4 ธันวาคม 2550 15:23 น.

::ก้มกราบยอบกายค้างด้วยซึ้งกมลแสน::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
  

 O   เหื่อ พ่อ ริน ชุ่ม แล้ว    ....ถ้วนไผท
       ลูก จึ่ง เนา  สุข  ใจ      ...ห่อนว้าง
       ป่าวเทพสาธุการสมัย ......วันพ่อ
       ก้ม กราบ ยอบ กาย ค้าง..ลูกซึ้งกมลแสน  ฯ 


                     ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 

                          ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


                                ข้าพระพุทธเจ้านายก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++				
4 ธันวาคม 2550 01:22 น.

::ชีวประวัติบุคคลไม่สำคัญ ต่อ ::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

6.มองลอดม่านใยบัวคลุมหัวเสา
ป่านนี้สอของเราเป็นไฉน
อาจเกินรู้ว่าเรื่องชวนเคืองใจ
จะพิมพ์ขายทั่วไปโพ้นไทยแลนด์

เถิดน่าสอเดี๋ยวก็จะโด่งดัง
อันเคยชังอาจกลายชอบขอบใจแสน
ฯพณฯ ใช่ดีแต่แหย่รังแตน
เราเกิดแดนเดียวกันบุญนั้นพา

จำเสียงแคนของสอกล่อมกอไผ่
จำลายแคนสายแนนใหม่ในหุบผา
จำสำเนียงซื่อแสนแม่นสัญญา
จำแววตาจริงใจไม่คิดคด

คนแบบสอสืบสายซึ่งสร้างสรรค์
เพื่อจากวันหงอยล้ามาชื่นสด
เพื่อล้างร้าวด้วยน้ำตาอันบ่าทด
เป็นทางน้ำจากใจรดลงธรณิน

สิบสอซาวสอคือแสนสอ
เหงื่อไหลไม่หงอเลยต่อถิ่น
ดินจะผากพงจะพังยังจะยิน
คำหาอยู่หากินห่อนอดตาย

7.ฯพณฯยังยิ้มและเริ่มแย้ม
เห็นแสงไฟในคืนแรมนี้แจ่มหลาย
ต่อเมื่อสอพอกินคงสิ้นอาย
นยอบายฯพณฯเจือฝันงาม

เปลี่ยนคนยากเป็นคนอยากจะสรัางชาติ
เปลี่ยนคนขลาดเป็นคนหาญงานบ่ขาม
เปลี่ยนคนเขลาเป็นเชาว์ชาญทุกย่านคาม
เปลี่ยนจากตามเป็นคิดนำทำโดยตน

สิบสอย่อมส่งถึงแสนสอ
ส่งเสริมการก่อและต่อผล
สานสอต่อสานงานสร้างคน
บนจุดแกร่งคือความทนก้าวทะยาน

ชาติใดไหนเล่าเขาสร้างชาติ
ให้ประชาขี้ขลาดไม่อาจหาญ
ชาติใดไหนเล่าเขาก่อการ
ให้ประชาเกลียดงานทำมืองอ

ชาติใดไหนหลอกดรุณเหลิง
หมกมุ่นบันเทิงทุกพอศอ
ชาติใดไหนหลอกประชารอ
เศษทานหว่านพอกินประทัง

ชาติใดไหนขุดโค่นภูเขา
ขายแก่ใครเขาบ่เหลียวหลัง
น้ำท่าป่าไม้ที่ไหนยัง
บ่ยั้งจะยุดจะฉุดยื้อ

เพื่อสร้างรีสอร์ทส่งอารยัน
เพื่อปั่น  มูลค่าไว้ท่าถือ
เพื่อขาย  หมุนเวียนเทียวเปลี่ยนมือ
เพื่อแอบอมเอาซื้อโอ่แกมอำ

ชาตินั้นชาติโน้นใช่ชาตินี้
ฯพณฯรู้ดีแหละที่ขำ
ชีวิตสอมอซอจึงต่อคำ
เป็นลำนำประวัติบุคคลไม่สำคัญ

(มีต่อครับ)				
1 ธันวาคม 2550 14:12 น.

::ชีวประวัติบุคคลไม่สำคัญ::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

1. ฯพณฯ อารมณ์ดี   เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
    มองเห็นเหตุประเทศใด   ไม่ใส่ใจคนไม่สำคัญ

    เห็นแล้วท่านหัวร่อ     ว่าเออนี่แหละหนอกุญแจนั่น
    กุญแจไขจากปัจจุบัน   สู่อนาคตอันรุ่งเรือง

2. ท่านจึงจารถ้อยคำ       อ่านสนุกอย่างลำนำเฟื่อง
    หมายให้ปัญญาประชาประเทือง  คนไม่สำคัญเต็มเมืองมีคนใส่ใจ

3. คนแรกที่เขียนถึงคือนายสอ       คนหนุ่มรูปไม่หล่อร่างใหญ่
    ผิวคล้ำถึงดำเมี่ยม         ถนัดงานจนเจียมกับจอบไถ

    ไถดะ แปร และดะ                ไม่ดักไถกระทั่งพระแบบไผ
    ที่ตั้งด่านสะดวกดี                   รีดไถประชาชีผู้ยากไร้
    นายสออุตสาหะ                     แต่ไม่พอกินนะเชื่อหรือไม่
    ใครไม่เห็น ฯพณฯ เห็น        คอยติดตามประเด็นต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------------


สอปลูกมันสำปะหลัง แลกข้าวสารทีละถังกินยาไส้ (กลอนหัวเดียว)
หัวมันสี่ห้าหัว   แต่ก่อนหนักปานวัวยกบ่ไหว

ตอนนี้หัวเล้กเล็ก  เท่ามันเทศแขกเจ็กงงกงันใหญ่
ว่าทำไมปลูกกันอยู่   ก็เมื่อคนเขารู้ว่าพืชไร่

พวกนี้ทำลายดิน    ความอุดมมีแต่จะสิ้นลงไป
สอบอกให้ปลูกหยัง   ที่มันได้กะตังสิปลูกให้

ปลูกข้าวยังซื้อข้าว    ปลูกเรือนบ่มีแม้เล้าจะอาศัย
ดินดอนในดงด่าน  แค่แมวดิ้นก็เป็นดานปานอะไร

หัวมันรีบจะลีบ   เห็นมันแล้วมันบีบหัวใจ
ขุดมันขายไปซื้อข้าว  ต่อชีวิตให้ยาวยืดออกไป

ก่อนนี้สอก็เก่งนา  เก่งทั้งปุ๋ยทั้งยาแกลลอนใหญ่
เกษตรเขาส่งเสริม  ให้ทิ้งแบบเดิมเดิมทำแบบใหม่

ปลูกข้าวหมายเอารวย  แต่ที่สุดก็แทบม้วยแกมหมองไหม้
โรคข้าวเคล้าโรคคน  ยิ่งเจ็บก็ยิ่งจนจนยางไหล

ขายข้าวรักษาแขน  เกิดหนี้สินถึงแสนขึ้นจนได้
สอโซอกอักเสบ  ซมซานปานบาดเจ็บตรงขั้วใจ

เพื่อนสอนับถึงซาว  ชวนขึ้นภูเอื้อมดาวเพื่อวันใหม่
เลิกนามาปลูกมัน   ปีแรกอัศจรรย์ปานเทพให้-

พรเพื่อจะพ้นทุกข์  ก็ขยายแดนปลูกมันกันใหญ่
หักล้างและถางพง  ตัดไม้ใหญ่น้อยลงเพื่อเอาไร่

พอมันจะพอหนี้   ราคามันก็ตกซีเอ๊ะปีไหน
ฝรั่งซื้อมันเลี้ยงม้า  คนปลูกมันเหมือนหมาเลยว่าไหม

ขว้างมันใส่หัวหมา  มันแพงกว่าขี้ม้าก็หาไม่
ขายมันมึนกลับมา   เอาไปซื้อน้ำปลาน้ำตาไหล

ได้น้ำปลาขวดเท่าก้อย  เหยาะลงแจ่วจิ้มอร่อยพอกินได้
หมดมันก็หมดข้าว   เรื่องของสอยังอีกยาว โปรดอดใจ

4.ตอนที่สอต้องสูญนา  ลุงป้าน้าและอาหาอยู่ไม่
ทุกคนอยู่บนสวรรค์  ป่วยด้วยโรคอะไรนั้นจำไม่ได้

เจ็บขาและเจ็บหัว  และก็เจ็บทั่วตัวแถมมีไข้
บ้างก็ว่าไข้ฉี่หนู   แต่สอบอกว่ากูว่าไม่ใช่

อาการมันเหมือนง่อย  เปลี้ยลงทีละน้อยแล้วหลับไหล
ไหลตายแหละเขาว่า  โรคสำหรับบรรดาประชาไทย

ที่เจ็บจนและข้นแค้น   ทั้งๆ ที่เขาแสนจะมีไฟ
ไฟความอุตสาหะ  แต่ยังจนเออวะ  เพราะอะไร

5.ฯพณฯเขียนแล้วยิ้ม  (กลอนสุภาพ)
วงหน้าเอิบอิ่มนั้นผ่องใส
บางทีหมายเหตุประเทศไทย
จะเหมือนหมายเหตุใหญ่ในลาติน

ทุกคนดูขยันแต่ทุกข์ยาก
ประเทศมั่งคั่งมากด้วยทรัพย์สิน
คนเป็นแสนเป็นล้านไร้อันกิน
สุดท้ายสูญที่ดินเร่ขายแรง

ฯพณฯ อมยิ้มอยู่คนเดียว
นึกภาพสอซีดเซียวทุกหัวระแหง
นี่ไงไทยแลนด์แดนทองแดง
มีจุดแกร่งตรงคนยากมากนี่ไง

ฯ

-----------------------------------------------------------------------------------				
25 พฤศจิกายน 2550 15:09 น.

::คิดถึงดาว::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

1.อา...จันทร์แจ่มจ้าจัง
   มองฟ้าดังบ่มีดาว
   คืนโน้นจันทร์บ่วาว
   ฉันเห็นดาวกระพริบพราย
   บางสิ่งซึ่งแสนสว่าง
   ทำให้บางสิ่งหลุบหาย
   ขณะบางสิ่งเรียงราย
   หลายหลายสิ่งเลือนสลัว
   หลายสิ่งยิ่งกล้าฉกาจ
   บางสิ่งยิ่งดูขลาดกลัว
   บางสิ่งแลเห็นได้ทั่ว
   ทำให้หลายสิ่งซ่อนตัว.. เฉา

 2..				
8 พฤศจิกายน 2550 04:49 น.

::ดาว::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

1.  ตื่นมาหัวเช้าเห็นดาวเต็มฟ้า
     อิ่มเอมเต็มตาดาราเรียงฉาย
     ดาวสิงห์ยังอยู่พร้อมหมู่ดาวราย
     ดาวหมาเหมือนหายดาวร้ายหลุบเหลือ
     ดาวผีดาวพรายดาวควายดาวเรือ
     ยังยองมองเมื่อยามยังไม่รุ่งดี

2.  อากาศเย็นสบาย  ไม่ถึงกับหนาว
     ตื่นเถิดเราแล้วก้าวออกมาจากที่
     รับอากาศบริสุทธิ์  สดชื่น แข็งขันทันที
     เพื่อเริ่มงานวันนี้  ที่ต้องแข็งแกร่งทั้งวัน

3.  ตื่นมาแต่เช้ายังเห็นดาวเต็มฟ้า
     ต่อเส้นดาริกาเชื่อมเป็นม้าเป็นขัน
     ดาวที่ร่วงที่โรยแกมโหยดาวทั้งนั้น
     ลับลาด้วยตาวันกลับเห็นกันยามค่ำคืน

4.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์