กลอนให้ข้อคิด

เป็นไปได้หรือ

เปลวเพลิง


เมื่อวานผมได้ไปหาซื้อบทกวีนิพนธ์ ชุด ขอบฟ้าขลิบทอง ของ อุชเชนี มาอ่าน
อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากๆครับ  เลยอยากนำมาแบ่งปันให้ชาวบ้านกลอนได้อ่านกัน  บทที่ผมนำมาเสนอวันนี้มีชื่อว่า "เป็นไปได้หรือ" ลองไปอ่านกันครับ
ฉันมองเงาเขาขุนละมุนซ้อน
หว่างเมฆมออรชรร่อนเรียงอยู่
มองอุษาอ่าแสงแจ้งดำรู
ฉาบผาภูผ่องผาดเพียงดาดทอง
ฉันมองคลื่นรื่นเร่เข้าเห่ฝั่ง
พร่ำฝากฝังภักดีไม่มีสอง
มองดาวเฟี้ยมเยี่ยมพักตร์ลักษณ์ลำยอง
จากคันฉ่องชลาลัยใสสะอาง
ฉันมองไม้ดอกขาวพราวทุ่งหญ้า
จำนรรจาเอียงอายสายลมสาง
มองนกน้อยจ้อยแฝงแข่งน้ำค้าง
สดุดีฟ้ากว้างพร่างตะวัน
ฉันมองแสงเดือนสอดลอดร่มไผ่
เหมือนยองใยเงินยวงอันสรวงสรร
เสกฉลุปรุระยับสลับชั้น
เป็นมิ่งขวัญตาคิดพินิจครวญ
หวามหัวใจเหมือนได้รัดสัมผัสหล้า
ห้วงนภานิรันดรอาวรณ์หวน
สรรพสิ่งโสภิตดุจชิดชวน
ใจรัญจวนจอดรักไม่พักเลือน
โฉดไฉนใจมนุษย์มาฉุดชัก
ทำหาญหักโหดกระหายหมายฉะเฉือน
ทลายงามเพื่อสงครามย่ามใจเยือน
ทลายเรือนทลายรักหลักโลกา
เมื่อทุ่งราบยังอาบเดือนเหมือนอย่างนี้
เมื่อราตรียังรวยรื่นชื่นนาสา
เป็นไปได้หรือนี่ที่มนตรา
สงครามฆ่ารักเสียแล้วแคล้วใจคน
ปล.เจอกันอีกทีหลังสอบกลางภาคนะครับ  หนังสือกองพะเนินรออยู่  ขอให้ดื่มด่ำกลับกลอนนะครับ

สุนทรีย์แห่งชีวิต

เปลวเพลิง


แรกอุษาฟ้าสางกระจ่างแสง
หัวระแหงทุกแห่งอุ่นอรุณศรี
เพชรน้ำค้างวามวาวราวมณี
จับอยู่ที่ยอดหญ้างามตานัก
เหมือนแรกรุ่งเรืองรวีแห่งชีวิต
ประกาศิตความดีเป็นศรีศักดิ์
สาดส่องมาอุ่นในหัวใจภักดิ์
สัญลักษณ์ไมตรีชีวีคน
หากมิตรคือลานหญ้าพฤกษาไสว
น้ำค้างคือสายใยไมตรีผล
แสงตะวันแห่งรักก็จักดล
เพชรอำพนหยาด ณ ปถพิน
เรามีโลกซึ่งมีสุนทรียะ
เป็นคีตะแผ่วผวนชวนถวิล
และมีรัก  มีหวัง  พลังจินต์
กล่อมชีวินดินแดนมาแสนนาน
พื้นพิภพหัวใจนั้นใสสวย
เมื่อคนช่วยฉานแสงแรงประสาน
ร้อยเม็ดเหงื่อแน่นเหนียวเป็นเกลียวงาน
จำเรียงผ่านเพลงว่าสามัคคี
ชื่นเช้าด้วยฟ้าฝันวันอ่อนไหว
ทอสีทองของหทัยได้สุขี
เพราะมีรัก มีพลัง ความหวังดี
เราจึงมีสุนทรีย์แห่งชีวัน

หาบน้ำ - ตามฝัน (กาพย์สาวหาบน้ำ ๑๓)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


๏ หาบน้ำ         จนคานแอ่น
ทั้งไหล่และแขน     เกร็งขึ้นเป็นสัน
๏ ย่างเหยาะ      เลาะคันนา
จากบ้านเฮือนมา    ตักน้ำท่ากัน
๏ หนองน้ำ        คือจุดหมาย
สาวเจ้าทั้งหลาย      พบปะสังสรรค์
๏ เว้าจา            ประสาสาว
เป็นเรื่องเป็นราว    บอกเล่าความฝัน
๏ แลกเปลี่ยน    ทุกข์และสุข
ที่เร้ารานรุก           อยู่ทุกคืนวัน
๏ ปลอบโยน      ยื่นน้ำใจ
พี่น้องมีให้              ห่วงใยแบ่งปัน
๏ รอยยิ้ม         พริ้มใบหน้า
ไมตรีเมตตา           ห่วงหาต่อกัน
๏ ภาระ          เต็ม ๒ ไหล่
เหนื่อยหนักแค่ไหน     บ่ย่านบ่ยั่น
๏ หาบน้ำ          เหยาะเยื้องย่าง
หัวใจอี่นาง            บ่ร้าง...ความฝัน๚๛

เพราะฉันคือแม่คน...

กลั่นแก้ว


จริงๆเแล้วตั้งใจจะไม่เขียนอะไรอีกแล้วเพราะฉันไม่มีความสามารถทางด้านนี้และไม่คู่ควรกับงานเขียนเลย ฉันกลัวจะไปกินพื้นที่ของนักเขียนดีๆแต่วันนี้ได้อ่านบทความ ฉันมีความรู้สึกฉันอยากระบายฉันอยากให้คำตอบฉันสัมผัสและรับรู้มาตลอดเวลาฉันรักการอ่าน ฉันรักกวี และฉันก็จะรักตลอดไป......
ชีวิตคนเราก็เปรียบเหมือนเรือที่ล่องลอยอยู่กลางทะเล...
ไม่มีใครอยากเจอพายุ เรือมรสุมใดๆ
แต่จะมีใครที่จะปฎิเสธภัยธรรมชาติได้
นอกเรื่องมายาวเลย..เข้าเรื่องเลยดีกว่า...
สายสัมพันธ์แห่งรักที่เชื่อมโยงถึงกันมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
หนึ่งชีวิตที่เข้ามาอยู่กับเราให้ความรู้สึกที่พิเศษที่สุด..ฉันมีความสุขเหลือล้นเลยทีเดียวความคิดจากผู้หญิงธรรมดาอย่างฉัน...ฉันเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเขาอย่างช้าๆสิบเดือน หรือสี่สิบสัปดาห์ ฉันเลือกกินอาหารดีๆเพราะอีกหนึ่งชีวิตกินไปพร้อมๆกับฉัน บางครั้งเคลื่อนตัวไปมาจนจุกเลยทีเดียว
ฉันเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเองจนถึงสองปีครึ่ง...ด้วยความเป็นแม่ฉันอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก ลูกดูดขวดนมไม่เป็นเลยเพราะแรกเกิดตอนที่น้ำนมไม่ไหลหมอให้ใช้แก้วป้อนนมให้ลูก....
แม่ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง
เป็นได้เพียงแม่ที่รักลูกนักหนา
ทั้งไม่มีสินทรัพย์อับปัญญา
ให้ลูกได้มากกว่าเท่าที่เป็น
เป็นเพียงแค่แม่ผู้โดดเดี่ยว
เลี้ยงลูกมาคนเดียวอย่างทีเห็น
มีแค่ความห่วงใยไม่วายเว้น
ไม่ใช่แม่ดีเด่นระดับใด
เป็นแม่แก่แม่เฒ่

ดอกไม้งาม

ไหมแก้วสีฟ้าคราม


ความงามของมาลี
เหมือนสตรีที่เบ่งบาน
วันกาลร่วงโรยราน
แก่เหี่ยวยานคร้านเหลียวแล
งดงามมากคุณค่า
หมั่นรักษานะนวลแข
รักนวลใช่ปรวนแปร
ตามกระแสแฟชั่นกิ๊ก.....

ปุถุชน

บนข.


ฉันเป็นปุถุชน
ยังคงว่ายเวียนวนวัฏฏ์สงสาร
สุขทุกข์คลุกเคล้าเนานาน
วันเดือนปีผ่านได้อดทน
รักโลภโกรธหลงคงมีบ้าง
จะหลบหลีกไกลห่างคงมิพ้น
สมนามนิยามคำคน
มนุษย์ปุถุชน...ธรรมดา
คุณเป็นมนุษย์ปุถุชน
ยิ่งดิ้นรนร้อนแรงแสวงหา
มือยาวสาวได้สบายกว่า
มือสั้นเสียท่า...จะคว้าใด
หาเช้ากินค่ำหน้าคร่ำเครียด
ยัด  เยียด  เบียด  บุก  รุกไล่
ผิดหวังสมหวังประดังไป
กินกามเกียรติใคร...ไม่ต้องการ
โลกนี้เป็นของปุถุชน
โลกที่ร้อนรนพลุ่งพล่าน
ตกอับยับเยินแล้ววิญญาณ
เศร้าหมองดักดานปุถุชน
เหมือนสัตว์ถูกยัดขังกรง
แม้ประสงค์หลบหนีไม่มีผล
เวรกรรมซ้ำรุกทุกข์ทน
เขี้ยวเล็บติดตนทำร้ายกัน
สัตว์โลกทั้งมวลล้วนกำเนิด
เวียนว่ายตายเกิดน่าหวาดหวั่น
วัฏจักรขับเคลื่อนเดือนปีวัน
สัตว์โลกทั้งนั้นหลงยินดี
เมื่อไม่เห็นภัยในวัฏฏะ
ใครหรือจะตัดวัฏฏะหนี
แมลงเม่าหลงไฟว่าไมตรี
ปุถุชนเช่นนี้  ก็ดุจกัน....

นกพลัดถิ่น

ร้อยฝัน


กายหนาวลมฝนซ้ำกระหน่ำพัด
ในหัวใจอึดอัดยิ่งขัดข้อง
ไร้แสงส่องหนทางสว่างมอง
กายก็หมองใจยิ่งเศร้าเหงาเดียวดาย
เจ้ากางปีกออกบินจากถิ่นฐาน
ที่คุ้นชินยาวนานด้วยแหนงหน่าย
ด้วยความรักและหวัง ณ ฝั่งปลาย
ท่ามกลางสายฝนพรำกระหน่ำตี
เจ้าหยุดบินพักในแดนแสนอบอุ่น
ที่อวลกรุ่นดอกไม้หลากหลายสี
ด้วยหัวใจอิ่มเอมแสนเปรมปรีย์
สิ่งดีดี หลั่งไหลใกล้เข้ามา
จากฤดูแห่งสีสันกลับพลันเปลี่ยน
เริ่มหมุนเวียนดีร้ายในวันหน้า
นกพลัดถิ่นหมดหวังหลั่งน้ำตา
ต้องอพยพอีกคราหารังนอน
หากชีวิตเธอเป็นเช่นนกนั้น
จะโบยบินตามฝันเหมือนวันก่อน
หรืออยู่ในความจริงที่บั่นทอน
พร้อมจะดับทุกข์ร้อนด้วยน้ำตา
หากจะโบยบินไปให้ไกลห่าง
ด้วยหัวใจปล่อยวางเหมือนดังว่า
ก็ลองนึกตรึกตรองกรองอีกครา
ถิ่นสวรรค์ชั้นฟ้าอยู่หนใด
ฉันจะถามเธอนกพลัดถิ่น
เธอยังอยากโบยบินสู่หนไหน
หากฟ้าแล้งฝนร้างหนทางไกล
ทั้งหนาวเหน็บเจ็บใจยามไร้คอน
เธอจะหยุดหลับพักบนตักอุ่น
เพื่อเป็นทุนอุ่นไอเอาไว้ก่อน
แล้วจะบินจากมาหารังนอน
เพราะแค่จรหาที่พักสักชั่วยาม

ค่าชีวิต

เพชรพรรณราย


เลือดและเนื้อเผื่อแผ่แก่เหล่าท่าน
ทิ้งสังขารอาหารหุงให้ปรุงแต่ง
สับเอาเนื้อเถือกระดูกผูกใส่แกง
ให้เรี่ยวแรงแกร่งกล้าคร่าวิญญาณ
เพราะเกิดมาค่ามันน้อยสองร้อยกว่า
เขาจับมาฆ่าแล้วชั่งตั้งค่าขาน
เป็ดและไก่ใช้เรียกเพรียกช้านาน
อุทิศทานผ่านเนื้อหนังไม่ตั้งใจ
อิ่มหนึ่งมื้อคือชีวิตอันนิดน้อย
มันช่างด้อยน้อยค่าหาที่ไหน
จะโกรธเคืองทำเรื่องให้ในผู้ใด
แล้วมำไมไยฆ่ากันให้ฉันตาย
ผิดด้วยหรือถือกำเนินเกิดเป็นสัตว์
ดิรัจฉานอ่านชัดแจ้งแห่งความหมาย
ใช่มนุษย์สุดประเสริฐเลิศหญิงชาย
จึงทำร้ายหมายรสลิ้นด้วยยินดี
ขอเมตตาข้าเถิดหนอขอวอนไหว้
ฆ่าฉันใส่ในบาตรสงฆ์ผู้ทรงศรี
หากต้องตายมอบกายถวามชีวี
แด่ผู้มีศรีแห่งวัตรปฏิบัติธรรม
เพราะสลดจดเหตุเจตที่เขียน
กับแสงเทียนเวียนชีวิตถูกปลิดปล้ำ
สังเวชใจเมื่อได้เห็นชัดเจนจำ
ในบ่วงกรรมทำไว้ก่อนตัดรอนตน
โปรดเมตตาเถิดท่านในวันนี้
ทำความดีนี้อภัยในสักหน
ให้ชีวิตอันนิดน้อยพลอยดิ้นรน
ให้หลุดพ้นสู่หนทางสร้างบารมี

นายท้าย..ดนใจซื่อ

ศรีสมภพ


นายท้าย..คนใจซื่อ
คลองโคกขาม คดเคี้ยว น้ำเชี่ยวกราก
หลั่งไหลหลาก เกินคัด ปัดท้ายพ้น
โถมแรงงัด  ขัดยื้อยุด สุดอับจน
หัวไม่พ้น โขนเรือชน ต้นไม้หัก
กระโดดขึ้นฝั่ง นั่งกราบ ทูลทราบว่า
“ อันตัวข้าฯ ทำผิดพลาดขนาดหนัก
ถือท้ายเรือ ทรงเชื่อใจ ไม่ระวังนัก
ขอโทษหนัก ขั้นประหาร ! ตามทัณฑ์เมือง ”
“ นรสิงห์ อย่าด่วนไป ใช่ใหญ่หลวง
เป็นเพราะช่วง คลองคด ปรากฎเรื่อง
อุบัติเหตุ สุดวิสัย ข้าฯ ไม่เคือง
เร็วขึ้นเรือ ! เพื่อกลับเมือง จบเรื่องกัน ”
ท้ายเรือฝืน ยืนยัน ประหารต่อ
แม้ตัดคอ หุ่นแทนข้า หาพ้นนั่น
คลองคดเคี้ยว คนไม่คด กฎมณเฑียรบาล
วอนพระองค์ ทรงประหาร เพื่อบ้านเมือง
พันท้ายนรสิงห์ คนซื่อจริง ไม่ทิ้งสัตย์
คอถูกตัด สัจจธรรม นำเห็นเรื่อง
ศาลเพียงตา ค่าควรจำ ตำนานเมือง
นามกระเดื่อง เลื่องลือไกล.. คนใจตรง

เปิด

เปลวเพลิง


เปิดหน้าต่างบานใหญ่ออกให้กว้าง
รับแดดจางย่างเยือนสู่เรือนเหย้า
กวักลมโกรกโบกผ่านม่านสีเทา
คลอเสียงเร้านกร้องทำนองฟ้าปัดฝุ่นฝ้าหนาเขลอะที่เปรอะเปื้อน
อยู่เนิ่นเดือนปีให้ลี้หายหน้า
จัดแจกันดอกไม้ใหม่งามตา
ในบ้านน่าพำนักพักอาศัยเปิดหน้าต่างรับวิชานานาแขนง
สาดเจิดแจ้งอยู่ยงอสงไขย
เพาะปัญญามาลีศิวิไลซ์
ประดับไว้พรายพริ้มริมระเบียงเปิดหน้าต่างหัวใจออกให้สุด
รับแสงใจเพื่อนมนุษย์ทุกเช้าเที่ยง
ปลูกต้นรักสักกอเพื่อหล่อเลี้ยง
ให้พอเพียงชุ่มฤทัยไปทุกวันเมื่อเราเปิดหน้าต่างออกอย่างนี้
ล้วนแต่มีความสว่างพร่างเฉิดฉัน
รับสรรพแสงแรงกล้าสารพัน
มองสิ่งอันมีค่าน่ายลยินเปิดเถิดเปิดเพื่อรับกับสิ่งใหม่
เปิดตามแต่หัวใจใคร่ถวิล
เปิดความคิดอิสระเราระริน
อย่าให้สิ้นรสจินตนาการ

ใยแมงมุม

เปลวเพลิง


ผีเสื้อน้อยโผผินบินรำร่าย
ชมรุ้งพรายสายหมอกชมดอกหญ้า
อวดแพรปีกงามวับระยับตา
หวังกอดฟ้าจูบลมห่มเมฆินทร์
ล้อลมไหวไปเรื่อยอย่างเฉื่อยฉิว
ลัดทุ่งทิวผ่านป่าภูผาหิน
ไม่ระวังละเลยเช่นเคยชิน
เจ้าจึงบินสู่ข่ายใยแมงมุม
สุดจะดิ้นจะรนพาตนรอด
รอความมอดม้วยตามย่างสามขุม
แมงมุมพุ่งตรงขยับเข้าจับกุม
แล้วห่อหุ้มด้วยไหมจากในตัวเฉกโลกมากมีภัยกว่าใครคิด
พร้อมปลิดชีพชีวิตทุกทิศทั่ว
ที่สวยแสงอาจแฝงแรงน่ากลัว
พร้อมรุกรัวให้ดับชั่วกัปกัลป์รู้ระวังตนไว้ไม่ประมาท
แม้ก้าวพลาดก็ไม่ถึงซึ่งอาสัญ
แต่หากเหลิงลืมหวงดวงชีวัน
ผิดพลั้งพลันอาจติดไหมใยแมงมุม

นอนเถิดนอน

เปลวเพลิง


เพื่อนเอย
เอนกายลงตรงเขนยที่เคยหนุน
ค่ำคืนนี้เดือนดาวพราวละมุน
ฟ้าโอบอุ่นอ้อมแขนแทนแพรพรรณ
นอนเถิดนอนนอนลงที่ตรงนี้
รับไมตรีวาววับแล้วหลับฝัน
สู่แดนทิพย์วิมานสะอ้านครัน
สู่คืนวันที่ไร้ภัยรุนแรง
ชมดอกไม้ในสวนอวลอบกลิ่น
ปรุงประทิ่นดินให้ไม่ระแหง
ชมทุ่งนาสีทองครองทุกแปลง
ชมบัวแต่งก้านกวัดกระบัดใบ
วางภาระระหว่างทางสายเก่า
วางหน้าที่ที่เฝ้าเอาใจใส่
วางทุกข์เข้มเต็มข้นให้พ้นไป
พักกายใจให้ผ่อนนอนนิทรา
รอวันพรุ่งรุ่งรวีที่เฉิดฉาย
มาทักทายยิ้มรับกับโลกหล้า
รอเรี่ยวแรงหวังใหม่ให้กลับมา
เพื่อเผชิญเบื้องหน้าอันทารุณ
เพื่อนเอย
เอนกายลงตรงเขนยที่เคยหนุน
ค่ำคืนนี้เดือนดาวพราวละมุน
จะโอบอุ่นอ้อมขวัญให้ฝันดี
ปล.ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดีครับ

เรามันคนจน

เปลวเพลิง


ถึงเกลอแก้ว
เราเลิกแล้วเลิกหวังสิ้นทั้งหมด
เรายอมแพ้ยอมพ่ายให้คนคด
ที่คอยซดเลือดเนื้อเถือหนังเรา
เราบ้านนอกคอกนามาแต่เกิด
ใครจะเทิดศักดิ์ศรีเรานี้เล่า
เราไร้ซึ่งเงินตรามาบรรเทา
เพื่อรับเอาการศึกษายกค่าตน
เราไม่มีเส้นสายที่ใดหรอก
มีแต่ดอกแต่หนี้มีเงินต้น
เราได้ชื่อลือชาว่าคนจน
จึงต้องทนรับกรรมทำกันไป
เขาทำงานบนตึกสูงละลิ่วฟ้า
เราแบกหามทำนาเยี่ยงข้าไพร่
หยาดเหงื่อเราหมดสิ้นที่รินไป
คงจะใช้อาบแทนน้ำได้สามปี
เราเลี้ยงชีพไม่ร่ำรวยด้วยสุจริต
เขายังคิดอำนวยช่วยกดขี่
เราอดอยากตลอดมาทั้งตาปี
เขาเร็วรี่กอบกินบินขึ้นฟ้า
เกลอแก้วเหอ
น้ำตาเราล้นเอ่อแล้วเกลอจ๋า
แม้เรารู้เราเห็นเป็นธรรมดา
ด้วยโลกบ้าเราจึงอยากมาระบาย
แต่ไม่ว่าเกิดชาติหน้ากี่คราหน
เราขอเกิดเป็นคนจนอีก, สหาย
ดีกว่ารวยเพราะโกงเมืองที่เรืองราย
คงอับอายขายหน้ายิ่งกว่าจน

แด่สงคราม

เปลวเพลิง


สงคราม
สายน้ำแดงสดรดหล้า
เกลื่อนศพทบคราบน้ำตา
หลั่งมาระเรื่อยเอื่อยริน
หวังสันติภาพสีขาว
พร่างพราวกัปกัลป์ไป่สิ้น
แต่นี่ถิ่นทั่วธานินทร์
สุขบินเปี่ยมทุกข์ขุกใจ
ยินไหมเล่าเสียงสะอื้น
แห่งพื้นพิภพหมกไหม้
ดูนั่น!...ปราการสูงไกล
ร่างใครพะเนินเกินกอง
เราหวังมีสุขทุกสถาน
ใช่บ้านแหลกลาญมานหมอง
หวังสามัคคีปรองดอง
ใช่ต้องเข่นฆาตฟาดฟัน
ชาตินี้หรือว่าชาติไหน
คงไร้บันไดสู่สวรรค์
มีแต่นรกโลกันต์
ลงทัณฑ์เราทุกนาที
แด่ผู้ที่ต้องสูญสิ้น
ผู้อยู่แผ่นดินภูตผี
บ้านท่านปราศโศกโชคดี
บ้านเรามากมีสงคราม!

วันที่แสงทองเรืองอุไร

เปลวเพลิง


ฉันรอนแรมมาไกลเพื่อเสาะหา
ถิ่นสวยงามอร่ามตาใต้ฟ้าฝัน
ที่ซึ่งไร้อิจฉาการฆ่าฟัน
ไม่แบ่งชนแบ่งชั้นฉันหรือใคร
ที่ที่ฉันจากมานั้นทารุณ
มีแต่กรุ่นไฟลามความหมองไหม้
ราวฟ้าดำมืดบอดตลอดไป
น้ำใจก็แห้งเหือดเลือดนองดิน
ฉันเฝ้าฝันวันโลกไร้โศกเศร้า
วันที่เราเข้าใจกันไม่สิ้น
วันที่รักหลั่งมาเป็นอาจิณ
วันที่สินคือธรรมนำจิตคน
วันที่ทั้งสัตว์-มนุษย์สุดผืนหล้า
ต่างพึ่งพาอาศัยไม่ขัดสน
วันที่คนเท่าเทียมทุกชั้นชน
ไมตรีล้นส่งผ่านทางดวงตา
ด้วยสองมือเราอาจเปลี่ยนแปลงโลก
ให้ข้ามยุควิโยคสู่หรรษา
ดั่งอยู่ชั้นเมืองแมนแดนนภา
หากแต่ว่าสองเท้าเราติดดิน
แม้รู้มันยากเหลือคณานับ
ที่จะจับสุขเยือนสู่เถื่อนถิ่น
แต่ก็จะเสาะหาบนธรณิน
ตราบโลกสิ้นแสงทองเรืองอุไร
เราจะจับมือกันเมื่อวันที่
โลกใบนี้กระจ่างสว่างไสว
วันที่ทุกมุมซอกของภพไตร
จะแผ้วผ่องตลอดไปด้วยศีลธรรม

จดหมาย

เปลวเพลิง


เรียนท่าน"มนุษย์"สุดประเสริฐ
ได้โปรดเถิดตอบคำถามที่สามหาว
คำถามที่ถามผ่านมานานยาว
แทนเจ็บปวดรวดร้าวที่เรามี
เหตุใดท่านตัดถนนบนภูผา
ให้รถราขับประชันกันเร็วจี๋
บ้างพุ่งชนเราดับดิ้นสิ้นชีวี
ที่โชคดีเรานี้ก็พิการ
เหตุใดท่านทานอาหารอันโอชะ
แล้วทิ้งขยะเอาไว้คล้ายประหาร
เปลี่ยนป่าสวยน้ำใสในลำธาร
ให้แหลกลาญย่อยยับลงกับมือ
เหตุใดท่านต้องตัดแมกไม้ใหญ่
ถิ่นที่เราอาศัยใช้ยึดถือ
ไยไล่ล่ายิ่งสนั่นเสียงลั่นลือ
เหมือนเราคือสิ่งที่ไร้ชีวิต
ใช่! เรามันเพียงสัตว์เดรัจฉาน
ที่ไม่หาญอาจหือจะถือสิทธิ์
ที่ท่านว่าเราถ่อยด้อยความคิด
ท่านจึงลิดรอนสุขเราทุกครั้ง
ถ้าท่านเกิดเป็นสัตว์อย่างพวกเรา
จะรับรู้ความเศร้าที่ไหลหลั่ง
บ้านเราถูกทำลายจนพ่ายพัง
แล้วเรายังถูกฆ่าไร้ปรานี
เราจึงส่งจดหมายจ่าหน้าซอง
ถึงท่านผอง"มนุษย์"ผู้ประเสริฐศรี
โปรดหยุดเถิดหยุดล่าหยุดราวี
เสียก่อนที่เราจะสูญเผ่าพันธุ์
ปล.สงสารสัตว์ป่าที่โดนรถชน สัตว์ป่าที่ถูกล่าและป่าที่ถูกทำลาย

โอ้มือใครหนอใครในโลกนี้

เปลวเพลิง


โอ้มือใครหนอใครในโลกนี้
สามารถปกปฐพีที่ยิ่งใหญ่
กำบังแสงสุรีย์ส่องผ่องอำไพ
ขจัดผองโพยภัยให้ลูกยา
โอ้มือใครหนอใครในโลกนี้
โอบอุ้มครรภ์ผ่านเดือนปีสู้ฟันฝ่า
มือใครกอดตระกองลูกป้อนหยูกยา
ใครห่มผ้าปลอบขวัญทุกวันคืน
โอ้มือใครหนอใครในโลกนี้
ถากถางทางพงพีให้ราบรื่น
เพื่อลูกเดินสู่ฝันอันยั่งยืน
อย่างแช่มชื่นสุขสันต์ไร้อันตราย
โอ้มือใครหนอใครในโลกนี้
ยังกรำงานด้านดำปี๋มิขาดสาย
มือที่รักแน่นอนมิคลอนคลาย
แม้ชีพวายยังมั่นมิผันแปร
แต่ด้วยมือใครหนอใครในโลกนี้
จึงทำให้เจ้าคนดีมิแยแส
หลงลืมมือเคยโอบอุ้มคุ้มดวงแด
มือพ่อแม่แลหมดค่าไม่มามอง
ปล.รักคุณพ่อคุณแม่กันให้มากๆนะครับ
หน้า / 16  
ทั้งหมด 262 กลอน