29 พฤศจิกายน 2552 21:05 น.

โรคระบาดอันดับหนึ่งของผู้หญิง

กันนาเทวี

โรคระบาดอันดับ 1 ของผู้หญิง 



"โรคงอน" เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง 
ติดต่ออย่างรวดเร็วขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ 
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา 
ผู้ป่วยมีอาการ หน้างอ 


และบางรายที่อาหารหนักจะมีอาการหน้าดำ 
แทรกซ้อนด้วย หูแข็ง 
ฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด 
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม 
ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย 
โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น 
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ 


การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน 
ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ 
ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก 
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้ 


สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก 
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ 
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย 
ต้องการความเอาใจใส่ 


หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที่หายแล้ว 
ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา 
ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ 
หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ อาการงอนจะกำเริบ 


หมายเหตุ 
พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ จะปล่อยไปตามยถากรรม ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น 
จนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง				
28 พฤศจิกายน 2552 08:13 น.

ทำอย่างไรเมื่อถูกด่า

กันนาเทวี

ในชีวิตประจำวันเรามักถูกคนด่าว่า หรือนินทาให้เสียหาย
ทั้งๆที่บางทีเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
บางท่านทนไม่ได้ก็อาจด่าตอบ หรือนินทาตอบเพื่อให้หายแค้น
บางท่านก็ทำใจได้ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็ดีไปอย่าง
มีพระสูตรหนึ่งชื่อ อักโกสกสูตร น่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเราไม่น้อย

เรื่องมีว่า...
ครั้งหนึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งไม่รู้ว่าโกรธแค้นพระพุทธเจ้าแต่ปางไหน 
พบพระพุทธองค์ก็เข้าไปด่าเลยแบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว
ด่าว่าอย่างไรไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ บอกแต่ว่า
 'อสพุภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกุโกสติ ปริภาติ'
ด่าและบริภาษด้วยวาจาหยาบคายอันไม่ใช่ของสุภาพบุรุษ
เมื่อเขาด่าจนพอแล้ว พระพุทธองศ์ตรัสถามว่า
'พราหมณ์ที่บ้านท่านมีญาติมิตรมาเยี่ยมบ้างไหม'
พราหมณ์บอกว่า 'มีสิ ข้าพเจ้ามิใช่คนสิ้นญาติขาดมิตรนี่' พระองศ์ตรัสถามว่า
'เวลาเขามา ท่านเอาอะไรต้อนรับเขา' พราหมณ์บอกว่า
 'ก็เอาน้ำดื่ม ของเคี้ยว ของกินมาต้อนรับ'
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามต่อ 'ถ้าแขกที่มาที่บ้านท่าน
ไม่กินไม่ดื่มของต้อนรับเหล่านั้น ของเหล่านั้น
จะเป็นของใคร'
'ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าตามเดิมสิ ' พราหมณ์ตอบ
พระองศ์ตรัสต่อไปว่า ' เช่นเดียวกันนั้นแหละพราหมณ์
ท่านด่าเราเราไม่รับคำด่านั้น คำด่านั้นก็ตกเป็นของท่านสินะ '
โดนเข้าไม้นี้อีตาพราหมณ์นิ่งอึ้งเลย พระพุทธองศ์ตรัสสอนต่อว่า
'ผู้โกรธตอบคนที่ด่า เลวกว่าคนด่าเสียอีก
คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่านับว่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก
คนที่มีสติยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธเวลาเขาด่า
นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น  แต่คนเช่นนี้
คนที่ไม่เข้าถึงธรรม  มักจะหาว่าเป็นคนโง่ '
พราหมณ์สำนึกผิดว่าตนได้ด่าผู้ที่ไม่สมควรด่าอย่างยิ่ง
จึงปฏิญาณตนนับถือพระรัตรตรัย ทูลขอบวช
ในพระพุทธศาสนา
หลังจากบวชไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

ที่มา: ธรรมะนอกธรรมาสน์
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต				
ไม่มีข้อความส่งถึงกันนาเทวี