พิราบใต้ต้นเบิร์ช

กวีปกรณ์

มันเป็นนกเสียงของนกพิราบ ผมจำเสียงของนกพันธุ์นี้ได้ดี เพราะที่ระเบียงชั้นสามของบ้านด้านนอกห้องนอนของผม มีนกพิราบมักมาสร้างรังรักอยู่บ่อยครั้ง ผมทราบดีว่านกพันธุ์นี้อาจนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บหากผมไม่ทำความสะอาดระเบียงที่พวกมันมักจะขับถ่ายเรี่ยราดบ่อยครั้ง นี่ยังไม่รวมถึงการชอบส่งเสียงรบกวนเวลานอนยามเช้าในวันที่อยากตื่นสาย ใช่ ผมต้องคอยไล่และรื้อซากรังรักเก่าๆ ของมันอยู่เรื่อยๆ ทำความสะอาดระเบียงบ่อยๆ จนในที่สุดมันก็คงจะรำคาญผม และไม่คิดที่จะสร้างรังอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกมันก็มักจะมาเยี่ยมผมที่ระเบียงห้องนอนบ่อยๆ เช่นกัน ก็คงไม่ต่างจากคนคุ้นหน้าที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันประหนึ่งเพื่อนข้างห้อง 
แต่สำหรับนกพิราบตัวนี้ลักษณะมันใหญ่กว่านกพิราบที่ผมเคยพบมาก่อน สีของมันขาวหม่นๆ สลับเทา ดวงตาเศร้าสร้อย คล้ายกับว่ากำลังค้นหาและคอยอะไรบางอย่างอยู่เวลานั้น มันซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นเบิร์ชใกล้กันกับลำธารเล็กๆ ผมว่ามันคงกำลังหิวน้ำ และร่างกายมันคงได้รับบาดเจ็บตรงไหนสักแห่ง มันถึงไม่มีแรงบินและขยับกายให้พ้นไปจากผม
ไม่ใช่ มันไม่ได้กำลังบาดเจ็บ เพราะปีกข้างหนึ่งขยับได้ไม่เต็มที่ต่างหาก พอผมสังเกตดูใกล้ๆ จึงเห็นว่ามีเส้นเอ็นบางๆ สีดำที่สานร้อยกันเป็นแห ผมรู้ทันทีว่ามันกำลังติดกับ และนกตัวนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแน่ๆ หากต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วพบกับเจ้าของกับดักนี้ เราต่างกังวลซึ่งกันและกัน มันคงคิดว่าผมคงจะทำอันตรายมันแน่ๆ ส่วนผมนั้นก็ไม่ถนัดจับสัตว์ป่าแบบนี้เสียด้วย เพราะหากมันจิกผมขึ้นมาผมเองก็คงต้องพาตนเองไปหาหมอหลังจากที่ช่วยพามันไปรักษาตัวตรวจเช็กอาการในศูนย์รักษาสัตว์ที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะปล่อยมันไป อย่างน้อยผมก็จะได้สบายใจว่าผมได้ช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ  
สัตวแพทย์บอกกับผมว่า มันเป็นนกพิราบจากแอตแลนติกเป็นสายพันธุ์ที่มีการอพยพ และเจ้านกตัวนี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยกระดูกหัก นอกเสียจากอาการขาดน้ำ เพราะมันคงติดกับดักนี้มาแล้ววันหรือสองวันก็เป็นได้ หลังจากสัตวแพทย์ได้ให้น้ำ และอาหารเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันกะปรี้กะเปร่าขึ้น คล้ายกับว่าพร้อมที่จะเดินทางไกลอีกครั้ง ฟังดูช่างเป็นข่าวดีสำหรับมันเสียเหลือเกินที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่ข่าวร้ายก็กำลังเดินมาอีกเช่นกัน สัตวแพทย์คนนั้นบอกกับผมว่ามันเป็นนกพิราบที่ค่อนข้างจะรักเดียวใจเดียวเมื่อเทียบกับนกพิราบพันธุ์อื่น และนั่นหมายความว่าถ้าผมไม่รีบพามันกลับไปที่ฝูงของมัน มันจะต้องอยู่ตัวเดียวไปจนตาย ยิ่งตอนนี้แล้วโอกาสที่มันจะพบกับฝูงมันอีกก็คงจะเหลือน้อยมาก ทางอื่นที่เหลือก็คือมันสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ด้วยร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เป็นปรกติ แต่ความสุขนั้นเล่า
ภายหลังเสร็จธุระผมรีบกล่าวคำขอบคุณกับสัตวแพทย์แล้วออกจากที่นั่นโดยทันที ผมไม่ต้องการให้มันต้องพลัดหลงจากฝูง และหากในเวลานี้ผมเป็นผู้กำหนดชีวิตคู่ของมันด้วยแล้ว ผมยิ่งต้องรับผิดชอบซึ่งมันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับนกผู้ซื่อสัตย์ในรักตัวนี้
ผมเร่งขับรถออกจากชานเมืองไปยังบริเวณผืนป่าใกล้ๆ ที่ห่างออกไปไม่ถึงสิบกิโล ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมนั้นผมได้พบกับมัน พายุฝนกำลังจะมา เมฆบนฟ้าครึ้มดำทะมึน บรรยากาศภายนอกรถมืดขึ้นและมีลมแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่าจะไม่ดีแน่ เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าช้าไปแม้เพียงหนึ่งนาที นกตัวนี้อาจจะต้องทนเหงาและใช้ชีวิตลำพัง
เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ตอนนี้ผมได้จอดรถห่างไปจากกับดักประมาณแปดร้อยเมตร ใช่ ผมต้องเร่งฝีเท้าฝ่าสายลมที่กำลังแรงขึ้น อากาศเย็นลงกว่าเดิมพอสมควร ผมรู้แต่เพียงว่า ผมไม่อาจปล่อยมันให้อยู่ลำพังในสภาพอากาศเช่นนี้ และผมคิดว่าผมควรที่จะช่วยมันหาฝูงของมันด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าผมกังวลเกินไปหากในท้ายสุดแล้วมันต้องใช้ชีวิตลำพัง ผมรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลย แม้บริเวณผืนป่านี้จะอุดมสมบูรณ์และใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ขาดเหลือสำหรับนกตัวเดียว แต่แล้วถ้าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปจนมันต้องอพยพสู่ถิ่นใหม่เพื่อหาอาหาร และอากาศที่อบอุ่นนั้นเล่า ผมเชื่อว่าทางมันไกล ถ้าจะให้เดินทางคนเดียวต้องไม่ดีแน่ หรือที่แย่กว่านั้นมันอาจจะตรอมใจไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปก็เป็นได้
ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว ยิ่งทำให้อากาศเย็นลงขึ้นไปอีก ผมรู้สึกถึงความหนาวเพราะเสื้อผ้าที่สวมเริ่มเปียกเพราะฝนตกหนักขึ้น โชคดีที่มีศาลาริมน้ำอยู่ใกล้ๆ ผมไม่อาจจะเดินฝ่าสายฝนย้อนกลับไปที่รถได้อีกแล้วตอนนี้ แม้ลมจะพัดเบาลง แต่เม็ดฝนกลับใหญ่ขึ้นและแรงกว่าเดิมมาก จนผมแทบจะมองฝ่าสายฝนออกไปที่ไหนไม่ได้เลย 
เสียงของโทรศัพท์ดังขึ้น ผมลืมเสียสนิทว่าอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า หากไม่ติดอยู่ในสภาพเช่นนี้ เวลานี้ผมคงกำลังพาตัวเองไปยังร้านกาแฟที่ห่างจากห้องพักของผมเพียงสามบล๊อก นั่งอ่านหนังสือและทำวิทยานิพนธ์ และเวลาเที่ยงยี่สิบนาทีของทุกวันทำงาน ผมคงจะได้เห็นหน้าใครคนนั้นอีกครั้งที่โต๊ะตรงข้ามกับมื้อเที่ยงพร้อมกาแฟอุ่นๆ หนึ่งแก้ว ใบหน้านั้นทำให้ผมมีความสุขมากทีเดียว ผมแทบไม่เคยพลาดเวลานี้มาตลอดเดือนครึ่ง และทุกวันผมก็ได้พบกับใครคนนั้นเสมอ เพราะเพียงครั้งเดียวที่ผมไม่ได้เจอ ผมกลับคิดถึงใครคนนั้นเสียมากมาย ใช่ ผมเชื่อว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา คนนั้นต้องรู้แน่ว่ามีใครคอยแอบมองและตกหลุมรักเข้าอย่างจัง และบ่อยครั้งที่เราสบตากันจากมุมเดิมที่แต่ละคนเคยนั่งและจับจองจนเป็นมุมประจำทุกครั้งที่มาในร้านกาแฟแห่งนี้ไป
ผมเคยคิดที่จะเปิดบทสนทนาแทนภาษาจากสายตาและทีท่าที่เป็นมิตร เพื่อเราสองคนจะได้รู้จักกันเสียที เพราะเมื่อผมเรียนจบอีกไม่นานนักผมคงต้องกลับประเทศไทย และนี่ละมั้งอาจเป็นข้ออ้างที่ผมยั้งใจไว้ไม่ให้เริ่มเปิดปากพูด และพยายามสร้างความสัมพันธ์ เพราะหากผมต้องกลับยามที่สองเราได้ผูกมิตรกันแล้ว คงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะต้องทำใจในยามที่ต้องไกลกัน
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมมองนกพิราบตัวนั้น ในขณะที่เราสองคนต่างหนาวเพราะสภาพอากาศ ผมได้ยินเสียงมันขันร้องอยู่ในคอมาตลอดอาจจะเป็นเพราะมันกำลังหนาว ผมล้วงมือเข้าไปในกรงพยายามสัมผัสตัวของมันที่กำลังสั่นไม่ต่างจากผม และเมื่อตั้งใจฟังเสียงร้องของพิราบนั่น กลับพบว่าไม่ใช่เสียงของมัน ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมมั่นใจว่าเป็นเสียงของนกพิราบผู้สัตย์ซื่อในรัก สายฝนเริ่มซาทำให้ผมมองผ่านม่านน้ำฝนที่หล่นจากชายคาของศาลาออกไปได้บ้าง และเพียงครู่เดียวฝนก็หยุดลง แสงแดดได้ส่องผ่านก้อนเมฆที่เคยครึ้มคืนความสว่างให้กับวันนี้อีกครั้ง นกพิราบในกรงเริ่มขยับปีก สะบัดความชื้นบนเส้นขนเตรียมรับไอแดด ใช่ ผมมั่นใจว่าผมได้ยินเสียงนกพิราบและเสียงขยับตีปีกสยายขนของตัวอื่นแน่ๆ ผมลองก้มมองลอดใต้ม้านั่งตัวที่อยู่ติดกัน ภาพที่เห็นทำให้ผมยิ้มอย่างยินดี ผมมั่นใจเลยว่าถ้าไม่ใช่พิราบตัวอื่นในฝูงเดียวกัน ก็ต้องเป็นคู่รักของมันเป็นแน่ เสียงที่ได้ยินมาตลอดเหมือนมันพยายามสื่อสารกันด้วยความห่วงใย จากมุมของแต่ละตัว ผมวางกรงนกพิราบลงกับพื้นแล้วเปิดมันออก เวลานั้นสายลมแห่งเสรีภาพได้พัดผ่านอย่างแผ่วเบา ต้นเบิร์ชพลิกใบสะบัดน้ำที่เปียกชุ่มคืนสู่ผืนดิน ผมปิดกรงหลังจากนกพิราบตัวนั้นได้เดินออกไป อากาศอบอุ่นขึ้น ผมไม่ได้หักลับไปมองว่านกทั้งสองตัวนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ นอกจากก้าวเท้ามุ่งตรงไปที่รถเท่านั้น
				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    3 ตุลาคม 2555 20:37 น. - comment id 130561

    อยู่ไหน ชลบุรีหรือเปล่า ?
  • กวีปกรณ์

    4 ตุลาคม 2555 01:09 น. - comment id 130562

    ฮ่าฮ่า
    
    พี่อิมก็... มันเป็นแค่เรื่่องสั้นครับ
    
    กรอยู่ชลยังไม่อพยพเหมือนนกคับ
    
    
    
    วันนี้หลังจากเขียนเสร็จ น้องคนนึงอ่าน
    
    เธอถามบอกว่า "แอบเศร้าเล็กๆ"
    
    แล้วถามต่อว่า "ทำไมตอนจบ "ผม" ถึงไม่หันไปมองนกคะ" 
    
    มันทำให้กรรู้สึกว่างานชิ้นนี้เป็นเรื่องสั้นชิ้นแรกที่เขียนสำเร็จเลยคับ
  • อัลมิตรา

    10 ตุลาคม 2555 09:28 น. - comment id 130611

    โทรหาพี่อิมด้วยจ้า เบอร์อยู่ที่กระทู้

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน