๏ ญาติโก - ญาติธรรม

อัลมิตรา

forest002.jpg
แม้มิใช่ชาติใช่เชื้อ ถ้ามีความเอื้อเฟื้อก็เหมือนเนื้ออาตมา 
แม้เป็นชาติเป็นเชื้อ ถ้าไม่มีการเอื้อเฟื้อก็เหมือนเนื้อในป่า

               ๏ อุปมาเชิงธรรมโน้มนำจิต
               ให้พินิจพิเคราะห์ความเหมาะสม
               แม้เป็นชาติเป็นเชื้อเมื่อแล้งลม
               หากชื่นชมฤๅกมลสับสนใด
               มาตรแม้ว่ามิใช่ชาติใช่เชื้อ
               แต่ดวงจิตเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้
               ทุกอย่างที่กระทำล้วนน้ำใจ
               เทียบเนื้อในอาตมันกระนั้นแล
               คำใช่ชาติใช่เชื้อเมื่อเอ่ยเทียบ
               ศาสดาเปรียบนัยยะในกระแส
               สานุศิษย์ทั้งปวงลุดวงแด
               ญาติจริงแท้/เพื่อนปลอมย่อมต่างกัน 
               ทุกสรรพสิ่งย่อมพึ่งพาอัชฌาสัย
               รำลึก ไว้ ณ ดวงจิตมิผิดผัน
               ไม่ว่ามากหรือน้อยคอยแบ่งปัน
               โลกสุขสันต์ก็เพราะธรรมนำวิธี
               จะชาติเชื้อหรือไม่ใคร่ครวญคิด
               อย่ายึดติดกับพวกพ้องทำนองวิถี
               ผิดหรือถูกต้องจำแนกแยกชั่วดี
               ปัญญามีพึงใช้เพื่อไตร่ตรอง ๚ะ๛

				
comments powered by Disqus
  • อินสวน

    15 มิถุนายน 2550 14:26 น. - comment id 710663

    มิตรภาพ มีค่า กว่าสิ่งไหน
    ความจริงใจ  มีได้ทุกแห่งหน
    ไม่แยกชั้นผู้ดี มีหรือจน
    แม้คนสัตว์ ยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน
  • อัลมิตรา

    15 มิถุนายน 2550 14:43 น. - comment id 710668

    ช่วงนี้ว่างบ้าง ไม่ว่างบ้าง..ตามเรื่องตามราว ..
    ตอนว่างก็อ่านหนังสือ เข้าเวปอ่านนั่นนี่ หรือไม่ก็นอน ..
    สำหรับช่วงเวลาที่ไม่ว่าง .. มีสารพัดเรื่องที่ต้องทำ และ สมควรทำอย่างยิ่ง .. 
    คนเรานี่ เวลาทำงานที่ใจรัก หรือ ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ .. มันไม่เหนื่อยนะ มีแต่สุข ..
    
    บ้านรกเหมือนเมื่อสองเดือนที่แล้ว ไม่สิ .. รกกว่า ต่างหาก ..
    บรรดาข้าวของที่คนฝากไปบริจาค และ บางสิ่งบางอย่างที่ต้องจัดซื้อ จัดเตรียม ..
    ทำให้บ้านที่อยู่ในกล่องทรงสูง คับแคบไปถนัดตา .. 
    เวลาเดินในบ้านต้องเล็งช่องทางเดินดี ๆ ไม่งั้น ขาเขียวเป็นจ้ำ ไม่รู้ตัว .. ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่
    
    ใกล้วันที่กำหนดไว้ในโครงการเพื่อนพ้องน้องพี่เข้ามาทุกวัน ..
    ก็ต้องยิ่งสำรวจตรวจตราว่าขาดเหลืออะไรอีก .. ต้องพร้อม .. ต้องรอบคอบ ..
    แต่ถึงอย่างไร ก็พอจะจัดสรรเวลาให้กับตัวเองบ้าง .. 
    ได้ท่องเน็ต ได้พบ ได้อ่าน .. สิ่งดี ๆ มีสาระประโยชน์และให้แง่คิดชวนไตร่ตรอง ..
    บังเอิญไปเห็นประโยคที่เคยหยิบมาวางไว้ในกระทู้โครงการฯ เป็นประโยคที่ดีจริง ๆ ..
    
    ซึ่งในตอนนี้ ยิ่งกระจ่างแจ้งเมื่อได้อ่านที่มาของถ้อยประโยคดังกล่าว .. 
    เป็นความรู้สึกที่ดื่มด่ำ .. เป็นความรู้สึกที่ปีติ .. เป็นเช่นนั้นจริง ๆ 
    
    แหล่งที่มา ..http://tuleedin.wordpress.com/2007/02/16/smile-2/
    
    ครั้งหนึ่ง เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร 
    ทรงทราบว่าประยูรญาติของพระองค์ทะเลาะวิวาทแย่งน้ำกัน 
    พระองค์ทรงเล็งเห็นเหตุในอดีตและผลในอนาคต 
    จึงเสด็จไปห้ามพระญาติทั้งสองฝ่าย เพื่อมิให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต
    
    ครั้นดำริแล้ว พระโลกเชษฏ์จึงเสด็จขึ้นสู่อากาศ ประทับนั่งคู้บัลลังก์สมาธิ 
    ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีแผ่โอภาษเหนือแม่น้ำโรหิณี 
    จากนั้นทรงเสด็จลงประทับที่ฝั่งนทีธาร แล้วตรัสแก่พระประยูรญาติขึ้นว่า
    
    ดูก่อนมหาราชทั้งหลาย พวกท่านล้วนเป็นญาติวงศ์เดียวกัน ควรจะถือหลักความสามัคคี 
    เพราะหากมีคุณธรรมข้อนี้แล้ว ข้าศึกศัตรูหมู่ปัจจามิตรจะคิดทำร้ายพวกท่านไม่ได้
    อย่าว่าแต่มนุษย์เลยมหาราชทั้งหลาย ...
    ถึงแม้ต้นไม้ที่ไม่มีวิญญาณ เมื่ออยู่รวมกันเป็นหมู่ก็สู้ลมพายุได้ 
    ส่วนต้นไม้ที่อยู่โดดเดี่ยว ย่อมหักโค่นง่ายเมื่อถูกลมพัด 
    เรื่องนี้เราตถาคตจะกล่าวเองก็หามิได้ หากแต่เคยมีแล้วในอดีต
    
    จากนั้นพระบรมศาสดาตรัสถึงเรื่องราวแต่หนหลังให้แก่พระญาติฟัง ดังนี้
    ในอดีตกาลครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี 
    ท้าวเวสสุวรรณมหาราชองค์ก่อนถึงคราวจุติจากเทวโลก 
    สมเด็จพระอมรินทราธิราชทรงประกาศตั้งท้าวเวสสุวรรณขึ้นใหม่ 
    ท้าวเวสสุวรรณองค์ใหม่ ทรงมีรับสั่งแก่เทพเทวาที่สิงสถิตอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ 
    ให้เลือกจับจองหาวิมานตามต้นไม้ใหญ่อยู่ได้ตามความพอใจของตน
    
    กาลนั้น ณ ป่าหิมวัน มีรุกขเทวดาตนหนึ่งอาศัยอยู่ในดงรัง 
    ได้บอกกับเทวดาหมู่ญาติให้จับจองหาต้นไม้อยู่อาศัยใกล้กับตน 
    เพราะบริเวณนี้มีเถาวัลย์สอดประสานรัดต้นไม้อย่างแน่นหนา 
    สามารถต้านทานแรงลมพายุได้ ..
    พวกเทวดาที่มีสติปัญญาดี ต่างพิจารณาเห็นถูกต้องตามเหตุผล 
    จึงจับจองวิมานในต้นไม้รอบๆ รุกขเทวดานั้น
    
    ฝ่ายเทวดามิจฉาทิฏฐิ ที่มีจิตใจฉาบโลมด้วยความโลภ ต่างคิดว่า.. 
    การอยู่ในวิมานกลางป่าเช่นนี้หาประโยชน์มิได้ 
    สู้ไปอยู่ตามวิมานต้นไม้ใหญ่ซึ่งเกิดอยู่กลางทุ่ง และอยู่ใกล้กับเขตคามนิคมไม่ได้ 
    เพราะจะได้ลาภสักการะ และเครื่องเซ่นสรวงบูชาจากชาวบ้านด้วย 
    เมื่อมีความเห็นดังนี้แล้ว ...
    เทวดามิจฉาทิฏฐิต่างแยกย้ายกันไปหาวิมานตามต้นไม้ที่เกิดอยู่ห่างๆ กัน
    
    กาลต่อมา ได้เกิดลมพายุใหญ่ขึ้นในเย็นวันหนึ่ง ..
    มหาวาโยได้โยกคลอนแล้วถอนต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดยเดี่ยวกลางทุ่งเป็นอันมาก 
    ครั้นพายุใหญ่กระพือพัดมาถึงป่าหิมวัน กลับไม่อาจพัดทำลายต้นไม้ที่อยู่ในป่าได้แม้สักต้นเดียว 
    เพราะเถาวัลย์ที่ร้อยรัดนั้นทำให้ต้นไม้ทุกต้นมีความกลมเกลียว 
    กลายเป็นผืนป่าที่เหนียวแน่น ลมพายุจึงฉีกทำลายไม่ได้ 
    
    พวกเทวดาที่ไปอยู่ตามต้นไม้กลางทุ่งต่างไร้วิมานอยู่อาศัย 
    จึงพากันกลับมาสู่ป่าหิมวัน 
    แล้วเล่าเรื่องราวของตนให้หัวหน้ารุกขเทวดาในป่าทราบ หัวหน้ารุกขเทวดาจึงกล่าวว่า
    หมู่ญาติวงศ์ที่พร้อมพรักสามัคคีกันจึงจะเป็นการดี ต้นไม้ที่อยู่ในป่านี้ก็เช่นกัน 
    ถ้าเกิดขึ้นแต่ลำพังต้นเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ต้นอื่น 
    แม้จะต้นใหญ่สักเพียงใด ก็สามารถถูกลมพัดโค่นล้มลงได้เหมือนกัน
    
    ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดาทรงแสดงเรื่องนี้จบลง ทรงตรัสต่อไปว่า ..
    ดูก่อนมหาราชทั้งหลาย พวกท่านควรสามัคคีกันเถิด 
    ประโยชน์แห่งการงานทั้งหลายจะสำเร็จได้โดยง่ายก็เพราะความสามัคคี
    ตรัสดังนี้แล้วทรงประชุมชาดกว่า
    พวกเทพยดาในครั้งนั้น ได้มาเกิดเป็นพุทธบริษัทในบัดนี้
    ส่วนหัวหน้ารุกขเทวดานั้น คือเราตถาคตในบัดนี้แล
    
    คนเราที่เกิดมาในโลกนี้จะมีญาติอยู่ ๒ ประเภท คือ ญาติเก่า กับญาติใหม่
    ญาติเก่านั้นได้แก่ผู้ที่เกี่ยวพันกับเราทางสายโลหิต ทั้งฝ่ายของบิดาและมารดา
    ส่วนญาติใหม่ได้แก่บุคคลที่มาคบค้าสมาคมกันภายหลัง 
    แล้วเกิดความรักใคร่ปรองดองสนิทสนมกัน..
    
    จะว่าไปแล้วการช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั้นต่างหากที่ทำให้คนเราเป็นญาติกัน 
    คนบางคนแม้จะเป็นสายโลหิตกัน แต่ก็ ขาดญาติ กันได้
    ถ้าคิดไม่ซื่อ หรือมีความต้องการจะล้างผลาญอีกฝ่าย
    
    ขณะเดียวกัน 
    คนบางคนที่มาคบกันภายหลัง กลับมีความรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งกว่าญาติพี่น้องแท้ๆ ของตน 
    นั่นเพราะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กัน ดังประโยคที่ว่า
    
    แม้เป็นชาติเป็นเชื้อ แต่ถ้าไม่มีความเอื้อเฟื้อก็เหมือนเนื้อในป่า
    แม้ไม่ใช่ชาติไม่ใช่เชื้อ แต่ถ้ามีความเอื้อเฟื้อก็เหมือนเนื้ออาตมา
    
    ความสามัคคีปรองดองกันในหมู่ญาติ จะเป็นตัวชี้วัดความสุขของครอบครัว 
    หรือชุมชนที่เราอยู่อาศัย ถ้าหากขาดคุณธรรมข้อนี้ก็จะเกิดความวุ่นวาย เกิดความแตกแยกร้าวฉาน
    แก้วน้ำหรือจาน-ชามที่มีรอยร้าว ถือว่าไร้ประโยชน์ต้องโยนทิ้งไป 
    ชุมชนใดที่แตกสามัคคีกันก็นับวันจะเสื่อมลงเหมือนกันฉันนั้น
    และเช่นกัน ฝนจะตกมาได้ ก็ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า
    งานใหญ่ๆ ทั้งหลายจะสำเร็จได้ ก็ด้วยกำลังของมวลชน
    
    ต้นไม้ที่เกิดอยู่ต้นเดียว แม้จะใหญ่สักเพียงใดก็ไม่เรียกว่าป่า
    คนผู้หนึ่ง แม้มากความสามารถสักปานใดก็ไม่เรียกว่ามวลชน
    สามัคคีคือพลัง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสังคมคน สัตว์ แม้กระทั่งกับต้นไม้ดังกล่าวมา.
    
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
  • แมงกุ๊ดจี่

    15 มิถุนายน 2550 17:15 น. - comment id 710680

    สวัสดีค่ะ  คุณอัลฯ
    
    เลือดค้นกว่าน้ำ...36.gif
    รักษาสุขภาพนะคะ  ฝนตกบ่อย ๆ
  • เฌอมาลย์

    15 มิถุนายน 2550 20:01 น. - comment id 710743

    ต่างเกิดร่วมโลกเดียวกัน ทุกคนล้วนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันได้ ถ้าอีกฝ่ายมีความปรารถนาดีให้กัน64.gif64.gif
  • เทพระวี

    16 มิถุนายน 2550 13:08 น. - comment id 710876

    29.gif29.gif29.gif
    ***************************
    ด้วยความเคารพ
    ****************************
    ทุกสรรพสิ่งที่พึงมี
    ***************************
    http://wwwthaiall.ne
  • ม้าลาย

    16 มิถุนายน 2550 13:37 น. - comment id 710885

    สามัคคีคือพลังดังเขาว่า
    อาตมาก็เห็นเช่นนั้นหนอ
    ญาติโกติกาผ่าเหล่ากอ
    ถึงเป็นพ่อลูกชัดก็ตัดทิ้ง
    
    เนื้อในป่ากินได้ไม่ขัดข้อง
    แต่เนื้อของตนเองกลับเกรงกริ่ง
    ลิงนั่นหรือยากเชื่อกินเนื้อลิง(กลอนพาไปสระอิง)
    คือหลักอิงญาติโกโฆษณา
    
    ส่วนญาติธรรมนำทางสร้างความสุข
    สร้อยไข่มุกใส่รับกับใบหน้า
    แม้มิใช่เนื้อตนก็ขนมา
    ประดับกายเสริมค่ากว่าเนื้อเดียว
    
    ธรรมะคืออาภรณ์ซึ่งซ่อนไว้
    ผนึกในสัมพันธ์อันแน่นเหนียว
    รวมม็อบสู้ให้เห็นเป็นหนึ่งเดียว
    หรือสมานฉันท์-กลมเกลียว-เลิกม็อบไป
    
    สรุปว่าต่างเห็นเช่นอยากเห็น
    ต่างฝ่ายต่างตั้งประเด็นหลายเงื่อนไข
    อาตมาเซ็งเป็ดเข็ดเหลือใจ
    สามัคคีสามัคใคร เออ ช่างมัน
  • อัลมิตรา

    17 มิถุนายน 2550 16:57 น. - comment id 711112

    คุณอินสวน ..
    
    มิตรภาพหรือไม่บางใครคิด
    ถูกและผิดตรองได้ในเหตุผล
    หากเรื่องราวตัดสินด้วยลิ้นคน
    อาจส่งผลให้ชีวิตขาดมิตรแท้  
    
    คุณแมงกุดจี่ .. เลือดข้นกว่าน้ำ ..
    อืมม !! อะไรจะเจ็บปวดเท่าคนที่เราไว้วางใจ ลอบทำร้ายเรา
    หากเป็นผู้ที่เราคาดคะเนอยู่แล้ว .. คงไม่ร้าวรานเพียงนี้
    แต่เมื่อเป็นผู้ที่เราวางอันดับไว้ใกล้ชิด .. คงทุกข์หนัก
    หมู่นี้เจอแต่ข่าว พ่อกระทืบลูก ลูกกินเครื่องในพ่อ ยายวางยาหลาน
    ทำให้รู้สึกว่า เลือดบางหยด.. เนื้อบางก้อน.. ต้องถ่ายออกเสียบ้างค่ะ
    
    คุณเฌอมาลย์ .. ใช่แล้วค่ะ จะเป็นผู้รับได้ ก็ต่อเมื่ออีกมือทำหนัาที่เป็นผู้ให้ ..
    
    คุณเทพระวี .. อัลมิตรามีอะไรให้เคารพ ? ตัวจริงน่ะ ติงต๊องจะตายไป
    
    ม้าลาย .. แหมมมม กลอนพาไปได้สระอิงโป๊ะเชะเสียด้วย
    
    สามัคคีสมานฉันท์ฝันลมแล้ง
    คำตบแต่งมองดูก็หรูหรา
    โอ้ไฉนเหมือนคำนี้ไร้ที่มา
    ชาวประชาทุกข์สาหัสโซซัดเซ
    
    โน่นก็ม็อบ นี่ก็ม็อบ ..อ้างกอบกู้
    ใครไม่รู้เหตุผลหลงกลเล่ห์
    ม็อบอยู่ได้เพราะบางกลุ่มเขาทุ่มเท
    ม็อบฮาเฮเพลิดเพลินเงินใช้ฟรี
    
    ใต้ยังตายรายวันตะบันข่าว
    กรุงก็ฉาวร้อนรุ่มกลุ้มนะพี่
    เศรษฐกิจซบเซาเฉาสิ้นดี
    ตอนสิ้นปีโบนัสหดคงหมดกัน
    
    ญาติข้างพ่อข้างแม่ต่างแย่ทั่ว
    คนใกล้ตัวร่วมข้องเกี่ยวดองฉัน
    หากเชือดเนื้อสะพายแล่งเพื่อแบ่งปัน
    จะอิ่มท้องสักกี่วัน...เพราะฉันผอม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน