26 มกราคม 2548 20:52 น.

เดือนกระจ่างกลางต้นแรม

tiki

เดือนกระจ่างกลางต้นแรม ๏ .
..คืนแรมต้น...


       ๏  ..จันทร์...ลอยคว้างกลางฟ้าเพลาดึก

โฉมจะนึกครวญคร่ำระกำไฉน

เห็นดารากระพริบแสงมันแยงใจ

เช้าเมื่อใด ดาวและเดือน.....เปื้อนน้ำตา.๚  


      ๏  เศร้ารวดร้าว....รำพัน ฝันสลาย

เจ็บมิหาย....ยามสะเทือน น้ำเปื้อนหน้า

เกินใจดับ...อัปภาคย์...ซมซากมา

มองนภา...จันทร์...ดวงพ้อ...ล้ออารมณ์.๚  


       ๏ เดือน...เอ๋ย ...เดือน...แจ่ม....เริ่มแรมนี้

เดือน...พราว....ดาวลี้.....ดับความขม

เหมือนใจข้าฯ....ทุกข์นัก....เกินหักตรม

ที่ซานซม....ย้อนถึงวัน...ฝันร่วงกราว  ๚ะ


 ๏ จนได้และ ฝันไม่เคยเต็มฝันเสียที...
ขอเพียงข้าฯ ได้รำพันโศกในบทกวี
แล้วใจข้าฯจะชุ่มชื่นยินดีในโศลกโศกเศร้า
ของข้าฯ เหลือเกิน       ๏     

 : tiki_ทิกิ  
จารจรดเมื่อ คืนแรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ (๒) ปีวอก
คืน ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

   โคลงสี่สุภาพ

   ๏  เลือนเลือนจันทร์ส่องฟ้า.........คราแรม

เลือนดับวับวามแวม....................หนึ่งแล้ว

เลือนจันทร์มิอาจแซม................ใดต่อ...ต้านเอย

มีแต่ตะวันแพร้ว.........................เพริศพริ้งผลักเดือน...  ๚ะ๛- 

ร่าย
   ๏   หากมองฟ้าก็ยังเห็นเดือนส่องแสง
กระจ่างแจ้งสุกปลั่งท้องฟ้า
เหตุไฉน จะว่าเป็นเดือนแรมได้อย่างไร 
ด้วย ความมืดไซร้กำลังเข้าจับริมขอบจันทร์
ให้มืดดับฝันลงไปเรื่อยทุกขณะ 
จันทร์ จึงถึงสภาวะเศร้านัก 
ที่จักต้องค่อยลับเลือนแสงไปทีละนิด...
ในคืน ลบจันทร์ จะให้มิดทีละวันทีละคืนละข้างแรม.....แลนา  ๚ะ๛-

โคลงเขียนเพิ่ม เช้า ๘:๔๕ นาฬิกา
 เช้าพระพฤหัส วันครู แรม ๓ ค่ำเดือนยี่ ๒) ปีวอก
๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

  
      จันทร์เดือนแรมรึเปล่าไม่ใช่นี่
จันทร์สดศรีแสงสว่างกลางหาว
จันทร์ส่องใจไปพร้อมกับดาว
จันทร์เจ้าขอข้าวขอรักคืน............

คิคพี่จ๋า มองจันทร์แล้ว มั่วอีกแระค่า  คิคิ  
 : 9584 - ดาหลา & ปะการัง  : 422201 - 26 ม.ค. 48 - 23:46  

     : ขอเจ้านี้ มีจันทรา มากล่อมจิต 
ขอจงให้ ใช้ชีวิต คิดหรรษา 
ขอให้ร้าย กลายเป็นดี มีวิชชา 
ขอตัวข้า พาคุ้มครอง ป้องผองภัย 

เจ้าจันทร์แจ่มจักแย้มยิ้มยังจิตเจ้า 
ลืมโศกเศร้า ลืมเจ็บปวด ลืมปัญหา 
ลืมอดีต  ลืมวิถี  ที่ผ่านมา 
ยิ้มเถิดหนาจันทร์ยังยิ้มอิ่มเอมเอย 

แก่นไผ่...ใจจันทร์...พระจันทร์ยิ้ม
 
: แก่นไผ่...ใจจันทร์  : 422219 - 27 ม.ค. 48 - 00:35  

 ดวงจันทร์วันเพ็ญที่เห็นเต็มดวงตรงหน้า
เคยรักเคยให้สัญญาต่อหน้าแสงดวงจันทร์ฉาย
จะร่วมชีวิตไม่คิดเปลี่ยนแปลงแหนงหน่าย
บัดนี้เธอมากลับกลายคล้ายจันทร์คืนวันแหว่งเว้า
รักเคยหวานชื่นไม่คืนกลับมาเหมือนเก่า
จันทร์เพ็ญไม่เหมือนรักเราแหว่งเว้ากลับงามคงคืน
อยากจะหลับอยากจะฝันตื่นพลันใจคงสดชื่น
ถึงเธอเป็นของคนอื่นฉันตื่นมาเพื่อจะลืม
ดวงจันทร์วันเพ็ญที่เห็นเต็มดวงตอนค่ำ
หัวใจฉันแสนระกำเจ็บช้ำจนสุดจะฝืน
อยากลืมรักเก่าลืมเศร้าทั้งหลับและตื่น
เหมือนจันทร์แหว่งเว้ากลับคืนเต็มดวงเป็นจันทร์วันเพ็ญ

กลอนนี้เคยโพสต์ไว้นานแล้ว คิดว่าจะแต่งเพลง
แต่ก็ไม่มีใครยอมร้อง เห็นเกี่ยวกับพระจันทร์ก็เลยเอามาแจมให้อ่านเล่น อิอิ  
 : 4068 - ฤกษ์ ชัยพฤกษ์  : 422316 - 27 ม.ค. 48 - 11:34  


จันทร์มิเคยกระจ่างกลางใจนวล

กี่แรมหวนคำนึงคำขึ้งว่า

มีบ้างไหมใจมิรวน..มิท้า

กลั้นน้ำตา...จันทร์ลับสดับใด  

 : suprapai  
 : 422351 - 27 ม.ค. 48 - 13:03  


      : ทุกห้วงกาลที่เปลี่ยนเวียนหมุน
โอบอุ้ม..วัฏจักรกงเกวียนให้ผันผ่าน
วันนี้..จรัสจ้า
แต่วันหน้า..กลับมืดมิด
แต่ดวงใจข้าฯ...ยังเฝ้ารอ
เจ้ามาเยือนอีกครั้ง.
พร้อม ๆ กับความหวัง..
ที่กำลังจะก้าวเดิน..ต่อไป..

  : ปลายภู   : 422405 - 27 ม.ค. 48 - 15:26  

เดือนกระจ่างกลางต้นแรม
..ดาราแจ่มที่แรมปลาย
ดารารายไปแรมไกล
..จึงโหยไห้ในคืนแรม
แกมน้ำค้างอันหยาดเย็น
..โปรยปรอยเด่นอย่างเป็นใจ
:]  
 : 10654 - ลักษมณ์   : 422505 - 27 ม.ค. 48 - 20:21  

       ราตรีนี้ เดือนสีส้มอ่อน
เป้นดวงสว่างกลางอัมพรเหนือตึกใหญ่
รถราวิ่งบนทางด่วนเลื่อนแสงไฟ
ระยิบระยับสาดแสงไล่ตลอดทาง

หันไปดูเดือนก่อนตอบกลอน 
 : 4895 - tiki  : 422536 - 27 ม.ค. 48 - 21:10  				
26 มกราคม 2548 04:24 น.

อนุบาล สาม

tiki

อนุบาลสาม

      เปิดตำราหาลิลิตตะเลงพ่าย

นอนอ่านจนตาลายหลายสิบหน้า

เปิดอ่านงานประวัติศาสตร์สืบชาติมา

อ่านดาษดาหลายคราครั้งเพื่อตั้งกลอน

          ก็ถอนใจใครเล่าเลือกเรื่องมาเขียน

ใช่จะง่ายดังว่าเพียรเช่นกาลก่อน

อ่านทุกบท ทุกพจน์บาท  คาดทุกตอน

ขอให้ย้อนเข้าหทัยให้เกิดงาน


     ส่องรบสนามสามวันมันละเหี่ย

แสนเพลียเขียนมิออกดอกเจ้าหวาน

เหมือนหนึ่งน้ำลอยน้ำมันอย่างกันดาร

สุดจะจารจากใจไร้เรี่ยวแรง


    กอดหนังสือไว้กับหมอนแล้วนอนหลับ

บาลีศัพท์ป่วนจิตคิดกำแหง

ลุกมาดูตอนเช้าเฝ้าดัดแปลง

ใจมิแจ้งเขียนมิได้ลาไปนอน


      ครั้นตื่นมารู้หน้าที่วันนี้แน่

จึงตามแลจรดคำกล้ำอักษร

วางเขียนเพียรสักสามชั่วโมงวอน

จบกลอนป้อนหน้าจอเกินล้อกัน


       ทำไปได้อย่างไร ใครช่วยลาก

เป็นโจทก์ยากกว่าทุกหมู่เคยขีดฝัน

เทียบพระมหากวีทรงจำนรรจ์

ลำดับฉัน..อนุบาลสาม..เศร้าข้ามคืน


กว่าจะได้ขึ้นประถมนี่อีกนานไหมเนี่ย
อ่านพระนิพนธ์ ลิลิตตะเลงพ่าย ชอง
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสแล้ว
คงจะต้องไปเรียนเขียนโคลงและ ร่ายใหม่อีกหลายชาติ

ทิกิ_tiki
รำพึงมาตอน ตีสี่ เช้าวันพุธ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘				
25 มกราคม 2548 12:42 น.

๏ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ..สงครามยุทธหัตถี๏

tiki

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ..สงครามยุทธหัตถี๏  
 ระหว่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พระมหาอุปราชา
๒๕ มกราคม วันกองทัพไทย
   โคลงสี่สุภาพ     
       ๑
       ๏ กราบพระบาทเสด็จเจ้า......นเรศวร

พระเอกทศรถควร.......................หนึ่งไท้

ยุทธหัตถีดวล...............................พม่า...มอญเฮย

ถึงสี่ร้อยปีไซร้..............................แซ่ซ้องพระคุณ.ไทยแล.๚  

      ๒
      ๏ พระการุณย์เทิดท้น.............มหานพ

นามพระชาติขจรจบ......................ฝากหล้า

ตีฝ่าตะเลงรบ.................................รอนฆ่า...ศึกเฮย

เกริกแกร่งพระเกียรติกล้า..............ทั่วทั้งไตรภูมิ.๚ะ


พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ฯ  มีความในเรื่องสงครามยุทธหัตถีว่า 
            พระมหาอุปราชามาตั้งประชุมทัพอยู่ที่ตำบลตระพังกรุ 
 แล้วมาชนช้างกับสมเด็จพระนเรศวร ฯ  ที่ตำบลหนองสาหร่าย 
 เมื่อวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 955  (พ.ศ. 2135) 

กลอนสุภาพ

  ๏   ณ วันจันทร์แรม สอง ค่ำ เดือนยี่ 

นับเป็นปีมะโรงเจ้างูใหญ่

 สองพันหนึ่งร้อยสามสิบห้าไทย

ย้อนหลังไปสี่ร้อยสิบสามปี ๚ *  (๑ )..........๑


    ๏    เป็นวันประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย

มหาบุรุษช่วงชัยยุทธหัตถี

ลือเลื่องกระเดื่องพระนามสี่ร้อยปี

พระนเรศวรมากมีพระบุญญา  ๚  ..........๒


     ๏   ที่หว้ากอ ตำบลหนองสาหร่าย

สุพรรณบุรีเขตชายทหารกล้า

ถิ่นรบชาญฉกาจก้องโลกา

ส่งสมญาพระนเรศทุกเขตคาม  ๚ ..........๓


       ๏  ณ วันจันทร์วันนั้นมหาราช

คืนผ่านมาฝันประหลาดเหมือนถูกหยาม

ว่ากุมภิลมันดาหน้ามาลุกลาม

จึงปราบปรามฆ่าฟันมันบัลลัย  ๚ ..........๔


      ๏   ณ เช้านั้นจึงระมัดระวังองค์

เตรียมขึ้นกูบช้างทรงเสด็จใกล้

เจรจาว่าพ่อพลายจงเดินไป

พ่อไชยานุภาพ*(๒)ไซร้ไปปราบมาร  ๚ ..........๕


       ๏   ฝ่ายพระเอกาทศรถพระน้องกล้า

ทรงพระยาปราบไตรจักรช่างหักหาญ

สองพุ่งสู่กองทัพพม่ามิช้านาน

ช้างทรงพาลตกมันถลันพา  ๚ ..........๖


     ๏   สองช้างทรงวิ่งตรงเข้าข้าศึก

ขับจนลึกวิ่งเกินพระน้องกล้า

พระเอกาทศรถรุดตามมา

ควาญสี่ขาวิ่งสะบัดชัดประจัญ  ๚ ..........๗


     ๏    เมื่อมืดมัวฝุ่นตรลบมิเล็งเห็น

ครั้นสาดจ้าส่องประเด็นแสงเฉิดฉัน

รู้ตกวงล้อมมอญพม่าพลัน

เห็นฉัตรกั้นมหาอุปราชา  ๚ ..........๘


       ๏    พระนเรศสติมั่นหันเข้าสู้

เอ่ยปากกู่ * ให้ประจักษ์พยัคฆ์ค่า

เราต่างเป็นนักรบกษัตรา

กาลภายหน้าประวัติการณ์สะท้านไกล  ๚ ..........๙


       ๏   ขอเชิญพระหน่อเจ้าหงสาวดี

ประลองยุทธหัตถีกันชิดใกล้

ให้เลื่องชื่อลือชาติอาชาไนย

ขอเชิญต่อกรไซร้ ณ บัดนี้  *  ๚ ..........๑๐


         ๏   พระมหาอุปราชาไสช้างทรง

พลายพัทธกอดิ่งตรงเข้าเร็วรี่

เจ้าพระยาไชยานุภาพจึงเสียที

พระแสงง้าวพม่านี้จึงสับมา  ๚ ..........๑๑


       ๏   พระนเรศวรเบี่ยงกายหลบได้ทัน

พระแสงนั้นฟันฉกาจปาดเฉียดหน้า

ตัดแหว่งหมวกขาดปลายพระมาลา

แต่ทรงกล้าหาญมุ่งพุ่งจ้วงฟัน  ๚ ..........๑๒


       ๏    ตวัดกลับสับพระแสงของ้าว

พาดไหล่ร้าวขาดอุระพระหน่อนั่น

พระพาหาขาดแร่งดับชีวัน

ฟุบสิ้นพลันเหนือพลายพัทธกอ  ๚ ..........๑๓


        ๏   พระเอกาทศรถก็ติดพัน

ทรงฟันจาปะโรตายไม่ระย่อ

ข้าศึกแห่มายิงกันรุมออ

กองทัพไทยเพิ่งห้อตามช่วยมา  ๚ ..........๑๔


          ๏   เป็นวาระชนะขาดแห่งชาติไทย

ได้เสือกไสไล่ทัพดับพม่า

ยุทธหัตถีครั้งนี้ที่ราชา

ประดิษฐานเจดีย์ตราไว้สามองค์  ๚ ..........๑๕


      ๏   เสด็จกลับพระนครศรีอยุธยา

ลำดับความคาดหน้ามุ่งประสงค์

แม่ทัพนายกองวิ่งไม่ทันไม่มั่นคง

จักต้องปลงชีพโหดด้วยโทษภัย  ๚ ..........๑๖


       ๏   ครานั้น สมเด็จพระพนรัตน์*(๓)

เมื่อทราบชัดขอเสด็จมาเยือนใกล้

ขอบิณฑบาตลดโทษโปรดพระทัย

ขอชีวิตเหล่านั้นไซร้แก่อาตมา  ๚ ..........๑๗


        ๏   ด้วยทั้งนี้เหมือนเทพส่งพงศ์บรรลือ

อย่าได้ถือเคืองโทษทหารกล้า

เสมือนมารเข้าพิชิตพระศาสดา

ให้รบฆ่าศัตรูด้วยเอกองค์  ๚ ..........๑๘

      
       ๏  พระนเรศฟังเหตุก็สร่างพิโรธ

ให้ลดโทษไปตีทวายเป็นผุยผง

แล้วจึงโปรดพระราชทานอภัยปลง

เหล่าทหารชาญจึงคงศักดินา  ๚ ..........๑๙


      ๏   ถึงวันนี้เป็นศรีแก่ประเทศ

พระปกเกศ ข้าฯไทย ไปทั่วหล้า

เนิ่นนานเกินสี่ร้อยปีที่ผ่านมา

พระเดชพระคุณยังล้นฟ้าค่างดงาม  ๚ ..........๒๐


      ๏    สักการะคารวะพระองค์ท่าน

ช่วยคุ้มครองป้องกันประเทศสยาม

เมื่อสงบเราพร้อมรบอยู่ทุกยาม

เทิดพระนเรศทุกเขตคามนักรบไทย..  ๚ะ๛ ..........๒๑



ทิกิ_tikiจารลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ณ เวลา ๑๒:๑๐ นาฬิกา
วันอังคาร ที่ ๒๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ประเทศไทยถือเป็นวัน กองทัพไทย
ตรงกับ วัน แรม ๑ ค่ำ เดือน ยี่ (๒) ปีวอก


* (๑)   (นับถอยจากปี 2548 ปัจจุบัน)

   *(๒) เจ้าพระยาไชยานุภาพ ช้างทรงพระนเรศวร ภายหลังเป็น
เจ้าพระยาปราบหงสาวดี
*(๓)  สมเด็จพระ พนรัตน์ วัดป่าแก้ว

 รายละเอียดการรบครั้งนี้ เชิญอ่านได้ที่ 
http://203.144.136.10/service/mod/heritage/king/naresuan/naresuan.htm
หรือ 
ท่านสามารถเข้าชม หอมรดกไทย ได้ทั้งสองแห่ง คือ
---> www.heritage.thaigov.net 
---> www.thaiheritage.org 


.......เถลิงบทจรดจารกังวานเดช

...คชเรศใต้ร่มฉัตรกษัตริย์ศรี

...ข้ารองบาทเยี่ยงศาสตราคู่บารมี

...ป้องธาณีพร้อมองค์บดินทร์ไพรินราญ

......พลาย  ไชยยานุภาพ  .... ปราบไตรจักร

...อภิรักษ์เคียงเหล่าท่าวทหาร

...เข้าต่อตีมิหวาดหวั่นประจัญบาน

...ศัตรูพาลม้วยระย่อมรณา

......เป็นช้างทรงองค์เดชะ...นเรศวร

...ผู้บังควรครองพิภพครบทิศา

...องค์...เอกาทศรถ...อนุชา

...เข้าตีฝ่าอุปราชจนปราศปราณ

......ตลุยเข้าเสยงัด  พลายพัทกอ 

...จนเป็นต่อให้เอกองค์ทรงประหาร

...อุปราชขาดศอหน้าคชาธาร

...อภิบาล ..กรุงศรี...ให้มีชัย

 : 11585 - ...สียะตรา..  
: 421219 - 25 ม.ค. 48 - 14:04				
24 มกราคม 2548 17:20 น.

ที่รักเธอรู้ไหมว่าใคร เพ้อละเมอหา

tiki

ที่รักใครสมเพชที่..เจ็บ.  เพ้อละเมอหา


      เริ่มรู้จัก กันแสนใกล้..ในรอยยิ้ม

เสียงนิ่มนิ่ม...น่ารู้จัก..เริ่มรักใคร่

นานปรากฏ....ภาพลักษณ์...เธอผลักใจ

ยั่วฉันให้...ลุ่มหลง  ..พะวงเธอ


      ทุกเช้าสายบ่ายค่ำดื่มด่ำหา

ยังติดตา  ติดนัยน์ ..ใจมันเผลอ

จำมิสิ้น ...ถวิลใด...ไปรักเธอ

หลงละเมอ...ฝันเจอ..เพ้อคืนวัน


      เหมือน รอยมีดกรีดคมจมลงใจ

ฝันหรือจริง มิอาจได้...ดั่งในฝัน

ร้าวสลายขมขื่นทุกคืนวัน

ผวาหวั่น  ด้วยคิดถึง...ซึ้งแต้มทรวง


     แรกพบ  แรกประสบ...แรกพบหน้า

ไร้มายา...พาสัมผัส...รัดหึงหวง

นานไปพบดวงใจหลายร้อยดวง

ห้อยเป็นพวงเธอเก็บร้อยเป็นสร้อยคอ

      
ฉันหยิบพวงดวงฤทัยมาใกล้เนตร

ดูหทัยดวงเทวษห้อมห่มหนอ

น่าสงสารต่างรักเธอพร่ำเพ้อรอ

สุดสมเพช..เศษรักพ้อ..รอบคอเธอ


ทิกิ_tiki
รักระหว่างรบ...
รอฉากรบยังไม่เสร็จเลยขอรัก เพ้อละเมอหาเสียหน่อย
๑๗:๐๐ นาฬิกา บ่ายวันจันทร์ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
(หยิบหัวใจใครมาใส่แก้เซ็งไปก่อน)				
24 มกราคม 2548 03:56 น.

สมเด็จพระนเรศวรตอน ๓ พระแสงดาบคาบค่าย

tiki

สมเด็จพระนเรศวรตอน ๓ 
พระแสงดาบคาบค่าย

โคลงสี่สุภาพ

      ๏ ปาก_ กูคาบดาบนี้............วาบไว

คาบ_ค่ายปีนดังใจ.....................แกร่งกล้า๚ 

ดาบ_ดั่งคู่หทัย.........................จ่อจด

กู_บ่เคยจักล้า...........................กอบกู้ไทยคืน ๚ 

กลอนสุภาพ

       ๏ จากประจิมบ่ายหน้าขึ้นพายัพ

รวมอุดรสามทัพกว่าสองแสน

จากนครสวรรค์เดินมาฝ่าดินแดน

พม่าแม้นหมายขวัญเข้ารันตู ๚ 

      ๏ เดือนสิบสองน้ำหลากลากทางเรือ

ปล้นสดมภ์ไม่มีเหลือน่าอดสู

มุ่งหมายตีอยุธยาท่าราชครู

แต่หารู้พระนเรศเจตน์เจนการ ๚ 

     ๏ ข้าวตกเขียวรีบเกี่ยวขึ้นอย่าเสี่ยง

อย่าให้เสบียงเป็นอื่นเชียวทหาร

เก็บเสบียงเกลี้ยงเกณฑ์ตัดเส้นธาร

เตรียมพร้อมเพื่อประจัญบาน.จะสู้ตาย ๚  

โคลงสี่สุภาพ

    ๏ พระ_จันทร์ทรงส่องฟ้า................พอแล

แสง_สิบค่ำเย็นแข.................................ส่องหล้า

ดาบ_กัดอยู่ปากแล................................วะวับ..วาบเฮย

คาบค่าย_ปีนทัพหน้า.............................ง่าง้าวม่านฟัน...ล่มแฮ๚ 

กลอนสุภาพ

      ๏    ใต้ผืนลมห่มฟ้าดาราเดือน

ล้อมอยู่นานมิเขยื้อนเหมือนมาดหมาย

หวังให้หมดเสบียงกรังกระทั่งตาย

จะแห้งแล้งร้อนร้ายเข้าโจมตี ๚ 

      ๏   พระนเรศ ตัดสินใจ ขึ้นนำหน้า

ปีนกำแพงขึ้นไปหาอย่างเร็วรี่

เม้มพระโอษฐ์คาบแสงดาบปราบราวี

พม่ารอได้ทีเข้าจ้วงแทง ๚ 

       ๏  พระกายหล่นก็ทานทนเข้าปล้นค่าย

ให้ได้รู้ไว้ลายอย่ากำแหง

จนข้าศึกล้อมหน้าหลังพลั่งสำแดง

จึงสั่งถอยพร้อมยื้อแย่งเสบียงมา  ๚ 

        
สมเด็จพระนเรศวร 
ทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายพม่า 
พ.ศ. ๒๑๒๙
๏ ในเดือน ๑๒ พ.ศ. ๒๑๒๙ พระเจ้าหงสาวดี ยกกองทัพหลวงมา
 มีพระเจ้าเชียงใหม่ พระมหาอุปราชา และพระเจ้าตองอู ยกทัพมาด้วย 
มีทหารทั้งหมดประมาณ ๒๕๐,๐๐๐ คน เคลื่อนพลมารวมกันที่นครสวรรค์
 แล้วแยกกันเข้ามาคีกรุงศรีอยุธยา พม่าตั้งค่ายล้อมกรุงไว้จนถึง
เดือน ๔ ขึ้น ๑๐ ค่ำ 
ครั้นถึงยามกลางคืน 
สมเด็จพระนเรศวรทรงนำทหารออกปล้นค่ายทัพหน้าของพม่า
 พระองค์ทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายพม่าจนถูกข้าศึกแทงตกลงมา
 ครั้นข้าศึกล้อมเข้ามามาก จึงได้เสด็จลงมากลับคืนพระนคร 
พระแสงดาบที่สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า 
พระแสงดาบคาบค่าย มาจนทุกวันนี้ 

กลอนสุภาพ

   ๏  ความทราบพระนเรศตกค่ายนั้น

พระเจ้าหงสาวดีพลันออกโอษฐ์ว่า

*.ดั่งพิมเสนแลกกับเกลือไม่เหลือราคา

มาคราวหน้าจะจับเป็นให้เห็นดี  *  ๚ 


    ๏   เมื่อเหตุการณ์เป็นดังว่าพม่าหยุด

มิคิดรุดคืบต้อนระดมปรี่

เสบียงร่อยทัพใหญ่ถอยคนละที

ธ ทรงตีพม่าคราละกอง      ๚ 


 ๏   ธ ประสงค์อย่างเดียวเชียวที่หมาย

จะฝ่าค่ายฟันพม่าผู้ท้าจ้อง

ถ้าตีได้หงสาวดีบุเรงนอง  

พม่าต้องแพ้ราบตราบระบือ ๚ 

  ๏   แต่นานไปรบพุ่งยุ่งเดือน  หก

หน้าฝนตกรบไปก็ไร้ชื่อ

พม่าจึงถอยทัพไม่รับมือ

จึงเลื่องลือพระแสงดาบคาบค่ายมา ๚ 

 การปฏิบัติการของสมเด็จพระนเรศวรครั้งนี้  เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงทราบเรื่อง ถึงกับออกพระโอษฐแก่เสนาบดีว่า  พระนเรศวรออกมาทำการเป็นอย่างพลทหารดังนี้  เหมือนกับเอาพิมเสนมาแลกกับเกลือ.....  พระนเรศวรนี้ทำศึกอาจหาญนัก  ถ้าออกมาอีกถึงจะเสียทหารสักเท่าใดก็ตาม  จะแลกเอาตัวพระนเรศวรให้จงได้  จากนั้นพระเจ้าหงสาวดีจึงให้ลักไวทำมู  ซึ่งเป็นนายทหารมีฝีมือ  คัดเลือกทหาร 10,000 คน  ไปรักษาค่ายกองหน้าและทรงกำชับไปว่า  ถ้าพระนเรศวรออกมาอีกให้คิดอ่านจับเป็นให้จงได้ 
            ครั้นถึงวัน แรม 10 ค่ำ เดือน 4  สมเด็จพระนเรศวรทรงนำทัพไปซุ่มอยู่ที่ทุ่งลุมพลี  หมายจะเข้าปล้นค่ายพระเจ้าหงสาวดีอีก  ลักไวทำมูรู้ดังนั้น จึงให้ทหารทศคุมกำลังหน่วยหนึ่งรุกมารบ  สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกำลังเข้ารบด้วยลำพังกระบวนม้า  พวกพม่ารบพลางถอยพลาง ไปจนถึงจุดที่ลักไวทำมูคุมกำลังซุ่มไว้  ข้าศึกก็กรูกันออกมาล้อมไว้  ลักไวทำมูขับม้าเข้ามาต่อสู้กับพระองค์  พระองค์ทรงแทงด้วยพระแสงทวนถูกลักไวทำมูตาย  การต่อสู้ดำเนินไปกว่าชั่วโมง  กองทัพไทยจึงตามไปทันตีฝ่าวงล้อมข้าศึก แก้ไขสถานการณ์ได้แล้วจึงกลับเข้าสู่พระนคร 
            ครั้นถึงวันแรม 4 ค่ำ เดือน 4  สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกำลังทางเรือ ยกไปตีทัพพระมหาอุปราชา  ซึ่งอยู่ที่ขนอนบางตะนาวแตกพ่าย  ต้องถอยทัพออกไปตั้งอยู่ที่บางกระดาน 
            กองทัพพม่าล้อมกรุงอยู่ได้ 5 เดือน  ตั้งแต่เดือนยี่ ปีจอ  จนถึงเดือนหก ปีกุน  ก็ไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้  ไพร่พลก็เจ็บป่วยล้มตายร่อยหลอลงทุกที  เห็นว่าเข้าฤดูฝนไพร่พลจะลำบากยิ่งขึ้น  เสบียงอาหารก็ขาดแคลน  จึงยกทัพถอยกลับไปในวันแรม 10 ค่ำ เดือน 6  โดยให้กองทัพพระมหาอุปราชาถอยกลับไปก่อน  ให้กองทัพพระเจ้าตองอูเป็นกองหลัง สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกำลังทางเรือ ลงไปที่บางกระดาน  หมายจะตีกองทัพพระมหาอุปราชาอีก  เห็นพระมหาอุปราชากำลังถอยทัพกลับ และทรงทราบว่าพระเจ้าหงสาวดีจะถอยทัพ  จึงเสด็จกลับเข้าพระนคร  แลัวรีบทรงกองทัพยกไปตั้งที่วัดเดช  อยู่ริมน้ำตรงภูเขาทอง  เมื่อวัน ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7  ทรงให้เอาปืนขนาดใหญ่ลงเรือสำเภาหลายลำ  แล้วนำขึ้นไปยิงค่ายหลวงพระเจ้าหงสาวดี  ถูกผู้คนช้างม้าลมตายเป็นอันมาก พระเจ้าหงสาวดีต้องถอยทัพหลวงไปตั้งอยู่ที่ป่าโมก  สมเด็จพระนเรศวรทรงให้กำลังทางบกยกตามตีข้าศึกจนถึงทะเลมหาราชทางหนึ่ง  ส่วนพระองค์กับสมเด็จพระเอกาทศรถ  เสด็จโดยทางเรือ ตามตีกองทัพหลวงของพระเจ้าหงสาวดีขึ้นไปจนถึงป่าโมกอีกทางหนึ่ง  แต่ข้าศึกมีกำลังมากกว่ามาก  ไม่ทำให้แตกฉานไปได้  พระองค์จึงเสด็จคืนสู่พระนคร  พระเจ้าหงสาวดีก็ให้เลิกทัพกลับไป 




โคลงและกลอน รจนาโดย ทิกิ_tiki
เมื่อเวลา ๓:๓๕ นาฬิกา คืนวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
คำบรรยายร้อยแก้วที่มาจากแหล่งข้อมูลประวัติศาสตร์ไทย thaiheritage
ทางอินเตอร์เน็ต

-- www.heritage.thaigov.net --
-- www.thaiheritage.org -- 

-ขอบพระคุณในข้อมูลจากหน่วยราชการ				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 0 คน
  tiki
ไม่มีข้อความส่งถึงtiki