เว้นวรรค..ชั่วนิรันดร์..eternally

tiki

INTERNATIONAL 
INFORMATION MESSAGE ====
==========================
==========================
=================
==================== 
INFORMATION MESSAGE ====
=====================
==========================
=========================
==================
=========================
=========================
===================
==================== 
INFORMATION MESSAGE ====
=====================
=========================
=========================
===================
=========================
=========================
===================
==================== 
INFORMATION MESSAGE ====
=====================
=========================
=========================
===================
=========================
=========================
===================
==================== 
INFORMATION MESSAGE ===
======================
=========================
=========================
===================
=====================
=========================
=========================
===================
=========================
=========================
===================
==================== 
INTERNATIONAL INFINITY
....................................................
..............................................
.............................................
................................
BY tiki_ทิกิ
reported after an Interim Monach
Council of Administrative Reform
on the night of September 19th
2006 

เว้นวรรค..ชั่วนิรันดร์
Pausing...eternally				
comments powered by Disqus
  • tiki

    20 กันยายน 2549 15:27 น. - comment id 607857

    ก็ส่งข่าวมาให้อ่านจะได้ทราบเรื่องละเอียดค่ะ
    http://www.komchadluek.net/2006/09/19/a001_48999.php?news_id=48999
    
    http://www.thainewyork.com/ 
    http://www.nationchannel.com
    http://www.msnbc.msn.com/id/14906669/
    
    เท่านี้ก่อนแล้วกันค่ะ
    
    
    
    
    นำไปลงไว้หน้ากระทู้แม่บทกวี พันทิป
    
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4727067/W4727067.html
    
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tiki&month=09 *** 2006&group=1&date=20&blog=1
    
    และที่นี่
    http://www.pantown.com/board.php?id=11020&area=1&name=board3&topic=74&action=view53.gif60.gif
  • tiki

    20 กันยายน 2549 15:39 น. - comment id 607860

    เกร็ดความรู้เรื่องกฎอัยการศึก
    ที่มาhttp://www.schq.mi.th/knowledge.htm
    ๑.กล่าวนำ
    
    จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงวันที่ ๕-๖ มกราคม ๒๕๔๗ และสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน จนเป็นเหตุ
    
    ให้รัฐบาลต้องสั่งให้แม่ทัพภาคที่ ๔ ประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ ๓ จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา เมื่อ
    
    วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ นั้น ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจว่า กฎอัยการศึกเกี่ยวข้องกับกฎหมายอย่างไร มีความสำคัญหรือความจำเป็น
    
    ต่อราชการทหารอย่างไร และเมื่อได้ประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้ทหารมีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างไร และเมื่อได้ประกาศให้
    
    ใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้ทหารมีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ดังนั้น กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหาร ในฐานะที่เป็นเจ้า
    
    หน้าที่ฝ่ายกฎหมายของกองบัญชาการทหารสูงสุด ขอถือโอกาสนี้นำเกร็ดความรู้เรื่องของกฎอัยการศึกมาเสนอเพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูล
    
    สำหรับการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป
    
    ๒.เจตนารมณ์ของการมีกฎหมายเรื่องกฎอัยการศึก
    
    จากประสบการณ์ในอดีตของประเทศไทย จะพบว่าเมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว จะมีการประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกอยู่เป็นประจำ ทำ
    
    ให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีในสายตาของนักประชาธิปไตยว่า กฎอัยการศึกเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการและเป็นสัญญลักษณ์ในการที่
    
    ทหารจะเข้ามายึดอำนาจบ้านเมือง แต่แท้ที่จริงแล้ว การมีกฎอัยการศึกไว้นั้นมีเจตนารมณ์เพื่อให้เป็นเครื่องมือ หรือมาตรการทาง
    
    กฎหมายในการที่จะรองรับอำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ที่จะรักษาความมั่นคงของประเทศชาติเมื่อยามคับขัน และจำเป็นที่ไม่อาจใช้
    
    หน่วยงานของฝ่ายพลเรือน จึงต้องใช้หน่วยงานทหารที่มีสมรรถภาพดีกว่าในการ แก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นได้จากคำบรรยาย
    
    ในกฎเสนาบดี๑ ที่บรรยายความถึงความสำคัญและความจำเป็นของการที่ต้องมีกฎอัยการศึกความว่า เหตุที่จะต้องเรียกว่ากฎอัยการศึก
    
    นั้นเพราะเหตุว่ากฎหมายนี้จะประกาศใช้ได้แต่เฉพาะเวลามีสงคราม หรือการจลาจล หรือมีความจำเป็นที่จะรักษาความเรียบร้อยให้
    
    ปราศจากภัย และการที่มีพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกขึ้นไว้ในเวลาปกติเช่นนี้ก็เพื่อสำหรับวางแผนการรักษาพระราชอาณาจักรทั่วไป 
    
    หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยอำนาจและกำลังทหารสำหรับตระเตรียมการณ์ไว้พร้อมเมื่อมีตุจำเป็น ก็ปฏิบัติได้ทันที กฎอัยการศึกจึงถือเป็น
    
    กฎหมายในยามศึกสงคราม โดยเป็นระบบกฎหมายพิเศษที่มีไว้ใช้ในยามที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ และมีความจำเป็นต้องจำกัดสิทธิ
    
    เสรีภาพของประชาชนลงไปบ้าง ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็เพื่อความมั่นคงของราชอาณาจักร
    
    ๓.ความเป็นมา
    
    กฎอัยการศึกเป็นระบบกฎหมายที่มีต้นกำเนิดมาช้านานแล้ว มีการใช้แพร่หลายทั้งในประเทศทางแถบยุโรปรวมทั้งในประเทศไทยด้วย 
    
    จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า ประเทศไทยได้มีการประกาศให้ใช้กฎหมายเรื่องกฎอัยการศึกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ
    
    จุลจอมเกล้าฯรัชกาลที่ ๕ โดยเรียกว่า กฎอัยการศึก รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    
    รัชกาลที่ ๖ ได้ถูกยกเลิกและตราขึ้นใหม่เพื่อให้เหมาะสม ซึ่งกฎหมายที่ประกาศใช้แทนนี้ คือ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธ
    
    ศักราช ๒๔๕๗๒ กฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น ๕ ครั้ง๓ เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้มี
    
    ความทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป เหตุที่คนทั่วไปมักเรียกเพียงสั้นๆว่า กฎอัยการศึก นั้น เข้ามจว่าเนื่อง
    
    จากในตัวพระราชบัญญัติเองกำหนดให้เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า กฎอัยการศึก พ.ศ.๒๔๕๗ แต่คนส่วนใหญ่เรียกเพียงสั้นๆว่า กฎอัยการศึก
    
    ปัจจุบันนี้ยังคงมีเขตพื้นที่ที่ยังให้ใช้กฎอัยการศึกอยู่ในเขตอำเภอที่เป็นพื้นที่ชายแดนรวม ๒๐ จังหวัด ตามประกาศพระบรมราชโองการ๔ 
    
    ฉบับลงวันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๔๑ จนเมื่อเกิดสถานการณ์การก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลจึงได้ให้แม่ทัพภาคที่ ๔ ออก
    
    ประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่๕ คือ นราธิวาส เฉพาะ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ อ.ตากใบ อ.สุไหวปาดี อ.ยี่งอ และ อ.สุไหวดก-
    
    ลก ปัตตานี เฉพาะ อ.กะพ้อ และ ยะลา เฉพาะ อ.รามัน ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากประกาศพระบรมราชโองการเมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ๒๕๔๑
    
    ๔.การประกาศใช้กฎอัยการศึกและการเลิกใช้กฎอัยการศึก
    
    กฎอัยการศึกนั้นเป็นกฎหมายที่มีลักษณะแตกต่างจากกฎหมายอื่น คือ แม้จะผลบังคับเป็นกฎหมายเพราะได้ตราเป็นพระราชบัญญัติที่
    
    เรียกว่า พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งใช้บังคับมานานแล้วก็ตาม แต่การที่จะใช้อำนาจหรือมาตรการต่างๆ 
    
    ตามที่พระราชบัญญัติได้กำหนดไว้ก็จะต้องอยู่ในบังคับเงื่อนไขคือจะต้องให้ผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกก่อน โดยจะกำหนดเป้
    
    นเขตพื้นที่หรือจะทั่วราชอาณาจักรก็แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้มีอำนาจที่จะประกาศ
    
    ๔.๑ การประกาศใช้กฎอัยการศึก
    ผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก กฎหมายได้กำหนดไว้ดังนี้
    
    ๑. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ ซึ่งถือเป็นพระราชอำนาจของ
    
    พระองค์ที่แม้แต่รัฐธรรมนูญก็รับรองไว้ (รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๒๒)๖ การประกาศในกรณีนี้จะทำเป็นประกาศพระบรมราชโองการ 
    
    และอาจจะประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกได้ทั่วราชอาณาจักร หรือเฉพาะเขตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็ได้ เหตุที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกใน
    
    กรณีนี้ กฎหมายได้กำหนดไว้ว่า เมื่อเวลามีเหตุอันจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยปราศจากภัย ซึ่งจะมีมาจากภายนอกหรือภายในพระ
    
    ราชอาณาจักร... และในประกาศดังกล่าวอาจจะกำหนดให้ใช้อำนาจในกฎอัยการศึกในทุกมาตราหรือบางมาตราหรือข้อความส่วนใด
    
    ส่วนหนึ่งของมาตราก็ได้
    
    ๒. ผู้บังคับบัญชาทหาร ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ ซึ่งแบ่งได้เป็น ๒ กรณี คือ
    กรณีแรก ผู้บังคับบัญชาทหาร ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในบังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน
    กรณีสอง เป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดใดของทหาร
    ผู้บังคับบัญชาทหารที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกตามมาตรา ๔ นี้ กฎหมายให้มีอำนาจประกาศให้กฎอัยการศึกได้เฉพาะแต่ในเขต
    
    อำนาจหน้าที่เท่านั้น และเมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วก็จะต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด๗
    
    ๔.๒ การเลิกใช้กฎอัยการศึก
    ตามบทบัญญัติในมาตรา ๕ การที่จะเลิกใช้กฎอัยการศึก จะทำได้เพียงทางเดียวคือต้องมีประกาศกระแสพระบรมราชโองการเท่านั้น
    
    ๕.ผลของการประกาศใช้กฎอัยการศึก
    
    เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้มีผลในทางกฎหมายหลายประการที่พอจะสรุปได้ดังนี้
    
    ๑. เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ในกรณีนี้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 
    
    ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอยู่เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนใน ๓ เรื่อง คือ เรื่องที่เกี่ยวกับการยุทธ เรื่องที่เกี่ยวกับการระงับปราบ
    
    ปราม หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยกฎหมายกำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฎิบัติตามความต้องการของ
    
    เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
    
    ๒. อำนาจในการพิจารณาคดีของศาล ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ในมาตรา ๗ โดยทั่วไปแล้วในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกยัง
    
    คงให้ศาลพลเรือน(ในปัจจุบันนี้น่าจะหมายถึง ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง) มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีได้ตามปกติ เว้นแต่ผู้มี
    
    อำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางประเภทที่ได้กำหนดไว้แบ้วในบัญชีต่อท้ายพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก แต่ถ้าคดีอาญาเรื่องใดที่มี
    
    เหตุผลพิเศษอันเกี่ยวด้วยความมั่งคงของประเทศ แม้คดีอาญาเรื่องนั้นจะมิได้มีอยู่ในบัญชีต่อท้ายพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ผู้
    
    บัญชาการทหารสูงสุดอาจจะสั่งให้นำคดีอาญาเรื่องนั้นๆ ไปพิจารณาพิพากษาในศาลทหารก็ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อน่าสังเกตคือ ตามพระ
    
    ราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.๒๔๙๘ ได้กำหนดให้ศาลทหารในเขตที่มีการใช้กฎอัยการศึกเป็นศาลทหารในเวลาไม่ปกติ ซึ่งมีผล
    
    ต่อการพิจารณาพิพากษาคดีอาญา คือ ทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารมีเพียงชั้นเดียว จะไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ และผู้
    
    มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกอาจจะประกาศกำหนดให้ศาลพลเรือนทำหน้าที่เป็นศาลทหารได้ด้วย
    
    ๓. เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจในการที่จะตรวจค้น เกณฑ์ ห้าม ยึด เข้าอาศัย ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ และขับไล่ ตามที่บัญญัติ
    
    ไว้ในมาตรา ๘ ถึงมาตรา ๑๕ โดยปรากฏตามคำบรรยายในกฎเสนาบดี พอสรุปได้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่จะมีอำนาจดังกล่าวนั้นมิได้
    
    หมายความว่าทหารทุกคนจะมีอำนาจดังกล่าว แต่กฎหมายให้หมายถึงเฉพาะผู้ที่มีอำนาจประกาสให้กฎอัยการศึกเท่านั้น และในทาง
    
    ปฏิบัติเมื่อมีการใช้กฎอัยการศึกแล้ว ผุ้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกก็อาจจะออกประกาศเพื่อแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหาร หรือเจ้าหน้าที่อื่น 
    
    เพื่อให้กระทำการต่างๆ ดังกล่าวได้
    
    การตรวจค้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจในการตรวจค้น ดังนี้
    
    ก. ตรวจค้นบรรดาสิ่งซึ่งจะเกณฑ์ หรือต้องห้าม หรือต้องยึด หรือต้องเข้าอาศัย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบกฎหมาย ทั้งมีอำนาจที่
    
    จะตรวจค้นได้ไม่ว่าที่ตัวบุคุล ในยายพาหนะ เคหสถานสิ่งปลูกสร้าง หรือที่ใดๆ และไม่ว่าเวลาใดๆ ทั้งสิ้น
    
    ข. ตรวจข่าวสาร จดหมาย โทรเลข หีบห่อ หรือสิ่งอื่นใดที่ส่งหรือมีไปมาถึงกันในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก
    
    ค. ตรวจหนังสือ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ภาพโฆษณา บท หรือคำประพันธ์
    
    การเกณฑ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเกณฑ์ดังนี้
    
    ก. เกณฑ์พลเมืองให้ช่วยกำลังทหารในกิจการซึ่งเนื่องในการป้องกันพระราชอาณาจักร หรือช่วยเหลือเกื้อหนุนราชการทหารทุกอย่างทุก
    
    ประการ
    
    ข. เกณฑ์ยวดยาน สัตว์พาหนะ เสบียงอาหาร เครื่องศาตราวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ จากบุคคลหรือบริษัทใดๆ ซึ่งราชการทหารจะ
    
    ต้องใช้เป็นกำลังในเวลานั้นทุกอย่าง
    
    การห้าม เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจที่จะห้ามได้ดังนี้
    
    ก. ห้ามประชาชนมั่วสุม
    
    ข. ห้อมออก จำหน่าย จ่ายหรือแจกซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ภาพ บทหรือคำประพันธ์
    
    ค. ห้ามโฆษณา แสดงมหรสพ รับหรือส่งซึ่งวิทยุ วิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์
    
    ง. ห้ามใช้ทางสาธารณะเพื่อการจราจรไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ รวมถึงทางรถไฟ และรถรางที่มีรถเดินด้วย
    
    จ. ห้ามมีหรือใช้เครื่องมือสื่อสารหรืออาวุธ เครื่องอุปกรณ์ของอาวุธและเคมีภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดที่มีคุณสมบัติทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล 
    
    สัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน หรือที่อาจนำไปใช้ทำเป็นเคมีภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้
    
    ฉ. ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด
    
    ช. ห้ามบุคคลออกยอก เข้าไปหรืออาศัยอยู่ในเขตท้องที่ใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อการยุทธ การระงับปราบปราม 
    
    หรือการรักษาความสงบเรียบร้อยและเมื่อได้ประกาศห้ามเมื่อใดแล้ว ให้ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเขจนั้นออกไปจากเขตภายในกำหนดเวลาที่ได้
    
    ประกาศกำหนด
    
    ซ. ห้ามบุคคลกระทำหรือมีซึ่งกิจการหรือสิ่งอื่นใดได้ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดไว้ว่าควรต้องห้ามในเวลาที่ได้มี
    
    การประกาศใช้กฎอัยการศึก
    
    การยึด ตามมาตรา ๑๒ ถ้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเห็นเป็นการจำเป็นจะยึดไว้ชั่วคราวบรรดาสิ่งของตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ 
    
    เพื่อมิให้เป็นประโยชน์แก่ราชศัตรู หรือเพื่อเป็นประโยชน์แก่ราชการทหารก็กระทำได้
    
    การเข้าอาศัย ตามมาตรา ๑๓ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเข้าพักอาศัยในที่อาศัยใดๆ ที่เห็นว่าจำเป็นจะใช้ประโยชน์ในราชการทหารก็
    
    ได้
    
    การทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ ตามมาตรา ๑๔ กำหนดไว้
    
    ก. ถ้าการสงครามหรือการสู้รบเป็นรองศัตรู ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเผาทำลายบ้านเรือนและสิ่งของที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่
    
    ศัตรูเมื่อกรมกองทหารถอยไปแล้วได้ หรือถ้าสิ่งใดๆ นั้นอยู่ในที่ซึ่งกีดขวางการสู้รบก็ให้ทำลายได้ทั้งสิ้น
    
    ข. มีอำนาจที่จะสร้างที่มั่น หรือดัดแปลงภูมิประเทศ หรือหมู่บ้าน เมือง สำหรับการต่อสู้กับศัตรูหรือเตรียมป้องกันรักษาได้ ตามความ
    
    เห็นชอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
    
    การขับไล่ ตามมาตรา ๑๕ ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายหทารมีอำนาจขับไล่บุคคลผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งไม่มีภูมิลำเนาอาศัยเป็นหลักฐาน หรือเป็นผู้มา
    
    อาศัยในตำบลนั้นชั่วคราวได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีความจำเป็น หรือสงสัยอย่างหนึ่งอย่างใด
    
    การกักตัวบุคคล ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๓๐๓ ลงวันที่ ๑๓ ธ.ค.๒๕๑๕ ได้กำหนดให้มีมาตรา ๑๕ ทวิ เพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย
    
    ทหารมีอำนาจในการกักตัวบุคคลไว้ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นเป็นราชศัตรู หรือได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติของ
    
    กฎหมายเรื่องกฎอัยการศึก หรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้ เพื่อการสอบถาม หรือตามความจำเป็นของทางราชการทหารได้ โดย
    
    มีระยะเวลากักได้ไม่เกิน ๗ วัน
    
    ๖.บทบัญญัติคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าปรับ
    
    โดยปกติทั่วไปหากเจ้าหน้าที่ไปทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือเอกชนแล้วก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามหลักฐานในกฎหมาย
    
    แพ่งและพาณิชย์ แต่ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกได้ให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งได้กระทำการไปตามหน้าที่โดยอาศัย
    
    อำนาจตามมาตรา ๘ ถึงมาตรา ๑๕ แม้จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือบริษัทใดๆ (หมายถึงเอกชน) ก็ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสีย
    
    หายหรือค่าปรับอย่างใดๆ เพราะถือว่าเป็นการกระทำไปเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ นั่น
    
    เอง
    
    ๗.บทบัญญัติให้อำนาจเจ้ากระทรวง
    
    ตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ได้ให้อำนาจรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง รวมทั้งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
    
    สามารถออกข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกฎอัยการศึกนี้ได้ด้วย๘
    
    ๘.บทส่งท้าย
    
    กฎอัยการศึกถือเป็นมาตรการทางกฎหมายอันสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการรองรับอำนาจหน้าที่ของฝ่ายทหาร เพื่อให้บรรลุถึงภารกิจในการ
    
    รักษาความมั่นคงของประเทศชาติ จึงได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้อย่างมากมาย อำนาจดังกล่าวมีผลในทางรอนสิทธิของบุคคลที่มี
    
    อยู่ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเห็นว่าการสั่งการโดยใช้อำนาจของฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึกนี้ ควรยึดถือและปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของ
    
    ความถูกต้อง ละเอียดรอบคอบ และมีความจำเป็นอย่างแท้จริง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ
    
    สำหรับบทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายเรื่องกฎอัยการศึก ซึ่งกฎหมายฉบับนี้มีความละเอียดอ่อน และมี
    
    ความซับซ้อนในการใช้ ยากที่จะนำมาบรรยายให้ความเข้าใจได้ทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น สมควรที่ผู้สนใจและผู้บังคับบัญชาทหารที่จะ
    
    ต้องใช้กฎหมายนี้ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป
    
    (๑) กฎเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๔๕๗
    
    (๒) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๑ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๗
    
    (๓) การแก้ไชกฎอัยการศึก ๕ ครั้ง โดย
    ๑. พระราชกำหนดแก้ไขกฎอัยการศึก พ.ศ.๒๔๕๗ พุทธศักราช ๒๔๘๕
    ๒. พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๘๓
    ๓. พระราชบัญญัติอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๘๓ พุทธศักราช ๒๔๘๘
    ๔. พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๐๒
    ๕. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๐๓ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕
    
    (๔) ประกาศพระบรมราชโองการ เรื่อง เลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๔ (ลงในราชกิจจานุเบกษา 
    
    เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง. ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑)
    
    (๕) ประกาศกองทัพภาคที่ ๔ เรื่อง การใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗
    
    (๖) รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๒๒ บัญญัติไว้ว่า
    มาตรา ๒๒๒ พระมหากษัตริย์ ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการประกาศใช้และเลิกใช้กฎอัยการศึก ตามลักษณะวิธีการตามลักษณะและ
    
    วิธีการตามกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึก
    ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกเฉพาะแห่งเป็นการรีบด่วน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารย่อมกระทำได้ตามกฎหมายว่าด้วย
    
    กฎอัยการศึก
    
    (๗) หมายเหตุ ในกรณีที่มีการปฏิวัติแล้ว หัวหน้าคณะปฏิวัติได้ประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกนั้น เป็นเรื่องที่เป็นตามทฤษฎีทางกฎหมาย
    
    ของจอห์น ออสติน ซึ่งเป็นนักกฎหมายอังกฤษ โดยมีความคิดเป็นว่าเมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการยึดอำนาจรัฐแล้ว ถือได้ว่าผู้ที่
    
    ยึดอำนาจนั้นเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยสูงสุดของรัฐ จึงมีอำนาจที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกได้
    
    (๘) ความในมาตรา ๑๗ ใช้ว่า เจ้ากระทรวงซึ่งบังคับทหาร หมายถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคำว่า กฎเสนาบดี หมายถึง 
    
    กฎกระทรวงในปัจจุบัน ส่วนคำว่า แม่ทัพใหญ่ ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๐๒ ให้หมายถึงผู้บัญชาการ
    
    ทหารสูงสุด
    
    
    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=freeclubb&date=20-09-2006&group=7&blog=159.gif
  • tiki_4895 unlogged in

    20 กันยายน 2549 16:21 น. - comment id 607872

    วันนี้เห็นข่าวไอทีวีเมื่อบ่ายนี้ว่า
    พ่อแม่พาเด็กๆไปกันมากมายแถวพระรูป
    และหน้าทำเนียบ
    บ้างซื้อดอกไม้ให้ บ้างซื้อไอสกรีมให้ทหาร
    
    ...เป็นความรุ้สึกเศร้าๆในเหตุการณ์ที่ผ่านไป
    ขอให้ประเทศเรารอดพ้นบ่วงมารทั้งหลาย
    ขอพระบารมีช่วยคุ้มครองให้รอดปลอดภัย
    และ ตั้งต้น ใหม่ให้ดีกว่าเดิมค่ะ
  • ธรรมาภิวัฏ

    20 กันยายน 2549 16:35 น. - comment id 607875

    แดดร้อนก็ว่าแดดร้อน
    เมฆมาก็พาดีใจ
    แต่น่ากลัวตรงที่ หลังเมฆจะมีพายุร้ายรึเปล่า
    
    เราจะดีใจหรือเสียใจดีกับการยึดอำนาจ..
    
    --------------------------------------------------------------
    
    ขอบคุณคุณทิกิครับ36.gif
  • White roses

    20 กันยายน 2549 16:56 น. - comment id 607883

    ยังไงก็ตามอยากให้บ้านเมืองสงบสุขเร็วๆค่ะ...36.gif
  • ทิกิ_tiki_4895 unlogged_in

    20 กันยายน 2549 17:10 น. - comment id 607885

    คุณ ธรรมาภิวัฎคะ
    เราจะดีใจหรือเสียใจ นั่นเป็นความรู้สึกส่วนตัว
    ในฐานะ กวี(ใครจะว่าบังอาจอีกล่ะ) ซึ่ง มีหน้าที่
    ต้องบันทึกความเป็นไปของสังคม
    เราก็บันทึกไป อย่าให้ผู้ใดเดือดร้อน
    โดยวิธีการกล้าหาญ แต่ละมุนละม่อม 
    นั่นคือ หน้าที่
    
    ขอบคุณที่แวะค่ะ59.gif
  • plaing_piu

    20 กันยายน 2549 17:16 น. - comment id 607887

    เพราะความหลงและหิวกิเลส ตัณหาในอำนาจวาสนาลาภยศ  และคำเยินยอของพวกบริวารสอพลอแวดล้อมรอบข้าง  ไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมามีใช้อำนาจไม่ถุกต้องชอบธรรมต้องมีจุดจบตามกรรมที่ตนเลือก....
    
    ทักษิณไม่ต่างไปจากสัจจธรรมที่ว่า...
    
    อำนาจวาสนาไม่ใช่ของเล่น มีความชอบธรรมในตัวเสมอ  .....
    
    ตัวคนใช้ล่ะรู้คิดและมีความชอบธรรมในตนด้วยหรือไม่.....
    
    กรรมเวรมีจริงและยุติธรรมกับทุกคนเสมอ....
    
    ไม่สงสัยชะตากรรมทักษิณและพวกเลย....
    
      46.gif11.gif
  • ทิกิ_tiki_4895 unlogged_in

    20 กันยายน 2549 17:23 น. - comment id 607888

    ขอบคุณที่แวะค่ะ คุณ ต้องกุหลาบ
    White roses 
    หลังอ่านข่าวต่างประเทศทั้งคืน
    และ แช้ทกับน้องๆในห้องต่างๆ ก็เห็นว่า
    เพื่อระงับข่าวลือต่างๆ เรามีหน้าที่ที่จะต้อง
    นำเสนอ ข่าว อันตรงไป ตรงมา ไม่บิดเบน
    และ ไม่นำความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปร่วม
    ไม่กร้าวร้าวใส่ผู้ใด
    ไม่ล้มทับใคร
    ไม่ว่ากล่าวใคร
    แล้วเราก็บันทึกสังคมไป อย่างยุติธรรม
    
    และเราภาวนาให้ประเทศชาติ เราหาย
    จากเหตุการณ์อันล่อแหลมเสี่ยงตาย
    เสียเลือดเสียเนื้อทุกประการ
    
    ขอบคุณที่แวะเวียนค่ะ
  • ทิกิ_tiki_4895 unlogged_in

    20 กันยายน 2549 18:12 น. - comment id 607898

    คุณ เพลงผิวคะ ก็ดูท่าที ทั้ง
    ฝ่ายปฏิรูป และ ฝ่ายรัฐบาลอยู่
    ว่าเขาจะประสานวิถีกันไปทางใด
    
    ก็ดูกันไปค่ะ ฝ่ายประชาชน
    http://203.154.97.19/citizen_report/breaking/read.php?newsid=215048〈=T
    
    อ่านข่าวเนชั่นไปเรื่อยๆ ระหว่างทำงานหน้าจอแล้วกันค่ะ59.gif
  • ผู้หญิงไร้เงา

    20 กันยายน 2549 19:48 น. - comment id 607931

    ไม่ว่าจะอย่างไร 
    ขอให้ชาติไทยสงบสุขเป็นพอ
  • เฌอมาลย์

    20 กันยายน 2549 22:06 น. - comment id 607991

    36.gif16.gif
    
    เว้นวรรคซะทีก็ดีเหมือนกันค่ะ11.gif
  • ทิกิ_tiki_4895 unlogged_in

    21 กันยายน 2549 01:21 น. - comment id 608003

    คุณ ผู้หญิงไร้เงา
    
    .....ขอนำกระทู้ลิงค์ดีๆใน หน้าเฉลิมไทย ในพันทิปเรามาให้ดู
    ถ้วนหน้ากัน จะได้หายวิตกจริตกันสักพักนะคะ
    
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4727393/A4727393.html#88
     เกิดอะไรขึ้น....ทำไมมีรถถังมาจอดข้างๆ ห้องผม?????????? 
    
    แล่วก็เป็นลิงค์ห้องถ่ายภาพ ที่น่าติดตามดูด้วยค่ะ
    ขอบคุณ ลิงค์กระทู้นี้ค่ะ
    ได้ภาพเด้ดๆ เยี่ยมมาก 
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4727393/A4727393.html
    
    http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O4727592/O4727592.html
    
    http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O4726730/O4726730.html
    
      ข่าวซีเอ็นเอ็นhttp://www.cnn.com/2006/WORLD/asiapcf/09/20/thai.king.ap/index.html
    
    http://www.cnn.com/2006/WORLD/asiapcf/09/20/thailand.coup.ap/index.html
    
    ส่วนท่านที่อยากอ่านข่าว อย่างผู้จัดการ
    http://w3.manager.co.th/lite/default.html
    คมชัดลึก
    
    
    http://www.komchadluek.net/2006/09/19/a001_48999.php?news_id=48999
    
    http://www.thainewyork.com/ 
    http://www.nationchannel.com
    http://www.msnbc.msn.com/id/14906669/
    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=freeclubb&date=20-09-2006&group=7&blog=1
    เกร็ดความรู้เรื่องกฎอัยการศึก
    ที่มาhttp://www.schq.mi.th/knowledge.htm 
    
    ก็เชิญติดตามตามสะดวกค่ะ
    
    
    
    คุณ เฌอมาลย์คะ ขอบคุณที่แวะมา
    ดูเว้นวรรค
     68.gif68.gif
  • tiki

    21 กันยายน 2549 18:33 น. - comment id 608173

    ขออนุญาตขึ้นกระทู้ต่อไปที่กระทู้ใหม่
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem93205.html53.gif
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน