5 ธันวาคม 2549 16:22 น.

นิยายยาง

กะเรกะร่อน

เป็นชีวิตเดียวดายทุรายร้าว
ความเงียบยังสะท้อนกร้าวอย่างเก่าไหม
ยังโดดเดี่ยวกลางฟอนที่กร่อนไฟ
หรือคว้าฟืนท่อนใหม่มาได้แล้ว?

ยางยืดสูงพุ่งไปตามสายฟ้า
ทานแรงลมโหมกล้าก่อนล้าแผ่ว
ใบระบัดบังแสงทแยงแนว
และเบาฝนหล่นแล้วลงลูกยาง

ผ่านวันฝืนคืนร้ายมาหลายหนาว
ที่ทุรายรนร้าวทุเลาบ้าง
เมื่อไพรพ้นมรสุมที่รุมทาง
ป่าจะชุ่มพราวน้ำค้างและตื่นตา

เรามักสร้างเงื่อนไขให้ความรัก
แต่มีรักเพียงเพื่อรักหนักแน่นกว่า
รักของยางต้นใหญ่ท้าทายฟ้า
ที่ปกป้องต้นกล้ามาเช้างาย

เป็นรักจากสายใยใจพิสุทธ์
คอยปลอบขวัญอันชำรุดให้ฟื้นใหม่
เป็นเข็มทิศชี้ทางที่กลางไพร
ให้อบอุ่น มั่นใจระหว่างทาง

ยังโดดเดี่ยวทุรายร้าวอย่างเก่าไหม
ยังว่างเปล่าภายในอยู่ไม่สร่าง
ต้องเปลี่ยวดายเหน็บหนาวเงาน้ำค้าง
เพื่อเก็บสร้างเรื่องเล่าของเช้านี้

ในห้วงคิดความฝันมีวันเหงา
แต่เรายังมีเราข้างนอกนี่
ช่วยกันจุดกองไฟให้โชนดี
วางใจพักไว้ตรงนี้...ที่บ้านเรา				
4 ธันวาคม 2549 04:25 น.

วันว่างเปล่า

กะเรกะร่อน

เราไม่เคยใฝ่ฝัน...วันว่างเปล่า
เราไม่เคยเจ็บร้าวด้วยเป้าหมาย
มีเพียงไฟและฝันอันโชนชาย
ที่อบอุ่นทอประกายและฉายแรง

แล้วเมื่อความว่างเปล่าเข้าครองครอบ
จึงเก็บกอบเพียงเศษฝันอันมอดแสง
เหลือเพียงถ่านธุลีเถ้าเคยวาวแดง
ที่เย็นเยียบ ล้าแรง และ โรยราน

มีความหวังซัดผ่านบางระลอก
แต่ความหวังก็กลับกลอกและเลยผ่าน
มีแรงใจทายทักบ้างระหว่างงาน
แต่แรงใจก็หมดลานแล้วหยุดเดิน

ด้วยไม่เคยสัมผัส......ความเปล่าว่าง
การเดินทางจึงชะงักและงกเงิ่น
ควรจะก้าวด้วยความกล้า ควรเพลิดเพลิน
ตามร่มไม้ขุนเขินยามป่ายปีน

จะตั้งไข่ตรงไหนให้ตามต่อ
เพื่อจะก้าวอย่างไม่ง้อใครทั้งสิ้น
จะหกล้มพลิกคว่ำคะมำดิน
ด้วยท่าใดให้สิ้นด้วยขลาดกลัว...

ตั้งใจ ตั้งใจ ให้มั่น
ลบสายตาหยามหยัน...ยิ้มหัว
วันว่างเปล่า.....เท่านั้นที่หวั่นกลัว
หยัดตัว ยืนต่อ ออกเดินทาง				
4 ธันวาคม 2549 04:21 น.

โลกมีอยู่

กะเรกะร่อน

โลกมีอยู่ทั้งใบไม่เห็นโลก
โลกจึงโศกมืดมนและหม่นหมอง
โลกมีอยู่ทั้งใบไม่ตามตรอง
ใจจึงไม่แหงนมองเพลงใบไม้

ฟ้าคลี่ขวางขึงไว้ไม่เห็นฟ้า
ฟ้าจึงหนาวด้วยน้ำตาดาวร่ำไห้
ยามอรุณฉายทองผ่องอำไพ
ตาจึงมืดบอดไปไม่เห็นวัน

ตัวยืนอยู่ตรงไหนในโลกหล้า
ใต้ต้นไม้ ? ใต้ท้องฟ้า ? กลางคืนพรั่น ?
เห็นแต่ตนโตใหญ่ในโลกนั้น
จึงไม่ทันได้เห็นความเป็นจริง

โลกมีอยู่ทั้งใบกว้างใหญ่นัก
มีดอกไม้ทายทักทุกก้าววิ่ง
มีสายลม มีเงาไม้ให้พักพิง
มีอยู่ทุกสรรพสิ่งเสมอมา

มีสุข ทุกข์ เจ็บไข้ ในวันผ่าน
ฟ้ายังขึง ฝนยังขาน ตะวันจ้า
เพียงกระพริบลืมตื่นทั้งสองตา
จะพบโลกโอฬารกว่าตัวของตน

มีโลกอยู่ทั้งใบ ให้เห็นโลก
ประโยชน์ใด พร่ำโศกว่าโลกหม่น
โลกจะอบอุ่นไอในใจล้น
หากเงี่ยฟังเสียงฝน....เพลงใบไม้				
20 มีนาคม 2549 21:02 น.

วรรคทาง

กะเรกะร่อน

เพราะเหนื่อยล้าจึงทอดกายลงนอนพัก
ปลดภาระอันหน่วงหนักวางไว้ก่อน
วรรคสายตาใต้ตะวันอันเรื่อยรอน
รำลึกถึงลมร้อนเมื่อหลายแล้ง

กลางหุบเขาฝนโปรยโดยยางสูง
ผีเสื้อเมืองเที่ยวทุ่งจนลืมแหล่ง
โบยบินอย่างเยาว์ใสใต้ฟ้าแดง
มาหลงแสงสีป่าบ้านนาไกล

หอมแกงส้มปักษ์ใต้ใส่ขมิ้น
ร้อนร้อนราดลวกลิ้นน้ำตาไหล
เคยชักน้ำบาดาลอาบสำราญใจ
ยังคลุ้งกลิ่นคราบไคลคนป่าดง

ยังซังข้าวกลางนาที่ย่าเกี่ยว
เราเข็นเกวียนเล่นเลี้ยวจนล้าหลง
นอนสูดกลิ่นขี้วัวคืนฝนลง
ดูแมงเม่าลงสรงกลางเปลวฟอน

มหรสพชีวิตขึ้นโลดเล่น
วาดเงาฉายฉากเด่นแห่งคืนก่อน
ต้องเดินฝ่ากี่ลมหนาวและร้าวรอน
จึงจะพบขุนขอนเขนงพิง

หนังตะลุงฉากสุดท้ายดับไฟแล้ว
ยังคล้ายแว่วเพลงพากย์อันรักยิ่ง
ค่อยตื่นตาขยับเท้าขึ้นก้าวชิง
คว้าภาระหนักนิ่งขึ้นเทียมตัว

มีวาระวุ่นวายอีกหลายหลาก
ที่โถมถากรุกไล่ให้เวียนหัว
สลัดทิ้งซึ่งไหวหวั่นและพรั่นกลัว
แบกหน้าที่ขึ้นโถมตัวออกเดินทาง.				
7 มีนาคม 2549 11:58 น.

ฤดูใหม่ ???

กะเรกะร่อน

เธอหนาวไหม ในค่ำคืนดื่นน้ำค้าง
กลางทุ่งกว้างสูดหายใจแห่งห้วงหาว
คนมากมายเคี้ยวกลืนกรวดเม็ดร้าว
เราอุ่นอ้าวอ้อมไอในทุ่งนี้

เดี๋ยวแลกข้าวแลกปลาประสาเพื่อน
ก่อนจะเคลื่อนพลเราให้เข้าที่
ทั้งเสียมจอบจับไว้ให้มั่นดี
แล้วพลิกดินผืนนี้อวดตะวัน

กว่าจะก้าวข้ามถึงยังทุ่งนี้
เธอล้มลุกหลายทีจึงเลิกหวั่น
กล้ำกลืนกรวดหลายเม็ดจนเข็ดคัน
แต่ยังเฝ้าหิวฝันคอยเติมฟอน

เกล็ดน้ำค้างสุดท้ายละลายแล้ว
ทุ่งยังอุ่นหายใจแผ่วแห่งคืนก่อน
ประตูสวนเริ่มสร้างแล้วด้วยอาทร
คงเขียวครึ้มบังร้อนอีกหลายปี

รั้วร่มไม้พันหลักล้อมรักบ้าน
ดอกไม้จะเบ่งบานทั่วท้องที่
สะดือทุ่งแย้มยิ้มอย่างยินดี
คนเปรมปรีดิ์ในอุ่นอ้อมระหว่างกัน

น้ำค้างหนาวแค่หนาวบนผิวแก้ม
น้ำใจโชนคืนแรมคลายไหวหวั่น
หากใครหนาวคงเพราะเขาไม่แบ่งปัน
เฝ้าตระกองกีดกั้นเพื่อผลตน

จึงโดดเดี่ยวเดียวดายในทุ่งกว้าง
จึงรู้สึกอ้างว้างและสับสน
ยังเหลือกรวดเม็ดสุดท้ายให้ทุกคน
ก่อนผ่านพ้นยามศักดิ์สิทธิ์แห่งวงกาล

นกสีเหลืองจะเหยียบย่างฤดูใหม่
เดี๋ยวประตูจะผลิใบป้องรั้วบ้าน
เราจะแบ่งเวรตรวจสำรวจงาน
พรวนดิน กวาดลานและร้องเพลง

ส่วนคุณ..จะกลืนกรวดด้วยกันไหม?
มาแบ่งอุ่นอ้าวไอแทนอวดเก่ง
นอนในทุ่งที่เก่าของเราเอง
ร่วมจารึกบทเพลงสันติธรรม.


๕ มีนา ๔๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกะเรกะร่อน