยาตรากลับมาบ้าน
พ่อแบกจอบเก่าคร่ำจากทำงาน
การไถหว่านกล้าเรียวเขียวขจีแม่ตั้งเตาเตรียมไฟไว้หุงข้าว
ตำหรับสาวบ้านนาสมราศี
เราลงคลองเล่นน้ำฉ่ำกายี
ก่อนเร็วรี่รุดหน้ากลับมาเรือน
โอ้หอมหวนไข่เจียวฝีมือแม่
เรียบง่ายแต่อิ่มใจหาใดเหมือน
พ่อนอนหงาย ประแป้ง ชมแสงเดือน
ยามดาวเยือนหลังคาฟ้าแพรวพรายเพื่อนไพรพฤกษ์ยามนี้มีหริ่งหรีด
ขับสังคีตมโหรีดนตรีหลาย
ราตรีกรุ่นกลิ่นย้อมหอมกำจาย
ลมหนาวกายแต่อุ่นรักประจักษ์ทรวงโอ้บ้านทุ่งถิ่นเก่าของเรานั้น
คือภาพฝันอาบแดนสุดแหนหวง
สุขสบาย กาย ใจ ไร้เล่ห์ลวง
ท่ามกลางปวงธรรมชาติพิลาสพิไลคืนนี้ส่งใจฝากข้ามฟากฟ้า
กับดาราระยิบแข่งแสงสดใส
คิดถึงทุ่ง บ้านเรา เนาหทัย
อีกเมื่อไหร่จะได้กลับไปเยือน

.คำ...ที่เธอชิน

มวลภมร


o อยากบอกเธอ เสมอ ว่าคิดถึง
หากคำหนึ่ง มากมาย กว่าคำนี้
แต่ไม่อาจ หาคำ ใดที่มี
กว่าคำนี้ คำว่า "คิดถึงเธอ"
o เธออาจฟัง คำนี้ แล้วเฉยเฉย
ไม่ซึ้งเลย เพราะได้ ยินเสมอ
ใครต่อใคร เขาร่ำ พร่ำบอกเธอ
เพราะเธอเจอ คำนี้ มาจนชิน
o ฉันยังจำ "คำรัก" ที่เคยบอก
เหมือนโดนศอก เข้าหน้า แทบหงายดิ้น
เป็นอีกคำ ที่เธอ บอกเธอชิน
แค่ได้ยิน คำนี้ จากอีกคน
o หนักใจหนอ แต่ขอ สู้ให้ไหว
เพราะปักใจ รักแล้ว ไม่สับสน
คนน่ารัก มีเสน่ ในตัวตน
เพราะจีบคน น่ารัก ต้องทำใจ
o ไช่เพียงเรา เห็นเขา นั้นน่ารัก
คนอื่นจัก เห็นด้วย ช่วยไม่ได้
พยายาม ให้เธอเห็น ความจริงใจ
ที่มอบให้ หมดใจ ให้คนเดียว
o หวังไว้ว่า ค่าความรัก จักบอกได้
เหนื่อยแค่ใหน หัวใจ ไม่พลั้งเผลอ
รู้ว่าเสียง แต่เสี่ยงให้ ได้ใจเธอ
หวังเสมอ ว่าเธอ จะเห็นใจ
o เมื่อวันหนึ่ง วันซึ่ง เธอรับรัก
สองเราจัก เคียงกัน ไม่หวั่นไหว
รักที่ได้ พิสูจน์รัก ด้วยหัวใจ
เหมือนสายใย แห่งรัก ร่วมถักทอ
.....17:08:55....19:30

คิดถึงเพื่อนทุกครั้งนั่งมองดาว..

ประภัสสุทธ


ผู้คอยให้ กำลังใจ ให้ความหวัง
ผู้รับฟัง เรื่องสุข-ทุกข์-สงสัย
ผู้เคยนั่ง ล้อมวง อย่างเปิดใจ
"เพื่อน"ผู้ไม่ เคยห่างไกล จากใจเพื่อน
เปรียบเพื่อนดั่ง ดาวใส ในคืนมิด
แม้เมฆขาว ยาวชิด ปิดรอยเลื่อน
กลบดวงดาว กลบแสง ที่เฝ้าเตือน
แต่ไม่เคย ลางเลือน จากฟากฟ้า
บางขณะ ริบหรี่ ฤาจะดับ
บางจังหวะ ระยับ กระจับตา
ปลุกพลัง ผลักหัวใจ ยามอ่อนล้า
ให้ร้อนแดง แรงกล้า มีกำลัง
สรุป"เพื่อน" คือดาว ที่พราวแสง
คือเรี่ยวแรง ส่องแสง ยามพลาดพลั้ง
คอยกระพริบ กระซิบเตือน เมื่อสิ้นหวัง
คิดถึงเพื่อน ทุกครั้ง นั่งมองดาว

เธออยู่ไหน

คนบางบอน


เธออยู่ไหน คนดี อยู่ที่ไหน
รู้บ้างไหม หน้ามล มีคนห่วง
ฝากแผ่นดิน แผ่นฟ้า มาถามทวง
ทุกทุกห้วง คะนึงหา ทุกนาทีส่งข่าวบ้าง สักนิด เถอะ คิดถึง
คำซึ้งซึ้ง กลั่นให้ จากใจนี่
หวังว่าเศษ เมตตา ความปรานี
จะยังมี อยู่บ้าง ยามห่างไกล
คนเหงาเหงา เฝ้าหวัง มายังมิตร
จะให้สิทธิ์ รับรู้ เหมือนอยู่ใกล้
ยามท้อแท้ ยังหวัง กำลังใจ
ยามหวั่นไหว ยังอยากมี คนชี้ทางอยู่ห่างกัน แค่ไหน ไม่อาจรู้
แต่เหมือนอยู่ ในใจ ไม่เคยห่าง
ความคิดถึง มีให้ ไม่เว้นวาง
สานช่องว่าง อีกสักหน เถอะคนดี
ส่งข่าวใจ ฝากฟ้า มาปลอบขวัญ
ชุบชีวัน คนยาก จากซากผี
ยังเฝ้ารอ น้ำใจ เปี่ยมไมตรี
ของคนที่ มีใจ ให้กลับมา
บอกมาเถอะ คนดี อยู่ที่ไหน
ใกล้หรือไกล จะดั้นด้น เพื่อค้นหา
ถึงวันนี้ ยังไม่พบ ได้สบตา
โปรดรู้ว่า เธออยู่ใน ใจนิรันดร์ฯ

เสียงกระซิบจากหัวใจ

เปลวเพลิง


ความอบอุ่นกรุ่นละไมอยู่ในฝัน
คิดถึงกันข้ามฟ้าเพลาหนาว
ยามราตรีคลี่คลุมด้วยกลุ่มดาว
ใจจักกล่าวคำหวานซ่านทรวงในคิดถึงกันบ้างไหมในคืนที่
ฟ้าไม่มีโสมส่องอันผ่องใส
ยามลมพัดผ่านโพยมมาโลมไล้
ย่นระยะทางไกลเข้าใกล้กันมองสายน้ำฉ่ำไฉนก็ไม่เหมือน
ดั่งมีเพื่อนสู่สองประคองขวัญ
เคยแย้มยิ้มเสนาะคำเพ้อรำพัน
ว่า รัก รัก รัก มั่น มิผันแปรอิงไออุ่นกรุ่นหอมอ้อมฟากฟ้า
เพียงผกาบำบวงมอบดวงแข
สบตาสองจ้องซึ้งตะลึงแล
สะท้านแดดวงนี้ทุกทีไปเพลานี้ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด
เขาจะคิดถึงเหมือนตอนแต่ก่อนไหม
หว่างเส้นรุ้งคุ้งโค้งโยงเยื่อใย
เราส่งใจไปหาทุกนาทีเขาคนที่อยู่ไกลรู้ไหมหนอ
ใครส่งต่อความห่วงใยไปจากนี่
สะท้อนเลื่อมปลาบประกายสายวารี
ในยามที่เราพรากไกลจากกันกับวงแขนกอดเชยอันเคยคุ้น
ซบอกอุ่นวุ่นหวามดั่งความฝัน
ในรู้สึกลึกเกินเกริ่นจำนรรจ์
แรกรักฟั่นกลมเกลียวเหนียวแนบเนาโอ้พระพายพัดไปไกลลับลิบ
ฝากกระซิบ “คิดถึง ซึ้ง และเหงา”
เพียงผู้หนึ่งซึ่งครองห้องใจเรา
เนิ่นนานเท่านิจนิรันดร์เท่านั้นเอง
..................................................
ด้วยความปรารถนาดี

ฝากสายลมห่มใจบางใครจร

(น้ำตาลหวาน)


เสียงสายฝนหล่นฟ้าพาใจอุ่น
หอมละมุนกรุ่นไอเย็นกระเซ็นไหว
แอบหนาวเหน็บเก็บกลิ่นฝนระคนไอ
แม้นหนาวเย็นกายเพียงใดใจชื่นทรวง
ฝากสายลมห่มใจบางใครจร
ฝากสายฝนระคนวอนอ้อนแดนสรวง
ฝากสายน้ำไหลเฉื่อยฉิวริบริ่วรวง
ขออย่าลวงอย่ารับไปแล้วหายเลย
สายฝนพรำวอนขอนำจากใจนี้
ฝากคนดีที่อยู่ไกลได้ไหมเอ๋ย
สายลมพัดดึกสงัดอย่าปัดดั่งเคย
ความคิดถึงคนึงเอ่ยนิ่งเฉยไย
แม้นสายลมห่มหอบมอบแล้วหนัก
วอนสายลมนำห่มรักแอบพักไว้
คลายเหนื่อยหนักพักแล้วเร่งเร็วไว
นำคิดถึงและห่วงใยบางใครจร

คืนนี้ไร้ข่าวดาวหนึ่ง

บุญเพิ่ม


คืนนี้ไร้ข่าวดาวหนึ่ง
(กลอน ๖)
มืดมน หนทาง ข้างหน้า
ดั่งมา เดินเดี่ยว เปลี่ยวจิต
เป็นห่วง อย่างยิ่ง มิ่งมิตร
อยู่ทิศ ทางใด ไร้เงา
เงียบงัน วันคืน ขื่นขม
ตรอมตรม สิ้นหวัง นั่งเศร้า
จันทร์ใส คล้ายครึ้ม ทึมเทา
หรือเขา ลืมเลือน เพื่อนกัน
เห็นดาว ร่วงฟ้า คราดึก
วาบลึก ทรวงใน ไหวหวั่น
เคยเขียน ถ้อยคำ รำพัน
แบ่งปัน น้ำใจ ไมตรี
คืนนี้ ไร้ข่าว ดาวหนึ่ง
ผู้ซึ่ง เคยส่อง ผ่องศรี
แต่งคำ โบยบิน ยินดี
เป็นที่ สรวลเส เฮฮา
หรือต้อง สิ้นแล้ว แววฝัน
ปล่อยฉัน เฝ้าตาม ถามหา
คอยหวัง กลืนกล้ำ น้ำตา
มองฟ้า ไร้ข่าว เปล่าดาย
เพียงนิด ส่งข่าว คราวบ้าง
อย่าร้าง เลือนให้ ใจหาย
โปรดเปล่ง แสงดาว พราวพราย
ทักทาย ฉันเถิด เปิดทาง!ฯ
อริญชย์
๑๖/๗/๒๕๕๕

แด่เธอผู้สร้างฝัน

แทนคุณแทนไท


ฉันคิดถึงเธอ
เมื่อแรกที่ได้เจอในที่นี่
มาทักทายสบายไหมสบายดี
มามอบมิตรไมตรีไม่มีภัย
ประวัติดีไมตรีไม่มีหมด
มาฝากถ้อยร้อยรสบทความไว้
ไม่สนใจที่มาหรือที่ไป
ใจต่อใจสัมผัสได้ด้วยรสคำ
เป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนทั้งพวกผอง
บ้างนับเป็นเช่นน้องร่วมร้องร่ำ
บรรเลงจินตนาการละลานคำ
ยกจอกแดดื่มด่ำล้ำเลอใจ
ไปไหนหนา
เธอผู้เป็นนางฟ้าหนีไปไหน
เขาผู้เป็นทวยเทพอำนวยชัย
สหายผู้ห่วงใยเคยให้กัน
ลืมแล้วหรือถิ่นเคยรักสมัครหมาย
ที่ไม่ต้องใกล้กายใจหมายมั่น
ใครจักอยู่โลกไหนก็โลกนั้น
มาเป็นโลกนิจนิรันดร์ในบ้านเรา
เธอจากไปไกลห่างรู้บ้างไหม
ว่ามีใครเขาคอยพลอยหงอยเหงา
เขียนคำฝากกระซิบส่งถึงนงเยาว์
อย่าปล่อยเขาหมองหม่นนะคนดี
สำหรับใครบางคนที่ถอยฉาก
เธอถามฝากฉันมา ณ.ที่นี่
ไม่เหลือรักยังเหลือไหมเยื่อใยมี
กับคนที่เคยรักเคยรักกัน
เวลามีพอว่างบ้างไหมหนอ
ถ้ามีพอขอมาตอบว่าชอบฉัน
อย่าซอนซุกรู้สึกลึกลึกนั่น
ขอแค่มาแบ่งปันเท่านั้นพอ
สมมุติว่า
ถ้าใจเธอรักเพรียกหาเหมือนว่าหนอ
เสียงสวดมนต์บ่นถึงไม่ซึ้งพอ
เท่าสร้อยที่ร้อยล้อต่อคำคม
ฉันคิดถึงเธอ
ใยมาเจอโทษทัณฑ์อย่างสาสม
ไปอยู่ไหนสารภาพอย่างซานซม
ฉันปรารมขมขื่นทุกคืนวัน
แดนแห่งนี้เคยสนุกสุขเสมอ
แม้เพ้อเจ้ออย่างไรไม่เคยหวั่น
ไปไหนหนอนางฟ้าที่ว่านั้น
เทวดาไปแอบปันใจที่ใด
ไปไหนหนา,,,อักษราสารพัน
เคยมีมอบตอบปันปลอบขวัญเรา

โศลกร่ำวันอำลา

เปลวเพลิง


“อย่าร้องไห้เสียใจไปเลยน้อง
พี่หมายปองเดินทางอย่างชาติทหาร
ศึกผจญผองริปูผู้รุกราน
ด้วยเชิงชาญณรงค์รบทบธรณีทุ่มแรงกาย กำลังนี้ทั้งหมด
สร้างทางสู่อนาคตอันสดศรี
บ้านเราจักปลอดภัยในเสรี
ทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ ตราบนิรันดร์”“พี่จ๋า
นับเวลาผ่านปีหรี่ตาฝัน
ในวงแวดผุดผ่องของนวลจันทร์
ในเพชรพรรณแสงพราวของดาวพรายพี่กลับมาที่นี่ที่อบอุ่น
เขนยหนุนน้ำจิตมิตรสหาย
หลับลงกับนิยามของความตาย
นอนอยู่ภายใต้หลุมหญ้าคลุมดินวีรกรรมความกล้าในคราก่อน
อนุสรณ์ตรึงจิตชีวิตสิ้น
เกียรติขจรเจือผสานสายธารริน
ศักดิ์กสิณหอมในดอกไม้บานและแม้ว่าตัวน้องจะร้องไห้
ก็ภูมิใจยามพี่ยากลับมาบ้าน
ไผ่เสียดสีบทเพลงวังเวงมาน
เปล่งคำขานโศลกร่ำน้ำตานองกับอีกหลายหลายคนบนโลกนี้
ชีพยอมพลีเพื่อชาติเห็นไม่เป็นสอง
ยอมฝังร่างภายใต้หินทรายรอง
หลังปกป้องรักษามายาวนานนิทราเถิดพี่ยาใต้ฟ้าค่ำ
ดาวจะร่ำโศลกแว่วผิวแผ่วผ่าน
หลับจากสงคราม ท้อ ทรมาน
อยู่ที่บ้านเรานั้นนิรันดร”

ความคิดถึง..กองอยู่ตรงนี้

มวลภมร


วันที่หนึ่ง แอบคิดถึง ไว้ตรงนี้
รอคนดี มาเก็บ เอาไปฝัน
รอให้เธอ มาเจอ หัวใจกัน
เก็บใจฉัน ดวงหนึ่ง คิดถึงเธอ
....
วันที่สอง หอบคิดถึง เอามาเพิ่ม
คิดถึงเติม เต็มใจ ให้เสมอ
คิดถึงมาก คิดถึงจน นอนละเมอ
อยากให้เธอ รับคิดถึง จากฉันไป
....
วันที่สาม ยังตาม ส่งคิดถึง
ยังรำพึง ถึงเธอ ไม่สงสัย
เพียงเธอยัง ไม่เก็บ คิดถึงไป
ยังเฝ้ารอ ด้วยใจ ที่รำพึง
...
วันที่สี่ พี่นี้ ยังมามอบ
คิดถึงเป็น กระสอบ มอบให้ถึง
แม้เริ่มล้น จนล้นใจ ไม่คำนึง
ยังรวบรวม คิดถึง ฝากให้เธอ
....
วันที่ห้า ยังหอบมา เอามาฝาก
คิดถึงจาก หัวใจ ให้เสมอ
เอ..เธอหาย ไปใหน กันหนอเธอ
ไม่พบเจอ ใจเธอ แม้เพียงเงา
......
วันที่หก ไม่ตลก แต่มาแล้ว
ยังไม่แคล้ว ต้องคลาดเธอ พี่เพ้อเศร้า
แต่ยังหอบ คิดถึงมา อีกไม่เบา
รอเพียงเขา มารับ คิดถึงไป
....
วันที่เจ็ด ไม่เข็ด หอบมาอีก
ไม่หนีหลีก เหนื่อยหนัก ไม่หวั่นไหว
วันหนึ่งเธอ คงมารับ คิดถึงไป
เก็บเอาไว้ ข้างใน หัวใจเธอ
.....
วันที่แปด พี่มา หน้าสดใส
คิดถึงหาย เธอเก็บไป ไม่พรั้งเผลอ
คงไปนอน กอดคิดถึง ฉันนะเธอ
พี่ไปเพ้อ รู้ว่าเธอ คิดถึงกัน
.....
แต่ที่ใหน มีใคร มาบอกพี่
คิดถึงที่ กองอยู่ ที่นี่นั้น
ใช่เธอเก็บ เอาไป ที่ใหนกัน
เทศบาล กวาดลงถัง ทิ้งเผาไฟ
...
06/06/55 19.53

~คน..ในฝัน~

พิมญดา


เสียงแว่วไหวโลมไล้"ความรู้สึก"
สุดจะนึกให้ออก เสียงใครหนอ
เหมือนลอยลม ห่มใจ นวลละออ
แล้วเคล้าคลอ บรรเลง เพลงเบาเบา
..หลับหรือยัง คนดีพี่จะกล่อม..
เสียงละมุนละม่อม ล้อมคนเหงา
หอมอบอุ่น กรุ่นกาย ชายบังเงา
เป็นเจ้าเข้า เจ้าของ น้องเมื่อไร
..รับเสียเพรียกเรียกหาอย่าห่างหาย
ขอให้ชายคุ้มครอง ยามหลับไหล
เอื้อมมือคว้า เสียงเรียกของหัวใจ
ผวา!ใน ความฝัน..อันตธาน
..คนในฝัน รูปงามตามนิมิต
สิงสถิตย์ หนใด ขอไขขาน
จากสวรรค์ ชั้นไหน ในวิมาน
ราตรีกาล ค่อนคืน ชื่นฤดี
..อธิฐานผ่านภพที่ซ่อนเร้น
สิ่งที่เห็น ในฝัน มันถ้วนถี่
ยังจำเสียงเรียกย้ำ พร่ำวจี
รอน้องพี่..ในฝัน ..มิผันแปร

ฝากฟ้าถึงกัน

แก้วประภัสสร


อกเอย...
เจ้าเคยห่มผ้ายามหน้าหนาว
ปลดเปลื้องปล่อยว่างวางเรื่องราว
เดินก้าวลุยน้ำเท้าย่ำทราย
อิสระ....
พันธะหลุดพ้นค้นความหมาย
ท่ามกลางธรรมชาติวาดลวดลาย
ยามสายแดดกล้ายืนท้าลม
ชีวิต..
หลงจิตรูปงามตามผสม
วูบหวิวหวั่นไหวในอารมณ์
กล้ำกลืนฝืนข่มยามห่างไกล
ฟ้าจ๋า..
ฝากคำนำพาไปได้ไหม
ว่ารักคิดถึงซึ่งคนไกล
ถนอมไยห่วงหาอย่าลากัน

..สายลมหนาว..สาวยังรอ.

พิมญดา


.แหงนมองจันทร์พร่างพรายสายลมหนาว
ช่วยรับฝากจากสาว..ที่คิดถึง
ทั้งหนาวเนื้อเจือใจ..ใคร่คำนึง
ฝากรำพึงถึงชายที่หมายปอง
เพลานี้ยามหนาวร้าวดวงจิต
เพราะมิ่งมิตรอยู่ไกล..ใจเศร้าหมอง
สไบแพรห่มเนื่อเรื่อเรืองรอง
คอยประคองผิวงาม.ยามหนาวมา
จักรอพี่อยู่เรือนมิเบือนจร
อรชรรักฝากปราถนา
สายลมหนาวผ่าวไล้ใจพี่ยา
ทุกเพลารอพี่นี้กลับเรือน
พรมแป้งร่ำแนบเนื้อเพื่อรอพี่
สไบสีงามตาหาใครเหมือน
ผมสยายเงาวับรับแสงเดือน
อย่าแชแชือนลืมรัก..จักระทม
สายลมหนาวดาวเดือนเตือนพี่กลับ
อย่าลาลับเนิ่นนานพานขื่นขม
เฝ้าถนอมกายใจให้ชื่นชม
ฝากสายลมห่มรัก..จักหนาวคลาย

..รักกันเสมอทุกชาติไป..

ปรัมปุราณ


พิรุณแก้วหล่นร่วงจากห้วงหน
หยาดหยดบนกลีบมาลย์ยากทานไหว
แรงกระหน่ำเก็จแก้วซัดกลีบใบ
ดลดอกให้ช่อบางซบกลางดิน
หวั่นสัมพันธ์แห่งรักที่ถักไว้
ยั่งยืนจักแปรไปจนผันผิน
ไม่ต่างจากบุษบาต้องหยาดริน
ในหัตถ์วรรษาสิ้นซึ่งปราณี
ขอฝากคำพร่ำพรอดถึงยอดรัก
หวัง..คนภักดิ์..อยู่ไกลไม่หน่ายหนี
อาวรณ์หวามข้ามฟ้าเปี่ยมไมตรี
ทุกนาทีห่วงใยไม่สร่างซา
ว่าแต่ใจอีกดวงที่ห่วงนั้น
ยังอาทรผูกพันละห้อยหา
ถึงหนึ่งใจที่ไกลสุดสายตา
เช่นผ่านมารักหวานทั้งลานทรวง
พิรุณหยาดขาดช่วงมิร่วงแล้ว
มณีแก้วบอกลาฟากฟ้าสรวง
พลิ้วอารมณ์อ่อนไหวในแดดวง
ยังโหมห่วงว้าวุ่นครุ่นคำนึง
เพียงวลีสักน้อยจากกลอยขวัญ
หนึ่งคำมั่นในห้วงความคิดถึง
ก็เสมือนโซ่คล้องล่ามล้อมตรึง
อีกใจหนึ่งต่างฟากมิพรากกัน
รอรับสารแห่งรักจากอีกฟ้า
ทอดสัญญาสองใจไม่แปรผัน
ปฏิพัทธ์ทุกชาติตราบนิรันดร์
จวบอนันต์สิ้นภพจบวัฏฏา
หน้า / 15  
ทั้งหมด 247 กลอน