กลอนเหงา

ห่วงคนไกล

ปราทร


ห่วงคนไกล
เสียงฟ้าร้องก้องฟ้าเวลานี้
ห่วงคนดีคนไกลทำไรหนอ
ราตรีมืดคงเหงานั่งเฝ้ารอ
ระทดท้อจ้องฟ้าน้ำตาริน
ฝนเริ่มพรำร่ำไห้ใจสะท้าน
หนาวเหน็บนานกาลล่วงห่วงถวิล
เหงาแสนเหงาบอกเล่าให้ได้ยิน
มีปีกบินจะถลาฝ่าฝนลม
มาอยู่ใกล้กอดใจให้อบอุ่น
ลิ้มละมุนเนื้อนุ่มร่วมอุ้มสม
ปลดความเศร้าผ่อนคลายหายตรอมตรม
ทุกข์ระทมร้ายร้ายให้กลายดี
ฝนสร่างฟ้านภาแจ่มกระจ่างฟ้า
โปรดรู้ว่าพี่ชายไม่หน่ายหนี
ห่วงแสนห่วงห่วงมากนะคนดี
จะต้องมีฤดีพร้อมหลอมรวมเรา
ทร...

....รักพอเพียง..

พิมญดา


....รักพอเพียง..

อย่า..หวานมากฝากบอกคนมีรัก
คนไม่มีอาการหนัก รักหนีหาย
เฝ้าชื่นชม ดอกไม้ อยู่เรียงราย
คนข้างกาย หามี..ที่มาเคียง

ขอมือหน่อย"คนโสด"อยู่ที่ไหน
โสดแอบเมีย เอาไว้ อย่าส่งเสียง
ขอคนโสด นิสัยดี รักพอเพียง
ไม่อยากเสี่ยง กับความเหงาเฝ้าสุมทรวง

อยากมีรัก "พอเพียง" เรียงใจร้อย
จะคำน้อย ไม่ถาม ตามห่วงหวง
เพราะเชื่อมั่น ในคำ มิหวั่นลวง
ความซื่อสัตย์ รักหน่วง ห้วงคำนึง

จากใจหนึ่ง สู่ใจหนึ่ง มาร่วมฝัน
อย่าแบ่งปัน แยกสาม ความคิดถึง
เป็นรอยร้าว หนาวใจ ในก้นบึ้ง
มันจะตรึง ผนึกนาน ปานแผลเป็น

ถ้าใครเชื่อจริตของตัวเอง
ว่าถือเคร่ง สัจจา มาให้เห็น
อย่าเสแสร้ง แกล้งหยอก หลอกเนื้อเย็น
จะยิงให้เน่าเหม็น..เป็นผีเอย.....555555+

กลอนโสด

มวลภมร


กลอนสดสด คนโสด แต่งมาให้
บอกความใน หัวใจ ของพี่นี้
แต่งกลอนให้ อยากได้ ตอบไมตรี
ขอคนดี มีจิต คิดสัมพันธ์
โปรดจงรับ หัวใจ ของพี่นี้
ไว้เคียงข้าง คนดี อยากร่วมฝัน
แม้ได้เพียง เคียงใจ ใจใกล้กัน
แ่ม้เพียงนั้น คงเติมฝัน ได้เต็มใจ
หากไม่รับ ขออย่า ขว้างใจทิ้ง
ให้เหมือนสิ่ง ไร้ค่า ไม่ปราศรัย
โปรดส่งคืน กลับมา เถิดหัวใจ
ขอเก็บไว้ แม้แต่ แค่ทรงจำ
รู้ทั้งรู้ ว่าใจ ห่างไกลนัก
เหมือนจมปลัก ติดตรม จมถลำ
ไม่อาจหนี หลีกใจ พ่ายน้ำคำ
ต้องใจหงาย ใจคว่ำ ด้วยคำเธอ
ในความจริง ที่เห็น เป็นไม่ได้
จึงได้แต่ ถอนใจ อยู่เสมอ
แม้ไม่ได้ เคียงอยู่ คู่กายเธอ
ขอเพียงเจอ คนงาม ยามหลับตา
o  มวลภมร  o 

บทชีวิตคิดลำพัง บทที่ 3 ตามลำพัง

มวลภมร


พักสักหน่อย เถิดหนา ถ้าสับสน
ยังกังวล เกรงกลัว หัวใจหวาม
ตัวไม่อยู่ กับใจ ไม่ได้ความ
อย่าเพิ่งตาม ใจเหงา ที่เข้ามา
 
พักสักหน่อย พักใจ ที่ยังเจ็บ
ยอมหนาวเหน็บ เหงาบ้าง ยังดีกว่า
อย่ารีบร้อน เพราะเหงา รุมเร้ามา
ให้เวลา หัวใจ ได้ทบทวน
 
อยู่กับตัว เองก่อน หย่อนใจบ้าง
เติมพลัง หัวใจ ให้ครบถ้วน
สร้างภูมิต้าน ทานโศก วิโยคครวญ
ใจจักได้ ไม่รวน สะดวกใจ
 
หากยังเหงา เหงาบ้าง ก็ชั่งเหงา
อยู่กับเรา เข้าใจเรา ยังพอไหว
อยู่ในมุม ตัวเรา แม้ไร้ใคร
พักหัวใจ ให้หาย ไร้แผลเป็น
 
เวลายัง พอมี อย่ารี่ร้อน
เหมือนครั้งก่อน พลาดพลั้ง ดังเคยเห็น
เริ่มสะสม พลังใจ อย่างใจเย็น
รอเพื่อเห็น รักใหม่ ไม่จำลอง
.....มวลภมร....

ฉันเป็นเพื่อเธอนะที่รัก

เปลวเพลิง


ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก
ด้วยดวงพักตร์ขื่นขมและตรมหมอง
เมื่อที่รัก-เธอไม่ชายตามอง
ฉันจึงครองเหงาจิตชิดมิวาย
เช้าแรกเหมือนแดดอุ่นละมุนละม่อม
ทอมาย้อมหนาวเย็นให้เร้นหาย
ปลุกดอกไม้ผลิบานตระการราย
เปล่งประกายเหมือนสรวงพร่างดวงดาว
ใจฉันจากหินผาศิลาแกร่ง
ที่ทรงแห่งวิญญาณอันกร้านกร้าว
เริ่มอ่อนโยนอ่อนไหวขึ้นหลายคราว
ยิ่งนานยาวยิ่งกร่อนยิ่งอ่อนใจ
ด้วยเธอพรมหยาดน้ำฉ่ำชื่นแช่ม
หยดลงแต้มทุกวันจนหวั่นไหว
ฉันเริ่มมีรอยร้าวพราวภายใน
แล้วต้นรักก็ผลิใบขึ้นไม่ช้า
แต่เมื่อสูรย์โคจรถึงตอนบ่าย
น้ำก็หายโดยระเหยไปต่อหน้า
เธอเคลื่อนกายดั้นด้นขึ้นบนฟ้า
แล้วไม่มาไยดีเหมือนที่เคย
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก
มันเจ็บนักเจ็บกมลจนเกินเอ่ย
ยามหยาดเพชรจากตามาสังเวย
ฉันจะเย้ย "ที่รักจ๋า" ให้สาใจ
เมื่อเธอเป็นแสงอุ่นทอก่อความช้ำ
ฉันจะนำความเหน็บหนาวเข้าโถมใส่
ถ้าเธอเป็นน้ำหยดรดหทัย
ฉันก็จะเป็นไฟเผาไหม้เธอ

เหงา หนาว

กันนาเทวี


ใต้ฟ้าพราวดาวพร่างกระจ่างฟ้า
ก่อนนิทราแสนเหงาเศร้าจริงหนอ
คิดถึงคนเคยใกล้ได้พะนอ
ยังเฝ้ารอเฝ้าฝันทุกวันคืน

คิดถึงกันบ้างไหมใจผวา
อยากพูดจาเห็นหน้าพาใจชื่น อยู่ที่นี่หนาวจนทนกล้ำกลืน ลืมตาตื่นภาพฝันนั้นยังจำ ยามฟ้าครวญฝนมาพาใจป่วน หัวใจครวญหนาวอุราฟ้าชุ่มฉ่ำ ได้แต่รอเรียงถ้อยร้อยลำนำ วอนเว้าคำฝากไปใจคนคอย หนาวจับจิตคิดหวังรอฟังหา ส่งข่าวมาถึงบ้างช่างเหงาหงอย คนทางนี้หวั่นรักจักเลื่อนลอย ตะวันคล้อยลับทิวเขาสุดเศร้าใจ หนาว...เหลือเกินคนดีสุดที่รัก หัวใจปักรักเธอมั่นไม่หวั่นไหว ยามลาไกลรอเธอเพัอเพลงไพร ส่งรักไปออดอ้อนวอนตามลม ใต้ฟ้าพราวดาวลอยคล้อยลงต่ำ น้ำค้างพรำเยือนหล้าพาขื่นขม ร้อยคำรักเรียงถ้อยคอยชื่นชม หวังสุขสมสองเราคงเข้าใจ

บทสนทนาจากห้วงคำนึง….

ลานเทวา


บทสนทนาจากห้วงคำนึง….
………………..
 
ไม่มีอะไรซับซ้อน
ชีวิตจากวันก่อน  ถึงวันนี้
ปฏิทินข้างฝาแต่ละปี
บอกเราว่าไม่มีอะไร เป็นของเรา….
 
ชีวิต ดังสายลมผ่าน
ไหวเคลื่อนไปตามฤดูกาล เก่าเก่า
คุณค่าความหมายอันใด รูปเงา
สดับเถิดความแผ่วเบา ของหัวใจ….
 
บนความเป็นจริง อันหลากหลาย
เฝ้ารู้อย่างเดียวดาย และอ่อนไหว
วันที่โลกทั้งโลก ไม่มีใคร
ชีวิตยังเป็นไป อยู่อย่างนั้น….
 
ครุ่นถกเถียงกับตัวเอง วัน ค่ำ
โหยร่ำ น้ำตาตกในไหวหวั่น
บางรู้สึก ที่ไม่เคยเท่าทัน
ท้นวัยวัน ผ่านเวียนการเรียนรู้…
 
เพื่อเข้าใจว่าโลกนี้  เดียวดาย
ท่ามงดงามแห่งความตาย อันกรายสู่
ดอกไม้ชีวิตผลิบาน ผ่านฤดู
หอมจางจางกลิ่นในอณู ที่เลือนลับ….
……………โดยคำ ลานเทวา…

ถึงหน้าร้อนยังนอนเหงา

มวลภมร


ถึงเวลา หน้าร้อน ยังนอนเหงา
แม้เพียงเงา
ของใคร ยังไม่เห็น
มีเพียงเรา
นั่งเหงา เช้าถึงเย็น
ยังไม่เห็น
มีใคร มาใกล้กัน
 
ถึงเวลา หน้าร้อน พอนอนได้
แม้ไม่มี
ใครใหน ให้เคียงฝัน
มีแค่เรา
เหงาเหงา ไปวันวัน
ถึงยามฝัน
ยังฝัน เพียงเดียวดาย
ถึงเวลา หน้าร้อน ยังนอนเปลี่ยว
นอนคนเดียว
เหลียวหา น่าใจหาย
มีแค่เรา
แค่เงา มาเคียงกาย
ต้องนอนคว่ำ
นอนหงาย เพียงลำพัง
ถึงเวลา หน้าร้อน นอนไม่หลับ
ยังกระสับ
กระส่าย ด้วยใจหวัง
เพียงสักคน
เคียงอยู่ คู่กายจัง
เพื่อจะนั่ง
ชมจันทร์ กันสองคน
ถึงเวลา หน้าร้อน นอนดีกว่า
นอนแก้ผ้า
คลายร้อนได้ ไม่สับสน
อยู่คนเดียว นอนสบาย ไร้กังวล
ไม่อายคน นอนอยู่ เพียงผู้เดียว


ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ....

ลูกหว้า


ตื่นขึ้นมาก็พบความอ้างว้าง
มองไปทางไหนก็เหมือนเก่า
จะมีใครบ้างนะที่เป็นเหมือนเรา
ที่กำลังเฝ้ารอ...ใครสักคน
เดินออกมาก้าวแต่ละทีก็คิดหนัก
ที่พบเจอเส้นทางที่มันแยกจนสับสน
มองเส้นทางแต่ละทางที่ปะปน
เส้นทางไหนจะมีคนที่เฝ้ารอ
ก่อนนอนก็เฝ้าแต่จะไหว้ขออธิษฐาน
อยากให้ฟ้าช่วยส่งคนที่เฝ้ารอคอยมาได้ไหม
ก่อนที่จะจมอยู่กับความเหงาที่เดียวดาย
ช่วยมาทำให้เข้าใจ...และได้รักใครกับเขาเสียที

อยู่คนเดียว เหงาคนเดียว

มวลภมร


อยู่คนเดียว เหงาเดี่ยว เขาเรียกเหงา
คนมากมาย ยังเศร้า ใจหวั่นไหว
อยู่คนเดียว เหงาเดี่ยว ไม่เป็นไร
อยู่หลายคน เหงาใจ ทำไงดี
ต่อให้มี คนมากมาย มารายล้อม
มารุมตอม ไม่ยอม ให้ห่างหนี
คนดูแล แค่กาย ช่างมากมี
ยากเต็มที หาหนึ่ง ดูแลใจ
อยู่คนเดียว เหงาเดี่ยว ก็ยังเหงา
ยังเผลอเอา ความเหงา มาเก็บไว้
แม้ผู้คน มากมาย เดินผ่านไป
ไม่อาจทำ ให้เหงา ของเราคลาย
อยากจะมี คนดี แค่เพียงหนึ่ง
มาทำซึ้ง มองจันทร์ วันเดือนหงาย
มาซบอก อิงแอบ แนบเคียงกาย
มองตายาย สองคน บนดวงจันทร์
อยู่คนเดียว เหงาเดี่ยว เปลี่ยวหวั่นไหว
ไม่มีใคร อยู่เคียง ร่วมเรียงฝัน
อยู่คนเดียว เหงาเดี่ยว เป็นอนันต์
อยากมีคน ร่วมฝัน พันผูกใจ

พ่อจ๋าหนูเหงา

คนกรุงศรี


วันก่อนหนอ พ่ออยู่ หนูมีสุข
กินข้าวคลุก พริกป่น ก็ทนไหว
มีอดบ้าง อิ่มบ้าง ช่างประไร
พ่อเคียงใกล้ ไม่เหงา เราสองคน
อาชีพพ่อ ก่อสร้าง แต่ช่างฝัน
ให้ลูกนั้น ได้เรียน เพียรฝึกฝน
พ่อแสนเหนื่อย เมื่อยแท้ แต่อดทน
หวังลูกพ้น งานก่อสร้าง อย่างพ่อเป็น
สามปีก่อน ตอนนั้น แกมั่นหมาย
คนมากมาย มั่งมี ที่เคยเห็น
ลุงข้างบ้าน บอกไว้ ได้ประเด็น
มิใจเย็น พ่อหนอ ขอร่วมงานเดินทางไกล ไปกรุง ด้วยมุ่งหวัง
รวมพลัง กันไว้ ใจประสาน
ขอประชา ธิปไตย ให้เบ่งบาน
อีกไม่นาน พ่อนะ จะกลับมาพ่อกลับหลัง ครั้งนี้  มีเงินเหลือ
ส่วนใหญ่เพื่อ ให้ลูกเรียน เพียรศึกษา
อดทนหน่อย นะพ่อ รอเวลา
ต้องสัญญา ว่าไป ไม่นานเนาแล้ววันนี้ พ่อหนู อยู่ที่ไหน
ทุนเรื่องเรียน หนูได้ มาไหมเล่า
เฝ้าคอยรอ พ่อแต่ ไร้แม้เงา
หนูนั้นเหงา จริงหนอ พ่อมิคืน
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา

บทกวีแห่งความเหงา

ทิพย์โนราห์ พันดาว


บทกวีแห่งความเหงา...
เหงา....ฟ้าสีเทาหม่น
น้ำค้างอวลระคน..ปนไอหนาว
ทางชีวิต..ยังหยัด..ยืนยาว
จำต้องก้าว..ย่ำเิดิน...
เหงา..ฟ้าสีเทาหม่น
ใจคนบางคน..ยังระหก..ระเหิน
เหนื่อย..และล้าเหลือเกิน
ที่ต้อง..เผชิญ..ภาวะนานา..
เหงา...ฟ้าสีเทาหม่น
ใจคนบางคน.. ยัง..ปราถนา
กับคำบางคำ...และแววตา
เพื่อกำลังวังชา ทุกเช้าเย็น
เหงา..ฟ้าสีเทาหม่น
ใจคนบางคน..ไม่มีใครเห็น
มันเจ็บปวดจน....เกินจะเป็น
ที่สุด..ใจดวงเย็น...ก็ด้านชา
..เช้าวันที่เดียวดาย..ทิพย์โนราห์ พันดาว

คนไร้สิทธิ์

คนบางบอน


แอบมองอยู่ห่างห่างอย่างคนเหงา
ระหว่างเราคงเป็นได้เช่นนี้
วันใดเห็นเธอสุข ก็สุขดี
วันใด(เธอ)มีน้ำตาก็อาดูร
ความสัมพันธ์ที่มีแค่ พี่,เพื่อน
ก็ย้ำเตือนใจคิดสิทธิ์เป็นศูนย์
ความหวังดีแพร้วเพริดเจิดจำรูญ
มันเพิ่มพูนอยู่ในใจทุกวัน
วางเธอไว้ในมุมมอง”ของต้องห้าม”
ไม่ต้องถามว่าทำไม...ไกลเกินฝัน
ปรารถนาของวันนี้ที่ผูกพัน
คืออยู่ใกล้ได้เห็นกัน...เท่านั้นพอ
เมื่อเส้นทางรักหนึ่งซึ่งเธอเลือก
กระพี้-เปลือกอย่างไรใจเธอก่อ
ก้าวต่อไปเถิดคนดีอย่ารีรอ
อย่าทดท้อต่อขวากหนามของความรัก
มันอาจสุขหรือทุกข์บ้างเส้นทางฝัน
จงฝ่าฟันอย่าย่นย่อต่ออุปสรรค
กำลังใจหนึ่งนี้มีพร้อมพรัก
เมื่อประจักษ์เธอสุขพอ...ขอลาไกล
วันหนึ่งเธอไม่มีใครในชีวิต
โปรดให้สิทธิ์ฉันดูแลแผลใจให้
หายดีแล้วจะหลีกเร้นไม่เป็นไร
ฉันก็พร้อมเก็บใจ...ไว้ที่เดิม...

มองจันทร์

เปลวเพลิง


เมื่อมองฟ้ากระจ่างจันทร์ในวันนี้
ไม่เหมือนที่มองฟ้าในคราก่อน
เพราะร้างแรมเสน่หาอันอาทร
จึงแอบซ่อนความคิดถึงไว้บึ้งใจ
หากมีใครให้รักสักคนหนึ่ง
คงคิดถึงเขาจนทนไม่ไหว
แต่นี่เมื่อหันคว้างไปทางใด
ไม่พบใครเราจึงอ้างว้างคนเดียว
เหงาก็พอมีบ้างเหมือนอย่างว่า
รอคอยเศษเมตตาคนมาเหลียว
แค่คะนึงเล็กน้อยคอยยาเยียว
แผลเปล่าเปลี่ยวก็คงหายคลายจากมาน
โอ้ผืนดิน ผืนฟ้า กว้างกว่ากว้าง
ใครจะพร่างพรมจิตคิดสงสาร
เราเอกากายเดินมาเนิ่นนาน
เพราะเขาผ่านมาแล้วก็แคล้วไกล
เมื่อมองฟ้ากระจ่างจันทร์อย่างวันนี้
ถามกมลคนดีอยู่ที่ไหน
วอนลมฝากภูผา พนาไพร
ติดตามไปให้ถึงสักหนึ่งคน
แทนหทัยด้วยรักสมัครมั่น
รังสีสรรพ์แสงโสมโพยมหน
โลมโลกแล้งโลมจินต์ให้ยินยล
และต่างมนตราปลอบจากขอบฟ้า
ก่อนเชิญชีพงีบระงับลงหลับเนตร
ท่องเศวตรธารดาวพราวนิศา
จุมพิตจันทร์สีนวลยั่วยวนตา
กับเพื่อนยาในคืนระรื่นใจ
เราคงสุขในฝันอันสะอ้าน
ในความหวานความละมุนนุ่มเหมือนไหม
แต่ยามนี้ร้อยกานท์แล้วผ่านไป
ทำเช่นไร...เมื่อคนนั้นยังไม่มี
.........................................
สวัสดีวันฮัลโลวีนครับ

คิดถึงจัง

คนกรุงศรี


คิดถึงจัง คนดี ที่ปลายฟ้า
ชะแง้หา คราใด จะได้เห็น
เฝ้าคอยคอย คอยเขา ทุกเช้าเย็น
เหมือนคนเป็น บ้าใบ้ ใจร้าวรอน
คิดถึงจัง คนดี ที่ปลายรุ้ง
ยังหมายมุ่ง เฝ้าฝัน เช่นวันก่อน
เพียรบอกฝาก จากใจ ใส่บทกลอน
มาเว้าวอน ถามหา คราเหงาใจ
คิดถึงจัง คนดี ที่เราห่วง
คอยถามทวง สุขี มีทุกข์ไหม
เฝ้าคิดคิด คิดถึง จึงห่วงใย
เธอรู้ไหม ใครเล่า ที่เขาคอย
คิดถึงจัง คนดี ที่ถวิล
บอกฟ้าดิน นี่เรา นั้นเหงาหงอย
เฝ้ามองมอง มองหา นั่งตาลอย
คงเศร้าสร้อย ซบดิน จวบสิ้นใจ

จะบอกอย่างไร

ร้อยฝัน


จะบอกกับหัวใจอย่างไรหนอ
สิ่งที่ทำสิ่งที่รอมันท้อไหม
สิ่งที่คิดสิ่งที่หวังเป็นอย่างไร
สิ่งที่ใจผูกพันนั้นไม่จริง
เป็นเพียงแค่บางเวลาของความเหงา
คำว่าเราใช่สำคัญไปทุกสิ่ง
เมื่อถูกความไกลห่างมาอ้างอิง
ดังถูกทิ้งให้อ้างว้างบนทางตัน
ผ่านมาแล้วก็เลยไปไร้จุดหมาย
มีเริ่มต้นแต่ไร้ปลายใช่ไหมนั่น
ที่เห็นเป็นเศษซากหากผูกพัน
ที่มีกันแต่เพียงเยื่อแต่ไร้ใย
หากจะจบ ใจจะเจ็บหรือไม่หนอ
หากจะรอก็จะพบกันอีกไหม
หากเดินจากก็คงเจ็บเกินทำใจ
นานเท่าใดหนอใจนี้จะดีเอง

ฟ้า.ฝน.คน.เหงา

มวลภมร


o ฝนตั้งเค้า.อึมครึม.คลึ้มอย่างนี้
อากาศดี.ร้อนหาย.สบายหนา
ลมฝนพัด.พริ้วพริ้ว.ฝุ่นปลิวมา
พายุฝ่า.ต้นไม้.ต่างไหวปลิว
o ลมแรงแรง.กวัดแขว่ง.ใบไม้ว่อน
ปลิวกระดอน.ว่อนไป.อยู่ลิบลิ่ว
พายุฝน.แรงหนัก.เหมือนรักปลิว
ลอยละลิ่ว.คล้ายคล้าย.ใบไม้ลอย
o เสียงฟ้าร้อง.ครวญคราง.ดังคลื่นคลื่น
ช่างคลึกคลื้น.แต่ใจ.ใยจึงหงอย
แอบมองฟ้า.เหงาเหงา.หัวใจลอย
ทนเหงาหน่อย.รอคอย.ฝนตกมา
o ถึงฝนตก.ตกมา.อย่างฟ้ารั่ว
อย่าได้กลัว.ความเหงา.ที่เข้าหา
ลองสิน้อง.จ้องไป.สุดสายตา
มองฟ้าผ่า.เห็นมั้ยว่า.เป็นเพื่อนเรา
o เพื่อนส่งเสียง.เปรี้ยงปร้าง.อย่างสนุก
ช่วยปลดทุกข์.ให้น้อง.ได้คลายเหงา
เมื่อฝนซา.ฟ้าสว่าง.แดดเบาเบา
ที่เคยเหงา.ก็คลาย.หายเหงาเอย
.....17/09/55...21:30..
หน้า / 9  
ทั้งหมด 143 กลอน