กลอนเสียใจ

ขอทานรัก

Prayad


ณ ซอกตึกแห่งนี้มีที่ว่าง
สำหรับวางหัวใจอันไร้ค่า
คนมอซอรอเศษความเมตตา
นั่งก้มหน้าคอตกอกขอทาน
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวแรกรัก
สะท้อนทรวงฮักฮักคอยหักหาญ
ดวงฤทัยรักแรกเหลวแหลกลาญ
จนพิการเช่นนี้ฤดีตรม
จึงกลายเป็นยาจกที่อกหัก
ขอเศษรักคนอื่นอย่างขื่นขม
พิการใจไร้หญิงอิงแอบชม
นั่งซานซมหน้าด้านขอทานรัก
ไม่เกินวันพรุ่งนี้หรอกชีวิต
คงปลดปลิดลงด้วยใจป่วยหนัก
ดุจไร้ญาติขาดหญิงไว้พิงพัก
โถ...ใครจักต่อชีพจงรีบไว
โปรดให้ทานรักล้นแด่คนยาก
ผู้ฝันฝากใฝ่รักเจียนตักษัย
มิเคยเกี่ยงเลี่ยงเว้นว่าเป็นใคร
ขอเพียงใจมีรักจักสมปอง
มัวชักช้าร่ำไรอาจใจร้าว
หากได้ข่าวยาจกอกกลัดหนอง
สิ้นชีวาตม์ขาดคนมาสนมอง
เมื่อนั้นน้องอาจช้ำนอนคร่ำครวญ
(ธันวาคม ๒๕๒๘)

แล้วเธอว่า อันไหนเล่าเศร้ากว่ากัน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


อ่าน comment เพลง Here with me ของ Dido  ใน youtube แล้วเกิดบันดาลใจ คนชื่อ Anjasalushka เขียนไว้ว่า I don't know what's sadder, realizing that your dream will never come true, or the fact that you got stuck in that dream...   sometime a human being is just an idea even when he looks like a real person....it is weird how our own subconscious messes with our life and makes us believe that we are feeling connected to someone we've never really met..
  ในค่ำคืนมืดหม่น อนธกาล
เหมือนอย่างคืนยืดยาวนาน ไม่สิ้นสุด
พยุงใจที่เหลือเพื่อโทรมทรุด
เจียนจะหลุดเป็นชิ้นๆ แล้วสิ้นลง
  .. อันใดเล่าเศร้ากว่ากันฉันไม่รู้
ยอมติดอยู่ในฝันอันไหลหลง
มั่นคงกับรักมายาว่ามั่นคง
สุขหัวใจอยู่ในกรงความทรงจำ
  กับอีกอย่างคือตื่นรู้อยู่โลกจริง
รู้ทุกสิ่งอันไร้สุขทุกคืนค่ำ
กำความจริงจนเจ็บมือที่ถือกำ
ยังยอกย้ำกระทำอย่างไม่สร่างเซา 
  แล้วเธอว่า  อันไหนเล่าเศร้ากว่ากัน
หนึ่ง รู้ชัดปัจจุบันอันแสนเศร้า
สอง หลงสุขในฝันอันมอมเมา
จะเลือกเอาเศร้าแบบไหน ให้ใจนี้

ผู้หลงรัก : The Lover

Prayad


ผู้หลงรัก : The Lover
สายตาฉันใคร่เชยชิดจุมพิตพักตร์
สุดห้ามหักหนักอุราดวงตาฉัน
มันอยากจูบดวงหน้าโฉมลาวัณย์
รุกโรมรันกระสันส่ายด้วยสายตา
 
สั่นสะท้านผ่านไหล่อุ่นไอร้อน
ค่อยแทรกซ้อนทรวดทรงคุณตรงหน้า
ฉันโลมไล้ไปยังปากฝากวาจา
วนไปมาทุกหนแห่งแหล่งของเธอ
 
ฉันมิอาจห้ามสายตามันพาสื่อ
นั่งสองมือซุกตักรักพร่ำเพ้อ
มิอาจทักแตะต้องเพียงมองเธอ
แต่ตาเผลอไล้ลูบจูบวงพักตร์
 
มิมีใครหยุดยั้งรั้งฉันอยู่
ดั่งลมลู่ลุกไป ไม่ประจักษ์
สุดห้ามจิตที่คิดวิ่งไหลยิ่งนัก
รื่นรมย์รักมิจบสิ้นสุดยินดี
 
ดวงตาเธอฉงนส่อสนเท่ห์
ออกรวนเรมิรับรู้ดูแปลกที่
ฉันซบลงกับมือฉันในทันที
ดวงตานี้กลิ้งกลอกเกลือกใต้เปลือกตา
 
The Lover
 
My eyes want to
kiss your face.
I have no power
over my eyes.
They just want to
kiss your face.
I flow towards you
out of my eyes,
a fine heat
trembles round your shoulders,
it slowly dissolves
your contours
and I am there with
you, your mouth
and everywhere
around you –
I have no power
over my eyes.
            I sit with my hands in my lap,
            I shan’t touch you and I’ll never
speak.
            But my eyes kiss your face,
            I rise out of myself and no-one can
stop me,
            I flow out and I’m invisible,
            I can not stop this unfathomable
flowing,
          

คนไร้ศักดิ์

Prayad


ดงดิบลิบแดนด้าว            กับคราบคาวความฉาวโฉ่
ถูกหยามเพราะความโง่   ไม่เก้โก๋เหมือนใครคน
 
ฝังซากความบัดซบ        ไม่อยากสบความสับสน
หลีกเร้นเว้นเวียงวน       รองอัสสุชลด้วยคนโท
 
ดาราระยับฟ้า               ดูทีท่าหยิ่งยโส
ปลอบใจด้วยธรรมโม    ท่องพุทโธ อีโธ่ศพ
 
ฉันรักใช่ฉันใคร่            แล้วทำไมไม่มาพบ
เชือดเฉือนแล้วเลือนหลบ คนประจบเจ้าสอพลอ
 
ดงดิบคือป่าช้า               อย่าหวนหาอย่ามาง้อ
เหม็นสาบคนมอซอ       เชิญลออกลับเวียงวัง
 
ฉันเขลามัวเมารัก         จักเสียศักดิ์ตระกูลหวัง
ยอมช้ำแต่ลำพัง            เจ้านั้นยังอีกยาวไกล
 
ง้างหินเกลี่ยดินกลบ    ใต้พิภพ ฉันหลับใหล
เนื้อหนัง ผุพังไป       อย่าอาลัยคนไร้ศักดิ์   
(๑๔ มกราคม ๒๕๓๐)

เสียงพิณ

Prayad


เสียงพิณแผ่วแว่วผ่านกังวานล้ำ
คลอหมอลำพร่ำมาอุราหวิว
ว่าโอ้หนอคืนนี้ฤดีปลิว
ใจลอยลิ่วล่องหนถึงคนดี
ดอกอะไรไหนเรียมเทียมดอกรัก
ขอสมัครร่วมตายอย่าหน่ายหนี
อ้ายบ้านไกลใฝ่หายอดนารี
ฝ่าราตรีถึงบ้านจงขานคำ
พิณก็เร่งเปล่งคำลำต่อว่า
แม่น้องหล่าเอวกลมเจ้าคมขำ
อ้ายขี้เหล่เป๋ขาซ้ำหน้าดำ
บ่เว้านำเลยหนออ้ายขอลา
เสียงพิณผ่านหวานแว่วแผ่วๆลับ
น้ำหมอกซับพรมดินถวิลหา
พิณสายสองหมองหม่นปนน้ำตา
คลอช้าๆครวญคร่ำลำโศกตรม
โอ้ หนอกรรมค่ำคืนสะอื้นไห้
ถึงรักใคร่คงเพียงชู้มิคู่สม
ช่างอาภัพอับชาติจึงชวดชม
ลำฝากลมอ่อนๆค่อนราตรี
ถึงเถียงนากลางทุ่งมุงหญ้าแพรก
ดอกตะแบกร่วงคลุมมุมม่วงสี
นั่งเหม่อมองข้างซุ้มกลุ้มฤดี
ดีดอีกทีพิณพาทย์...ให้ขาดใจ
(พฤศจิกายน ๒๕๒๘)
Pin Tone;
A sweet sound
of Pin was slightly heard;
Mor Lum was also excitedly humming.
“Oh…tonight is so romantic, and my mind is now flown to meet her.
What kind of flower on earth is equal to Dok Rak, the love flower;
So I would like to be yours until my death, don’t be afraid.
Though my home is far away, but my mind is trying to find and reach you tonight. 
Please reply. 
Rousing Pin tone and singing of Mor Lum were performed with scorning;
You are so a beautiful girl with a slender contour.
But, my face is ugly dark, and my legs are disabling. You have no a

ระบายถึงยายเพิ้ง

ไผ่ลู่ลมม


 
อุษาชื่นตื่นนอนตอนไก่ขัน
รังสิมันต์เเรกเริ่มประเดิมศรี
หยาดน้ำค้างแวววับจับฤดี...
ก่อนจะหนีลงหลบซบผืนดิน
แต่สายใยกลับต่างมิห่างถอย
ยังรอคอยนงนุชสุดถวิล
ถึงแม้เจ็บระรัวหัวใจริน
คงยลยิลรักเผลอเธอส่งมา
จวบสุรีย์ร่วงโหยโรยแสงสูรย์
ทวีคูณใจลอยคอยเพ้อหา
ดั่งฟอนไฟเร้ารุมสุมอุรา
กัลยาน้องหลบซบถิ่นใด
แสงจันทร์เสี้ยวเกี่ยวดาวพราวระยับ
หิ่งห้อยขับวาดแจ้งแถลงไข
มารุตเอื่อยพัดโบกโยกดวงใจ
เจ้ารู้ไหม...คืนนี้พี่รอคอย
กระทิงแดง(ไผ่ลู่ลม)
 
 

หนาวมาแล้วแก้วใจจ๋าหนาวมาแล้ว วังเวงแว่ววิบว่อนวอนหวิวไหว

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


  จำ  ..ความทรงจำเปียกฝน
เจ็บหมองจองหม่นจนถึงฝัน
ผ่านได้พบ จบตรงที่ไม่มีกัน
เหลือก็เพียงฝันแค่นั้น ..ฝันว่าเจอ
  กาลก่อนเก่าโน้นเนานาน ในกาลเก่า
ความทรงจำคงย้ำเศร้า ทรวงเสมอ
ละมุนแม้หลงละไม ในละเมอ
เพียงพากย์เพ้อ จึงพบแพ้แก่ดวงใจ
  หนาวมาแล้วแก้วใจจ๋า หนาวมาแล้ว
วังเวงแว่ว วิบว่อนวอนหวิวไหว
ครั้งคู่เคียงคราวค่อย คอยคู่ใคร
รั้งร่ำไรร่ำร้องเร่า รักเราราญ
         ...
  หมดแล้ว.. แรงแห่งใจไว้ต่อสู้
หมดแล้วผู้เคยพร่ำเขียนคำหวาน
ต่อนี้ใจจะนิ่งเนานานเท่านาน
กลัวอาการเหมือนก่อนกี้ จึงหนีไกล
  ก่อนทุกสิ่งจะยิ่งหนาวราวน้ำแข็ง
คงไม่แข่งแข็งขืนสู้ รู้ ..ไม่ไหว
ใจแพ้แล้ว ก็ยอมพับอับจนใจ
จองจำใว้ ให้จำศีลกินน้ำตา

ฉันเอง

กวี


..แข็งแรง แกร่งเรือนร่าง
ช่างบอบบาง หว่างหัวใจ
เพราะทุกข์ ซุกข้างใน 
...ไม่เผยให้ ใครยิน...ยล..

..มากมาย หลายเรื่องราว
วิ่งสาวเท้า ร้าวรานรน
เเรงรัก ปัก..กมล 
หล่นปะปน ล้นห้วงใจ ....แผลเจ็บ เก็บกี่ครั้ง  ยังมิตั้ง ฝังให้ไกล เขาเมิน เกินห่วงใย  ใจหนอใจ ไม่คิด..ลืม ......... ...กาพย์ยานี11... ....... .....กวีชาวบ้าน...

ฉันเอง

กวี


..แข็งแรง แกร่งเรือนร่าง
ช่างบอบบาง หว่างหัวใจ
เพราะทุกข์ ซุกข้างใน 
...ไม่เผยให้ ใครยิน...ยล..

..มากมาย หลายเรื่องราว
วิ่งสาวเท้า ร้าวรานรน
เเรงรัก ปัก..กมล 
หล่นปะปน ล้นห้วงใจ ....แผลเจ็บ เก็บกี่ครั้ง  ยังมิตั้ง ฝังให้ไกล เขาเมิน เกินห่วงใย  ใจหนอใจ ไม่คิด..ลืม ......... ...กาพย์ยานี11... ....... .....กวีชาวบ้าน...

อาลัย พี่เป้า

กวี


...ไก่จ๋า...
ได้ยินไหมว่าเสียงใคร
คือเสียงของร้องไห้
คล้ายคล้ายชายเจ้าน้ำตา
เสียงนี้คือเสียงคนปวดอุรา
จึงร้องเรียกเพรียกหา ไก่จ๋าหลบหน้าไปไหน... ......... สิ้นพี่เป้า เคล้าเพลง บรรเลงรัก สายัณห์พัก กายหนาว ยาวเชียวหนอ ขอสวรรค์ ชั้นสุข บุกมารอ เสียงลำคอ ใครเล่า เท่าสายัณห์ ....... พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปลิบปลิบ น้องอายุสามสิบ สามสิบทำไมยังสวย...........โหยโหย โรยริน สิ้นนักร้อง เสียงกึกก้อง กำปะนาท หวาดหวิวหวั่น ยอดรักเรียง เคียงคู่ อยู่ด้วยกัน เชิญสุขสันต์ สุขคติ รวิไว...เทอญ... ..... ..กวีชาวบ้าน

รำลึก 12 ปี ความทรงจำอันโหดร้าย

ศรีสมภพ


9 / 11 ...ความทรงจำอันโหดร้าย


เจ้านกเหล็ก! มหากาฬทะยานพุ่ง
มันหมายมุ่งผิดแผกแปลกนักหนา
ข้ามห้วงฟ้ามหานคร ฝืนร่อนฝ่า ที่หมายหน้า พุ่งทะลวงทะลุตึก เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เลอเลิศหรา ตึกระฟ้า อ่าโอ่มโหระทึก กลางนิวยอร์ค ยอดเด่นเห็นแท่งตึก เสียงก้องกึก! ..ตึกทรุดล้มถล่มทลาย ภาพช๊อคโลก ตระหนกใหญ่ให้ฉงน ไม่คาดคิดจะได้ยลบนโลกได้ เป็นภาพจริงหรือฝัน นั่นอย่างไร ? ไม่เข้าใจในเหตุชัด อุบัติกาล ! เหตุแห่งจริง นิ่งสดับกลับแปรเปลี่ยน เริ่มบทเรียนมวลมนุษย์สุดหวาดหวั่น พยาบาทอาฆาตเห็น เข่นฆ่ากัน โลกเดือดพล่านสานปมขัด ศาสนา.. ต่างระแวงตื่นระวัง หลังจากนั้น แบ่งฝ่ายกันฟันฟัด จัดไล่ล่า โค่นซัดดัม บินลาดินสิ้นชีวา ปลาใหญ่กว่าอ้าปากกิน สิ้นปลาน้อย ! 12 ปี.. ที่ผ่านมันยังย้ำ ว่าศีลธรรมมนุษย์สุดเสื่อมถอย แก่นแห่งศาสน์ปลาสนาการ มันเถื่อนถ่อย เพื่อปลดปล่อยหฤโหด โปรดความใหญ่ ! ทุกศาสนา ต่างสอนดีให้หนีชั่ว ทำตนตัว ชั่วหรือดีมีตราไว้ พวกนอกรีต.. คิดห้ำหั่นให้บรรลัย ไม่เข้าใจ..ไฉนเป็นถึงเช่นนี้ ? เจ้านกเหล็ก ! มหากาฬเมื่อวันก่อน เจ้าอย่าย้อน มาหลอนซ้ำย้ำวิถี สมานฉันท์ กันทุกศาสน์ปัดไพรี ให้โลกนี้ หลากสีสัน..และมั่นคง ! ครบ 12 ปี ..เหตุสยองของมวลมนุษย์ หาสิ้นสุดความห้ำหั่นกันสุดโต่ง บินลาดิน แม้ลาไปใช่จะโล่ง โลกยังคงลุกเป็นไฟ..กระหายสงคราม !! ............................................................................

เสน่หา

แก้วประเสริฐ


                       เสน่หา
๐รอยยิ้มเด่นพักตร์พริ้ม....งามตา
มองเหม่อสุดเสน่หา.........ใฝ่ซึ้ง
ตลึงแลแม่กานดา............สุดคลั่ง  จริงเฮย
สบเนตรแม่ดั่งผึ้ง.............พี่ต้องหม่นหมอง. ๐
๐ รอยยิ้มเด่นพักตร์พริ้มอิ่มงามตา
ดุจดั่งมฤคาคราเฉิดกรายโฉม
เอวองค์อ่อนไหวหวั่นสุดพรั่นโลม
เหมือนแสงโคมพลิ้วไหวในสายลม
๐ ลักยิ้มเด่นสองดวงพวงแม่สวาท
งามพิลาสคราสบพบขื่นขม
สาวน้อยลอยเลื่อนพริ้มพราวอารมณ์
ช่างยากข่มยามเปลี่ยวเสี้ยวหัวใจ
๐ อกเอ๋ยอกพบพาคราขวานบิ่น
แทบจะสิ้นเสน่หาคราสดใส
เหมือนแก้วร้าวคราวพบสบไฉไล
ยากจะได้สท้อนห้วงล่วงสู่จินต์
๐ งามยิ่งนักดั่งมฤคาครากรายสวาท
พราวพิลาสนวลใยใจแทบสิ้น
เหมือนจับบัวสองมือยื้อระริน
หมู่ภมรบินไขว่คว้าคราหว่านโลม
๐ ได้แต่มองสบเนตรเฉดนกเขว้า
สุดแสนเศร้าหฤทัยในเฉิดโฉม
โอ้เจ้าหนอดวงใจคล้ายถูกโคม
เปลวแห่งโสมแผดเผาเคล้าห้วงใน
๐ ปวดทรวงลึกร้าวไปคล้ายถูกกรีด
คมแห่งมีดเฉือนเชือดเลือดสดใส
เป็นแก้วร้าวคราวพบสบไฉไล
ดุจกระต่ายชะเง้อไว้ในดวงจันทร์
๐ ได้แต่มองละห้อยคล้อยห้วงอดีต
ยากจะกรีดหวนกลับยากนับสวรรค์
เพียงดวงเนตรแพรวพราวราวอนันต์
ฉีกชีวันสรรสร้างอยู่กลางโคลน.๐
            แก้วประเสริฐ.

วสันต์ครวญ

อินสวน


ฟ้าคำรามคำรณฝนกระหน่ำ
ใจระส่ำระสายหมายห่วงหา
หนาวสะท้านสะเทือนทอดสายตา
ผ่านม่านฝนม่านฟ้าน้ำตาคลอ
                คงกระหน่ำกระนั้นในวันนี้
วันที่มีที่มาสาบานขอ
บอกท้าทายท้าท่านสัญญารอ
ให้ฟ้าล่อฟ้าผ่าสาแก่ใจ
                ฟ้าครวญครางครวญคร่ำย้ำบอกว่า
จะไม่ฝ่าไม่ฝืนขืนหวั่นไหว
ไม่ลงโทษลงทัณฑ์สถานใด
แต่จะให้จะหาอย่ากังวล
                บอกฟากฟ้าฟากฝนฝั่งโน้นสั่ง
ว่าเขายังเขายอมพร้อมเหตุผล
ยอมขืนย้ำคืนคำยอมจำนน
ยอมเป็นคนเป็นข้าสัญญาใจ

อีกกี่ราตรีทุกข์

Soidow


  หยาดน้ำค้าง พร่างพรม ลมพลิ้วไหวหรีดเรไร ร้องระงม ข่มพฤกษา
เมฆขับเคลื่อน เลื่อนบัง ดวงจันทรา
อีกดารา ให้มืดดับ ลับราตรีกาล
  ลมเรื่อยเรื่อย เอื่อยเอื่อยฉิว ต้องผิวเนื้อ
ให้เครือสั่น พรั่นไหว ไหล่สะท้าน
ให้เหน็บหนาว ร้าวลึก ในรอยราญ
ในดวงมาลย์ ชาเย็น ขืนเข็ญใจ
  หยาดน้ำตา พร่างพรม ลมพลิ้วไหว
ร้าวทรวงใน อกระทม ตรมหมองไหม้
เสียงหรีดหริ่ง ร้องระงม ข่มพฤกไพร
ใบไม้ไหว เอนโยก เคล้าโศกตรม
  กี่..ธิวา หมื่นราตรี ไร้แสงส่อง
ฤทัยต้อง จมทุกข์ ที่รุกห่ม
กี่..เหน็บหนาว ร้าวรอน ซ่อนซานซม
กี่..ขื่นขม พบแสงทอง สาดส่องใจ

ก้าวสู่ 24 ปี สืบ นาคะเสถียร

ศรีสมภพ


บทกวีนำเสนอเพื่อรำลึก ก้าวสู่ ๒๔ ปี ...สืบ นาคะเสถียร
ปืนแผดดัง ! กลางป่าน่าอนาถ
สรรพสัตว์ตื่นแตกวิ่งแหวกข้าม
เพื่อนร่วมป่า ร้องระงมล้มคะมำ
ผู้กระทำ ! หามร่างเพื่อนเลือนหายไป
ก่อนกินอยู่คู่ป่าสง่าสงบ 
ไม่เคยพบมนุษย์ สุดโหดร้าย
บัดนี้ต้อง ย่องระวังระแวงไพร 
กลัวปืนไฟสาดใส่ร่าง ถูกย่างกิน !
มนุษย์หนึ่ง..พร้อมกล้องส่องดูสัตว์ 
หยิบกระดาษวาดจดบนโขดหิน
คอยเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมป่าเป็นอาจินต์ 
ให้อยู่กินสิ้นภัย ไม่พักวาง
ความลึกล้ำธรรมชาติและสัตว์ป่า 
ต่างพึ่งพาพึ่งกันอย่างสรรค์สร้าง
ป่าอุ้มน้ำค้ำชู สัตว์อยู่ยัง 
ดูดฝนหลั่งพรั่งพรู ฟ้าสู่ดิน
ใต้ผืนป่าห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำ 
ยังชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ถิ่น
ธรรมชาติ จัดแจงแบ่งสัตว์กิน 
สร้างสมดุลไม่สูญสิ้น ดินน้ำป่า !
มนุษย์โหดโฉดชั่วไม่กลัวบาป
หน้าฉากฉาบ หลังฉากกลับ ไล่ขับฆ่า
ถืออำนาจบาตรใหญ่ไร้เมตตา
ย่ำยีป่า ลอบล่าสัตว์ลักตัดไม้
เสียงปืนดัง! ครั้งนั้นสะท้านก้อง
ทั่วโลกมองห้วยขาแข้งแหล่งป่าใหญ่
ปลิดชีพตนหนทางสืบ..คืบสุดท้าย 
จุดประกาย..ได้เป็นมรดกโลกต่อมา
ตำนานป่า..สืบ นาคะเสถียร
เป็นบทเรียนให้ตื่นตัวกันทั่วหน้า
เพื่อนร่วมโลกต้องปกปักและรักษา 
ป้องพิบัติ สัตว์และป่า..หน้าที่คน
ถึงบทจาก ฝากไว้ให้ประจักษ์
นักอนุรักษ์..คนดีที่เปี่ยมล้น
ปกป้องภัยให้ผืนป่า..กล้าปลิดตน
ปลุกผองชนคนหวงป่า.. กล้าป้องไพร !
สืบเอย.. เจ้าจากไปไม่สูญเปล่า
 
 
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มันเป็นความฝัน

EiNoo Beam


ค่ำคืนนี้ฉันฝันถึงที่รัก     แต่อกหักเพราะที่รักที่รักฉันถ้าเธอมีคนอื่นอยู่ใกล้กัน     ถึงตัวฉันจะไม่สวยก็รักเธอ

เศร้าชิวๆ

อาบูไซยาบ


บนความเหงา เศร้ารัก เกินหักถอน
แม้จะนอน นอนไม่ได้ ใจมันหวิว
ปล่อยใจลอย คอย..!เฮ้อ...!! เศร้าชิวๆ
เวลาหิว ท้องไม่รับ ตับพิการ
ยามอกหัก เพ้อพร่ำ จนเพื่อนเบื่อ
"เมิงจะเพ้อ ไปเพื่อ..."น่าสงสาร
เฝ้าชะแง้ แลเฟส อยู่ตั้งนาน
ใจร้าวราน เธอคงไม่ รับรู้เลย....
หน้า / 17  
ทั้งหมด 281 กลอน