กลอนให้ข้อคิด

เปลี่ยนความคิด-ชีวิตเปลี่ยน

dokkoon


สองมือสองเท้าเท่ากันหมด
บางคนอดบางคนรวยเห็นด้วยไหม
คนเหมือนกันทำไมแตกต่างกันห่างไกล
ปัจจัยอะไรทำให้ไม่เหมือนกัน
หากบอกว่าขาดบุญวาสนา
จึงเกิดมาต่ำต้อยน้อยความฝัน
พ่อแม่ไม่ได้รวยจึงไม่มีวัน
สำเร็จเหมือนกันกับใครใคร
หรือหากจะบอกว่า
รวยล้นฟ้าเพราะเกิดมาพ่อแม่มีให้
ยังไม่ต้องจะคิดทำอะไร
ความร่ำรวยมีให้ไม่กลัวจน
ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่เห็นอยู่
หากอ่านดูประวัติคนรวยล้น
มากมายทั่วโลกมีตัวตน
เริ่มต้นจากไม่มีอะไร
แหละมากมายที่เห็นเห็น
แม้จะเป็นคนร่ำรวยมากหลาย
ชั่วชีวิตปู่ย่าทำมายังมลาย
ภายในเวลาไม่กี่ปี
สิ่งที่แตกต่าง
ระหว่างคน จน-รวย ที่มี
ลองนึกดูใช่ไหมความคิดและวิถี
ทำให้มีความแตกต่างระหว่างคน
ใครคิดจะร่ำรวย
แม้เริ่มต้นไม่มีใครช่วยจะรวยล้น
หากคิดว่าตัวเราคงต้องจน
แน่ใจได้ไม่พ้นจนจริงๆ
แค่คิดให้แตกต่าง
ก็จะวางวิถีทางไม่อยู่นิ่ง
มาเถอะมาเปลี่ยนความคิดให้จังจริง
ทุกสิ่งก็อยู่ที่ความคิดจะนำพา
เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยนผัน
แค่เปลี่ยนใหม่ให้มันยิ่งใหญ่คับฟ้า
ความคิดไม่มีต้นทุนราคา
แต่มันมีค่าและนำหน้าชีวิตเรา

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

วฤก


๏ ชื่อ......เพียงเสียงเอ่ยอ้าง..............ออกนาม
นั้น.........แค่แปลตนตาม...................แต่งไว้
สำคัญ....มั่นไยยาม...........................ยอ -  ติ
ไฉน......เล่าเมายึดให้.......................ห่อนแจ้งจริงไข ฯ
๏ ใจ.....ขุ่นกรุ่นโกรธขึ้ง...................คำมิตร
นั้น........ช่วยฉวยถูกผิด.....................แผ่แจ้ง
สำคัญ....นั่นบัณฑิต...........................ดู - บอก
กว่า........เพื่อนเตือนใช่แสร้ง.............เสาะแย้งแกล้งหยาม ๚ ๛

มองโลกในแง่ร้าย..

แพรวา


เงียบหายไปเลยยังดีกว่า
บางความรู้สึกก็ต้องใช้เวลา บ้างเท่านั้น
ป่วยการจะมาทำท่าทางห่วงกัน
ทั้ง ๆ ที่ความผูกพัน เธอได้เลือกให้มันต้องจบไป
..อยากจะตอบแทนความหวังดี
ให้เธอเห็นว่าวันนี้ ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ไหว
อภัยให้ฉัน .หากว่าลึกๆ แล้วนั้นเธอจริงใจ
ขอโทษที่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป
เพราะช่วงเวลาแห่งการทำใจ
...บางทีการไม่เหลือใคร  ก็ จำ เป็น ...

เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก

วฤก


๏ เพื่อน......สู่เพื่อสนุกครั้ง.......................คราวสนาน
กิน.............เล่นเริงสำราญ......................เรื่อยนั้น
หา..............ง่ายดาษดื่นปาน.....................ดินฝุ่น
ง่าย............หน่ายหายห่างครั้น.................ทุกข์ข้องหมองหมาย ฯ
๏ เพื่อน......สู่เพื่อช่วยครั้ง........................คราวทุกข์
ตาย............ร่วมตนทนบุก - .....................บั่นสู้
หา...............พบคบมิตรสุข........................เสริมส่ง
ยาก.............หน่ายหนีสหายกู้...................ก่อเกื้อกิจผล ฯ
๏ เพื่อน.......เป็นเช่นคู่ข้อง.......................คล้องกัน
สาก.............คู่ครกครบครัน......................เครื่องใช้
คือ..............คอยร่วมงานอัน.....................เอื้อประโยชน์
ครก............คู่สากครบไซร้.......................เสร็จสร้างงานสนอง ๚

กวีบทเก่า

mono


กวีบทเก่า
บอกเล่าเรื่องราวของ...เธอกับฉัน
จากวันนั้น...ถึงวันนี้ ที่เราห่างไกลกัน
และจากวันที่มีฝัน......
จนถึงวัน..ที่ตื่นมาพบกับ..ความเป็นจริง
ผ่านรอยยิ้ม ผ่านน้ำตา
ผ่านความเหว่ว้า ผ่านปัญหา ผ่านมาทุกสิ่ง
ผ่านคืน-วันที่...เธอฉัน..ได้อุ่นอิง
จนผ่านมารับรู้ความจริง..ที่เธอจากฉันไป
กวีบทเก่า
เขียนบันทึกเรื่องราวของเราเอาไว้
จากวันนั้น ถึงวันนี้ และตลอดไป
ทุกอย่างเขียนบันทึกไว้
ในบทกวี

.....คำว่าเพื่อน.....

เด็กเมืองยศ


ในคำว่าเพื่อน          เก็บงำซ่อนเงื่อน           ความหมายนานา
เพื่อนกินเพื่อนเที่ยว  เพื่อนร่วมชีวา สุดแต่จะหา เกี่ยวสายสัมพันธ์
สำคัญที่สุด               ความเป็นมนุษย์          สังคมเพื่อนกัน
มากปริมาณ      เพื่ออะไรนั่น      มีน้อยคนนั้น       แต่คุณภาพดี
แนะนำพ้นชั่ว              อบายไม่มั่ว                   ประโยชน์ทวี
เพื่อนที่ชักนำ      ในทางไม่ดี        ให้รีบหลีกลี้         หนีห่างออกไป
....เด็กเมืองยศ...

คำฝาก...ของคนสร้างตึก

จันทร์เพ็ญ จันทนา


ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส
ข้าหม่นหมอง ข้าร้องไห้ ตั้งหลายหน
ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน
ข้าอ่อนแรง ดิ้นรน...จนอ่อนใจ
คิดถึงข้าวเต็มนา ปลาเต็มน้ำ
คิดถึงคลองเคยว่ายดำ น้ำใสใส
คิดถึงบ้านที่ลาร้างมาห่างไกล
คิดถึงใครบางคนที่เฝ้าคอย
ทั้งดินทั้งฟ้า…
เจ้าจะรู้ไหมว่า ข้าเหงาหงอย
ชีวิตที่เป็นอยู่ดูล่องลอย
ตัวข้าเล็กกระจ้อยร่อยอยู่กลางกรุง
อยากจะคืนภูมิลำเนา แหล่งกำเนิด
ผืนแผ่นดินถิ่นเกิด และท้องทุ่ง
กลิ่นจำปี มะลิลา หอมจรุง
ฝากความมุ่งหวังไป กับสายลม
ฝากคิดถึงแม่พ่อและน้องพี่
อยู่ทางนี้ ใจจะขาดด้วยขื่นขม
ยังไม่ลืมทุกถ้อยร้อยคำคม
สอนสั่งสมสูงค่ากว่าเงินทอง
ฝากคิดถึงเถาตำลึงที่ริมรั้ว
ทั้งสายบัวสันตะวาในนาหนอง
ฝากห่วงแม่โสนน้อยที่ริมคลอง
ฝากปกป้อง ผักบุ้งน้ำ ตามคันนา
ภาพเจ้าทุยลุยลายยังไม่ลบ
เสียงเขียดกบยังเจื้อยแจ้วให้แว่วหา
หอมควันไฟจากเตาฟืนยังไม่ซา
ยังหวังว่า…ยังมีหวัง….จึงยังทน
ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส
ข้าหม่นหมองข้าร้องไห้ตั้งหลายหน
ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน
ข้าอ่อนแรง ดิ้นรน…จนอ่อนใจ
มีภาพของพ่อแก่ และแม่เฒ่า
คอยปลอบใจให้คลายเศร้าพร้อมก้าวใหม่
ข้าฝากตัวไว้เมืองกรุงที่ศิวิไลซ์
ข้าฝากรักและห่วงใย…ไว้บ้านนา

ทะเล

เด็กเมืองยศ


ฝนตกไม่เลือกหล้าแหล่ง        ตกไปทุกแห่งทั่วหล้า
ชุ่มฉ่ำสดชื่นในอุรา                ฝนมาน้ำมีกินถิ่นอุดม
ฝนตกมากน้อยแล้วแต่ฝน     เราเป็นคนมิอาจทำให้สาสม
ลอยผ่านม่านฟ้าด้วยสายลม    หนักหน่วงพ่วงลมหล่นไป
เม็ดเล็กเม็ดน้อยย้อยหยด      ลงพื้นพสุธาหมดไม่ไปไหน
จากสายน้ำน้อยน้อยรินเรื่อยไป   เป็นมหานทีใหญ่ในพริบตา
ห้วยหนองคลองบึงลำละหาน      สายธารซึมซับจากป่า
โขดหินดินน้ำตามเวลา            ไหลลงสู่มหาสมุทรไป
ข้อคิดเห็นแม้เป็นตามกำหนด   มิอาจลดการรับฟังลงได้
มหาสมุทรเค็มเต็มด้วยน้ำไป   แต่หมื่นนทียังไหลไม่มีเต็ม
ความกรุณาปราณีต่อสัตว์โลก   เหมือนฝนตกแม้น้อยเท่าปลายเข็ม
เมื่อปลายหลายหลากรวมอาจเต็ม   มหาสมุทรเค็มใหญ่ได้ด้วยสายธาร
รักใดใหญ่เท่ารักพ่อแม่     ความจริงใดเที่ยงแท้เท่าสูญสังขาร
ความยิ่งใหญ่ไม่สู้หมื่นจักรวาล  ไม่ตามใจสันดานประเสริฐจริง
...................เด็กเมืองยศ...............

ไม่อยากให้ถึงปลายทาง ..

น้ำแข็ง


หนึ่งชีวิตที่เริ่มต้น ..
เหมือนกับฝนชะดอกให้สดใส
ภุมรินเกาะเกี่ยวเวียนผ่านไป
ผลิดอกใบแตกหน่อให้งดงาม
หนึ่งชีวิตเมื่อวันผ่าน ..
ต่างมีฝันจุดหมายที่วาดไว้
แดดอ่อนอ่อนรวยรินชูกิ่งใบ
บางต้นไกลบางต้นใกล้ตามวิถีทาง
หนึ่งชีวิตเมื่ออ่อนล้า ..
สายลมพาความเย็นเป็นเพื่อนเหงา
บนท้องฟ้าสายรุ้งที่ทอดยาว
เมฆขาวขาวเตือนให้รู้สิ่งต่อไป
หนึ่งชีวิตที่ปลายทาง ..
ความอ้างว้างเหน็บหนาวเวียนมาหา
แห้งโรยร่วงหล่นไปตามเวลา
จะเหลือค่าก็แค่ซากอยู่ในดิน..นิจนิรันดร์

ไม่ใช่คน

เสี้ยว


เธอเป็นแค่หุ่นยนต์ไร้ชีวิต
มัวยึดติดกับการงานบานหัวเบอะ
ปัจจุบันทำงานงกเงิ่นเลอะเทอะ
สมองเฟอะเบ๊อะบ้าค่าเงินเดือน
เธอเป็นแค่เครื่องจักรมากขี้เลื่อย
ไม่รู้เหนื่อยเมื่อยก็ไม่ใกล้ฟั่นเฝือน
ตูเป็นใครทำอะไรเริ่มเลอะเลือน
ลืมทั้งเพื่อนลืมทั้งโลกลืมตัวเอง
เธอไม่เคยค้นเข้าไปในก้อนเนื้อ
ที่ความเชื่อความคิดฝันเต้นเหยงเหยง
ไม่เคยมองเข้าข้างในใจตัวเอง
เธอจึงเป็นได้แค่เพลงไร้ทำนอง

....เพื่อน.....

พล


เพื่อนดุจลมหายใจในชีวิต
ทางถูกผิดถิ่นเถื่อนเพื่อนเสนอ
ผูกความรักผูกความฝันฉันและเธอ
จักเจอะเจอจริงใจมีให้กัน
...............................................
....................................................
....................................................
....................................................

ม้าก้านกล้วย

ม้าก้านกล้วย


ม้าก้านกล้วย เกิดก่อ จากกอกาบ
เอาตองราบ ทำกระทง บรรจงห่อ
เหลือแกนก้าน ตัดหู หักชูคอ
แล้วก็ต่อ เชือกขวั้น พันสะพาย
มีดาบทวน แกนกลาง ทางมะพร้าว
มีโล่ เอา ฝาโอ่ง มาโยงสาย
แล้วเร่งล่า ท้ารบ กันโวยวาย
กูนี้หมาย แม้นว่า ทัพหน้านำ
เป็นหัวหมู่ ทะลวงฟัน ตะบันหัก
ปราบไตรจักร ชื่อม้า บ้าระห่ำ
ไพร่พลแสน ล้านหุน กระสุนดินดำ
กูจะทำ การใหญ่ ไล่ล่ามึง
เอาดาบฟัน หัวโขก ดังโป๊กใหญ่
ต่างแพ้พ่าย ร้องให้จ้า หน้าถมึง
ยินแม่ไล่ ตะเพิดตะเพ็ด มาเอ็ดอึง
ก็รีบทึ้ง ม้าทิ้ง วิ่งเข้าเรือน
เหมือนภาพฉาย ตามรอย ร้อยปีก่อน
ของเล่นซ้อน จารีต ประณีตเสมือน
ก็บอกกล่าว เล่าขาน ปานย้ำเตือน
ม้าก้านกล้วย เป็นเพื่อน แต่เกิดกาย
แต่กลับไม่ พันผูก ถึงลูกหลาน
อดีตผ่าน กาลลับ กลับเลือนหาย
มาบัดเดี๋ยวนี่ดั่ง นั่งดูดาย
อินไลน์ สนุกกว่า ม้าก้านตอง
-(ม้าก้านกล้วย)-

ปลาดาว

ม้าก้านกล้วย


ทะเลเวิ้ง วันนี้ ยังสีเขียว
รายหาดเรียว เสี้ยวแหว่ง เป็นแอ่งอ่าว
น้ำลด ระดับไป แนวไกลยาว
มีปลาดาว ติดฝั่ง ตั้งมากมาย
ยังดิ้นรน ค้นหา ทางพารอด
ยามน้ำขึ้น ขังตลอด เตลิดว่าย
ไม่รู้ว่า จะพา กันมาตาย
อยู่บนทราย ชายหาด ที่ขาดน้ำ
พวกเด็กเด็ก ตั้งใจ ไปไล่จับ
บ้างก็นับ บ้างเอาไม้ พลิกหงายคว่ำ
เก็บเอาไป หอบถือ เต็มมือกำ
บ้างจะนำ จัดจับ ประดับประดา
เด็กผู้หญิง คนที่ ไม่มีเพื่อน
ค่อยค่อยเก็บ ค่อยค่อยเคลื่อน เหมือนดังว่า
ห่วงใย ปลาดาว เต็มประดา
เก็บปลาดาวปล่อย ทะเลคืน
ฉงนใจ เลยไป ไต่ถามว่า
เสียเวลา ไม่ได้อะไร ไม่ต้องฝืน
ปลาดาว มากมาย ตายดาดดื่น
จะกล้ำกลืน ช่วยไว้ ทำไมกัน
เด็กกลับ ตอบมา ว่าพี่ผิด
แค่ชีวิต ต่อชีวิต ใยปิดกั้น
ปลาดาว ตัวน้อยน้อย พวกนี้นั้น
ชีวิตมัน ก็หนึ่ง เช่นมนุษย์
พี่อาจเห็น ว่าทำไป ช่างไร้ค่า
แต่กับปลา ดาวนี้ มีค่าที่สุด
รอดชีวิต กลับไปก็ เพราะ เร่งรุด
เหมือนได้ผุด เกิดใหม่ ได้คืนทะเล
ได้ฟัง ยังสะอึก นึกไม่ถึง
หนูน้อยซึ่ง ดูคล้ายคล้าย ใจว้าเหว่
เหมือนดลใจ ยกมือไหว้ ไม่ลังเล
เกินคะเน ใจเด็ก ไม่เล็กเลย
-(ม้าก้านกล้วย)-

เปิดใจ

ใบไม้


บอกลาความเหงา
บอกตัวเองว่าโลกใบเก่ายังสดใส
ยิ้ม   ให้กับความเศร้าที่ผ่านไป
โลกกว้างใบใหญ่......ความงดงามยังมี
ไมเคยเลยมีความเหงา
บนโลกกว้างใบเก่าใบนี้
สิ่งงดงามนับล้าน...พร้อมเสมอเป็นเพื่อนที่ดี
เพียงลองสักทีลองเปิดใจ.

สะท้อนตัวคุณเอง

ฟินท์


เอาแต่บ่นเอาแต่ว่าเพียงผู้อื่น
หน้าระรื่นชื่นบานด่าว่าเขา
ไม่เคยหันมามองกระจกเงา
ว่าตัวเราเป็นเช่นไร ไม่ยอมมอง
คุณเคยดูตัวเองเคยบ้างไหม
ว่าทำไมคุณถึงทำเช่นนี้
ทำให้เขาเจ็บแค้นช้ำฤดี
ทำเช่นนี้แล้วคุณได้อะไร
มีแต่ความชั่วร้ายทรามต่ำช้า
มีแต่สิ่งไร้ค่าในสมอง
ทำเช่นนี้ใครเล่าอยากปรองดอง
ทำเช่นนี้เพื่อนพ้องจะจากไป
จงมุ่งคิดแต่สิ่งที่สร้างสรรค์
ร่วมสานฝันกันไปอย่าเศร้าหมอง
ปรับข้าศึกเป็นมิตรคิดปรองดอง
เราทั้งผองจะอยู่ได้สันติเอย

อธิษฐาน

จันทร์เพ็ญ จันทนา


อยากเพียง...อธิษฐาน
แต่ไม่มีคำหวาน มาวอนขอ
คำซื่อ-ซื่อ เหล่านี้...หากดีพอ
ก็จะขอ อ้อนคำ ตามหัวใจ
ตั้งใจ...อธิษฐาน
ณ ขอบฟ้า ก่องตระการ มีใครไหม
ใครที่พอได้ยินและห่วงใย
ว่าโลกนี้ ยังมีใคร อีกหนึ่งคน
ตั้งสัตย์...อธิษฐาน
จะผันผ่าน วันเดือนปี อีกกี่หน
พบผู้คน อีกมากมาย หลายหลายคน
ขออย่าให้ ใจนั้นหม่น ตามเวลา
ด้วยแรง...อธิษฐาน
ใจสดใส สะอาดสะอ้าน ถึงวันหน้า
เป็นเด็กน้อย ที่สดใส วิ่งไปมา
ในวิญญา ในหัวใจ ไปนิรันดร์
ปีเก่า ถึงปีใหม่
จะยังคงมีไฟ และ มีฝัน
ไฟเพื่อสร้าง คุณค่า สารพัน
และฝันนั้น เพื่ออุ่นเอื้อ...เติมเชื้อไฟ!

ฟ้าฝน

นิติ


ฟ้า....ร้องไห้คราใด
แล้วใยต้องเสียน้ำตามากมาย
น้ำที่นองในลำคลอง....ฟ้าร้อง..เจ้าเสียใจหรือเสียดาย
ฟ้า...พ่ายแพ้อะไรกระนั้นหรือ
ฟ้า...ทำไม..ใด้โกรธผิดใจสิ่งใดเล่า
จึงหยุดตกคลายบรรเทา....เบาลงมือ
ไม่สงสารหรือ..
อย่าถือสา....ประชาทำพลาดไป
หน้า / 16  
ทั้งหมด 262 กลอน