12 มิถุนายน 2550 09:56 น.

กลางวงล้อมมด

กรกฎายน

คนสวย
ใครบอกเธอไม่สวย
เธอคงไม่เห็นด้วย
เธอรู้สึกว่าเธอสวย
เธอรู้สึกว่าโลกสวย
เธอรู้สึกว่าคนข้าง ๆ ก็สวย




เจ้าดอกแพงพวยงามอยู่ใต้แสงไฟพราว
อะเคื้อคราวอยู่ใต้ไขไถงแข
ยิ่งนวลงามยามอยู่ในโคมแด
ยังสดใสแม้ถูกพิภพสบประมาท

หันกลับไปดูเธออีกหนึ่งครั้ง
สะคราญสะพรั่งกลมกลืนธรรมชาติ
ใช้ตาเนื้อกวาดผาด
อาจไม่สะดุดใดอะไร


คนสวย
ความสวยเธออยู่ตรงไหน
อีกห้าสิบปีจะเกิดอะไร

เธอยิ้มละไมแทนคำตอบทั้งหมด


ไม่ถึงกับเสื่อมทราม
หรืองามจนหมดจด
อยู่กลางวงล้อมมด

หวังจะชิมรสแม่น้ำตาลทราย


ประคองความวิไล
จากภายในอย่าให้หาย
กระทั่งเป็นคุณยาย
ของหลานชายของหลานสาว

ปฏิกูลในโลกีย์
ต้องฤดีคล้ายติดกาว
เคยสวมมงกุฏพราว
อย่าย่อกายไปสวมขื่อ

ความสวยความไม่สวย
นำไปด้วยได้จริงหรือ
โลกจะระลึกลือ

ใจสวยจังริโยจัง.



 

 



แด่เธอ 

 

ริโย  โมริ  มีสจักรวาล 2007

 



 

 

 

แด่ดวงใจของจักรวาลทุกดวง

หางดารา

 

ป.ล.  ผู้เขียนไม่แน่ใจว่า  ริโย  โมริ   คำไหน เป็นชื่อ คำไหนเป็นนามสกุล

ไม่รู้ที่เรียกเธอว่า ริโยจัง ผิดหรือเปล่า รบกวนผู้รู้อธิบาย

ชื่อของเธอมีความหมายว่าอะไร  ใครพอจะรู้บ้างเอ่ย

ขอบคุณที่อ่านครับ				
16 มีนาคม 2550 11:54 น.

บทสนทนาสุดท้าย

กรกฎายน

คนตาย

คนดี..ฉันยังไม่ตาย
ยังต้องเวียนว่ายต่อไปในวัฏ
ผลไม้ยังไม่สุกงอมจัด
เห็นอยู่หลัดๆแท้ๆ



น้ำตาของเธอไหลพราก
ฉันไม่น่าตีจากแต่ก็สายเกินแก้
ความรักของเธอรักแท้
ไม่มีข้อแม้ฉันน่าจะรู้




คนเป็น
ทิ้งฉันไว้ในโลกลำพังทำไม
แม้เธอจะป่วยไข้ฉันก็พร้อมจะหยัดเคียงคู่
เธอเป็นแรงบันดาลให้ฉันมีชีวิตอยู่
แต่แล้วจู่ๆ ใยจึง..




ฉันเรียกเธอกลับมาไม่ทัน
เธอจากไปกระทันหันจนฉันอื้ออึ้ง
ไหนเคยสัญญาว่าเราจะอยู่กันจนถึง..
เสือไร้ที่พึ่งขาดป่า




คนตาย

ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีก
หลังจากตัดสินใจปลีกหลีกหน้า
เราอยู่กันคนละโลกแล้วแก้วตา
หวังว่าเธอคงจะไม่ตามฉันมาหวังไว้เช่นนั้น





คนเป็น

ตกลงฉันจะไม่ตามเธอไป
ฉันต้องยืนอยู่ให้ได้แม้จะอ่อนล้าขาสั่น
แต่ฉันเสียใจเหลือเกินที่ฉุดเธอไว้ไม่ทัน
เป็นความผิดของฉันที่ไม่ทุ่มเทพอ





คนตาย

ไม่..ไม่..เธอไม่ผิด
และฉันหาได้อัมหิตที่ไม่ปล่อยให้ชีวิตอยู่ต่อ
ใครๆต่างว่าช่างทำลายชีวิตที่โลกห่วงใยได้ลงคอ
เป็นฉันเองที่ผิดต่อ...เป็นฉันเองที่...






คนเป็น
ฉันจะภาวนาขอให้ได้พบเธออีกในกาลอนาคต
ฉันจะสวมบท  ฉันจะหยุดเธอไม่ให้ทำเยี่ยงนี้
ฉันจะอธิษฐานขอให้รักไม่ตายไปจากดวงฤดี
ขอให้เธอเดินในวิถีโดยสวัสดิ์





คนตาย
แสงสว่างจากเธอส่องต้องถึงใจ
ขอให้ฉันแก้ไข ขอให้ฉันไม่หนี ขอให้ฉันยืนหยัด
ขอให้ฉันหยุดดูรู้ชัด
ฉันจะตั้งใจบำบัดหากยังจะได้โอกาส




เสียใจเหลือนเกินที่ไม่อดทน
ท้ายที่สุดไป่พ้นไปจากภพชาติ
ยกโทษให้ฉันด้วยที่กระทำการอุกอาจ
ฉันสบประมาทรักแท้




คนเป็นคนตาย

วิถีข้างหน้าจะเป็นเช่นใด
ต่างแยกกันไปด้วยใจแน่วแน่
บรรยากาศโลกรวนปรวนแปร
ขอให้เราไม่อ่อนแอ  ขอให้เราไม่...



คนตาย
ยกโทษให้ข้าด้วยโลก
ที่ทำให้โศกไม่เอาใจใส่
หากแม้นว่ายังได้กลับมาคราใด
ข้าจะดูแลร่างใหม่ด้วยฤทธีชีวิต



ได้โปรดเตือนสติด้วย
ได้โปรดฉุดช่วยผู้งงหลงผิด
ลาก่อนที่รักกัลยาณมิตร
ขอให้พบจิตประภัส





คนไม่เป็นไม่ตาย

ขณะจากจิตท่านลิ่วลอย ๆ
ไม่มีความเศร้าสร้อยแสงในใจแจ่มจรัส
ลมหายใจสุดท้ายรู้ซึ้งแน่ชัด
ท่านไม่ได้ตัดช่องน้อย




ความรัก
ความรักตัวเดียว
ที่เปลี่ยนความเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อย
อยู่ก็เพื่อรัก  ตายก็เพื่อรัก  ซึ้งจนซาตานยอมปล่อย





มือโบกหย็อยๆยิ้ม.				
6 มีนาคม 2550 12:37 น.

ยาย

กรกฎายน

ความทุกข์
ขยับตัวกุกๆกักๆ
ตายเรียบแล้วต้นรัก
หนักเหลือเกินหัว





เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง

ลมพัดเข้ามาเป็นระลอก

ผ้าม่านสะบัดกระพือ

โชคดีที่กลิ่นลมหอมสดชื่น

หน้าจอเรืองแสงไสวสว่าง

นิ้วทั้งสิบจิ้มไปตามแป้นพิมพ์อย่างคุ้นเคย

เขายังทำอะไรไม่ได้

นอกจากเขียนสิ่งที่สมมติไปว่าเป็นบทกวี

"ขอบคุณครับครู"

"ขอบคุณครับยาย"

เขาคิดถึงครู

เขาคิดถึงยาย

ยายสอนเขาอ่านก.ไก่

ครูจับมือเขาเขียนก.ไก่

น้ำในหัวใจเขากำลังขุ่น
และการเขียนบทกวีเหมือนกับการแกว่งสารส้ม




เขาคิดถึงยาย
เขาเห็นภาพยายกำลังโก้งโค้งแกว่งสารส้มในโอ่งน้ำ.






ยาย!


ตายไปอยู่กับตา
ปล่อยหลานให้นอนกอดหมา
ตื่นขึ้นร้องไห้จ้ากลางดึก






ยาย






ยังอยู่ในความคิดนึก
ปะปนในความรู้สึก
ในเสียงสะอึกสะอื้น




ยาย





ย้ายไปอยู่โลกอื่น
ความทรงจำเก่าเก็บฟื้น
มือลึกลับเหยียดยื่นพยุง




ยาย





หายไปจากวันพรุ่ง
จางไปพร้อมกับรุ้ง
เหลือแต่ผ้านุ่งสีน้ำตาล




ยาย





ละร่างกายสังขาร

เดินทางเร็วกว่าแสงท่องจักรวาล

"โลกไม่ใช่บ้าน...หลานรัก"






ยาย!




     				
2 มีนาคม 2550 14:49 น.

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้องเรียนสีน้ำเงิน

กรกฎายน





เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี้ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ห้ อ ง เ รี ย น สี น้ำ เ งิ น




      

 









ฉันเว้นที่ว่างไว้ให้เธอ
ระลึกถึงเสมอแม้ไม่รู้อยู่ไหน
ดีชั่วสุขทุกข์ประการใด
ตั้งแต่จากไกลกาลก่อน



กาลนั้น


เพียงมีใยโยงกันหมดโอกาสกลับย้อน
รักเร้นอยู่ในลมละมุนอุ่นอ่อน
ห่วงหาอาทรราตรี-ทิวา



หลับตา.

นึกหน้าไม่ออกเลย
คล้ายไม่เคยปะพบคบหา
ที่ว่างเว้นไว้ตลอดเวลา
เตรียมไว้ท่าเธอเกลอแท้




และแม้นไม่มีวันนั้นล่ะก็
จะเป็นอย่างไรหนอ..เอาน่า..แล้วแต่
นกบินลงเกาะเหลือบตาชำเลืองแล
ไม่มีข้อแม้ผูกมัด




ฉันจะอยู่กับฉัน
ตราบจนนิรันดร์กาลไร้จำกัด
คลื่นลมระดมโถมซัด
ขอยืนหยัดโล้โต้คลื่น



ชำแรกตนไปในความเปล่าเปลี่ยว
ถึงทางแยกก็เลี้ยวลอยไปไหลลื่น
เพียงชั่วดาวกะพริบก็ผ่านผันวันคืน
มีสิ่งกลายเป็นอื่นมีสิ่งไม่เปลี่ยน




นั่งสัปหงกในห้องเรียนสีน้ำเงิน
นั่งวาดฝันเพลิน ไม่เป็นอันอ่านเขียน
เก้าอี้ตัวข้างๆสำหรับฝุ่นมาเยือนเยียน
ใครๆว่าฉันเพี้ยน  ใครๆว่าบ้า




ไส้เอ๋ยใส้ติ่ง
เถอะอยู่นิ่งๆอย่าแกว่งไกวไปหนา
การแตกของเจ้ากระทบกระเทือนถึงฟ้า...













ไส้ติ่งมีค่า...เกินคาด
      				
21 กุมภาพันธ์ 2550 12:46 น.

โลกเปลี่ยนไปมาก

กรกฎายน

ข้าหลบอยู่ใต้ดิน

โผล่ขึ้นมาชมจันทร์

โลกเปลี่ยนไปมาก



 

 

กลับมาอีกครั้ง
ลืมกันหรือยังเล่าเหล่าสหาย
ดำเนินชีวีระหว่างความเป็นตาย
ทว่าวาระสุดท้ายยังไม่ถึง


แ  ต่ คิ ด ถึ ง


เราละม้ายในบางกรณี
ต่างมีบทกวีเป็นที่พึ่ง
เคยได้พบกันกาลครั้งหนึ่ง
หยั่งความลึกซึ้งในความรู้สึก

สักกาลอาจพร้อมก้าวไปด้วยกัน
สู่ดินแดนอนันต์นอกความคิดนึก
เมื่อไหร่ค้นพบเมื่อไรตกผลึก
ฤทัยระทึกสลับซึมเศร้า

 

โอ้อกเอ๋ยเปิดอ้าออกเอง
แว่วยินบทเพลงบรรเลงค่ำเช้า
เต้นรำด้วยกันดั่งวันก่อนเก่า
จูงมือมิตรเงาออกจากมุมมืดมน


สู่แสงสว่าง
สู่ทางสู่หน
เห็นเหวแล้วใยอยากร่วงหล่น
เห็นวังวนหยุดแวะ

เออหนอชีวา
ประเดี๋ยวบ้าประเดี๋ยวดีอย่างนี้แหละ
เขยิ้บ ๆ กระแซะ ๆ
แบ๊ะ   ๆ ๆ ๆ  เจี๊ยก ๆ ๆ  ๆ


ครอก!

 

กรกฎายน   ๒๕๕๐

   				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกรกฎายน
Lovings  กรกฎายน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกรกฎายน
Lovings  กรกฎายน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกรกฎายน
Lovings  กรกฎายน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกรกฎายน