18 มกราคม 2547 02:50 น.

ตั้งใส่ในพาน.....รอเธอ

tiki

 ฉันหยิบรักใส่พาน......วางตั้งไว้

เผื่อเธอได้....หยิบฉวย...เอาไปห่ม

ฉันเป่ารัก....แผ่สยาย...กับสายลม

ให้ช่วยบ่ม...รักสุกหวาน...จารถึงเธอ. 


ฉันมั่นใจ..ในวันหนึ่งเธอพึงมา

สำรวจท่า..ที่ใคร่ครวญ..หวนคิดเสมอ

เธอคงเก็บรักไปค้นคว้าคราไม่เจอ

คงไม่เพ้อ ..หากสำรวจ..และตรวจตรา 


ฉันจึงหวังว่า..เธอนั้น..จะฝันคะนึง

เฝ้านึกถึง..วันเก่าเก่า..เราหวนหา

เคยกล่าวถ้อยถึงกัน..เจรจา

คงเชื่อว่า..เป็นเรื่องจริง...สิ่งพูดไว้ 


ฉันจึงวางรักไว้ในพานนี้

หวังให้เธอสุขฤดีเมื่อมาใกล้

เพราะหวังว่า..สุขนี้..จะสอดใจ

เข้าลูบไล้...โอบล้อม..อ้อมอกเธอ 


ฉันจะโอบเธอมั่นคง..หายสงสัย

ให้มั่นใจ.อิง..แอบ...แนบไหล่เสมอ

หากวันใด...รักเธอช้ำ...ระกำเพ้อ

จงนึกถึงวัน..ที่ฉันและเธอ..มาเจอกัน..... 


ให้เธอมองเข้าตรงนี้ที่ฉันอยู่

คงรับรู้...จะรักเธอ...ดั่งเธอฝัน

ไม่หวังให้..... เธอตอบรับ...ในเร็วพลัน

บนพานนั้น.....มีรักจอง...ปองรักเธอ				
17 มกราคม 2547 16:07 น.

อถัยข้าฯเถิด.....สุดที่รัก............

tiki

...บนระเบียงเรียงคว้างกลางอากาศ

นภากาศกระจ่างแจ้งในแสงใส

มองทั่วทิศในฟากฟ้านภาลัย

ส่งดวงใจ  ปลอบขวัญ ตามสัญญา 


 ด้วยไปขอล้อองค์เทพในความฝัน

ว่าขอพรองค์ท่านผู้เก่งกล้า

ช่วยอำนวยอวยให้แก่กัลยา

ท่านเมตตาพรข้อนี้มิเอ่ยกระไร 


พรขอเผย.....ใครเคยเคียง...อดีตชาติ

มาพ้องผ่าน...อย่างประหลาด...ในวันไหน

ขอองค์ท่าน...โปรดแถลง...ให้แจ้งใจ

ให้จำได้...รักเคยมั่น...เคยสัญญา 


ให้เร่าร้อน...ติดหลง...พะวงนัก

ให้ระลึก..ถึงรสรัก..แห่งตัวข้า

เคยสัมผัส....รัดปั่นป่วน....ถ้วนกายา

ให้ซบหน้า....ละห้อยหวน....รัญจวนใจ 


มิได้คิด..มิได้คาด......ว่าในฝัน

พระองค์นั้น........จะประทาน.......พรนั้นให้

ด้วยวันนั้น.....ด้วยความแค้น........อยู่แน่นใจ

จึงพ้อไป......ด้วยใจคิด......พิษรักตรม 



หากวันนี้.....แก้ไม่ได้.....สายสุดแสน

ใครคั่งแค้น.....แสนกระเส่า......เร้าเรียกขรม

ด้วยค่ำคืน....แม้นยามตื่น.....จะอภิรมย์

ล้วนเว้าคม.......เร้าขอ.....เผื่อพอใจ 


 อย่าเร่าร้อน.....โปรดผ่อนผัน......บาปนั้นข้าฯ

สำนึกแล้ว.......เศร้าอุรา.......อยากแก้ไข

ขอโอบแขน.....รัดถนอม.......เจ้าจอมใจ

หฤทัย........ขอส่งไป.........เพื่อชิดชม 


ใจจะใกล้....โอบไว้......ในอ้อมแขน

เสมือนแม้น.....ข้าฯจุมพิต.......แม้นเส้นผม

ใจจะกอด........เจ้าไว้.......แม้นในลม

จะดอมดม......กลิ่นหอม.....ล้อมหัวใจ 


หากเจ็บจิต....ด้วยพิษรัก......สลักข้ามภพ

ขอประสบ........รักเมตตา.......ที่ข้าฯให้

ถนอมเนื้อ.........อย่างแผ่วเบา.....จงอภัย

สลักรัก........สลักหทัย......ให้เจ้าครวญ 


จะถนอม....เพียงเบาเบา.......ให้เจ้าฝัน

ให้พิษรัก......ซึ่งโรมรัน.......จนปั่นป่วน

ได้ลดแรง.......เร่าร้อน........ฤทธิ์เย้ายวน

ข้าฯคิดหวน........แล้วเสียใจ....ได้ขอพร 


ให้ผู้ใด...หมายรู้จัก...มารักข้าฯ

แต่ชาตินี้...ไม่ประสา...จะสืบสอน

หากรู้แน่....แค่ระลึก..ตรึกเว้าวอน

จะส่งพร...ประโลมขวัญ....ให้สัญญา 


หากเจ้าล้ม..ตัวลงนอน..ก่อนจะหลับ

จะประทับ..รอยจุมพิต..จิตฝันหา

บนหน้าผาก..อ่อนโยน..ตามวาจา

จะห่มผ้า..ให้ดวงขวัญ..กันหนาวกาย  


จะขับเสียง....ดุจสวรรค์...สรรค์น้ำเสียง

ประโลมแว่ว....แจ้วประเลียง...ประทับใกล้

จะกล่อมเจ้า....ดวงจิต....สนิทใน

ให้หลับไป....ในอ้อมแขน...แม้นเมตตา..... 


ให้ผ่อนคลาย.....ที่เร่าร้อน....ในฤทธิ์รัก

ตรึงสลัก...แนบไว้...จากใจข้าฯ

จะถอนพิษ...ศรจากจิต...แนบอุรา

ขอชั้นฟ้า......ช่วยยอกร....ถอนด้วยกัน 


 ขอฝากรัก....มาสลัก...ฤทัยนี้


ให้อ่อนโยน.......ในวจี.......ที่เคียงฝัน


ขอความสุข......อันเยือกเย็น.......เป็นนิรันดร์

สถิตมั่น........เป็นคำพร.....วอนจากใจ				
17 มกราคม 2547 03:15 น.

พันธนาการ........มงกุฎคานทอง

tiki

คานทอง 


   
ดั่งคำครู......ว่าไว้.........ให้ธำรง

เกิดเป็นหงส์......ว่าเป็นหงส์....พงศ์สยาม

อย่าท้อถอย..ลอยถาด..ให้ชาติทราม

คว่ำวงศ์งาม....เผ่าพันธุ์...ถึงบรรลัย..... 


รักษาเกียรติ...รักษาวงศ์....พงค์ตระกูล

อย่าให้สูญ....หมิ่นปัญญา......คราไหนไหน

ชูชาติเชื้อ..ปราชญ์ตระกูล....พูนเผ่าไทย

จรรโลงไว้.....ซึ่งพงศ์พันธุ์....สรรค์ปัญญา 



จึงเตือนตน...เตือนตา....อย่าเตลิด

อย่าหลงเพริด........กับคำคน.......มันไร้ค่า

อย่าไปคิด........ควานคัด....ภัสดา

สิ้นโลกา..........เทียบไม่ได้........ค่าไม่มี 




 ที่เจาะจง....รัตนวงศ์......ไม่สิ้นสูญ

ในโลกนี้......ปราชญ์ประยูร.......ก็ใช่ที่

ให้ประมูล.........ไปติดฝา.......อย่างปรานี

ให้ชั้นดี.........ขึ้นพิพิธภัณฑ์......ก็ชั้นครู 



อย่าปรารมภ์..........ว้าเหว่.....ระเหหัน

อย่าเศร้าซึม..........คาดค้น..........ให้อดสู

ต่อควานหา......เรือนล้ำค่า.......เทียบพธู

ให้กอบกู้.........วาสนา..........ยากหาพบ 



      คานธรรมะ  



    อย่าน้อยอก......น้อยใจ........ในโลกมนุษย์

คู่เหมาะสม.......ยังไม่ผุด.......เกิดประสบ

แผ่นดินสิ้น.........ไร้ชาย.........ไม่ควรคบ

เจ้ายังพบ........โลกธรรมะ........สละใจ 


จะสอนสั่ง......อบรม.....ว่างมโง่

จะฉาวโฉ่.....กระฉ่อนเมือง....จะเรื่องใหญ่

จะค้นหา...ภพเทวดา........ก็เกินไป

จะป่าวประกาศ ...โลกพรหมไซร้....ก็เกินควร 
 



    จึงกล่าวความ....ห้ามใจ...ไว้จอมขวัญ

ถนอมเนื้อ..........หักกระสัน......อันปั่นป่วน

หากฤทธิ์กาม......ห้ามไม่ได้.......ให้รัญจวน

ก็ปั่นป่วน..........แต่ในใจ.........ไร้สามี 



ถึงค้นข้าม.....สามภพ.....ไม่สบรัก

ก็หยุดพัก.....ผ่อนใจ........ในวิถี

ค้นธรรมะ.........ประผ่องพักตร์.......รักชีวี

เป็นนารี......รัตนชาติ........ปราชญ์คู่เมือง  



    สยบกรรม  สยบกาย  ในสังสาร

วัฎฎะผ่าน ธรรมะกลาย ให้ลือเลื่อง 


เรียนวิชา........ธรรมคู่ใจ.........ให้ประเทือง

รู้ภพชาติ .........ปราชญ์ปราดเปรื่อง......เลื่องลือธรรม  




จารเมื่อ ๑๑-๑๒ มกราคม ๒๕๔๗


    งานต้นแบบเมื่อ ตุลาคม ๒๕๔๖ จะเน้นการเฟ้นธรรมตัดภพชาติ ตัดสังสารวัฎฎ
โดยจะ ต่อ สองบท  จาก บทที่ว่า




    ดูไม่ทัน......ใจไปรื้อ...สัญญารัก

ซึ่งสลัก........ปักแน่น.........อสงไขย

จึงร้อนรุ่น.......นอนกระเส่า......เร้าฤทัย

ด้วยมิได้.........วอนครู.........ตามดูกลอน  



    นี้จะต่อด้วย อีกสองบทต่อไปนี้และจบความ 



 ครู สอนว่า ตามองเห็น เป็น สัจจะ นาม..... 

ใจ รุ้ตาม   คือเป็น นาม ตามอักษร

อักขระ........กวีกาพย์..........ร่ายโคลงวอน

คือบทกลอน       มายาหลอน   ก่อนอ่านตาม 



 ประสมสระ....พยัญชนะ........มาสร้างอำนาจ

เล่นบทบาท.....มายาวิปลาส.....ประกาศถาม

ลื่นไปตาม..........อักขระ.....อำนาจกาม

ตกบทเรียน..........ไม่เพียรพยายาม เดินข้ามครู.    

ตุลาคม ๒๕๔๗				
17 มกราคม 2547 03:01 น.

พันธนาการ........มงกุฎคานทอง

tiki


     คานทอง 


        ดั่งคำครู......ว่าไว้.........ให้ธำรง

เกิดเป็นหงส์......ว่าเป็นหงส์....พงศ์สยาม

อย่าท้อถอย..ลอยถาด..ให้ชาติทราม

คว่ำวงศ์งาม....เผ่าพันธุ์...ถึงบรรลัย.....  


  รักษาเกียรติ...รักษาวงศ์....พงค์ตระกูล

อย่าให้สูญ....หมิ่นปัญญา......คราไหนไหน

ชูชาติเชื้อ..ปราชญ์ตระกูล....พูนเผ่าไทย

จรรโลงไว้.....ซึ่งพงศ์พันธุ์....สรรค์ปัญญา 



จึงเตือนตน...เตือนตา....อย่าเตลิด

อย่าหลงเพริด........กับคำคน.......มันไร้ค่า

อย่าไปคิด........ควานคัด....ภัสดา

สิ้นโลกา..........เทียบไม่ได้........ค่าไม่มี 



ที่เจาะจง....รัตนวงศ์......ไม่สิ้นสูญ

ในโลกนี้......ปราชญ์ประยูร.......ก็ใช่ที่

ให้ประมูล.........ไปติดฝา.......อย่างปรานี

ให้ชั้นดี.........ขึ้นพิพิธภัณฑ์......ก็ชั้นครู 



อย่าปรารมภ์..........ว้าเหว่.....ระเหหัน

อย่าเศร้าซึม..........คาดค้น..........ให้อดสู

ต่อควานหา......เรือนล้ำค่า.......เทียบพธู

ให้กอบกู้.........วาสนา..........ยากหาพบ   



  คานธรรมะ   


    อย่าน้อยอก......น้อยใจ........ในโลกมนุษย์

คู่เหมาะสม.......ยังไม่ผุด.......เกิดประสบ

แผ่นดินสิ้น.........ไร้ชาย.........ไม่ควรคบ

เจ้ายังพบ........โลกธรรมะ........สละใจ 


จะสอนสั่ง......อบรม.....ว่างมโง่

จะฉาวโฉ่.....กระฉ่อนเมือง....จะเรื่องใหญ่

จะค้นหา...ภพเทวดา........ก็เกินไป

จะป่าวประกาศ ...โลกพรหมไซร้....ก็เกินควร      



   จึงกล่าวความ....ห้ามใจ...ไว้จอมขวัญ

ถนอมเนื้อ..........หักกระสัน......อันปั่นป่วน

หากฤทธิ์กาม......ห้ามไม่ได้.......ให้รัญจวน

ก็ปั่นป่วน..........แต่ในใจ.........ไร้สามี 



ถึงค้นข้าม.....สามภพ.....ไม่สบรัก

ก็หยุดพัก.....ผ่อนใจ........ในวิถี

ค้นธรรมะ.........ประผ่องพักตร์.......รักชีวี

เป็นนารี......รัตนชาติ........ปราชญ์คู่เมือง   


    สยบกรรม  สยบกาย  ในสังสาร

วัฎฎะผ่าน ธรรมะกลาย ให้ลือเลื่อง 


เรียนวิชา........ธรรมคู่ใจ.........ให้ประเทือง

รู้ภพชาติ .........ปราชญ์ปราดเปรื่อง......เลื่องลือธรรม     



 จารเมื่อ ๑๑-๑๒ มกราคม ๒๕๔๗


งานต้นแบบเมื่อ ตุลาคม ๒๕๔๖ จะเน้นการเฟ้นธรรมตัดภพชาติ ตัดสังสารวัฎฎ
โดยจะ ต่อ สองบท  จาก บทที่ว่า    



   ดูไม่ทัน......ใจไปรื้อ...สัญญารัก

ซึ่งสลัก........ปักแน่น.........อสงไขย

จึงร้อนรุ่น.......นอนกระเส่า......เร้าฤทัย

ด้วยมิได้.........วอนครู.........ตามดูกลอน 

นี้จะต่อด้วย อีกสองบทต่อไปนี้และจบความ 
   


   ครู สอนว่า ตามองเห็น เป็น สัจจะ นาม..... 

ใจ รุ้ตาม   คือเป็น นาม ตามอักษร

อักขระ........กวีกาพย์..........ร่ายโคลงวอน

คือบทกลอน       มายาหลอน ก่อนอ่านตาม     



  ประสมสระ....พยัญชนะ........มาสร้างอำนาจ

เล่นบทบาท.....มายาวิปลาส.....ประกาศถาม

ลื่นไปตาม..........อักขระ.....อำนาจกาม

ตกบทเรียน..........ไม่เพียรพยายาม เดินข้ามครู.     

ตุลาคม ๒๕๔๗				
16 มกราคม 2547 16:41 น.

พันธนาการ.......พานทองแท้

tiki

 ข้าเหลือบแล........แปรตา......ถามว่าเจ้า..! 

จะโฉดเขลา.......กี่คราหน......หฤหรรษ์

จะพ่ายรัก....ทุกทิศา...ไห้จาบัลย์ 

จะห้ำหั่น...ใจมัน...ให้วอดวาย ..? 



 จงรู้ว่า....ค่ามณี....อันมีค่า 

ต้องรองผ้า...ทองเงินรับ....มิใช่ขาย 

 ค่ามณี.....สีตระการ...น้ำพรรณราย 

ต้องวาววับ...จับประกาย...ในพานทอง 



 เห็นแต่พาน...ทองแท้...นั่นแน่นัก 

จะเทียบค่า...มาสมัคร...รักร่วมผอง 

จะร่วมเรียงเคียงนาง....วางประคอง 

จะกอดตระกอง...นางได้...ใช่ธรรมดา 



 ผิดฝาผิดตัว 



อนาถนัก...รักเอ๋ย เจ้าอ่อนหัด 

มองไม่ชัด......ไม่เล่าเรียน....ให้รู้ค่า 

ไม่ชาญเชี่ยว........เชิดมณี........มีราคา 

จากพลอยหุง.....นานา....มาคัดกรอง 


จึงถูกหลอก.....ปอกใจ...ไม่รู้จำ 

จึงเจ็บซ้ำ.....ช้ำฟก....อกกลัดหนอง 

จึงทุรน....ร่านทุราย....ไปทำนอง 

จึงต้องหมอง...หม่นหมาง...ทางดายเดียว 


มิเรียนรู้....แยกมณี.....ว่ามีค่า 

ก็โทษว่า.........ใยเทวา.........ไม่แลเหลียว 

ผ่านหูซ้าย......ลอดหูขวา......ดั่งตาเดียว 

ถึงครูเคี่ยว.......เข็ญอยู่.........มิรู้วอน 



กิ่งทองใบหยก 


จึงกอบความ.......สามหาบ........มาสาปขว้าง 

ใส่ตะแกรง...กระแชงล้าง...มาสั่งสอน 

ให้แบกความ.........ข้ามมาแจง.........แถลงกลอน 

มายอกย้อน......ต้อนความ......ตามมาแจง..... 


 มาหยุดยั้งรั้งไว้..........ให้เจ้ารู้ 

จะคัดคู่........คัดกิ่งไม้.........ในแขนง 

ว่ากิ่งทอง.........ใบหยก.........มาสำแดง 

จะผิดแผก.......แยกแย้ง.........หรือควรกัน 


 เทียบปํญญา....บริสุทธิ์........ก็ผุดผาด 

ไปเทียบคาด........เซอะเซ่อ......เจอเย้ยหยัน 

ต้องฉลาด.......ปราชญ์เทียบ........เลียบชนชั้น 

ปัญญาชน.......เท่านั้น........จึงควรชม 



 เพชรเรือนทอง 



เทียบบารมี.......มิได้มี......ให้ค้นหา 

ค้นไปทุก.........พารา.........ว่าควรผสม 

จะชั่งวัด........แบบไหน.........ให้ควรคม 

ก็ปรารมภ์.........ว่ามิได้...........หาไม่มี 


เมื่อคลี่โลก........แผ่ขยาย........หลายหมื่นไมล์ 

จะย่างเหาะ.........ไปทางไหน........ หาใช่ที่ 

จะเทียบค่า...........เพชรจรัส.........รัตนมณี 

ไม่ควรสี........รัตนใด.....ในโลกา 


เมื่อประเสริฐ.....เกิดสูง...เยี่ยงยูงผยอง 

ก็ประคอง.........ตนไว้..........ในแหล่งหล้า 

โลกบรรลือ.........ว่าคือเพชร.........แห่งโลกา 

รัตนชาติ........มาดล้ำค่า........ประเทืองชน  




เพชรในตม  


ต่อให้ตก.........หมกไว้......ในโคลนดำ 

ประกายล้ำ......ยังส่องแวว..........แพรวสถล 

ต่อให้หิน........ปิดทับ........ลับตาคน 

ประกายวูบ.........อาจโชนยล........แวบแลบตา 


 เกิดเป็นเพชร.........ควรตระกอง........ในผองเพชร 

อย่าระเห็จ.......ไกลทองคำ.......เรือนล้ำค่า 

ไปเกลือกเหล็ก..........ปลอดสนิม.......ลิ่มธรรมดา 

สเตนเลส...........ไร้ค่า...........ไม่ควรเมือง 


เกิดเป็นชาติ........รัตนมณี......อันมีค่า 

พิสุทธิฟ้า......ทองตราให้.....ใช่ทองเหลือง 

หากทองขาว..........ทองคำขาว........ก็สุกเรือง 

แพลตตินัม.........วาวเมลือง........เฟื่องฟูงาม 



บทนี้ตอบต่อด้านล่าง จึงยกมาวางในนี้ส่งท้ายแถม

 จึงจารไว้ในในนภามหาศาล

สตรีไร้ศักดิ์ก็เสียพานในฝุงหงส์

อันกุลสตรีไร้ปัญญาพาต่ำลง

จะเชิดวงศ์ตระกูลไทยได้อย่างไร?  
 จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki  
 รหัส - วัน เวลา : 207071 - 16 ม.ค. 47 - 16:57  

.
				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 0 คน
  tiki
ไม่มีข้อความส่งถึงtiki