27 มีนาคม 2557 22:01 น.

หีบสมบัติ

คนกรุงศรี

คนกรุงศรี มีนิทาน มาขานไข

อยากบอกให้ เพื่อนฟัง  มิสั่งสอน

จึงเรียงร้อย ลำนำ เป็นคำกลอน

อุทาหรณ์ ย้อนคิด สะกิดใจ

 

เรื่องพ่อค้า ตาแก่ แพ้สังขาร

มีลูกหลาน รอบตัว ครอบครัวใหญ่

สมบัติน้อย ค่อยสรร แบ่งกันไป

เพียงขอให้ ดูแล ก่อนแกตาย

 

แต่ยังมี หีบใหญ่ อีกใบหนึ่ง

เป็นของซึ่ง เหลือที่ มีความหมาย

มักเห็นแก เอาตั้ง อยู่ข้างกาย

ชิ้นสุดท้าย เก็บไว้ มอบใครดี

 

คล้องกุญแจ ปิดผนึก  ดูลึกลับ

พร้อมกำชับ แน่นหนา ว่าของนี่

หากว่าพ่อ ต้องตาย วายชีวี

เจ้าคนที่ ดูแล แกเอาไป

 

ลูกทั้งหมด เลี้ยงดี มีความรัก

เฝ้าฟูมฟัก จนบรรลุ อายุขัย

เมื่อพ่อตาย หมายสมบัติ งัดเร็วไว

หินก้อนใหญ่ กับจดหมาย ลงลายมือ

 

พ่อมีสุข สบาย ก่อนตายดิ้น

เพราะว่าหิน ก้อนนี้ ที่เจ้าถือ

มิมีมัน นั้นพ่อ จะสุขฤๅ

มันก็คือ ของที่ มีราคา

 

 

22 มีนาคม 2557 22:23 น.

รอรับขวัญ

คนกรุงศรี

น้ำค้างพรม ลมพลิ้ว ใจหวิวหวั่น

เร่งตะวัน ขับดารา เพื่อฟ้าสาง

จะรับขวัญ คนไกล รักไม่จาง

ฟังแล้วช่าง ชุ่มจิต ผิดกับเรา

 

ก็กี่ร้อน กี่หนาว ที่ร้าวรวด

ความเจ็บปวด เกาะกมล เป็นคนเหงา

แม้มิท้อ รอเวลา รักษาเอา

ดูเหมือนเศร้า ผิดหวัง มันฝังใจ

 

แม้อรุณ จะรุ่ง วันพรุ่งนี้

คงมิมี คนกลบ ลบหม่นให้

หวังเพียงเศษ นิดเดียว เสี้ยวฤทัย

จะมีใคร รับขวัญ ให้ฉันฤๅ

21 มีนาคม 2557 22:02 น.

เพลงรักราตรี

คนกรุงศรี

ฟังเสียงขลุ่ย บรรเลง บทเพลงพลิ้ว

ยอดไผ่ปลิว ลู่ล้ม เพราะลมผ่าน

ค่ำคืนนี้ หงอยเหงา เศร้าดวงมาน

บทเพลงหวาน ไห้หวน ใครครวญมา

 

สายลมเย็น หนาวใจ ขาดไออุ่น

เคยนอนหนุน ตักนาง  ช่างหรรษา

ชมดวงดาว พราวพร่าง กลางนภา

เมื่อจันทรา เกเร หลบเมฆินทร์

 

น้ำค้างหยาด  หยดไหล จากใบหญ้า

เดือนจากลา ลับไกล ใจถวิล

จิ้งหรีดร้อง  เรไร แว่วได้ยิน

หอมกรุ่นกลิ่น  ราตรี ที่ริมทาง

 

เสียงขลุ่ยสิ้น สงบ จบเพลงเศร้า

ความเงียบเหงา เข้าเรียง มาเคียงข้าง

แต่เรไร ร้องดัง ยังมิจาง

หนาวน้ำค้าง ยิ่งนัก สุดหักใจ

 

เสียงไก่กู่ ก้องมา เมื่อฟ้าสาง

มองนภางค์ เรื่องแดง ส่องแสงใส

ดาวรุ่งก็ เลือนลาง แสงจางไป

เมื่ออุทัย เยือนมา พารัญจวน

 

อีกราตรี ที่เรา ต้องเศร้าสร้อย

อยู่กับรอย ความหลัง ครั้งคิดหวน

มองนภา คราใด ใจคร่ำครวญ

คิดถึงนวล น้องพี่ ที่จากไกล

 

15 มีนาคม 2557 22:34 น.

คนกรุงศรี

คนกรุงศรี

เกิดที่ย่าน บ้านทุ่ง เมืองกรุงศรี

สามสี่ปี ล่องใต้ ไปศึกษา

ได้ความรู้ พอเพียง เลี้ยงกายา

จึงจากลา เมืองกรุง มุ่งทำกิน

 

ความรู้น้อย ต้อยต่ำ ทำงานหนัก

ยึดถือหลัก ตามใน ใจถวิล

ทนอดออม ใช้หลัก รู้จักกิน

บางปะอิน ถิ่นรัก ปักชีวา

 

ด้วยใจรัก อักษรา มาแต่ต้น

เฝ้าคิดค้น หลักการ งานภาษา

ทั้งไต่ถาม ผู้รู้ ดูตำรา

ด้วยหวังว่า ช่วยสาน งานกวี

 

อยากร้อยกรอง กลอนกานท์ ให้หวานล้ำ

ก็ทั้งจด และจำ คำเพื่อนพี่

ละคำผิด คิดคำถูก ผูกวลี

ก็หลายปี สืบสาน ผลงานมา

 

ชวนพวกพ้อง น้องพี่ ที่ใจรัก

ร่วมจำหลัก ถักถ้อย ร้อยภาษา

วรรณกรรมไทย ให้อยู่ คู่โลกา

ทรงคุณค่า สืบไว้ ให้ยืนยง

 

ฝากผลงาน ขานไข ไว้รังสรรค์

ร่างความฝัน ความจริง สิ่งลุ่มหลง

สรรหารส ลีลา มาร่วมวง

หวังว่าคง สมหวัง ดั่งตั้งใจ

 

 

13 มีนาคม 2557 21:53 น.

บันทึกเล่มเก่า

คนกรุงศรี

มองความหลัง ครั้งก่อน ย้อนรำลึก

ในบันทึก เล่มเก่า เราจำมั่น

หลากเรื่องราว แม้ผ่าน มานานวัน

มิลืมมัน เหมือนเป็น เช่นวันวาน

 

ทุกถ้อยคำ จำหมด และจดไว้

อ่านคราใด ใจนั้น มันแสนหวาน

ร้อยเรื่องราว อรรถรส เป็นบทกานท์

ออกจากมาน จารความ ไปตามจริง

 

ทุกอย่างล้วย ยวนใจ ให้ใสสด

ตามเกณฑ์กฏ กติกา พาสุขยิ่ง

กับหลักฐาน แนบข้าง เพื่ออ้างอิง

ทุกทุกสิ่ง สานฝัน น่ามั่นใจ

 

ปิดบันทึก นึกถึง ซึ่งวันนี้

จะยังมี ความหวัง อย่างเก่าไหม

ทุกอย่างนั้น วนเวียน แปรเปลี่ยนไป

น้ำใสใส ไหลรอบ ที่ขอบตา

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี