นิทาน-นายสีกับหลีฮง

วชรกานท์

กาพย์ฉบัง  16
ยอยกนิทานนานมา	ปรัมปรา
เรื่องชาวจีนหนีเข้าไทย
หอบเอาเสื่อผืนหมอนใบ	หลีกลี้หนีภัย
มาพึ่งพระโพธิ์สมภาร
จากแดนทุระกันดาร	มีความชำนาญ
การทำเกษตรกรรม
หมายใจแค่ได้อิ่มหนำ	พ้นความระกำ
มุ่งสู่ประเทศสยาม
ก้าวแรกมาถึงเขตคาม	วัดวาอาราม
รุ่งเรืองเมืองทองมั่นคง
จีนนายชายชื่อหลีฮง	มุ่งหมายจำนง
หาที่ปลูกผักเชี่ยวชาญ
โชคช่วยให้เจอนักการ	กุลีโรงงาน
นายสีมีที่ทำกิน
เจรจาต่อรองสมถวิล	เราหมูไม่กิน
จนกว่าจะร่ำจะรวย
ทั้งสองแผ้วถางต่างช่วย	ดินน้ำอำนวย
ช่วยให้พืชผักงดงาม
ผ่านไปหลายปีถึงยาม	สัญญาไม่ตาม
เท่าที่ทั้งสองตกลง
วันหนึ่งนายสีประสงค์	ขณะที่หลีฮง
ไปขายผักในพารา
ไปซื้อเอาเนื้อหมูมา	ปรุงรสโอชา
หอมหวนชวนให้ลิ้มลอง
สัญญาที่เคยประคอง	เรื่องที่ทั้งสอง
ตกลงไม่กินเนื้อหมู
นายสีคิดว่าเฟื่องฟู	มีกินมีอยู่
ฐานะเข้าข้างมั่นคง
นายสีเกิดความทะนง	ตอนเย็นหลีฮง
กลับมาจากขายพืชผัก
ได้กลิ่นหอมหวนชวนชัก	เกินใจห้ามหัก
รีบเร่งไปถามนายสี
ทำไมลื้อไม่ใยดี	สัญญาที่มี
กินหมูยังไม่ร่ำรวย
 
นายสีผู้ทะนงงงงวย	โอพระเจ้าช่วย
เดี๋ยวนี้เรารวยแล้วไง
ดั่งมีเสี้ยนหนามแทงใจ	ให้ดับทันใด
หลีฮงอธิบายให้ฟัง
สัญญามีแต่ปางหลัง	มิตรภาพพัง
เราสองแบ่งเบี้ยแยกทาง
สองทศวรรษอำพราง	ฐานะแตกต่าง
ทั้งสองเจอกันอีกครา
นายสีไปต่างพารา	พบหนึ่งร้านค้า
เพื่อซื้อสิ่งของต้องการ
พบเจอกับเจ้าของร้าน	คิดอยู่เนิ่นนาน
เถ้าแก่คนนี้เป็นใคร
เราเคยเจอะกันที่ไหน	จึงไม่สนใจ
ได้แต่เลือกหาสินค้า
รูปร่างการแต่งกายา	พอจะบอกว่า
ฐานะยากจนเข็ญใจ
หลีฮงมองเห็นแต่ไกล	เขาจำเพื่อนได้
ทักทายด้วยจิตไมตรี
จูงไม้จูงมือนายสี	ด้วยความยินดี
ที่เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
หลีฮงรับรองดูแล	ไม่เชือนไม่แช
สั่งให้แม่ครัวรีบปรุง
ทั้งสองจูงมือพยุง	อาหารหอมฟุ้ง
คงจะหลากหลายเมนู
นายสีนั่งโซฟาหรู	ด้วยใจหดหู่
หุบปากมิพูดสิ่งใด
หลีฮงสั่งให้เร็วไว	อาหารอยู่ไหน
แม่ครัวจงได้ยกมา
ต้มพะโล้หมูทั้งขา	กับข้าวนานา
เนื้อหมูกระดูกเครื่องใน
หลีฮงชวนสีทันใด	มัวช้าอยู่ใย
รับประทานอาหารด้วยกัน
นายสีรู้สึกตื้นตัน	ไม่นึกไม่ฝัน
ฐานะแตกต่างกันไกล
จึงถามหลีฮงออกไป	ว่าเหตุไฉน
จึงได้มาเห็นนายห้าง
หลีฮงเล่าหลังแยกทาง	เช่าที่หน้าห้าง
เพื่อขายจำหน่ายของชำ
เก็บเงินเป็นกอบเป็นกำ	เช่าร้านของชำ
จนเซ้งมาเป็นของตน
การค้าเริ่มทวีผล	มีอิทธิพล
เครดิตกับธนาคาร
ระหว่างทำกิจการ	ไม่เคยแผ้วพาน
จักหาเนื้อหมูมากิน
จวบจนหลุดพ้นหนี้สิน	มีตึกที่ดิน
ทั้งห้างเรือกสวนไร่นา
เงินทองไหลมาเทมา	ฮั้วจึงคิดว่า
เพียงพอถึงขั้นร่ำรวย
ภาษิตหมูอยู่ในอวย	ขยันโชคช่วย
กินหมูมาถึงวันนี้
เรื่องเล่าเข้าหูนายสี	อับอายทวี
กลืนข้าวคั่งค้างติดคอ
นายสีเล่าความเติมต่อ	ดื่มน้ำล้างคอ
จึงเล่าเท้าความเป็นมา
ตั้งแต่หลีฮงจากลา	เลิกปลูกผักหญ้า
ที่ดินรกร้างดังเดิม
เงินทองที่มีมิเพิ่ม	รับจ้างดังเดิม
หมดแรงสู่วัยชรา
ที่ดินแบ่งขายนายหน้า	เพื่อเลี้ยงกายา
ให้เขาทำบ้านจัดสรร
อนาคตถึงทางตัน	หมดคำจำนรรจ์
นายสีล่ำลาหลีฮง
เป้าหมายไม่ลุเป้าประสงค์	จงอย่าทะนง
อุทาหรณ์นายสีหลีฮง				
comments powered by Disqus
  • กิตติกานต์

    3 มกราคม 2552 14:48 น. - comment id 931595

    ....41.gif41.gif41.gif...
    เป็นนิทานที่ให้ข้อคืดดีมากๆค่ะ
    การดำรงชีวิตของคนไทยกัยคนจีนแตกต่างกันมากๆค่ะ
    
    ...มีเพื่อนเป็นลูกชาวจีนค่ะ
    เรียนจบหมอ
    พ่อมาจากเมืองจีน
    เสื่อผืน หมอนใบเช่นกัน
    มาเป็นลูกจ้าง..
    มาค้าขาย..
    ทุกวันนี้มีร้านใหญ่....
    ส่งเสียลูกทุกคนมีอาชีพ
    น้องของเพื่อนก็เป้นหมอเช่นกัน
    ..เราคนไทย..อยู่เมืองไทย
    มีถิ่นฐาน..ทุกวันนี้ยังสร้างไม่เท่าที่เขาสร้าง
    ในเรื่องนี...นายหลีฮง...นับถือคนจีนจริงๆค่ะ
    
    .
    .................29.gif.......................
  • 4444

    3 มกราคม 2552 16:11 น. - comment id 931621

    29.gif29.gif29.gif29.gif
    เยี่ยมครับ 
    
    ผมว่า...ช่วงนี้เป็นช่วงที่ ไม่ว่าคนแสดงหรือผู้กำกับ จะงัดกลยุทธ์ ซื้อแหลกแจกสะบัดมาใช้ให้ดูว่ามี ความหลากหลายๆรูปแบบ แต่ตอนจบคงไม่ได้มีให้เห็นเหมือนละครแบบเก่าแน่นอน พวกที่กระทำเพื่อสนองความอยากหรือความโลภที่ตัวเองพึงปราถนา โดยไม่สนถึงจะมีผลกระทบกับสิ่งที่มีชีวิต ที่ไม่ได้มีสีสรร หน้าใส ใจ....ยากที่จะซ่อมบำรุงแน่นอน เอาเป็นว่า ตอนชราๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็ลำบาก เดินห้างก็ไม่ได้ แม้กระทั่งตลาดนัดข้างบ้านก็เดินไม่ได้ แก่ๆๆๆใกล้จะถึงตอนจบของสังขาร์เน่าๆ แต่ด็ต้องรับใช้กรรมเก่าที่สร้างมาตลอด จนใกล้จะหมดอายุในการใช้ชีวิต แต่ก็ยังไม่รู้ หรือความอยากมันบังความจริงครับ ต้องไปโน้นไปนี่ ทั้งๆที่สภาพพร้อมที่จะหยุดหายใจได้ตลอดเวลา ตื่นก็ลำบาก นอนคนก็สาปแช่ง  ยังงี้นี่เองถึงเอาตัวละคร ที่มีแค่สภาพทั่วๆไปที่ดูคล้ายๆคน มาเล่นเป็นตัวนำ เฮ่อ ทำไมมันช่างดูคล้ายคนมากๆ โดยเฉพาะความใส ดูเหมือนดี แต่ภาพภายในมันคงไม่ได้ถูกการพัฒนาให้เดินหน้าตามความเป็นจริง ของสังคมมนุษย์ที่ใช้ชีวิต อยู่ร่วมกันได้ แต่....พวกนี้มันดูคล้ายเท่านั้น แม้กระทั่งการพูดการแสดงออก ความดูใสซื่อ แต่โทษน่ะครับ จะลอกแบบมนุษย์ก็ยังไม่ยอมพัฒนาจิตใจให้ดูดี เหมือนมนุษย์ทั่วๆไปมี ดูว่า ใส ในนามนี้คงดูดี แต่ทั้งใน-นอกโสโครกยิ่งกว่า ยากที่ใครจะเข้าใจในตัวละคร ในการดำรงค์ชีวิต ....แต่ถ้าจะให้เข้าใจในธรรมชาติของความเป็นอยู่ของพวกนี้ ต้องไปหาอ่านเกี่ยวกับชีวิตของ อาทิเมียร์....ไส้เดือน หรือ พวกหนอนน้ำครับ ก็ต้องดูสายพันธ์กันหน่อยก็แล้วกันครับ เพราะมันมีหลากหลาย อิอิ
  • นรศิริ

    3 มกราคม 2552 19:09 น. - comment id 931662

    ยอดเยี่ยมค่ะ
    41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif
  • บนข.

    3 มกราคม 2552 20:48 น. - comment id 931687

    เป็นนิทานทีให้ข้อคิดดีเหลือเกิน  เลือกเถิดจะเป็นหลีฮง หรือ นายสี59.gif
  • พิมพรรณ

    3 มกราคม 2552 20:56 น. - comment id 931690

    เป็นนิทานที่เยี่ยมมากค่ะ
    
    41.gif41.gif41.gif41.gif
  • กันนา

    3 มกราคม 2552 20:59 น. - comment id 931691

    คนส่วนมากอยากรวย
    แต่ขี่เกียจ
    เอาเปรียบเขา
    โกงกินสารพัด
    
    11.gif
  • ครูพิม

    3 มกราคม 2552 22:33 น. - comment id 931711

    1.gif
    
    แวะมาอ่านนิทานก่อนนอน..
    ได้ข้อคิดดีดี...
    
    ขยัน..มั่นสู่จุดหมาย..
    หวังเพื่อเลี้ยงกาย..
    อย่าหน่าย..นะจงทำดี...ด้วยเด้อค่า..
    
    สวัสดีปีใหม่ค่ะ
    16.gif36.gif
  • krajokngao

    7 มกราคม 2552 10:32 น. - comment id 932796

    41.gif41.gif41.gif41.gif11.gif11.gif11.gif11.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน