21 กุมภาพันธ์ 2556 12:18 น.

...ว้าเหว่...

plaing_piu




๑     ที่มาธรรมชาติพิลาสไหว
มี-ไม่มี..ใช่นัยสรรพสิ่ง
ชีวิตเริ่มเติมกาลเทศะอิง
ดี-งาม-จริงนิ่ง..ใจให้จุดธรรม

๑     เพียงเศษเสี้ยวเหตุผลยากทนคว้า
คือรัฐาธิปัตย์สกัดคว่ำ
หลักธรรมใต้อำนาจวาทกรรม
ชีวิตด่ำดื่มจำเจเล่ห์ลวงพราง

๑     ทุกข์ปัญหาสาระพัน.....ว้าเหว่
เท่ประชาธิปไตยอะไรอ้าง
ประชาชนดิ้นรนชีวิตมิวาง
มืดหนทางสว่างตายน้ำลายใคร

๑     วาทกรรมสำรากปากปะทุ
ฤาสดุดีอุดมการณ์ขมได้
สิทธิเสรีภาพอาบควันไฟ
กานเมืองไทยเขื่องทะมึนทมิฬ

๑     ปรากฏการณ์บ้านเมืองผ่านเปลืองเปล่า 
ผู้แทนเอาดีใส่ตัวชั่วไม่สิ้น
เห็นทุกข์คนรุกแค้นเข็ญแผ่นดิน
ปะ-ชา-ถีบ-ปะ-ตาย..ชินกินน้ำตา

๑     ปะ แต่เสนอสนองจ้องประโยชน์ 
ชา ด้านสามานย์โคตรฉ้อโฉดท่า
ถีบ ตนแย่งผลงานบานร้ายสภา
ปะ(ทะ) ตาย ขาย..ประชาชนฆ่ากัน

๑     ประชาธิปไตยอะไรเล่า
ชาติจมเหงาเศร้าทุกข์ภัยรุกมหันต์
ผุ้มีเกียรติละเลียดแบ่งแย่งรางวัล
ปากพร่ำปรองดอง..สันติปันเลว

๑     รัฐธรรมนูญไหนกินได้อิ่ม
ผู้คนชิมข้นแค้นแล่นตกเหว
มุ่งอำนาจวาสนาระอุเปลว
เผาแหลกเหลวกเฬวรากไร้ซากควัน

๑     ชีวิตแผกผิดใช่ปากใครว่า
สำนึกผ่านศึกษากล้าสร้าง-สรร
คุณภาพสังคมบ่มคนทัน
ใดกดดันฟันฝ่ารู้ค่าตน

๑     อำนาจวาสนาบารมี
คือชั่วดีมีธรรมค้ำเหตุผล
ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่าใจตน
ปล่อยวางพ้นทางบาปอิ่มอาบธรรม


           ...........

				
14 กุมภาพันธ์ 2556 23:15 น.

.....เช่นนี้....

plaing_piu





๑   ฟ้าฝั่งมืดยังมีดาวคลี่กระจ่าง
เก็จมณีน้ำค้างพร่างปลายหญ้า
ใดผ่านร้าวรานหอมออมน้ำตา
ปรารถนาอะไรใจเจ็บงำ 

๑   คือหมองหม่นครองตนไยทนนัก
หากจำหลักอำไพใจชื่นฉ่ำ
จมทุกข์สุขอะไรเที่ยงนัยคำ
ยิ่งเก็บเจ็บซ้ำซ้ำถลำยืดเยื้อ 

๑   สรรพสิ่งดำเนินใช่เกินเปลี่ยน
มืดในเที่ยนให้แสงเร่าเเรงเรื่อ
ศรัทธาตนผลบุญย่อมจุนเจือ
ทุกเยื่อใยเพื่อสร้างทางอันควร 

๑   วิถีดาวชี้ทิศไม่ผิดหลง
คนดำรงตรงใจไม่ปั่นป่วน
ตื่นรู้ทิศรู้ใจไม่เรรวน
อาบแสงนวลดาวเดือนเป็นเพื่อนตาย

๑   เพียงเท่านี้ที่ว่าได้ประหวัด
ดั่งลมพัดพรมร้อนผ่อนผ่านหาย
แม้นมิทันตะวันคลาดตลาดวาย
หอมมิคลายสายมิจางมิห่างใด

๑   คือเงาใครเจ้าเรือนเสมือนว่าง
คือยิ่งห่างช่างติงเหมือนยิ่งใกล้
คือหวานอมขมกลืนสะอื้นใน
คือหัวใจให้เห็นนัยเช่นนี้


            ๑๑๑๑๑


				
8 กุมภาพันธ์ 2556 11:18 น.

...เป็นเพื่อนตาย...

plaing_piu

๑   ดึกดื่นดาวหนาวจางมองกลางบ้าน
หอมนานนานเบิกบานชีวิตที่หยั่ง
เก็บทุกอย่างรอบข้างชื่นคืนพลัง
ไกลสุดฝังสายตาจะคว้าชม

๑   คือหัวใจไหวตามความรู้สึก
ผ่านภูพฤกษ์นึกไกลใดหวานขม
สำเร็จหรือล้มเหลวเก็บเกี่ยวปม
ชีวิตห่มคมปัญญาสัจจาธรรม

๑   กว่าเป็นเรือนเช่นนี้ที่สัมผัส
กว่าเป็นมัดกล้ามเนื้อเถือปลุกปล้ำ
กว่าเป็นทุกสิ่งปลูกสร้างทางเคี่ยวกรำ
คืนกระจ่างธรรมกลางใจใต้เดือนดาว

๑   สุดฟ้าทะเลหมอกดึกหยอกเย้า
ไกลเทือกเขาเงาป่าท้าสืบสาว
ผ่อนคลายสายตัวปลอดทุกทอดยาว
อาบลมหนาวดาวเดือนเป็นเพื่อนตาย

๑   เพียงเท่านี้ที่เห็นเป็นแก่นสาร
ประภาคารสานใจมิให้พ่าย
มืดอย่างไรอย่างนั้นอันตราย
มิใช่ควายเหมือนควายงัว..มิกลัวงาน

๑   คือเราเป็นเจ้าเรือนเหมือนทุกสิ่ง
คือความจริงงามแท้แผ่หลักฐาน
คือวันนี้สัญญาอนาคตกาล
คือวิมานสถานเดียวเกี้ยวเดือนดาว




                   ........
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟplaing_piu
Lovings  plaing_piu เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟplaing_piu
Lovings  plaing_piu เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟplaing_piu
Lovings  plaing_piu เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงplaing_piu