28 มกราคม 2548 13:35 น.

ใครชอบหอย

oh yes

เอนก:  "นายว่าในประเทศเราคนชื่ออะไรชอบกินหอยมากที่สุด"
อนัน:   "ไอ้บ้า  ใครจะไปรู้วะ"
เอนก:  "ฮะๆ  แค่นี้ก็ไม่รู้  เอ็งนี่โง่จริงๆ"
อนัน:   "อ้าว  หรือเอ็งรู้ล่ะ"
เอนก:  "ก็รู้สิ  ถ้าไม่รู้จะถามเอ็งได้เหรอ"
อนัน:   "อ้ะ  ถ้ารู้เอ็งลองเฉลยให้ข้าฟังซิว่าใครชอบกินหอยมากที่สุด"
เอนก:  "ก็คนชื่อ'ชวน'นะสิ"
อนัน:   "อ้าว  ทำไมคนที่ชื่อชวนชอบกินหอยวะ  ไม่เห็นเข้าใจเลย"
เอนก: "อ้าว  ก็เอ็งไม่เคยได้ยินหรือไง'เชลล์ชวนชิม' น่ะ ข้าเห็นมีแต่เชลล์ว่ะที่ชวนชอบชิม  อย่างอื่นไม่เห็นชวนเคยชิมซะที"				
25 มกราคม 2548 12:59 น.

รักแรงถั่ว

oh yes

เพราะขืนยังกินอยู่ต้องอายสาวเจ้าน่าดู๊...หลังจากงานแต่งงานผ่านไป 2-3 เดือน วันหนึ่งระหว่างทางขับรถบ้าน หลังเลิกงานรถเจ้ากรรมเกิดเสีย... เนื่องจากบ้านของเขาอยู่ในชนบทจึงไม่มีรถประจำทางไปถึง หนทางเดียวที่จะกลับบ้านได้คือ ต้องเดิน เขาจึงโทรศัพท์ไปหาภรรยา เพื่อบอกว่าเขาอาจจะถึงบ้านช้าสักหน่อย เพราะรถเสีย และต้องเดินเท้ากลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาเดินผ่านร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง แล้วกลิ่นถั่วอบก็โชยออกมายั่วใจเขา เขาจึงคิดเข้าข้างตัวเองว่า กว่าจะเดินกลับถึงบ้านก็ต้องใช้เวลาและพลังงานมากน่าดู น่าจะหาอะไร
รองท้องสักหน่อย ว่าแล้วเขาจึงเดินเข้าไปสั่งถั่วอบ 3 ถุงใหญ่พิเศษ! เพื่อเดินกินระหว่างทางกลับบ้าน เขาเดินไปกินไปอย่างเพลิดเพลินจนถั่วหมดโดยไม่รู้ตัว และเขาก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ครั้นเมื่อกดกระดิ่งปุ๊บ ภรรยารักเดินออกมาเปิดประตู พร้อมกับพูดว่า สวัสดีค่ะ ที่รัก.. น้องมีสิ่งจะทำให้พี่ประหลาดใจอย่างที่สุด ในอาหารมื้อเย็นวันนี้เลยละค่ะ ว่าแล้วเธอ ก็ควักผ้าปิดตามาปิดฉับลง ที่ใบหน้าสามี และจูงเขามานั่งที่เก้าอี้ ที่หัวโต๊ะอาหาร และให้เขาสัญญาว่าจะไม่ใช้แทคติคใดๆแอบมองอย่างเด็ดขาด 
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวในท้องของเขา โชคช่วยที่เผอิญมีเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น ภรรยาที่กำลังจะเอื้อมมือมาเปิดผ้าผูกตา จึงบอกว่า ขอเวลาไปรับโทรศัพท์ประเดี๋ยว แต่พี่ห้ามแอบดู ก่อนน้องจะกลับมานะ เธอย้ำ แล้วก็ไป...
ขณะที่ภรรยาไปรับโทรศัพท์ เขาก็ฉวยโอกาสนี้ ผายลม เสียงของมันไม่ดังนัก แต่เหม็นราวไข่เน่าทีเดียว จนแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าโบกไล่กลิ่น หลังจากรู้สึกว่าดีขึ้น ลมระลอกใหม่ก็เริ่มบุกอีก แน่นอน เขาเริ่มผายลมระลอกใหม่ เสียงมันดังราวเครื่องยนต์ดีเซลกำลังทำงาน กลิ่นแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก... เขาจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าโบกไปมาอย่างรวดเร็ว โดยหวังว่า จะทำให้กลิ่นมันจางลงไปบ้าง แต่ไม่ทันไร ข้าศึกชุดใหม่ก็มาถึง คราวนี้แย่ยิ่งกว่า 2 ครั้งแรก หน้าต่างสั่นไหวเพราะแรงลม จานบนโต๊ะเขย่า และนาทีต่อมา ดอกไม้บนโต๊ะก็เหี่ยวเฉา ก็เพราะสัญญาว่าจะไม่เปิดตา เขาจึงไปไหนไม่ได้ นอกจากต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะ รอจนกว่าภรรยาจะกลับมา
เขานั่งรออยู่ราว 10 นาที และเป็น 10 นาที ที่มีกิจกรรมแบบว่าตลอด ผายลม.. โบกผ้าเช็ดหน้า.. ซ้ำไปซ้ำมา.. เมื่อเขาได้ยินเสียงภรรยาวางโทรศัพท์ เขาจึงรีบพับผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋า และยิ้มให้ภรรยาอย่างไร้เดียงสา
ราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภรรยากล่าวขอโทษที่คุยโทรศัพท์นานไปหน่อย และถามว่า เขาไม่ได้แอบดูแน่นะ...
เมื่อเขายืนยัน เธอจึงปลดผ้าผูกตาให้เขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอันชวนตื่นเต้นว่า 
Surprise
เป็นช่วงเวลาอันน่าสะพึงกลัว... ที่เขาพบว่า มีแขกนั่งอยู่รอบโต๊ะกินข้าว 12 คน เพื่อร่วมงาน Surprise party ในงานวันเกิดของเขานั่นเอง				
25 มกราคม 2548 12:54 น.

โมนา กับ ลิซ่า

oh yes

โมนา กับ ลิซ่า สองสาวสวยพี่น้องแห่งเมืองอิตาลี แม้เธอทั้งสองจะไม่ใช่ฝาแฝด
แต่ทั้งคู่ก็ดูคล้ายกันมากทั้งรูปร่าง หน้าตาและกิริยาท่าทาง ความแตกต่าง
ที่คนภายนอกพอจะมองออกได้ก็คือ โมนาผู้พี่เก่งเย็บปักถักร้อย ส่วนลิซ่าผู้น้องเก่งทำอาหาร
ดังนั้นถ้าเห็นสาวสวยสองคนเดินมา คนหนึ่งถือเสื้อผ้า อีกคนหนึ่งถืออาหาร ก็จะบอกได้ทันทีว่าใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง
โมนาผู้พี่นั้นแต่งงานแล้วกับวิศวกรหนุ่มมาดเท่ ซึ่งหนุ่มวิศวกรคนนี้เคยเป็นแฟน
กับลิซ่าผู้น้องมาก่อน แต่ลงท้าย ทำไมเขากลับมาเลือกแต่งงานกับพี่สาวได้
ไม่มีใครทราบ... มันคือความน้อยเนื้อต่ำใจของลิซ่าที่รอเวลากลายเป็นความแค้น
วันหนึ่งมีการป่าวประกาศหาสาวสวยเข้าประชันความงามเพื่อเป็นนางแบบภาพเขียน
ให้ศิลปินชื่อก้องโลก "ลีโอนาโด ดาวินี่"วาดรูป แน่นอน... สาวสวยทั่วทั้งอิตาลี
เข้าร่วมงานประกวดนี้ รวมทั้งโมนากับลิซ่าด้วย ถ้าจะว่ากันตามความสาวและสวยแล้ว 
ลิซ่าสวยกว่าโมนา เพราะอายุน้อยและยังโสด แต่เมื่อผลประกาศออกมา โมนากลับได้ตำแหน่งที่หนึ่งไปครอง ปล่อยให้ลิซ่าชื่นชมเพียงอันดับสองเท่านั้น
เรื่องแย่งแฟนนั่นพอทนแต่เรื่องแย่งเป็นนางแบบให้ท่านดาวินชี่ ใครจะไปยอม
ลิซ่าเริ่มแผนการกำจัดพี่สาว
ระหว่างนั้นโมนาก็ได้เริ่มเป็นแบบให้ท่านดาวินชี่วาดรูปแล้ว ลิซ่าปรุงยาพิษด้วยภูมิปัญญาตัวเอง จากวัตถุดิบที่เหลือในครัว เช่น เห็ดเน่าๆ เนยบูดๆ แป้งหมดอายุ แล้วอาศัยความชำนาญ
เรื่องการปรุงรส แต่งกลิ่นจนกลายเป็นขนมอบที่น่ารับประทานที่สุด ทำทีว่า
เป็นของขวัญฉลองความสำเร็จของพี่สาว
รุ่งเช้า ตำรวจพบศพโมนานอนตายจมกองอ้วกอยู่บนโต๊ะอาหารที่บ้าน ส่วนสามีวิศวกรหนุ่ม ก็ไปนอนตายจมกองอ้วกอยู่กับลูกน้องที่ไซต์งานสร้างตึก ทำให้ตึกที่สร้างไปได้เพียงแปดชั้น
ไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ จนมันค่อยๆ....เอียง
สันนิษฐานเบื้องต้น จากสภาพศพและอ้วกว่า "อาหารเป็นพิษ" ลิซ่าถูกเรียกตัว มาเป็นแบบให้ท่านดาวินชี่วาดรูปต่อจากโมนา ซึ่งท่านวาดจวนจะเสร็จ เหลือเพียงแค่
ส่วนปากเท่านั้น แค่นี้ก็คุ้มแล้วลิซ่ายิ้มอย่างสะใจขณะท่านดาวินชี่สะบัดปลายพู่กัน
ไม่นาน ลิซ่ากถูกจับข้อหาฆาตกรรมและทำตึกเอียง อ้วกของโมนา
ถูกนำกลับมาให้ลิซ่าอบเป็นขนมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้ในการทำแผนประกอบการฆาตกรรม
กลิ่นอบขนมหอมดึงชาวบ้านแถวนั้นมามุงดู และจำสูตรทำกันใหม่ด้วยวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพกว่า
แล้วเรียกชื่อสั้นๆว่า "ขนมพิษลิซ่า" หรือ "ขนมพิษซ่า"
ส่วนตึกเอียงน่าจะเกิดจากวิศวกรหนุ่มสามีโมนามีน้ำใจเอาขนมพิษของลิซ่ามาแบ่งให้คนงานกินด้วย จนทำให้สร้างตึกไปมึนพิษไป ตึกที่เอียงนี้จึงถูกเรียกชื่อว่า "หอเอนพิษลิซ่า"
หรือ "หอเอนพิษซ่า" ด้วยเช่นเดียวกัน ...ตั้งแต่นั้นมา (เฮ้อ ...)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟoh yes
Lovings  oh yes เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟoh yes
Lovings  oh yes เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟoh yes
Lovings  oh yes เลิฟ 0 คน
  oh yes
ไม่มีข้อความส่งถึงoh yes