26 กุมภาพันธ์ 2549 11:38 น.

สิ่งที่เรียกว่า หัวใจ

Completely

บางครั้งก็ช่างอ่อนแอ
บางคราก็เข้มแข็งอย่างน่าใจหาย
 
หัวใจบินได้
หัวใจหายใจได้
หัวใจหัวเราะและร้องไห้ได้
หัวใจเย็นชาและด้านชินได้
 
เพราะหัวใจรู้จักที่จะรู้สึก
และเรียนรู้ที่จะจดจำ
หัวใจจึงทั้งเข้มแข็ง อ่อนแอ และเหนื่อยล้าเกินกว่าที่เราจะคาดคิด
 
น้ำตาหนึ่งหยด
กลั่นจากหัวใจที่สะท้อนสะเทือนจนสะท้าน
รอยยิ้มกว้างใสสด
ก็มาจากหัวใจที่สดสวยใส
 
กว่าจะเติบโต
กว่าจะรู้ความหมายของสิ่งใดในชีวิต
กี่พันอาทิตย์ทอแสง กี่ล้านดวงดาวทอประกาย กี่คราราวโลกสลายกลายจุณ
วันนี้ที่หัวใจเต้นดังให้เราได้เต้นไปกลางกระแสจังหวะแห่งโลก
 
เปิดดวงตาให้หัวใจ
เปิดหัวใจให้มอง
เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ชีวิตและคุณค่าความหมายผ่านหัวใจที่ชื่นบาน
 
อาจจะกร้าวแกร่ง
อาจจะล้าแรง
หัวใจดวงเดียว
คงต้องยืนหยัดต่อไปเพื่อคนๆเดียว
เพื่อที่ในวันหนึ่งวันใด
หัวใจของคนหนึ่งคนนั้น
จะได้ยืนหยัดยิ้มร่าเพื่อปลอบโยนหัวใจของใครอีกคนให้เข้มแข็งและเบิกบาน
 
สิ่งที่เรียกว่า หัวใจ
สิ่งเล็กๆ
ที่มีคุณค่าอันยิ่งใหญ่
 
 
*ดูแลหัวใจกันให้ดีนะคะ*				
23 กรกฎาคม 2548 21:35 น.

นางนวล

Completely

เธอได้แปลกใจว่าไฉนในเมืองจึงมีนกนางนวล 

เธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หลับตาลง ได้ยินเสียงรถขายบะหมี่ตีไม้ดังก๊อกๆผ่านหน้าบ้าน 

เธอหิว แต่ก็ไม่ใส่ใจในความหิวนั้น 

เธอลืมตา เงยหน้ามองวัตถุหนึ่งบนโต๊ะ 

นาฬิกาทรายขวดเล็กๆตั้งแน่นิ่งอยู่ที่นั้น 

เธอมองมันด้วยแววตาว่างเปล่า เอื้อมมืออกไป แล้วจับมันหงาย 

เกร็ดทรายเล็กๆร่วงลงมาช้าๆ 

เธอหลับตา 

ทำไมเวลามันช่างยาวนานอย่างนี้นะ เธอถามตัวเอง 

เมื่อไหร่ฉันถึงจะออกไปเดินเล่นข้างนอกนั่นเหมือนคนอื่นเขา 

แล้วพู่กันที่แห้งกรังนั่น เมื่อไหร่ฉันจะล้างเสียที 

รูปที่กองอยู่มุมห้องยังมองเธออยู่อย่างมีความหวัง 

มันได้แต่หวังว่า เธอจะกลับมาวาดมันให้เสร็จ 

ฉันจะวาดเธอให้เสร็จได้ยังไง ในเมื่อฉันยังจับพู่กันมาแต้มสีให้ตัวเองไม่ได้เลย เธอตอบในใจเงียบๆ 

เงียบเสียยิ่งกว่าความเงียบ 

ความเงียบอยู่ข้างนอกนั่น ข้างในห้อง ... ข้างในนี้ 

เธอลืมตาขึ้น 

ผ่านไปไม่กี่นาที ทรายพร่องไปเกือบครึ่ง 

เวลามันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ 

หรือว่ามันก็แค่ทราย อย่าไปสนใจเลยน่า เธอบอกตัวเอง 

แค่ทราย ... หรือเธอแกล้งไม่ใส่ใจกันแน่ 

ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก 

เห็นไหม เข็มนาฬิกาก็เดินไปข้างหน้า 

เวลาไม่หยุด แต่เธอนั่นแหละที่หยุด 

เธอมองออกไปข้างนอก 

นกนางนวลยังคงบินอยู่ 

ทำไมเธอถึงไม่หยุดบินบ้างล่ะ 

เพราะชีวิตยังต้องก้าวไปนะสิ นกนางนวลตอบ ... หรือเธออาจจะคิดไปเองว่ามันตอบ 

ทรายในนาฬิกาใกล้จะหมดแล้วนะ 

จะหยุดเวลาตัวเองไว้อย่างนี้เหรอ 

ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่แน่ใจ 

เธอมองไปที่พู่กันที่แห้งกรัง 

ภาพเขียนที่ยังไม่เสร็จ 

เฮ้อ ... 

ฉันไปละนะ ... แล้วนกนางนวลก็บินไป ... สายลมหนาวกำลังไล่มา ฉันต้องไปที่อุ่นกว่านี้ 

หาที่อุ่นๆให้ตัวเองด้วยล่ะ ถ้าเธอไม่หา แล้วใครจะหาให้ 

ปีกสีขาวลับตาไป 

เธอหลับตา ลืมตา หลับตา ลืมตา 

แล้วลุกขึ้นไปหยิบพู่กัน 

... ... ...				
3 กุมภาพันธ์ 2548 13:28 น.

ยิ่งไล่ตามก็ยิ่งเหนื่อยล้า

Completely

ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้า


ก็ฉันเหงาเหลือเกิน

เพียงอยากให้มีใครมานั่งข้างๆ

ไขว่คว้าเท่าไร ... ทำไมจึงยิ่งเลือนลาง


ความเลือนลางมันช่างชัดเจน

พิสูจน์ตัวเองว่ามันมีอยู่จริง


อยู่ใกล้ๆกันตลอด

อยากให้มานั่งใกล้ๆเท่านั้นเอง


เพราะฉันเหนื่อยกับการเฝ้ามอง




ยิ่งไล่ตามก็ยิ่งเหนื่อยล้า



ฉันเหนื่อยกับการกอดตัวเอง

ในเมื่อเธอเองก็อยู่กับเสมอ

อยู่ข้างๆ

อยู่ข้างหน้า

อยู่ข้างหลัง


ได้โปรด

มาแนบชิดกับฉันที

เพราะฉันหนาว





ยิ่งไล่ตาม ... กลับยิ่งท้อแท้

เธอมีจริงใช่ไหม

แล้วเธอเป็นจริงไหม





เงาจ๋า ... มากอดฉันที

... ... ...


เพราะฉันไม่มีใครเลย				
24 มกราคม 2548 17:27 น.

กระจก

Completely

ภาพที่เขายืนโอบกอดฉัน ... ฉันเอนกายพิงร่างของเขา ... ยิ้มอย่างมีความสุข

มือที่เขาลูบศีรษะฉันเบาๆ ... ปลายนิ้วที่พันปลายผมเล่น

จมูกโด่งเป็นสัน ทอดลงมาสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของผมเพิ่งสระใหม่ๆ


ฉันเห็นภาพ ... เรา ... อยู่ในกระจก


ฉันกรีดร้อง ... เขวี้ยงแปรงหวีผมไปที่กระจกตรงหน้า

เสียงกระจกแตก ... ร้าวเป็นรัศมีดวงอาทิตย์

สะเก็ดเล็กๆตกลงมาเต็มพื้น


แต่ฉันยังคงมองเห็น ... เรา ... อยู่ในนั้น

เขายังคงโอบกอดฉันไว้แน่น

"ผมรักคุณนะ"

ฉันได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้องอีกครั้ง น้ำตาไหลลงมาเต็มใบหน้า

ถลาไปที่หน้ากระจก ยกกำปั้นชกเข้าไปสุดแรง


เลือดแดงฉานไหลริน ... กระจกแตกกระจาย ... 

เลือดไหลนองเต็มฝ่ามือ แต่ฉันไม่สนใจ


ค่อยๆหยิบแผ่นกระจกเล็กๆขึ้นมาจากพื้น

เลือดไหลลงเปื้อนกระจกเป็นปื้นสีแดงก่ำ

ฉันเช็ดมันออก

ดวงตาเพ่งมองในกระจกนั้น เห็นผู้หญิงคนหนึ่งจ้องตอบกลับมา

ฉันสะอื้น

ผู้หญิงคนนั้นก็สะอื้นด้วย




ฉันเดินผ่านร้านอาหารหน้าปากซอย ... หยุดชะงักหน้าร้าน รู้สึกเริ่มหิว

ยืนคิดว่าจะกินอะไรดี

สายตาสะดุดกับเงาที่กระจก

ผู้หญิงคนหนึ่งยืนจ้องฉัน

ดวงตาของเธอดูเคืองแค้น


... ดูเศร้าสร้อย แสนสาหัส ...


ฉันเริ่มกลัว


ฉับพลันทันใด

เงาของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ

เขาดูเป็นคนอบอุ่น

เขาโอบเธอช้าๆ ... ดวงตาแสดงออกถึงความรักอย่างเต็มเปี่ยม


"ไม่"

ฉันส่ายหน้า

หันหลังวิ่งกลับบ้าน

ซุกตัวในห้องมัว


เศษกระจกแตกร้าวยังเต็มพื้นห้อง




กระจก ... กระจก


ทุกที่มีแต่กระจก


ฉันไม่กล้ามองกระจก


กระจก ... กระจก


ฉันเห็น ... เรา ... อีกแล้ว



... ... ...


เรา ... ... ครั้งแล้ว --- ครั้งเล่า


เงาในกระจกเริ่มพร่าเลือน

เมื่อกาลผันผ่าน

ฉันยังคงกลัว


กระจกยังสะท้อน ... เรา

จางลง ... จางลง


ฉันนั่งอยู่ในห้อง

แสงอาทิตย์สาดเข้ามา


ห้องดูมัวน้อยลง



เศษกระจกยังคงเกลื่อนพื้น

ฉันนั่งมองมัน

รอยปื้นที่กระจกค่อยจางไป


กระจกแตกกระจาย

หัวใจที่เคยแตกกระจาย



ฉันจะต่อมันใหม่ได้ไหมนะ ...


ฉันส่ายหน้า

ห้องยังคงมืดมัว

เงาของเรายังสะท้อนอยู่ในนั้น

เงาของเขายังสะท้อนอยู่

เงาของเขายังคงโอบกอดฉันไว้


กระจกยังคงแตกกระจายเต็มพื้น


... ... ...


เลือดหลุดไหลนานแล้ว 


กระจกก็ยังแตกกระจายเต็มพื้น




ฉันเดินผ่านร้านอาหารหน้าปากซอย

หยุดชะงักหน้าร้าน คิดว่าจะกินอะไรดี


เงาที่หน้าร้านมองมา

ฉันมองกลับไปด้วยดวงตาเรียบเฉย


ฉันหิว


ขืนยังไม่กินข้าว ... ฉันคงตายแน่ๆ 

คงจะตายจริงๆ



แต่ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่

มีอีกมากมายหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ


กะว่าพรุ่งนี้จะไปภูสอยดาว

เขาว่าสูงนักหนา ... ฉันจะลองไต่ขึ้นไป


ฉันจะมองลงมา

เห็นชีวิตของตัวเอง

ทิ้งเงาเหล่านั้นไว้เบื้องล่าง

ให้แสงดาวส่องประกาย

ทาบทับม่านหมอก ... มืดมัว




รอยปื้นนั่นหายไปแล้ว

บาดแผลอาจทิ้งร่องรอยไว้


ฉันเย็บไปตั้ง 3 เข็ม


เตือนให้ฉันรู้ว่า

กระจกเคยแตกกระจาย


แต่ใจเราจะแตกกระจายหรือไม่นั้น

มันอยู่ที่ตัวเอง



นั่นอาจเป็นภาพหลอน

เงานั่นอาจไม่มีจริง



เงาอยู่ในกระจก

หรืออยู่ในดวงตาเรากันแน่

สะท้อนจากก้นบึ้งในใจ



ฉันมองกลับไปที่กระจกหน้าร้านอาหาร

เงาของเรายังจ้องมองมา


เงาอยู่ในกระจก 

หรืออยู่ในดวงตาเราเอง






ฉันยิ้ม


แล้วผลักประตูร้านเข้าไป


... ... ...				
24 ธันวาคม 2547 02:43 น.

ความปวดร้าวแห่งเกลียวคลื่น ตอนที่ 5

Completely

เธอไม่รู้ว่าผมกำลังมองเธออยู่ ...

ผมเห็นเธอก้มลงใส่ส้นสูงสีแดงคู่นั้น ... คู่เก่งของเธอล่ะ ... ผมไม่ชอบเลย ...

ดาวเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผิวไม่ได้ขาวสว่างเหมือนอย่างพรีเซ็นเตอร์ครีมทาผิวขาวใน T.V.  ... แต่เธอก็น่ารัก ... เธอมีดวงตาสีน้ำตาล ... ที่ส่องประกายสดใสทุกครั้งที่เธอยิ้ม ... ริมฝีปากเธอเป็นสีส้ม ... 

ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมีริมฝีปากสีส้มมาก่อน ...

ดาวก้มลงใส่รองเท้าอีกข้าง ... ก่อนที่เหลือบมาเห็นผม ... เพื่อนบ้านที่นั่งมองเธอตาบ้องแบ๊วมาตั้งแต่ 2 นาทีที่แล้ว

... ใครบอก 2 นาที ... 2 ปีต่างหากล่ะ ... พุธเอ๊ย ...

ดาวยิ้มให้ผม ผมแกล้งเสผมแล้วเบือนหน้าไปข้างๆ ทำเป็นไม่เห็นเธอ ... ผมแอบหันไปอมยิ้มคนเดียว

ผมจะให้เธอรู้ได้ยังไงกันล่ะ ... ว่าผมดีใจที่เห็นเธอ

... จะให้เธอรู้ได้ยังไง ... ว่าผมดีใจมาตั้งแต่เห็นเธอขนกระเป๋าย้ายเข้ามาอยู่บ้านข้างๆตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ... 

ผมแอมยิ้มคนเดียวตั้งแต่บ่ายวันนั้น ...

ผมค่อยๆเบนสายตากลับไปมองเธออีกครั้ง ... แต่เธอหายไปแล้ว

"พุธ!" 

ผมสะดุ้งก่อนที่จะพบว่า เธอกำลังยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านผม หน้าบูดเชียว ...

"พุธแอบว่าอะไรดาวในใจน่ะ ... กำลังคิดว่าดาวทำหน้าบูดเป็นตูดหมูอยู่ใช่ไหมล่ะ"

ผมกลอกตา ... ดาวทำหน้าบูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะลดแขนลงข้างกาย แล้วหันหลังเดินออกไป 

"เดี๋ยวดาว!"  

ดูสิ ... เธอร้ายจริงๆ เธอรู้อยู่แล้ว ว่าผมต้องรีบลุกไปหาเธอแน่ ถ้าเธอเล่นไม้นี้

"ดาวโกรธพุธแล้ว ... ทำเป็นมองไม่เห็นใช่ไหม ถ้าไม่เห็นดาวในสายตา ... งั้นดาวไปล่ะ"

"โธ่ดาว ... พุธล้อเล่นหรอกน่า"
"แต่ไม่ได้ล้อเล่นเรื่องไม่เห็นดาวอยู่ในสายตาใช่ไหม" เธอทำตาเศร้า

หัวใจผมกระตุกวูบ ... สับสนว่าจะตอบเธอว่าอย่างไรดี 

ดาวเอื้อมมือมาลูบแก้มผม ... ผมรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมาฉับพลัน ... และก่อนที่จะรู้ตัว

"จะบ้าเหรอพุธ ... ดาวล้อเล่นหรอกน่ะ อะไรเนี่ย หน้าแดงเลยเหรอ" แล้วเธอก็ตบแก้มผม ... ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ... 

"พุธเจ็บนะดาว" ผมแกล้งทำหน้าขึงขังใส่เธอ
"อะไรกัน ดาวแกล้งตีเบาๆเองนะ อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย"
"พุธเจ็บจริงๆ"

ผมเห็นเธออึ้งไป ... ผมเองก็อึ้งไป ... ผมกำลังทำให้เธอรู้สึกแย่แต่วันเลยเหรอเนี่ย ... ผมเริ่มโกรธตัวเอง

"ดาวขอโทษนะ ... เจ็บมากไหมพุธ" เธอหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา 
"ไม่เจ็บหรอก ... พุธล้อเล่นน่ะ ไม่เจ็บหรอกครับ"
"จริงเหรอ ..."
"อืม"
"พุธไม่ได้โกรธดาวใช่ไหม"
"พุธจะโกรธดาวทำไมล่ะ เรื่องแค่นี้เอง ดาวแค่หยอกพุธเล่นๆนี่"

เธอยิ้มออกมา ... ผมรู้สึกว่าอะไรบางอย่างข้างในมันฟูขึ้น ... พองตัวขึ้นเรื่อยๆ ... ดาวยิ้มออกมาแล้ว

ผมเอื้อมมือออกไปลูบผมเธอเบาๆ เธอไม่ได้ขัดขืนหรือถอยหนี ... เราเป็นเหมือนเพื่อนกัน ... เพื่อนสนิทกัน

 ... เพื่อนสนิทกัน ...


 ... มันยังชื้นๆ เธอคงเพิ่งสระผม

สายลมวูบหนึ่งพัดมา ...

กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูกระทบจมูกผม ... ผมสูดเข้าไปอย่างลืมเลือนทุกสิ่ง

"พุธ" เสียงใสๆของเธอดึงให้ผมกลับเข้ามาสู่โลกจริง

"ดาวไปก่อนนะ ... นัดยัยแว่นแก้วเอาไว้ จะเอารูปไปส่ง เดี๋ยวบ่าย 4 โมง ลูกค้าประจำเค้าจะแวะมาดู" เธอบอกพลางยิ้มกว้าง "ขาดรายได้มาหลายเดือนแล้ว ... ดีนะว่ารูปๆนึงขายได้หลายตังค์อยู่ ดาวเลยยังไม่ต้องกินแกลบ" เธอหัวเราะ ก่อนที่จะเบี่ยงหัวออกจากมือผมช้าๆ

"ให้พุธไปส่งไหมดาว"
"ไม่ล่ะ ... ร้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง ... อีกอย่าง วันนี้ดาวอยากเดินเล่น อากาศดีๆนะ"
แล้วเธอก็หันหลังเดินไปทันที

ผมมองตาม ... ดาวใส่กระโปรงสีน้ำตาลผ้าบาติกยาวครึ่งน่อง ... ชายกระโปรงของเธอพริ้วไหวเล่นลม ... เธอมีผมยาวสีดำ ... ทอประกายสีแดงเมื่ออยู่กลางแสงแดด ... วันนี้เธอรวบผมเป็นหางม้า ผูกโบว์สีฟ้า

ดาวเดินไปได้เกือบ 10 ก้าว ขณะที่ผมยังคงมองเธออยู่ ... เธอหันมายิ้มให้ผม

"เดี๋ยวเย็นนี้ดาวจะซื้อไก่ย่างเจ้าโปรดมาฝากพุธนะ ... พุธหุงข้าวแล้วทำแกงเผ็ดไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวดาวจะกลับมากินข้าวเย็นด้วย" เธอตะโกน

ผมพยักหน้า

ดาวยิ้มกว้าง ก่อนที่จะหันหน้าแล้วก้าวเดินออกไปอย่างร่าเริง ...

โบว์ของเธอกลืนเข้ากับสีของท้องฟ้า ... นกน้อยกำลังโผปีกไปสู่โลกกว้าง

ผมนั่งยิ้มอยู่ที่รั้วบ้านอยู่คนเดียว ... 

ผ่านไปสองชั่วโมง ... ผมยังเขียนเพลงไม่ได้แม้ซักประโยคเดียว



... ดาว ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงCompletely