กลอนกำลังใจ

ถอยตั้งหลักให้มั่นประจัญไป มอบหัวใจไม่ยอมแพ้ แด่ทุกคน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ขอมอบกำลังใจแต่ชาวไทยน้ำท่วมทุกๆคน
เราจะฝ่าข้ามภัยไปด้วยกัน
ขอให้เธอมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว
ดูคนเข้มเต็มคนสู้ ดูที่ใจ
ไม่หวั่นไหวภัยคุกคามจะข้ามมัน
มองดวงตาเพื่อนทุกข์ทุกๆคน
อาจมีปน แววท้อใจและไหวหวั่น
แต่ก็เห็นแววที่กล้าฝ่าประจัญ
เก็บแววนั้นเป็นดั่งกำลังใจ
เหนื่อยก็สู้ อยู่อดทนอย่างคนสู้
ยังหายใจได้อยู่ ยังสู้ได้
กี่ภัยร้ายจะรุกราญกี่นานไป
ตั้งมั่นไว้ ตั้งใจสู้รู้ประคอง
รวมพลังหัวใจให้เป็นหนึ่ง
เป็นใจซึ่งร่วมไว้ใจทั้งผอง
หากน้ำตานองหน้ามันบ่านอง
เข้าประคองคอยซับรับน้ำตา
เงินทองบ้านช่องของนอกกาย
ยังไม่ตายจะหาใหม่ในวันหน้า
แค่เพียงส่งกำลังใจให้กันมา
มือจับกุมมือกล้าฝ่าผองภัย
เชื่อว่าใจทุกใจแน่ไม่แพ้ง่าย
ยังทนได้ทนดีแท้ ไม่แพ้ไหน
ถอยเพียงตั้งหลักให้มั่น ประจัญไป
มอบหัวใจไม่ยอมแพ้ แด่ทุกคน

ทอฝน

ไหมแก้วสีฟ้าคราม


เมฆฝนหล่นกลางหาว
รวงเพชรพราวพร้อมหนาวพรม
ถาโถมตระโบมลม
ราวถล่มทลายทัณฑ์
มนต์เสกให้เมฆคล้อย
จงล่องลอยฟ่องฟ้าฝัน
พรั่งพรูทะเลพลัน
พร้อมเรือดันผันสุชล
ร่วมด้วยเราช่วยเหลือ
น้ำใจเผื่อเอื้อทุกหน
วิกฤตการณ์ผ่านพ้น
ทุกกระมลร่วมปรองดอง

ด้วยวิญญาณ

คนกรุงศรี


ตาชะแล แก่ชรา อายุเยอะ
เดินงกเงอะ บางครั้ง ยังมิไหว
สังขารแย่ แพ้พิษ ผิดกับใจ
ที่สดใส แสนดี มีคารม
ด้วยโรคภัย ไข้เจ็บ มาเหน็บแหนบ
เหมือนปวดแสบ ทนทุกข์ มิสุขสม
อีกทั้งข้อ แขนขา ซาระบม
จะลุกก้ม ลมตี มีอาการจึงห่างหาย ลายสือ เคยสื่อถ้อย
อยากเรียงร้อย แต่แย่ แพ้สังขาร
เมื่อหวนคิด ผิดกัน กับวันวาน
เคยสืบสาน ขีดลาก ปลายปากกาด้วยวิญญาณ การกลอน เหมือนหลอนหลอก
กระซิบบอก ตอกย้ำ คำครหา
ฤๅแสงไฟ ไม่กรุ่น แล้วคุณตา
ทิ้งภาษา สู่ดิน ดั่งสิ้นมนต์เขาเยียวยา มาก็ พอเบาบ้าง
เมื่อไข้สร่าง ทรงกาย ก็ได้ผล
ดินสอดำ กำใส่ ในมือตน
ขีดเขียนบน กระดาษ วาดวจีอย่างเขาว่า ลาห่าง ทางอักษร
คารมกลอน กร่อนหาย มันหน่ายหนี
สมองทึบ อึบอับ ขับวลี
หากมิดี ตาก็……ขออภัย
ขรัวตา
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา

มากันเถอะ

คนกรุงศรี


นักเลงกลอน นอนเปล่า เขาว่าคร้าน
ก็เพราะงาน เงินทอง ต้องรีบหา
ซื้อข้าวสาร กรอกหม้อ ต่อชีวา
เห็นเรียงหน้า ตาดำดำ จำฝ่าฟัน
กายก็ล้า แรงใจ ให้ท้อแท้
อยากยอมแพ้ แม้คิด ผิดมหันต์
ชีวิตยัง มิสิ้น ต้องดิ้นกัน
รอถึงวัน เวลา บุญมาเยือน
หยุดเขียนกานต์ นานนัก ใจชักคิด
ถึงมวลมิตร เมื่อวัน ฉันมีเพื่อน
สุขครั้งเก่า เฝ้าบอก ตอกย้ำเตือน
มิได้เลือน ลาพราก จากดวงมาน
หยิบปากกา หากระดาษ วาดอักษร
ร่างบทกลอน ตอนจิต คิดไขขาน
ด้วยทิ้งห่าง ร้างรา มาเนานาน
จึงมิหวาน ไพเราะ เสนาะเลย
สนามกลอน ตอนนี้ มีน้อยนัก
อนุรักษ์ สืบไป ได้ไหมเอ่ย
ผิดกับตอน ก่อนเก่า ที่เราเคย
ร่วมเอื้อนเอ่ย คารม คมปากา
มาเถอะนะ นักกลอน อย่านอนเขลง
ช่วยบรรเลง วรรณกรรม นำภาษา
ลับสมอง ของเรา เรียงเข้ามา
รจนา กลั่นกรอง ทำนองกานท์

""""ตื่นเถิด""""""

บนข.


ไก่ขันประชันเสียง
ส่งสำเนียงเสียงประสาน
ปลุกภวังค์แห่งรัตติกาล
ขึ้นแหวกม่านแห่งราตรี
แสงดาวกระพริบฟ้า
ดุจสายตานวลมณี
วับวิบระยิบถี่
ก่อนหริบหรี่สัญจรลา
น้ำค้างก็พร่างพราว
ใสสกาวพราวยอดหญ้า
หยดน้ำค้างหยาดน้ำตา
หนาวอุรารัตติกาล
ตื่นเถิดผู้หลับใหล
ปลดปล่อยใจจากฝันหวาน
ราตรีนี้มินาน
ต้องแหลกลาญด้วยทิวา
ตื่นเถิดมารับขวัญ
ก่อนดาวนั้นจะอ่อนล้า
เก็บดาวพราวนภา
ฝากท้องฟ้าและราตรี
ตื่นเถิดมารับขวัญ
ก่อนหยาดน้ำค้างนั้นจะหมองศรี
เก็บทุกหยดน้ำค้างมณี
ฝากที่ยอดหญ้าลดาวัลย์
ไก่ขันประชันเสียง
ส่งสำเนียงเสียงกระชั้น
ตื่นเถิดก่อนตะวัน
จะฟาดฟันรัตติกาล
เก็บรัตติกาลนี้
ฝากราตรีก่อนผันผ่าน
(และ)เก็บทุกข์ดวงใจทรมาน
ฝากพสุธาธาร....และธาตรี

เธอ

คนกรุงศรี


เธอเก่งกล้า สามารถ เกินคาดหมาย
งานท้าทาย หลายอย่าง ร่วมสร้างสรรค์
มธุรส หลายวลี ที่จำนรรจ์
เรียกมือชั้น เทพได้ มิอายคน
เธออ่อนน้อม ถ่อมตน ปนฉอเลาะ
วัยขบเผาะ หรือเปล่า เราฉงน
ฟังคารม คมคาย หลายเชิงกล
ยังสับสน อยู่ใน ดวงใจเรา
เธอเป็นใคร ก็ช่าง ร่วมสร้างฝัน
ฉุดวงวรรณ กวี ที่ซึมเศร้า
ช่วยเขยิบ เถิบมา อย่าซบเซา
นะเร็วเข้า ร่วมกัน สรรผลงาน
แน่ะเมืองไทย วรรณศิลป์ ใกล้สิ้นสาย
จะมลาย รุ่นเรา เขาเล่าขาน
ขอเชิญชวน พี่น้อง ร้อยกรองกานต์
ให้ลูกหลาน ยิ้มยล มนต์กวี
คนกรุงศรี ฯ

ดีใจจัง

คนกรุงศรี


ดีใจจัง ยังมี คนที่หวัง
ร่วมพลัง สืบสาน วรรณศิลป์
มธุรส บทความ เขียนตามจินต์
ใครยลยิน ฉ่ำใจ หลงในมนต์จับมือกัน มั่นไว้ ไม่ลดละ
สัญญาจะ สอนให้ จนได้ผล
อย่าคร่ำเคร่ง เกินไป ใจร้อนรน
จะคอยยล คนนั้น ซึ่งมั่นใจ

ขอบคุณทุกกำลังใจ

ไม้หอม


ขอบคุณทุกกำลังใจทุกไฟฝัน
ที่ขับกล่อมฝ่าฟันฝันคนนี้
ให้กลับคืนฝื้นตื่นคืนชีวี
เป็นคนที่ยังมีแรงศรัทธา
แม้กายนี้ยังเจ็บปวดร้าวหนัก
แม้กายยังต้องพักยังรักษา
แม้กายยังต้องทนต้องฉีดยา
แม้กายยังอ่อนล้ายังฝ่าฟัน
แม้จะล้มจนยากลุกก่อนหน้านี้
แม้เจ็บปวดทุกข์ทวีจนไหวหวั่น
แม้รวดร้าวหนาวเหน็บกลัวผูกพีน
แม้ว่าใจเกินกั้นหยาดน้ำตา
แม้ว่าใจจะเข็มแข็งสักเท่าไหร่
แต่ว่าใจยังอ่อนแรงหวาดผวา
แม้ว่าใจจะยังคงความศรัทธา
แต่ว่าใจยังเหว่ว้าน้ำตาริน
ขอขอบคุณทุกกำลังใจ
ทุกความห่วงใยที่มอบให้ไม่สูญสิ้น
ขอบคุณทุกข้อความน้ำเสียงที่ผ่านมาให้ได้ยิน
จนหล่อเลี้ยงชุบชีวินให้ดวงจินต์ฝื้นตื่นมา
ขอบคุณทุกความรู้สึกที่มีให้
ขอบคุณทุกความจริงใจในห่วงหา
ขอบคุณทุกแรงรักพลังศรัทธา
ขอบคุณทุกแววตาความหวังดี

** รอเธอ **

ราชิกา


**  ฟังน้ำคำ  พร่ำพรอด  อ้อนออดเสียง
สื่อสำเนียง  ลำนำ  ถ้อยคำหวาน
เฝ้าคิดถึง  คนึงหา  มาช้านาน
แม้ว่ากาล  ผ่านไป  หทัยครอง
**  คอยรอเธอ  เพ้อครวญ  รัญจวนเศร้า
มีเพียงเรา  เฝ้าทน  ใจหม่นหมอง
ยังรำพัน  ฝันหา  น้ำตานอง
ได้แต่มอง  ฟากฟ้า  ยามราตรี
**  ศศิธร  จำลา  เมื่อหน้าฝน
ความทุกข์ทน  ครอบครอง  ให้หมองศรี
ภวังค์รัก  หวานซึ้ง  ตรึงฤดี
ถ้อยวจี  ประทับไว้  ไม่ลืมเลือน
**  ขลุ่ยล้อลม  พรมแผ่ว  ยังแว่วหา
คำสัญญา  คนดี  ที่เสมือน
ดั่งคู่คิด  ร้อยเรียง  คู่เคียงเรือน
กลับมาเยือน กลอยใจ  ไม่ระทม
**  รอคอยวัน  เธอกลับ  มารับขวัญ
รอความฝัน  เราสอง  ครองสุขสม
รอดั่งเคียว  เกี่ยวรัก  จักชื่นชม
รอภิรมย์  รักแท้  ที่แน่นอน........ฯ

แสนห่วงใย

ทิพย์โนราห์ พันดาว


ฝากคำถ้อย ลอยฟ้า ไปหาเจ้า
อยู่ดีเล่า หรือทุกข์ใจ เพราะไกลห่าง
บนทางเดิน แห่งเรียวรุ้ง ที่รุ่งลาง
ฝันอำพราง สว่างใส ในความจริง
เห็นไหมนั่น ริมรอบ ตรงขอบฟ้า
ต้นดารา ดอกพราว ทุกราวกิ่ง
เพียงเพื่อเจ้า หมายหวัง ตั้งใจจริง
จงโน้มกิ่ง เกี่ยวคว้า ดาราชม
แม้เส้นทาง ขวากหนาม จะลามกั้น
เจ้าอย่าหวั่น เร่งฟันฝ่า มาให้สม
แม้นางไพร ล่อบ่วง ลวงให้ชม
อย่านิยม หวั่นไหว ใฝ่ว่างาม
ฝากคำถ้อย ลอยฟ้า ไปหาเจ้า
ห่วงใยเล่า กับหัวใจ คนไถ่ถาม
ใจดวงนี้ เปี่ยมคิดถึง ซึ้งทุกยาม
มองฟ้าคราม แสนห่วงใย คนไกลกีน
ทิพย์โนราห์ พันดาว

....แด่ คนไกล....

cicada


เหนื่อยมากไหมที่รักโปรดพักบ้าง
ส่งใจมาอยู่เคียงข้างเธอทราบไหม
ยามฟ้ามืด ทางนี้เหงาเฝ้าอาลัย
ถึงคนไกลด้วยห่วงหา อย่าร้างเลือน
อ้อมแขนอุ่น ยังว่างบ้างหรือเปล่า
คนที่เหงา อยู่แสนไกลคงไม่เหมือน
ดังดอกแก้วหอมบางอยู่ข้างเรือน
ถึงแชเชือนไปนิด ยังชิดใจ
คิดถึงกัน หรือเปล่า เช้าที่นั่น
ที่นี่นั้น ดึกเหงาเข้าวันใหม่
เกินข่มตา สุดหวง และห่วงใย
คนอยู่ไกลอ้อนออดขอกอดเธอ
และยามนี้แสงทองของวันรุ่ง
แดดทอรุ้งฉ่ำหวานจนมานเผลอ
ฝากจุมพิตผ่านลมพรมละเมอ
ขอให้เธอหลับฝันดี...นะที่รัก..

ยิ้มสู้คน

แค่ปลายปากกา


ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม กับรอยน้ำตา
ดูเหมือนไม่มีค่าเสียสุดแสน
ยิ้มบางๆ ให้คนที่ดูแคลน
อย่าไปแค้นโกรธเคืองให้เปลืองใจ
หากใจเราไม่สนไม่ได้แคร์
เค้าก็แค่ต้นไม้ที่พริ้วไหว
ไม่กระทบกระเทือนถึงทรวงใน
จะสนใจอะไรกับใจคน
อย่าเอาทุกข์มาเพิ่มทุกข์
หัดที่จะสุขบ้างในบางหน
อย่าลืมว่าเราเองแค่เป็นคน
เขาก็คนสนอะไรให้มากมาย
(ไม่ใช่คูโบต้า หรือสี อ่ะ ถึงทนได้อิๆๆ อย่าได้แคร์)

**กาพย์ห่อโคลงเจนละ ๑๘**

คนกุลา


ตำนานเจนละ
๑๘)
๐ ริมเขตุโขงก่อตั้ง.........................วัดภู
เศรษฐปุระงามหรู.........................เลิศล้ำ
ปราสาทช่างเชิดชู...........................งามเด่น
ขยายถิ่นตามลำน้ำ........................เศวตแก้ว”เสนะวงศ์”๚ะ๛
...................................................คน  กุลา ๒  กรกฎ  ๕๔.
๐ สุดท้ายแห่งการรบ
ได้สยบฟูนันลง
จิตรเสนจากเครือวงศ์
“เสนะ”ราชประกาศชัย
๐ สถาปนาเศรษฐปุระ
เมื่อชนะศึกเกรียงไกร
“พนม”ก็ล่มไป
เจนละใหม่เด่นศักดา
๐ สร้างเวียงวังปราสาท
ดารดาษด้วยวัดวา
ฉลองการปราบดาฯ
เคลื่อนลงมา”โขง”นที
๐ บูชาเทพอิศวร
ทุกทั่วถ้วนสถานมี
ให้คนทำความดี
และบูชาศิวะลึงค์
๐ โปรดสร้างโรงทวาย
เป็นที่หมายฐานปักตรึง
หินแท่งที่กลมกลึง
แก่ชนชาวของท้าวไท๚ะ๛
.....................คน  กุลา  ๑๗  สิงห์  ๕๔.
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)

หลับเถิด....ทหารกล้า

ทิพย์โนราห์ พันดาว


หลับเถิดนะ...พ่อทหารกล้า...
หากอ่อนล้า...จงผ่อนพัก
เหน็ดเหนื่อยมานาน...หนัก...
เธอจงพัก...หลับให้สบาย....
"   ห่วงหรือ...พ่อแม่...ที่แก่เฒ่า
ห่วงใยเล่า...คนอยู่หลังดูแลได้
ห่วงหรือ....จอมขวัญจะเสียใจ
ห่วงไปใย...เขาจะเข้มแข็ง...ในอีกไม่นาน
ห่วงหรือ...ลูกน้อยกลอยใจพ่อ
หลับเถิดหนอ....รอวันผ่าน
เด็กน้อย...จะเติบต่อ..ช่อวงศ์งวาน
พร้อมคำกล่าวขาน...ของพ่อวีรชน..."
หลับเถิดนะ...พ่อทหารกล้า...
หากอ่อนล้า..และสับสน
หลับให้สบาย...อย่าได้กังวล
เพียงผ่อนปรน..ทุกข์ทนที่ผ่านทาง..
หลับเถิดนะ..พ่อทหารกล้า....
ทั่วทั้งพารา....จักโจษขาน
ทหารไทยพลีชีพเพื่อ..วนอุทยาน
..แก่งกระจาน..ตำนานแห่งวีรชน
....มวลกุหลาบมะลิโปรยสุหร่ายร่ำ
พร่างพรูพร่ำคำอาลัย...
กระหึ่มก้องมโหรีไกว ...ไหววิปโยก
โศกอาวรณ์...
หลับเถิดนะ..หลับให้สบาย...
ความโหดร้าย...จักถ่ายถอน
พระแม่ธรณี...จะกล่อมเจ้านอน...
ฟ้าอำพร....จะโอบคลุม...กาย...
....หลับเถิดทหารกล้า...
ทิพย์โนราห์ พันดาว

งาน

เปลวเพลิง


เราต่างมีฝันใฝ่ในชีวิต
เลือกลิขิตเป็นงานหวานและหวัง
ด้วยใจซื่อซึ่งจะทรงพลัง
นี่แหละ...กังวานแว่วแจ้วจับใจ
ค่าของแรงแห่งการทำงานนี้
โปรยมาลีบูชิตชีพพิสมัย
คล้ายรางวัลแสนหวานซ่านหทัย
ว่อนอยู่ในสายขวัญนิรันดร์มา
ความซื่อตรง ทรงศักดิ์ ภักดิ์และหวัง
แหละจะรังสรรค์ผสานงานเลอค่า
ทอประกายดั่งฤทธิ์กฤติยา
เพื่อป่นยับบรรดาสิ่งระยำ
เราหยาดแรงหยาดเหงื่อเรื่อพิลาส
ซึ่งไม่อาจยอมให้ใครเหยียบย่ำ
ค่าของแรงแห่งเราที่เฝ้าทำ
จึงเลิศล้ำเหลือล้นด้วยผลงาน
ค่าของแรงแห่งฝันในวันนี้
ทรงศักดิ์ศรีน่าถนอมกลิ่นหอมหวาน
เถิดเพื่อน...เชิญดื่มด่ำอย่างสำราญ
ผลผลิตกิจการของงานเรา

ผ่าน..

zonkung


กว่าจะผ่านพ้นเรื่องราวบางอย่าง
ใจทลายพังยับไม่รู้เสียเท่าไหร่
กว่าขอบตาจะหยุดหลั่งหยดน้ำใส
ร่างแทบไร้แล้ว..วิญญาณ
ประกอบเศษใจขึ้นอีกครั้ง
ด้วย..เสียงคนที่ห่วงใยจริงจังรอบข้าง
เหลืออยู่ที่..จริงใจห่วงเราไม่ห่าง
คนที่ไม่เคยคิดร้ายทำลายกัน
พ่อ..แม่ เพื่อน..พี่..น้อง
คนที่คอยปกป้อง...เวลาช้ำ..
ชีวิตที่ให้ความรักแท้..เคียงข้างกายกัน
ต่อ..ลมหายใจ ..ที่แพ้ให้..คำรักลวง

** คือแรงใจ**

ราชิกา


**  ด้วยเพราะรู้  ว่าเธอ  พร่ำเพ้อหา
ดั่งแก้วตา  ดวงใจ  อาลัยแสน
แม้นห่างไกล  อาวรณ์  มิคลอนแคลน
อยู่ต่างแดน  ครวญคร่ำ  ใจคำนึง
ด้วยเพราะมี  แรงใจ  จากใครหนอ
ที่เฝ้ารอ  ดวงจิต  คอยคิดถึง
ฝากสายลม  ละเมอ  เพ้อรำพึง
ครวญคะนึง  ห่วงหา  เอื้ออาทร
จะเคียงคู่  ดูแล  แม้เหนื่อยหนัก
เป็นที่รัก  พักพิง  ดุจสิงขร
ดั่งธารริน  จากฟ้า  สู่สาคร
ให้ดับร้อน  ร่มเย็น  เป็นสุขใจ
เพียงเธอมี  ความหวัง  พลังกล้า
ยืนหยัดท้า  ฝ่าฟัน  อย่าหวั่นไหว
เฝ้ารอคอย  ด้วยรัก  และห่วงใย
คือแรงใจ  มอบเธอนั้น  ทุกวันคืน......ฯ
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน