25 พฤศจิกายน 2547 21:23 น.

มดตัวน้อย..ตัวนิด

คนเมืองลิง

มดตัวจ้อย น้อยนิดมากพิษสง
เดินแถวตรง เป็นขบวนสวนสนาม
มีระเบียบ เพียบวินัยให้งดงาม
ไม่วู่วาม แตกแถวแนวทางเดิน

ตัวนิดเดียว เรี่ยวแรงช่างแข็งขัน
แสนขยัน หาอาหารมานานเนิ่น
ยามฟันฝ่า ราวีมีใครเกิน
คราเผชิญ ศัตรูกรูเกรียวมา

ถึงตัวน้อย ต่อยนิดฤทธิ์ร้ายเหลือ
แดงระเรื่อ เป็นปื้นผื่นคันหนา
เกาไม่หยุด ฉุดไม่อยู่รู้ทุกครา
จำต้องทา ยาแก้คันนั้นแน่นอน

เกิดเป็นคน ทนเข้มแข็งแกร่งดั่งมด
ทรหด  มีวินัยไม่ต้องสอน
มีมานะ และระเบียบเรียบทุกตอน
ภาพสะท้อน นึกถึงมดควรจดจำ


				
22 พฤศจิกายน 2547 13:21 น.

สาวนาสานฝัน

คนเมืองลิง

จากบ้านนา มาตามฝัน ที่ฉันหวัง
เพียงลำพัง หมายมุ่ง สู่กรุงใหญ่
แสนลำบาก ยากจน ดั้นด้นไป
เพื่อเส้นชัย ในชีวิต ลิขิตเอง

ความรู้น้อย ด้อยค่า ปัญญาเขลา
จำทนเศร้า ตรอมตรม ถูกข่มเหง
งานกุลี ศักดิ์ศรี มีใครเกรง
 จำต้องเร่ง สร้างตน เพื่อพ้นตม

แม้อดอยาก ยากแค้น แสนรันทด
เหงื่อทุกหยด หยาดริน มิสิ้นสม
จะไม่ท้อ ต่อชะตา พาระทม
ถึงหมดลม ไม่ขอ รอบุญเดิม

เงินทุกบาท วาดไว้ ให้ความฝัน
เก็บออมปัน เป็นทุน เกื้อหนุนเสริม
ประสบการณ์  พานจำ ไม่ซ้ำเติม
ไม่เคลิบเคลิ้ม สิ่งพรั่น อันโสมม

การศึกษา นอกโรงเรียน เขาเขียนบอก
เป็นทางออก สุดท้าย คลายขื่นขม
เร่งพากเพียร เรียนรู้ สู้สังคม
คงได้สม ดังหมาย ในปลายทาง

ปริญญา ค่านิยม สมดั่งคิด
พลิกชีวิต สาวบ้านนา คราหม่นหมาง
ได้ฝ่าฟัน ฝันร้าย กลายเจือจาง
ที่เลือนราง กระจ่างใส ในตัวตน...

เบื่อแก่งแย่ง แข่งขัน ประชันเด่น
ทุกเช้าเย็น วุ่นวาย คล้ายสับสน
เห็นแก่ตัว มัวเมา กร้าวเกินทน
มีปะปน มากมาย ในเมืองกรุง

คิดถึงแท้ แม่พ่อ ขอคืนหวน
ใจรัญจวน ถึงเหย้า ข้าวเคยหุง
กลับแดนดิน ถิ่นเคยจร ย้อนจรุง
นำความรุ่ง เรืองรอง  คืนท้องนา



				
4 พฤศจิกายน 2547 14:13 น.

ทางชีวิต

คนเมืองลิง

ชีวิตนี้...ที่เหลืออยู่...ใครรู้บ้าง
กี่หนทาง..ขวางกั้น...ให้ฟันฝ่า
ชีวิตนี้...กี่มากน้อย...คอยเวลา
เร็วหรือช้า...พาใจ...ให้นึกกลัว

เป็นทางแยก...จะไปสูง...หรือไปต่ำ
สุดแต่กรรม...นำไป...ให้ดีชั่ว
เป็นหัวเลี้ยว...หัวต่อ...ชีวิตตัว
หลงเมามัว...รู้ตัว...เมื่อสายเกิน

ฉากสุดท้าย...ในชีวิต...ที่ผิดพลาด
เหตุประมาท...ขลาดเขลา...เอาผิวเผิน
มองเพียงเปลือก...เลือกสนุก...สุขจนเพลิน
สุดท้ายเดิน...เดียวดาย...ในปลายทาง

สายเกินแก้...แลใคร...ก็ไม่เห็น
แสนลำเค็ญ...เข็ญใจ...ใครก็หมาง
คำอาลัย...สุดท้าย...ตอนวายวาง
คงจะร้าง...ลาลับ...อัปยศแทน...				
27 ตุลาคม 2547 18:56 น.

ขอบคุณไกด์ใจดี

คนเมืองลิง

หญิงไร้เงา สาวหวาน บ้านเรือนไทย
อ้อนให้ไกด์ ใจดี พาไปเที่ยว
ชวนน้องรักชมอักษรช่วยอ้อนเชียว
ไม่ลดเลี้ยว เกี่ยวก้อย จำนรรจา

  พี่กอกกก็ใจดีเป็นที่หนึ่ง
ไม่ขัดขึ้ง พึงพอใจ ไปหรรษา
มาเถิดน้อง พี่พา ไปทัศนา
นัดเวลา นัดสถาน ทันท่วงที

  จุดมุ่งหมายสู่เขาค้อต่อภูเรือ
ด้วยเอื้อเฟื้อ จากพี่ปราย ไกด์เศรษฐี
ธารน้ำใจเ ปี่ยมล้น ท้นทวี
มอบไมตรี พาน้อง ท่องเที่ยวไทย

  คนเมืองลิงเลิ่กลั่ก อยากไปด้วย
สามสาวสวย ไม่ขัด เดี๋ยวจัดให้
คนเมืองลิง สุดฝืน ตื้นตันใจ 
น้ำตาไหล ในปีติ เต็มสองตา

 เที่ยวละไม ไทยแลนด์ ดินแดนหนาว
ทั้งสี่สาว สวยเด่น เป็นหรรษา
ร่วมขับร้อง สรวลเส แสนเฮฮา
ทุกเวลา เรื่องราว สุดเร้าใจ

 ตะลอนทัวร์ ทั่วภู ดูเขาค้อ
ไม่มีท้อ ต่อลมหนาว ที่พัดไหว
ตั้งท่าทาง วางมาด อย่างมั่นใจ
ถ่ายรูปไว้ ให้ระลึก คึกอารมณ์

  นอนกางเต๊นท์ เย็นฉ่ำ ดื่มด่ำทั่ว
หนาวทั้งตัว หัวใจ ไม่สาสม
ยินเสียงเพลง แว่วมา กับสายลม
น้ำค้างพรม พร่างพราว สกาวจินต์

  เพลงแสงจันทร์หวานวาบ กำซาบซึ้ง
หวนคิดถึง คนไกล ให้ถวิล
อารมณ์เพลง แว่วหวาน ซ่านชีวิน
ดั่งเพลงพิณ ขับขาน กังวานไพร

  สี่พี่น้อง ท่องเที่ยว เลี้ยวลัดเลาะ
ฟังเพลงเพราะ เจาะจง ตรงที่ไหน
เที่ยวเมืองเลย ถึงหรือเปล่า ไม่เข้าใจ
หลงทางไกล เลยเมือง เลื่องลือเลย

  ถึงภูเรือ สุดหนาว ชาวสยาม
คนล้นหลาม ถามไถ่ ใคร่เฉลย
หนาวที่สุด ในไทย ใช่ไหมเอย
ที่เมืองเลย คือภูเรือ หนาวเนื้อจริง

  หมดเวลา ต้องลับ กลับสู่บ้าน
ความสำราญ ซ่านไว้ ในใจหญิง
ฝากขอบคุณ พี่กอกก จากใจจริง
คนเมืองลิง คนนี้ ไม่มีลืม


                                          

ผู้หญิงไร้เงา

ขอขอบคุณไกด์ใจดีที่นำเที่ยว
พร้อมเก็บเกี่ยวความสุขสนุกให้
แสนสดชื่นรื่นจิตคิดสมใจ
ครั้งที่ไปท่องเขาค้อรอตะวัน

อากาศนั้นช่างหนาวเหน็บน่าเจ็บปวด
แต่ความจริงมิร้าวรวดให้เหหัน
เพราะความอุ่นยามชิดใกล้ใจผูกพัน
ระหว่างเราทั้งหลายนั้นช่างสุขใจ

รออาทิตย์ยามรุ่งของพรุ่งนี้
อย่างสุขขีในฤดีมิหวั่นไหว
แถมนอนชมธรรมชาติประหลาดใจ
เพราะไม่ยอมหลับใหลใต้แสงจันทร์

คุยหยอกล้อพอต่อสานและขานกล่าว
ถึงเรื่องราวที่ดลจิตคิดใฝ่ฝัน
อีกทั้งเรื่องมากมายในชีวัน
ที่เราสื่อถึงกันช่างสุขใจ

จนอาทิตย์แสงทองส่องขับขาน
อีกดอกไม้ที่เบิกบานรับแสงใส
ช่างแสนสุขหนักหนาพาหทัย
ได้เบิกบานเหมือนพฤกษ์ไพรในพนา

แถมเท่านั้นยังไม่พอยังขอเที่ยว
ไปเก็บเกี่ยวภูเรือเพื่อหรรษา
ไกด์ก็แสนจะตามใจให้ทันตา
ขับรถไปเริงราพาไปเลย

ถึงเมืองเลยมิให้เชยให้เหมือนชื่อ
ที่เขาลื่อเอาไว้ให้เปิดเผย
ขับเกินไปเพียงนิดคิดถูกเลย
ว่าเราได้ถึงเลยจึงเอ่ยมา

แถมภูเรือไม่อยากเชื่อช่างงามงด
ธรรมชาติที่ปรากฏสวยหนักหนา
อีกอากาศแสนเหน็บหนาวร้าวกายา
แต่จิตใจกับหรรษาดั่งตะวัน

ที่เบิกบานเจิดจ้าอย่างกล้าแกร่ง
แถมส่องแสงให้กายอุ่นคุ้นใจฉัน
ทำให้ลบความเหน็บหนาวร้าวชีวัน
ไปได้ครึ่งเหมือนกันในทันที

ซึ่งทั้งหมดขอเก็บไว้ในสำนึก
ความรู้สึกกับไกด์ในวันนี้
จะไม่ลืมความห่วงใยมิตรไมตรี
ที่พี่ไกด์ใจดีมอบให้มา
				
20 ตุลาคม 2547 20:54 น.

ทานตะวัน

คนเมืองลิง

เทศกาล ทานตะวันบาน ละลานทุ่ง
งามจรุง จรัสเรือง เหลืองไสว
ท้าทั้งแดด ท้าทั้งลม ภิรมย์ใจ
สีสดใส สดสวยเรือง เหลืองทาบทา

ทานตะวัน นัยย้ำ ล้ำลึกนัก
ได้ประจักษ์ แลเห็น เป็นคุณค่า
ชูช่อเด่น เย็นใจ  สุดสายตา
เหลืองเจิดจ้า ท้าแดด สีแสดร้อน

ทานตะวัน หันดอก ตอกย้ำทิศ
ตะวันออก แน่นิจ จิตสะท้อน
เกิดเป็นคน ทนให้ได้ ในทุกตอน
สุขทุกข์ร้อน ร่มเย็น เช่นตะวัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนเมืองลิง
Lovings  คนเมืองลิง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนเมืองลิง
Lovings  คนเมืองลิง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนเมืองลิง
Lovings  คนเมืองลิง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนเมืองลิง