**วลีลักษณา-อักษรารำพัน**

victoriasecret

๐ เวิ้งฟ้ากว้างพร่างพรายแดดสายสาด
ต้องหยดหยาดแวววาวคล้ายดาวใส
ร้อนแดดยามแผดลงคงคายไอ
แพรเพชรไหวที่วาบคือภาพลวง
๐ เพียงได้ชื่นยามเช้าแล้วเศร้า,สาย
น้ำค้างพรายพรมผกาจากฟ้าสรวง
พรากช่อแล้วชื่นมาลย์รานหยดยวง
คล้ายดั่งทรวงแห้งแล้งสิ้นแรงแล้ว (วลีลักษณา)
๐ ยามรักหวานกานท์กลอนอ่อนหวานนัก
ยามเมื่อรักหักคลอนกลอนเริ่มแผ่ว
เมื่อความเหงาเข้าเสริมเริ่มฉายแวว
ออกเป็นแนว..กลอนโศกวิโยคครวญ
๐ ทั้งรันทดหดหู่ดูย่อท้อ
ทั้งตัดพ้อต่อว่าครากำสรวล
ทั้งหญิง-ชายหมายฝันอันรัญจวน
กลับเซซวนป่วนปั่นยามฝันกลาย (อักษราฯ)
๐ เพราะภาพฝันเย้าหยอกหลอกให้หลง
ยากดำรงรูปพรางจึงจางหาย
จะเอื้อมคว้าก็คว้างไร้ร่างกาย
ไม่อาจหมายภาพเร้นให้เป็นจริง
๐ เมื่อภาพลวงพ่วงพันในฝันหวาน
ย่อมล่มลาญยามตื่นคืนทุกสิ่ง
เช่นกลอนกานท์ผ่านให้ใช่ว่าติง
เพียงได้อิงจินตภาพที่วาบพราย (วลีลักษณา)
๐ อันรูปรอยถอยห่างอาจพรางได้
แต่รูปในกมลฤาพ้นหาย
จะประทับกับตนจนวางวาย
มิสลายหายลับกับห้วงกาล
๐ อยู่กับภาพอาบฝันในวันเก่า
อาจบรรเทาเหงากายคลายฟุ้งซ่าน
แต่เมื่อเงาเขานั้นอันตรธาน
ถึงดวงมานคลายเศร้ากลับเหงาทรวง (อักษราฯ)
๐ มองท้องฟ้าเวิ้งว้างที่กว้างไกล
กับหัวใจเคว้งคว้างยามห่างหวง
แม้อดีตซึมซาบเหลือภาพลวง
ยังเหมือนบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน
๐ ความเหงาเงียบเยียบเย็นไม่เว้นวัน
ยามพรากขวัญพรากหมายยากถ่ายถอน
แม้วันนี้คลายเศร้าที่เผา,รอน
หัวใจและอาวรณ์ยากผ่อนคลาย (วลีลักษณา)
๐ เพราะความเหงาเร้ารุมเหมือนสุมเชื้อ
มาจุนเจือเชื้อไฟให้ขยาย
ถ่านใกล้ดับกลับคุประทุพราย
เหมือนประกายสายใยให้อาวรณ์
๐ แม้นตระหนักรักนี้ถึงที่สุด
มิอาจฉุดหยุดใจให้ถ่ายถอน
ยังจะหวงห่วงหาและอาทร
แม้ร้าวรอนนอนช้ำกับน้ำตา (อักษราฯ)
๐ ปล่อยอดีตซีดจางเลือนรางทิ้ง
แม้จะยิ่งเหงาหงอยละห้อยหา
ด้วยเหตุการณ์ผ่านล่วงห้วงเวลา
ไม่เหลือค่าเคยซึ้งติดตรึงใจ
๐ แม้เส้นทางข้างหน้าจะว้าเหว่
สุดถ่ายเทอาวรณ์ให้ผ่อนได้
จำกล้ำกลืนฝืนทนความหม่นใน-
ห้วงหทัยไหวหวั่นให้บรรเทา (วลีลักษณา)
๐ เพียงพลัดพรากจากไกลใช่ลาจาก
เพียงย้ำฝากรักไว้มิให้เฉา
เพียงหมายใจใกล้ชิดนิจแนบเนา
เพียงหมายเฝ้าคลอซึ้งด้วยหนึ่งนาง
๐ เธอ..คือหนึ่งตรึงฤดีที่หมายมั่น
เธอคือฝันอันจรุงครารุ่งสาง
เธอคือจันทร์วันเพ็ญเด่นนภางค์
เธอคือดาวพราวพร่าง ณ กลางมาน (อักษราฯ)
๐ โอ้เจ้าช่อมาลียามคลี่กลิ่น
หอมรวยรินโลมไล้ให้ชื่นหวาน
ขอผ่านล่วงล้ำลงตรงแดดาล
เพี่อสอดสานเป็นบ่วงแล้วพ่วงคล้อง-
๐ ผูกอีกทรวงแน่นหนาเกินกว่าเคลื่อน
แล้วผันเลื่อนเวียนพบประสบสอง
ไม่พลัดพรากจากกันมั่นประคอง
เป็นคู่ครองแนบชิดนิจนิรันดร์ (วลีลักษณา)
๐ เพราะฤดีสี่ห้องร่ำร้องหา
ทุกเวลาพาซึ้งคะนึงฝัน
เป็นโซ่ทองคล้องเกี่ยวยึดเหนี่ยวพัน
มุ่งหมายมั่นฝันชื่นให้ยืนยาว
๐ แม้หนาวเหน็บเจ็บนักที่กักเก็บ
หัวใจรักอักเสบจนเหน็บหนาว
ยังถวิลจินต์หมายตะกายดาว
ท่ามฟ้าพราวหาวห้อมอย่างพร้อมใจ (อักษราฯ)
๐ รักแท้ใช่เพียงฝันต้องฟันฝ่า
อุปสรรคนานาอย่าหวั่นไหว
แม้มั่นคงก้าวย่างสู่ทางไกล
ย่อมคว้าได้สักครั้งที่หวังปอง
๐ อาจเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้าคราทุกข์เศร้า
หรือเงียบเหงาเศร้าซมระทมหมอง
แต่ย่อมมีวันที่ฟ้าสีทอง
ให้ได้ครองสุขสมภิรมย์มาน
๐ เจ็บครั้งหนึ่งซึ้งค่าว่าเคยรัก
แม้สั้นนักยามชื่นระรื่นหวาน
แต่หมองหม่นทนเหงาเศร้าแสนนาน
พรากสิ้นความชื่นบานจนผ่านคล้อย
๐ แผ่วพลิ้วลมพรมรื่นไล้ผืนน้ำ
หรือหวนซ้ำสู่ขวัญอันยับย่อย
เมื่อใจหนึ่งเคยช้ำเกรงซ้ำรอย
อาจเศร้าสร้อยโศกตรมจนซมซาน (วลีฯ)
๐ เมื่อใจปลงหลงทางจนร้างฝัน
ความสุขสันต์วันก่อนก็ย้อนผ่าน
ดวงใจนั้นพลันแตกจนแหลกราญ
ลำนำกานท์ผ่านพ้นสิ้นมนตรา
๐ เคยรำพึงถึงกันเมื่อวันก่อน
ร่ายอักษรกลอนรักสลักหา
กลอนกล่อมขวัญวันนี้ไม่มีมา
ตำนานรักอักษรามาสิ้นมนต์
๐ ยังเศร้าหมองครองโศกวิโยคนัก
เหมือนสลักหักคาอุราหม่น
ยามเจ็บช้ำกล้ำกลืนต้องฝืนทน
ความทุกข์ท้นล้นหลากจนยากปลง
๐ ยามลมหวนทวนหอบหรือตอบถ้อย
ให้คนคอยน้อยใจอาลัยหลง
จะหยิบจับกลับกลายสลายลง
ไม่ดำรงคงมั่นเพียงฝันไป
๐ แม้ต้องครวญหวนไห้อาลัยรัก
เมื่อประจักษ์ภักดิ์นั้นยังสั่นไหว
แม้ระกำช้ำหมองครองฤทัย
เจ็บเพียงไรใจหนอยังขอทน (อักษราฯ)
๐ เมื่อลมหวลชวนฝันสัมพันธ์ต่อ
ควรรีบก่อรูปรอยแล้วคอยผล
สูดความหอมโหยหาความน่ายล
อย่าร้อนรนคิดไปจนใจหมอง
๐ ฟ้ายังมีวันดับสูรย์อับแสง
แล้วกลับแจ้งเรืองเรื่ออุ่นเอื้อผอง
ย่อมมีวันที่หวังสมดังปอง
ได้ครอบครองสิ่งหมายสู่ปลายทาง (วลีฯ)
๐ อยากได้พบสบฝันในวันหนึ่ง
แม้ได้ซึ้งตรึงอยู่เพียงตรู่สาง
ยังหมายปองลองรักมิพักจาง
แม้เลือนรางทางฝันมิหวั่นทน
๐ สำเนียงแผ่วแว่วหวานอาจขานขับ
ให้สดับรับฟังอีกครั้งหน
ปล่อยเรื่องเศร้าร้าวรานผ่านกมล
สู่วังวนมนต์รักแม้สักครา (อักษรารำพัน)
๐ ยามทุกข์ทนหม่นเศร้าใครเล่ารู้
ยังต่อสู้เติมใจที่ใฝ่หา
อาจเจ็บช้ำจำฝืนกลืนน้ำตา
แม้สุดคว้าจะค้นหมายด้นดึง
๐ เพียงตั้งมั่นสานฝันแล้วฟันฝ่า
รอเวลาก้าวไกลเพื่อไปถึง
ใช้เรี่ยวแรงแห่งหวังตั้งคำนึง
เพื่อสิ่งหนึ่งใจปองได้ครองเธอ (วลีลักษณา)
๐ หากเดือนดาวพราวฟ้าคอยพาฝัน
แม้ว่ามันหวั่นไหวเพียงใจเผลอ
ฝันคงไม่ไกลมากจนยากเจอ
ให้หม่นเก้อเดียวดายสู่ปลายทาง
๐ เมื่อห้วงหาวดาวเดือนยังเกลื่อนฟ้า
ใคร่ครวญหาคว้าไขว่ไว้เคียงข้าง
แต่นับวันฝันเหมือนยิ่งเลือนลาง
ห้วงหาวกว้างร้างไร้ใจคำนึง (อักษรารำพัน)
๐ ชีวิตว่างเย็นเยียบเงียบสงัด
คลื่นกรรมซัดพัดพาจนมาถึง-
สุดท้ายเหลือเพียงช้ำคอยย้ำตรึง
แล้วขีดขึงขมวดมัดรัดกลางทรวง
๐ หาคำไหนเทียบเคียงเสียงร่ำไห้
ที่กึกก้องข้างในใจทั้งห้วง
หาคำไหนเทียบเท่าเศร้าทั้งปวง
ฟ้าฝั่งสรวงรู้ไหมฉันไร้ดาว (วลีลักษณา)
๐ อยากทอถักรักงามส่งข้ามฟ้า
ฝากจันทราฟ้าสรวงกลางห้วงหาว
มิหมายใจให้ชื่นอย่างยืนยาว
เพียงเมื่อคราวหนาวล่วงสู่ทรวงเรา
๐ หมายวันชื่นคืนหวานได้ซ่านสุข
ลืมเรื่องทุกข์ปลุกใจมิให้เฉา
ใจกระซิบวิบแว่วเพียงแผ่วเบา
ก็ล้างเศร้าเหงาไปจากใจแล้ว (อักษรารำพัน)
๐ เกรงสลายหายลับกับกาลล่วง
เป็นลมลวงรื่นริ้วที่พลิ้วแผ่ว
เพียงภาพฝันบรรเจิดที่เพริศแพรว
กับเสียงแว่วคำครวญล้วนบอกรัก
๐ อาจลับเลยเลือนหมดสิ้นรสหวาน
แม้อ้อยตาลพาลขมระทมหนัก
คงหมองหม่นก่นเศร้าเหงายิ่งนัก
จะห้ามหักอย่างไรยามไม่เจอ...
๐ หรือ..หมายเพียงยั่วหยอกที่บอกฝาก
รัก..นั้นจากดวงขวัญมั่นเสมอ
จริง..ใจหรือแค่เพียงเสียงละเมอ
แท้..อาจเผลอด้วยเหงาคอยเร้ารุม
๐ รัก..ปลายลิ้นยินผ่านแล้วพาลหาย
จาก..พรากกายคลายคำคงช้ำสุม
ปาก..เว้าวอนอ้อนภักดิ์ ว่ารักรุม
ชาย..หนอกรุ้มกริ่มนักยามทักนวล (วลีฯ)
๐ หมู่มาลีมีภมรว่อนแห่ห้อม
ด้วยหมายชมดมดอมความหอมหวล
เฉกนารีมีชายหมายเชยชวน
ความเย้ายวนชวนชิดแม้ปลิดปลง
๐ ว่า......หอมเอย หอมกลิ่น มิสิ้นสุด
สองแก้มนุชผุดผ่องจนต้องหลง
ดั่งกุหลาบแรกแย้มแก้มอนงค์
สักคราลงจุมพิตสนิทใจ
๐ ว่า......นวลเอ๋ย นวลปราง ช่างงามสม
หมายเด็ดดมชมชิดพิสมัย
ก็กลัวว่าแก้มน้องต้องหมองไป
จะปล่อยไว้ใจหนอก็เสียดาย
๐ อันแก้มช้ำ-ช้ำไปเพราะใครอื่น
คงขมขื่นฝืนใจไม่รู้หาย
หากแก้มน้องต้องช้ำถูกกล้ำกราย
ด้วยมือชายให้เป็นพี่คนนี้นะ (อักษรารำพัน)
๐ เป็นภู่ผึ้งพึงเพียงเคียงดอมด่ำ
เพื่อชื่นฉ่ำช้ำพอแล้วก็ผละ
ยามลุ่มหลงเวียนเชยไม่เคยละ
เป็นสัจจะธรรมจริงกว่าสิ่งใด
๐ อ้อนออดคำพร่ำวอนอ่อนหวานนัก
คำว่ารักนำหน้ากว่าคำไหน
ที่เอ่ยออกเน้นยิ่งจริงจากใจ
แต่เป็นไปชั่วคราวไม่ยาวนาน
๐ อย่าให้ช้ำเพราะใครให้เพียงพี่
พูดง่ายดีฟังดูเหมือนชูหวาน
หากหลงลมขมไหม้จนใจราน
อาจสิ้นปราณรานทรวงเกินทวงคืน (วลีฯ)
๐ ไยตัดพ้อต่อคำให้ช้ำชอก
มิกลับกลอกหลอกเล่นเช่นเขาอื่น
รักพี่ชายหมายหวังให้ยั่งยืน
ร้อยพันขื่น ฤา เท่า ที่เจ้าเมิน
๐ หากที่พร่ำคำย้อนเพียงอ้อนออด
ทำเง้างอดเพียงลบเกลื่อนกลบเขิน
ความเอียงอายคล้ายนวลหมายชวนเชิญ
พี่ยอมเพลินเดินสู่ประตูใจ
๐ แม้เป็นบ่วงลวงล่อมิขอกลับ
จะยอมรับกับดักมิผลักใส
พร้อมเผชิญเดินรุกฝ่าบุกไป
ยอมหมกไหม้ในนรก"อ้อมอกเธอ" (อักษรารำพัน)				
comments powered by Disqus
  • วลีลักษณา

    11 กันยายน 2553 16:11 น. - comment id 1155571

    สวัสดีค่ะ คุณvictoriasecret (kata1991)
    
    เอามารวบรวมแบบนี้อ่านแล้วก็ไพเราะดีนะคะ (ชมตัวเอง อิๆ) ถ้าเพื่อนๆ อยากทราบแหล่งที่มา
    ไปดูได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะคะ น่าจะมาจากหลายบทต่อกัน
    
    http://poem.deedeejang.com/category/4/9832-9832.html
  • สุริยันต์ฯ

    11 กันยายน 2553 23:40 น. - comment id 1155633

    1.gif1.gif1.gif
    เป็น series ที่ยาวมากเลยนะครับพี่แจ็คกี้
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    12 กันยายน 2553 11:21 น. - comment id 1155738

    ตัวสีเขียวเลือนลางถ่างตาอ่าน
    อยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เห็น
    แสนเสียดายขาดหายหลายประเด็น
    คงเป็นเวรแว่นหนาตาไม่ดี...
    
    จะโทษใครได้ล่ะ อิอิ
  • แก้วประภัสสร

    12 กันยายน 2553 19:57 น. - comment id 1155807

    หากเป็นหนัง ก็มีหลายภาค
    ยาวมากๆ สุดยอดแห่งกลอนค่ะ
    
    น้าสบายดีนะคะ
    46.gif36.gif16.gif
  • (น้ำตาลหวาน)

    13 กันยายน 2553 13:30 น. - comment id 1155864

    41.gif11.gif36.gif
  • มายอามีน

    13 กันยายน 2553 14:23 น. - comment id 1155874

    6.gif11.gif
  • ป๋อง สหายปุถุชน

    14 กันยายน 2553 13:50 น. - comment id 1156049

    แต่ละบทถ่ายทอดออกมาได้งดงามครับ
    29.gif31.gif41.gif57.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน