นวลตะวันนวลใจในสายหมอก

พุด


นวล...ชื่อนวลค่ะ นวลตะวัน
และใครๆมักพากันสงสัยว่าทำไม...
ตะวันต้องนวล..และทำไมต้อง..นวลตะวัน
ตะวันนวล นวลตะวัน นั้น
จะเป็นเฉกเช่นฉันท์ใดล่ะไหนล่ะหนอล่ะนี่

เพราะส่วนมากทุกดวงใจทุกคนดีทุกความรู้สึก
มักจะคิดนึกระลึกถึง *ภาพตะวัน*ในดวงใจ
ว่าจะต้องสว่างไสวสีแดงเจิดจ้า แรงร้อน 
มิซ่อนหวานงามละมุน
ที่จะหมุนมาพร้อมกับคำว่าพลังใจ
ให้มีชีวิตชีวาเริ่มต้นใหม่ในทุกอรุณรุ่ง

แต่
ที่มาของชื่อ..นวล..นวลตะวันนั้น
เป็นเพราะ...นวลตะวันเกิดมา
กับตะวันดวงนวล
*ตะวันเดือนธันวา*ดวงดายเดียวเหว่ว้า
ที่มิได้งามจ้าหากแฝงพลัง
อยู่ภายใต้สายหมอกสายเหมย
ที่พร่างพรายราวสายไหมเรียวรุ้ง
ในท้องทุ่งทองท้องนา..


ที่ดูราวกับว่า..
ตะวันดวงงาม
จะงามแผกงามแตกต่างงามจรัสเจรืองใจเสียจริง
เสียยิ่งกว่าตะวันในเมืองเป็นไหนไหน
เป็นตะวันดวงใสดวงกลมทอระยับ
อยู่ในท่ามกลางฟ้างามในยามฤดูหนาว
ที่เคล้าคลอเคลียเมฆ
ราวถูกเสกลอยเด่นดวง
มาจากราวสรวงสวรรค์...
เหมือนฟ้าประทาน


ที่นวลเคยอ่านงานคุณพุดพัดชา
ที่เคยกล่าวบทพรรณนา
ถึงตะวันเดือนธันวาไว้อย่างงามยิ่ง
ที่นวลแสนนิ่งและนิ่มนวลใจ
ยามได้รับรสใจแห่งถ้อยคำ...


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42650.php

ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..

ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
 คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว 
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า 
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..


ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล 
ยามเช้าแสนหวาน 
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
******

ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส  
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ 
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น

 เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง.. 
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม

แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม
*****************

และ
กับวันนี้
ที่นวล..รู้สึกเบื่อโลกโศกสุขวายวุ่นของคนเมือง
ที่แสนจะเรืองรุ่ง
แต่
นวลมิเคยประเทืองประทับใจแต่ไหนแต่ไรมา


นวล..จึงตัดสินใจ
ขอลาล่วงจากบ่วงกรรมที่แบกไว้บนบ่า..
ที่แสนเป็นภาระหนักหนามานานปี
ขอลาลี้พาร่างหนี 
ไปยัง*สถานที่หนึ่งในดวงใจ*ที่แสนงามนัก
ที่นวลเคยอยากมาทายทักพักพิงใจ 
และฝากใจสงบงามแม้ชั่วยามก็ยังดี
นวล..ตะวัน..จึงมีอันต้องเดินทางดายเดียว
แม้นเหลียวไปอยากมีใครสักคนร่วมทาง 
เผื่อจะมิต้องอ้างว้างว้าเหว่ใจ


แต่ช่างแสนหนาวในหัวใจ
ที่ช่างหาแสนยากเป็นยิ่งนัก
และ..กับชะตากรรมที่
บางครั้งคราที่นวลตะวันถึงกับ
ไประรินหลั่งน้ำตาร่ำไห้กระซิบถามต่อหน้างาม
พระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณในโบสถ์คร่ำ


ทำไมวิบากกรรมลูกถึงมิหมดสิ้น
ให้ลูกรับแต่ถวิลเหว่ว้า
ให้ลูกต้องเสียน้ำตากับใครบางคน
ที่เพียงวนเวียนให้มาชดใช้กรรม
และสิ้นไร้ใครคู่ควรคู่เคียง
มาร่วมเตียงเคียงหมอน
มานอนฟังเสียงกระซิบรักพักพิงใจให้ไออุ่น..


ยามนั้น
หัวใจดวงละมุนราวจะได้ยินคำกระซิบตอบ
ปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
จากจิตเบื้องลึกรู้สึกจากบ้านภายใน
ที่พร่ำปลอบให้หัวใจรู้รำงับดับด้วยธรรม..


*อย่าได้เสียใจน้อยใจบอบช้ำ
เฝ้าคร่ำครวญหวนหาทุกข์
เพราะชีวิตรักนั้นมิได้สนุก
หากแฝงทุกข์ทนทุกนาทีมิได้ปรีดาอย่างเข้าใจ
หากเจ้าอยากให้หัวใจงามผ่องใสพ้นทุกทุกข์รัก


ก็จงรู้จักหยุด
และเพียรฝึกสมาธิ
จะได้มีสติมีปัญญาพาใจรู้แจ้ง
และทุกสิ่ง
ที่เจ้าว่าจะร้ายแรงรานร้าวเศร้าหมอง
จะพัดผ่านชีวีเจ้าไป


เหมือนดั่งกระแสน้ำที่ไหลไปไหลไป 
อย่าเก็บกักไว้ภายในใจให้หนักอุราร้าวนาน
ให้ทุกเรื่องราวร้ายดี..ผันผ่าน
 มิว่าหวานสุขทุกเศร้า
อย่ายาวยืนอย่ายึดมั่นถื่อมั่น


แล้ว
หัวใจเจ้านั้นจะค้นพบความสงบเงียบงาม
ที่เกิดจากความว่างเปล่าหลุดพ้น*
และ
นี่คือชีวีนวลตะวันดวงละออละออง
ที่หวังหนีความข้องเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง
ให้รับวิบากกรรม
ภาระมากมายมากมีที่มากรายกล้ำ


หวังพาตัวตนหนีพ้นความจำเจสักพัก
ขอพักใจในวันนี้
พาชีวาชีวีที่ยังพอเหลือน้ำนวลใสใจดวงงาม
ก่อนหวานจะแห้งจะแล้งลาโรย..


นวลตะวัน..
จึงขอผันพาตัวเองไปไกล แทบสุดขอบฟ้า
แม้นจะรู้ดีว่าคนเรานั้นแม้นร่างจะอยู่ที่ไหนๆ
หากตราบใดหัวใจยังดวงเดิม
ยังคิดมิขาด
ตัดสายสวาทยังมิสิ้นสวาทวาย
ก็ยังคงต้องหมายวน..ซ้ำๆซากๆ..


แต่ช่างเถอนะหัวใจ
เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
ขอเพียง
เปลี่ยนบรรยากาศ
พาร่างใจไปให้ไกลสุดขอบฟ้า
เหลียวหาไม่เห็นผืนแผ่นดินใหญ่
ไปยังเกาะในฝันอันสงบงาม
ที่น้อยคนนักจะรู้จักจะมาทายทักจะมาเยือน


และ..
สถานที่ในดวงใจ
เป็นงามง่ายได้บรรยากาศ
คล้ายในหนังเรื่อง*OUT OF AFARICA*
 ที่นวลพันผูกใจจนต้องดูซ้ำซาก
จนแทบอยากละลายร่างใจ
ไปฝากไว้แทนในบางฉาก
ยามที่นางเอกนอนระทดระทวยระทม
ในทุ่งหญ้าไสวสะบัดพัดไหว
ชูช่อล้อสายลมในยามค่ำระร่ำริน


สถานที่ที่นวล
กำลังหมายมุ่งร่างใจไปสัมผัสรัดร้อยรึงนั้น
ก็ราวฉากฝันแทบคล้ายเรื่องเดียวกัน
มีท้องทุ่งราวทุ่งหญ้าสะวันนา
งามพราวราวทองทาทาบ
อาบโลมไล้สะพรั่งรับพรายแสงตะวันยามเย็น


จากดวงสุริยา
ยามที่ฟ้ากำลังเล่นแสงแปรสี
และ
กับดนตรีไพร
ยามนกร้องก้องกู่หาคู่ผกโผผินบินกลับรัง
และ
กับทะเลทรายขาวนวล
เคลียคลอข้างร้างไร้ใกล้ป่าเสม็ด
ป่าที่หลงเหลือน้อย
ราวมีเพชรเม็ดงามซ่อนในราวไพร
ไกลห่างจากการบุกรุกทำลาย..


เป็นป่าดงดิบ
ที่ซ่อนความชื้นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่
มีเถาวัลย์พันรกระโยงระยาง
คล้ายเกาะในงามหนังทาร์ซานเจ้าป่า
ยามพาตัวเหนี่ยวห้อยโหน
และ

ราวกับบวกความเป็นเกาะของโรบินสัน ครูโซ
ยามมาสร้างกระท่อม
เหมือนกระท่อมไพรของคนเผ่ามอแกน
เพราะกระท่อมน้อยที่พักแสนน่ารัก
น่ามีคู่ไหวหวาม
มาดื่มด่ำหวานล้ำ..น้ำผึ้งฝันพระจันทร์..ด้วยกัน
แถมยังมีเปลญวนน่านอนหลับตาฝันพักใจ
หรือไม่ก็อ่านหนังสือแสนดีสักเล่ม
ค่อยๆใช้หัวใจเงียบงาม
ท่องตามไปในโลกกว้าง
ร้างไร้สิ่งปรุงแต่งใดใด


โลกแห่งความฝัน
อันบรรเจิดใจเพริศพริ้งพราว..โลกบรรณพิภพ
ที่จะสยบใจและความฝันให้เรานั้น
ได้สัมผัสฝันที่ราวเรื่องจริงวิ่งไปตามจินตนาการ
ให้เราทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก.


แม้จะเป็นความสุขหลอกหลอก
ในหลากเรื่องมากรส
หากราวได้ช่วยรักษาจิตวิญญาณ
ให้ยังงดงามภายใน
ให้ไสวพร่างสว่างเย็นดับร้อนรุ่ม
จากไฟรุมสุมเศร้าหนีจากโลกภายนอก


ที่บางครั้งลวงหลอนหลอกใจ
แก้ปัญหาชีวิตไม่สำเร็จ
จำต้องวางทิ้งไว้..ชั่วคราว..
คล้ายให้น้ำใสในโลกฝัน
พลันพร่างรินเติมพลัง
ให้หาญกล้าหันมาสู้โลกอีกครั้งอีกครา..
ใช่ว่าจะหนีใจไปถาวร..ลำพัง


กระท่อมฝันนั้นก็ใช้ไม้สนทะเลสร้าง 
หลังคาละเมียดมุงด้วย*จาก*งามพลิ้วไหว
ให้ได้ละมุนใจแบบใช้ภูมิปัญญาวิถีไทยท้องถิ่น
และ


ตกแต่งภายใน
ด้วยงามไม้งานไม้เสื่อกระจูดลายหวาน
ที่นอนม่านหมอนมุ้งสีขาวสะอาดตา
ดูนุ่มนวลน่านอน
และ
ไร้ซึ่งข้าวของรกตามีเพียงของใช้ที่จำเป็น
เน้นให้เสพธรรมชาติหอมหวาน

ต้นไม้นั้นเป็นพันธุ์ทะเล 
เช่นบุกทะเล ลำเจียกทะเล
ต้นมะม่วงหิมพานต์
ที่แย้มแง้มเม็ดงามแทงออกมาน่ารักนัก


แล้วไหนจะ
ลีลาวดีสีขาวดวงดอกพราวเต็มช่อก้านกิ่ง
ให้หอมระรินในยามค่ำ
แถมยังมีต้นเสม็ดขาวน้อยใหญ่


ที่งามใจจนยากจะบรรยายรำพันรำพึง
ให้ลึกซึ้งดื่มด่ำได้เท่าตาเห็น
จากดวงใจสาวนวล 
ผู้หญิงคนช่างซึ้งช่างฝัน
ที่นะวันนี้
ราวได้เกิดมารับสวรรค์ริมทะเลกว้าง 
แม้นร้างไร้ผู้ใดเคียง


ทุกยามเย็น
เมื่อตะวันรอนรอนดวงอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ลอยเรี่ยใกล้จะลาลับฟ้า
นวล..ในชุดผ้าปาเต๊ะ
สีชมพูลายหรูพรูพร่างสดกระจ่างแตะแต้ม
ด้วยดวงดอกชบาสีจัดจ้า
และ
กับเสื้อยืดเกาะอกสีฟ้าสว่างใส 
ที่ใส่สวยราวสาวชาวเกาะ


ก็จะถอดรองเท้าเดินย่ำรอยทรายและ
จะผันกรายร่างไปทรุดตัวนอนเหยียดยาว
เหนือโค้งอ่าวในท่ามกลางทุ่งหญ้า
ที่อร่ามเรืองพราว
ราวถูกไลมไล้
ด้วยสายแสงสุริยาราวทองทาบทา
กับขอบฟ้าขลิบส้มอมชมพู


กับดวงใจรู้งามนิ่งทิ้งทอดถอดใจ
นอนรับความว่างเปล่าเหงาเงียบงามตามลำพัง
กับเสียงคลื่นซัดคลอฝั่ง
ราวเสียงดนตรีระร่ำรินสั่งลา
มิพรากลามิพรากไกล


จนกระทั่ง..
ถึงยามย่ำสุริยาฟ้าเริ่มพร่างพรม
ห่มด้วยสีกำมะหยี่คลี่โอบรายล้อม
ดวงตะวันสีส้มสุกจัดจ้า
จะค่อยๆเรี่ยตัวผ่านดงดอกหญ้า
และทิ้งตัวหายลับไปกับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
ฝูงนกกาก็จะพากันกู่ก้องร้องหาคู่
พากันโผผินบินกลับรัง


และนาทีนั้น..
นวลจะรู้สึกว่าร่างใจได้หลอมละลายหายไป
กับมวลธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง...นิ่ง
เป็นหนึ่งเดียวอย่างสงบใจ..


แต่..
ทันใดนะยามเย็นนี้
กลับมีเสียงสวบสาบๆ
คล้ายใครบางคน
กำลังแหวกดงหญ้าใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา

และ
นวลยังมิทันพาร่างลุกขึ้น
ด้วยความตกใจ!
ได้แต่นอนหรี่ตาย้อนแสงสวยดูร่างผู้บุกรุก
ที่
พลัน
เห็นเพียงร่างสีทองแดงต้องแดดสีทองสุกปลั่ง
ราวรับพลังสุริยาในยามเย็นจนมลังเมลือง

*เขา*ยืนตระหง่านง้ำเหนือร่างงาม..เงียบ...
ใกล้จนราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นระทึก..
เสียงสุภาพ..จากสุภาพบุรุษจึงแผ่วหลุดเสียงแว่วมา


*ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้คุณตกใจ
ผมบังเอิญเดินเล่นผ่านมา
และแปลกใจที่เห็นคุณ
ไม่อยากคิดว่า
จะมีนางไพรที่ไหน
มานอนสยายผมในทุ่งหญ้า
เลยมาดูให้แน่ใจกับตา
และอยากมาเตือนคุณว่าใกล้ค่ำแล้ว


*ค่ะ นวลยิ้มเขิน ก่อนกล่าวคำขอบคุณ
ในน้ำใจใสงาม
ที่ยังมีความห่วงใย
จากสุภาพบุรุษแปลกหน้า
ทว่าเปี่ยมด้วยความรู้สึกดี..
นวลรีบยันร่างอย่างฉับไว และ
พยายามปัดทรายแพรวพรายราวเกล็ดเพชร
ที่จับร่างระยับระยิบขับผิวเนียน..แดดนวลละออออก


แล้ว
นวล..จึงค่อยๆหันมาสบตาบุรุษรูปงาม
ที่พลางชั่วแวบเดียวก็ตัดสินใจได้..
*คุณ..จะให้เกียรติ
เดินเป็นเพื่อน
กลับกระท่อมที่พักพร้อมกับผมไหมละครับ*
เขากล่าวถาม..


*นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว อันตราย
หวังคุณคงพักที่เดียวกันกับผมนะครับ*
เพราะแถวนี้เห็นมีกระท่อมที่เดียว*


นวลรู้สึกดีและด้วยความขอบคุณ
นาทีนั้นราวกับฝันไป
นวลแอบยิ้มขำในใจ
เหมือนฉากรักในนิยาย
ที่ส่งพระเอกให้มาพบนางเอก
อย่างมิคาดฝัน
และพระเอกนั้นยังมีน้ำใจดีน้ำใจงามเสียอีก
ที่ราวจะมาพิทักษ์ร่างนางเอกให้ปลอดภัย
นวล..จึงมิลังเลใจที่จะกล่าวคำตกลง
*ค่ะ..ยินดี*

เคียงทะเลกว้าง
ที่ร่างสองร่างเดินคลอคู่ขนาน
ในยามย่ำสนธยา..และ
บทสนทนาก็ตามมา
อย่างถ้อยทีถ้อยปราศรัย
ก็เริ่มต้น..
นะท่ามกลางความงามเงียบของ
ทุกธรรมชาติสรรพสิ่งที่ราวตั้งใจนิ่งฟังและ
ราวฟ้าเบื้องบนกำลังรู้เห็นเป็นใจ..


ตะวันดวงเหว่ว้า มิว้าเหว่เฉกเช่นทุกวัน
ฟ้ายามค่ำก็ดูเรืองรองผ่องผุด
แทบอยากหยุดโลกหมุนสักชั่วครู่
เฝ้ารอดูคนทั้งคู่แสนหวานคลอร่างกันไป
ตามชายหาดทรายที่ขาวยาวเหยียดสุดตา


แม้นตะวัน
จะค่อยๆคลี่แสงสวยอำลาฟ้าเบื้องบน
คลื่นยังคงคลอครวญซัดสาดหาดทรายแผ่วแผ่ว
คล้ายรำพันครวญคร่ำ
รักษาคำมั่นสัญญา
มิยอมพรากลามิอยากพรากไกล


นวล..ได้ยินเสียงดนตรีในหัวใจ
บรรเลงบทเพลงฝันคลอฝั่งชล
หวานระรินพรั่งพรูรอรับรู้เรื่องราวสองดวงใจ
สายธารเกษมแห่งหอมห้อมห้วงใจก็ไหวหวามไหวหวั่น
ราวน้ำค้างฉ่ำเย็นในคืนฟ้าหนาว
มีแต่ดาวนับพันดวงกำลังพร่างพริบกระซิบหลิ่วตาล้อ..
คลอบทสนทนาอันอ่อนหวานนุ่มนวล
ปานรู้ใจรู้จักกันมานานแสนนาน..


*เขา*
ชวนนวล..รับประทานอาหารมื้อค่ำ
ที่ทางกระท่อมที่พักจัดบริการให้ทุกแขกได้
ดินเนอร์ภายใต้แสงเทียนหวานล้ำกับคนรู้ใจ
โคมไฟริมชายหาด
ถูกจุดพร่างสว่างเรืองรองรำไรๆ
เคียงทะเลใสสีสวยพราวมรกตที่นะบัดนี้ค่อยๆเปลี่ยนสี
ราวทองทาทาบอาบทาระยับระยิบ
เสียงเพลงหวานแว่วแผ่วมารับกับบรรยากาศ


นวล..ค่อยๆเรียนรู้และรับทราบเป็นนัยๆ
จากคำบอกเล่า..
*เขา*ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ
เกี่ยวพันกับความยากไร้ของผู้คนผู้ทนทุกข์ยาก


ที่ต้องใช้พลังใจดวงใสงามละมุน..
มากมนุษยสัมพันธ์
คอยเกื้อหนุนสัมผัสต้อนรับอาคันตุกะ
จากต่างบ้านต่างเมืองแสนไกลแสนศิวิไลซ์
ที่มาดูงานยามแลกเปลี่ยน..วิชาการทางการแพทย์..
และ
*เขา*ต้องรับรู้รับทราบมากปัญหา
ที่ตามมากับความยากจน
ในทุกท้องถิ่นทุรกันดารไม่ว่าในเมืองไทย


หรือของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
บ้านพี่เมืองน้องในเอเชียตะวันออก
ที่*เขา*บอก
ต้องรับรู้อย่างหดหู่เหี่ยวแห้งใจในตวามยาไร้ในวิบากกรรม
ที่มาย้ำรอยใจดวงใสงามให้ยิ่งได้เห็นสัจจธรรม
มาน้อมนำใจมิให้หวั่นไหว
หลงลืมตัว...ใช้ชีวิตโดยประมาท


 และ
ให้รู้เสียสละดำรงร่าง
ใช้เวลาทุกนาทีอย่างชาญฉลาด
ให้เพียรทำหน้าที่แห่งชีวิตนี้
ที่พอจะยังมีโอกาส
อุทิศตัวรับใช้สังคม
และประเทศชาติอย่างผู้เข้าใจชีวิต
อย่างคนเหนือโลกโศกสุขอย่างผู้มีอุดมการณ์


*เขา*..
กล่าวถึงภัยนานาที่พากันมากับโลกอารยะ
มหันตภัยมืดเชื้อโรคที่ยากนัก
ที่นักวิทยาศาสตร์
และแพทย์ผู้เททุ่มใจทำงานหามรุ่งหามค่ำ
จะวิจัยหาวัคซีนป้องกันได้ทัน
อันเนื่องมาจากโรคร้ายปรับเปลี่ยน
กลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน


และนี่คือ..
โลกอีกด้านที่เราๆท่านจะนึกไม่ถึง
เป็นมหันตภัยมืดที่คนวงในเท่านั้นหวั่นวิตกกันว่า
จะมากมีเชื่อโรคร้ายคืนกลับมากลายกล้ำ
ให้มนุษย์นั้นล้มตายราวใบไม้ร่วง
เหมือนอหิวาห์หรือกาฬโรคในสมัยเก่าก่อน


และเพราะเหตุนี้
หัวใจดวงดีดวงงามดวงอุดมคติ
จึงราวรับภาระแบกหามจิตวิญญาณแห่งความรับผิดชอบ
ที่คิดแต่จะให้ประกอบกรรมดีพลีเพื่อแผ่นดินมาตุภูมิ


*เขา*จึงเพียรอยู่ในโลกนี้
อย่างผู้ถึงพร้อม
มิหลอมละลายใจร่าง
ไปตามกระแสโลกบ้าวัตถุ
ที่เชี่ยวกรากบ่าโหม
มาทำลายโลกให้แห้งแล้งร้างไร้รวดเร็ว
ด้วยเสพทรัพยากรโลกอย่างมิบันยะบันยังแถม
ทิ้งขยะไว้ให้ทำลายสิ่งแวดล้อม
กองล้นใกล้จะเต็มโลกเข้าไปทุกทีๆแล้ว


*เขา*
จึงพลีเพียรทุ่มพลังใจ
หวังให้มนุษย์ได้เรียนรู้*รักษ์พิทักษ์โลก*
ให้ใสสวยไปนานๆ
ถึงลูกหลานเหลนไทยในภายหน้า
และให้สมค่ากับ
ที่ได้เกิดมาในเงื้อมเงาพระบรมโพธิสมภาร
และในร่มเงางามศาสนาพุทธ
อันพิสุทธิ์ใสสอนให้รู้รักษาใจจิตวิญญาณให้ล่วงผ่าน
พบทางพ้นทุกข์หลุดพ้น


ให้พบ
งามจริงนิ่งวางว่างคือสัจจะธรรม
มาน้อมนำใจให้สมกับความยากลำบาก
กว่ากายจะได้มาใช้ชื่อสม
ค่าคำว่ามนุษย์ชาติในชีวิตหนึ่งนี้...
ที่แสนพึงมีพึงเป็น
รีบเร่งบำเพ็ญเพียรทำความดีก่อนที่จะสายเกิน.


และ
นี่คือบทสนทนา ล้ำค่ามากสาระใจ
ที่ใจนวลงามใส..ถึงกับอึ้งอั้น
ทำใจแทบไม่ทันกับฝันดีนี้
ที่กระไรเลยพระเจ้าเบื้องบนราวปรานีช่างมากเมตตา
ราวฟ้าดินส่งคนดีมาสถิตสอนใจนะกลางใจนวล..
ทุกถ้อยคำ..ช่างล้ำค่า


ช่างสมกับที่นวลรอท่าใครสักคนมาแสนนาน
ให้หัวใจหวานละมุนละไม
ราวอยากละลายหลอมปนเป็นหนึ่งเดียว
ด้วยดวงความคิดจิตวิญญาณเดียวกัน


และ
ด้วยความเป็นกุลสตรี
หัวใจดวงนวลดวงดี
จึงมีกล้าเปิดใจเร็วเกินไป
ว่าทุกถ้อยคำถ้อยใจ
ที่เขานำมาถ่ายทอดถอดใจ
นำมาบอกเล่าให้นวลฟังนั้น


ช่างแสนโดนใจประทับใจ
จนเกิดศรัทธาใจและ
คือความคิดฝัน
คือจิตวิญญาณบ้านภายในของนวลเฉกเช่นกัน


ที่นวลนั้นแผกคิด
ไม่เคยสนิทพอจะแจงใจให้ใครได้รับรู้รับทราบ
นอกจาก
นวลเพียรอยู่..เพียรทำ..แต่กรรมดีเสมอมา


หวังแม้นว่าจะไม่มีใครรับรู้
นวลก็จะมีชีวิตอยู่..อย่างภาคภูมิใจ..อย่างมีคุณค่า
ด้วยความปิติใจกับ
นวล..เนื้องามใจ


หวังเพียง
ฝากน้ำใจ*แห่งการเป็นผู้ให้*
ไม่ว่ากับคนกับใครจะในครอบครัวหรือในสังคม
หรือแม้กระทั่งกับคนที่เปรียบดังเพื่อนร่วมโลก
ร่วมโศกสุขด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


และ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า
คืนฝันวันพระจันทร์หวาน
ดอกไม้แห่งการให้และ
น้ำใจรักจะเบ่งบานตระการหวานหอม
ระรินสายแข่งกันกับหยาดสายหวาน


ทั้งจากธารจันทร์ธารใจที่ยิ่งใหญ่จนสะท้านเยือก
เข้าเกลือกกลั้วให้หัวใจร้างห่างรักระรัวอีกครา
ด้วยความรู้สึกล้ำค่าด้วยศรัทธารัก
มาทายทักริมใจในนาทีนี้นะนาทีนั้น
ที่นวล..ตะวันคนดี

อาจจะต้องขยี้ตาเสมือนว่า
ทุกสิ่งตรงหน้าราวฝันไปใช่เรื่องจริง!
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    24 กรกฎาคม 2547 00:38 น. - comment id 301895

    มีปัญหามากค่ะ
    ทั้งคอมที่บ้านแลเวบไทย
    เลยทำให้งานชิ้นนี้
    ยังไม่สมประกอบชอบใจเจ้าของค่ะ
    จะขอแก้หลายเลยค่ะ
    หากลงให้อ่านเอาหวานในยามดึก
    ก่อนละกันนะคะ
    รักล้นใจ
    
  • เรนน้อย..ของพี่ดอกแก้ว..(ล๊อกอินไม่ได้ด้วยดิคะ)

    24 กรกฎาคม 2547 05:16 น. - comment id 301903

    ..งดงาม.. ในความรู้สึก..ที่เรนมีกับ..
     ผู้หญิงคนหนึ่ง.. จริงๆนะคะ..
          พี่พุดพัดชา ..คือ นางสาวนวลตะวัน ..แน่ๆ..
     เป็นนางเอก ..ที่อ่อนหวาน ..และอ่อนโยน..
          ในความรู้สึก ของเรน..
      ..ทุกจินตนาการ..  ที่สื่อ..
    ภาพฝันคือ ..ผู้หญิงที่อ่อนโยน..
       ห่างไกล..ร้อยเล่ห์กล..
           เป็นคน ..น่ารัก ที่สุด..ของเรนเอย..
    
        เป็นความรู้สึก ..ที่เรนอยากจะบอก..จริงๆนะคะ..
            ตั้งใจจะเขียนกลอนให้พี่พุดพัดชา..
      เขียนแล้วลบใหม่ ทุกทีนะคะ ..
                 แบบเรน ..อ่านแล้วไม่ดี ..อย่างที่เรน
     อยากจะบอก.. จากที่เรนได้เข้ามาสัมผัส...
           ผู้หญิงที่ชื่อ ..พุดพัดชา..
      ทุกเรื่องราว ..ที่เรนได้อ่าน..
            สื่องานเขียน ..ที่มีคุณค่า มากเลยคะ..
                   ..เรน รัก..พี่พุดพัดชา...
  • พุด

    24 กรกฎาคม 2547 09:20 น. - comment id 301922

    มาตอบถ้อยด้วยซึ้งใจถึงน้องเรนค่ะ
    
    น้องน้อยน้ำใจงาม
    ดั่งละอองน้ำค้างกลางเกสรดอกไม้หวานๆ
    ที่เริ่มคลี่กลีบแย้มงามบริสุทธิ์
    กลางไพรกลางใจพี่พุด
    และพี่ๆทุกคน
    นะที่แห่งนี้ค่ะ
    *ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ
    อาจจะเป็นถ้อยคำซ้ำซากแต่
    หากมิอาจจะหาคำใดมากล่าว
    แทนใจดวงร้าวของพี่พุดได้นะคะ
    ถึงน้องน้อย
    และ
    คนดี
    พี่พุดอยากกบอกน้องว่า
    ชีวิตพี่พุดมากรสทุกกระบวนท่าค่ะ
    ไม่เสียชาติเกิดเลยจริงๆ
    และ
    อยากฝากถึงน้อง
    ว่า..พี่พุดมิใช่นางเอกค่ะ
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_40389.php
     ฉันมิใช่..นางเอก!    
    พุดพัดชา  
    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
    
    
    ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกฝันให้ใครได้
    และมิใช่นางใจนางในฝัน
    เป็นเพียงหญิงดายเดียวไม่ต้องการให้ใครมาผูกพัน
    ในโลกฝันในโลกจริงหยุดนิ่งใจ...
    
    ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกสวยให้ทุกสิ่ง
    ในความจริงสิ้นไร้ใจมอบใครได้
    ชอบเงียบงามลำพังร้างและไร้
    หยุดทักทายค้นหาฝันฉันคือใคร...
    
    ฉันเบื่อโลกโศกสุขทุกข์แปรผัน
    ขอคืนวันเหมือนเดิมจะได้ไหม
    วันธรรมดาธรรมดาเงียบเหงาใจ
    ไม่มีใครไม่มีฝันวันดายเดียว...
    
    เพราะ...
    
    ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกให้สยบ
    ให้เธอพบความสุขเลิกเหงาเปลี่ยว
    เป็นเพียงหญิงธรรมดา ย้ำ..ธรรมดาผู้ดายเดียว
    วิญญาณเที่ยวท่องล้ำย่ำเพียงแดนสนธยา...
    
    และ..
    
    ฉันมิใช่นางเอกให้ใครต่อแต่นี้
    เลิกชีวีสับสนวนค้นหา
    ขออยู่เดียวแม้เปลี่ยวเหงาชั่วชีวา
    เลิกทายท้าพิสูจน์ใจใครรักเรา..ใครรักจริง..
    ***********
    
    
    จุดเทียนเขียนเรื่องรับอุษาสาง
    ในอ้อมอกเมือง
    กับ..
    หยาดน้ำค้าง..ค้างบนเรียวตา
    บนเรียวหญ้า....
    กลางกลีบเกสรดอกไม้..รายรอบบ้าน
    กับ..
    วสันต์สั่งฟ้าลาเลยแล้ว..
    และกับ
    ดาวบนฟ้ายังระยับระยิบ
    ...
    รู้สึกเบื่อ
    อยากหมุนโลกกลับเลิกทายทักรู้จักผู้คน
    ย้อนตัวตน..คืนกลับไปอยู่กับความอ้างว้างร้างไร้
    งามเหงาใจ เงียบสงบใจ...
    
    หยุด..ทบทวน..ทุกสิ่ง..
    นิ่ง....
    และ..
    ว่าง..
    ห่างคน..ห่างใคร..ห่างใจ..
    เลิกพบ..คน..
    ไม่ไปไหน
    ใช้ชีวิตธรรมดา ธรรมดา
    กับเหว่ว้า กับธรรมชาติไพร
    เก็บทุกสิ่งไว้กับบ้านภายในลั่นดาลหัวใจชั่วกาล!
    
     
    ด้วยรักล้นใจ
    
    
    
  • หมึกมรกต

    24 กรกฎาคม 2547 09:34 น. - comment id 301923

    เฮ้อ..กว่าจะอ่านจบ
    แฝงด้วยแง่คิดหลากหลายเช่นเคยนะครับ
    พี่สาวคนเก่ง
  • น้องเอ๋

    24 กรกฎาคม 2547 11:14 น. - comment id 301939

    กว่าจะอ่านจบคิดอะไรได้หลายอย่างเลยล่ะค่ะ
    เก่งเสมอเลยนะพี่ทะเลฝัน
     น้องเอ๋
  • เมกกะ

    24 กรกฎาคม 2547 12:52 น. - comment id 301962

     ฝากดูแลความรักความคิดถึง 
    ที่ครึ่งหนึ่งมีฉันเป็นเจ้าของ 
    อย่าให้คนอื่นมาจับจอง..
    โดยที่เจ้าของไม่เต็มใจ 
    
    ฝากดูแลความรู้สึกกัน 
    เวลาไม่มีฉันอยู่ใกล้-ใกล้ 
    ฝากให้เธอเก็บความห่วงใย 
    เอาใจใส่กันบ้างเมื่อห่างกัน  
    
    อ่อนหวานจังครับพี่พุด
    เมกซึ้งจัง  มีทั้งสาระและอารมณ์ที่หวานซึ้ง
    น่าอ่านจริง ๆ 
    
    ~♥:*:♥:*:♥:* ll๛เมกกะ๛ll ~*~ ll๛คนในนิยาย๛ll *:♥:*:♥:*:♥~
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    24 กรกฎาคม 2547 18:28 น. - comment id 302010

    ภาพตะวันยามจะลับของฟ้าเป็นสิ่งที่น้องชอบดูมาก แต่ไม่เคยสังเกตุในเดือนธันวาสักที ว่ามีความงดงามมากกว่าเดือนอื่น เอาเป็นว่าธันวานี้จะสังเกตุดูนะค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน