26 พฤศจิกายน 2551 20:15 น.

โหม.....กระหน่ำ.......

ทรายกะทะเล

ชีวิตลิขิตมาเหมือนมีกบาดกระหน่ำซ้ำ
เหมือนมีกรรมวิบากหลากมากหลาย
ทำบุญ กี่ครั้งขอให้ร่างกายอย่าเจ็บรวามทั้งใจ
ไม่อาจหายได้เลยเป็นอย่างเดิม

มีคนดีเข้ามา......ก็เข้าใจเราผิดผิด
เหมือนสิ้นคิดทำไรไม่ได้ฌฉย
ไปไหนไหนไม่ได้ โอ้อกเอย
แม้นปวดท้องต้องซื้อยามากินเอง

เมื่อปวดหัวมากนักจนต้องตื่น
กระหน่ำคลื่นซ้ำซัดปัดวิถี
โอ้เคยผ่าตัดมาห้าครั้งแล้วทำไงดี
เห็นจะไม่มีใครช่วยได้ช่วยตัวอง

น้ำตาหลั่งรินออกนอกตาเบ้า
หยิบเอายามากินให้สิ้นหาย
ปวดรวดร้าวไม่มีใครเห็นใจ
ไม่มีใครเป็นเราไม่รู่เลย

ขอฟ้าดินโปรดเห็นใจ ข้าฯด้วยเถิด
ขอจงโปรดทำให้ที่เคยผ่าตัดใหญ่อกเสบหาย
อยากอยู่รับใช้พ่อแม่บ้างตอบแทนกาย
ท่านแก่แล้วไม่มีใครพี่น้องคอยเห็นใจ

ต้องเราเองอีกแล้วสิหนอแล้ว
ให้เป็นแนวส่วนที่คิผิดสงสัย
เวรกรรมที่เกิดมา ขอให้ชดใช้ไป
ไม่อยากเกิดใหม่แล้วอีกแม้นจะรวย

ไม่รู้เราต้องเกิดมาทำไมหนอ
เฝ้าแต่รอวันมีความสุขที่สุขสรรค์
อยากไหว้พระกราบพระบาทให้มีกัน
อย่าได้โปรดปวดร้าวเจ็บในท้องจวนเจียนตาย

ทำไมนะทรมานอยู่ได้นะท้องเรา
ไปตายเอากันดีไหมทั้งจิตกาย
ไม่อยากอยู่แล้วชีวิต.......ที่เสียดาย
เขาทำร้ายตั้งแต่เรียนหนังสือถึงการงาน

กระหน่ำซ้ำ ด่าเอาปากเขาปาดใจแล้ว
เอามือจับหัวใจแทบขาดไหม
หากพรุ่งนี้ยังมีลมหายใจ
ก็ต้องทนทุกขืต่อไป............เมื่อไหร่จะเป็นอิสระ สีกีเอย..........				
24 พฤศจิกายน 2551 23:46 น.

พระเจ้าตากสินมหาราช............

ทรายกะทะเล

อยากเป็นคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระทัยดี  มีพระมลีพระเมตตาจิตกับประชากรชากรไทยดี

สังวรณ์ในตัวเองที่มีแผ่นดินจะยืนก้เพราะบรรพบุรุษของคนไทย ตะเกียบแท่งเยวไม่สามารถต้านทานได้ อ่านประวัติของ กษัติรฺย์ไทยในก่อนราชวงศ์จักรีว่าต้องทรงพระ สละวรกายขนาดไหน

อย่าบ้าให้มากนักเลย ยุติซะทีเถอะ พวกที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนเป็นไปไม่ได้หรอก พระสยามเทวาธิราชย์ทรงทรงปกป้องประเทศไทยอยู่แล้ว อีกไม่นานแล้วก้เป็นวันพ่อแล้ว  ให้สำนึกในบุญคุณของในหลวงเราบ้าง 




พระราชประวัติ
     สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยกรุงธนบุรี เสด็จพระราช สมภพ ณ วันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2277 ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศพระองค์ทรงเป็นสามัญชน กำเนิดในตระกูลแต้ มีพระนามเดิมว่า สิน พระราชบิดาเป็นจีนชื่อ ไหฮอง เดินทางจากประเทศจีนมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย แล้วได้สมรสกับหญิงไทยชื่อ นางนกเอี้ยง มีหลักฐาน บันทึกว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเคยเป็นพ่อค้าเกวียนผู้ทรงปัญญาเฉลียวฉลาด และมีความสามารถด้าน กฎหมายเป็นพิเศษ ได้ช่วยกรมการเมืองชำระถ้อยความของราษฎรทางภาคเหนืออยู่เนืองๆ เนื่องจากได้ทำ ความดีมีความชอบต่อแผ่นดิน จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองตากในเวลาต่อมา 

      ในปีพุทธศักราช 2308 - 2309 พระยาตากได้นำไพร่พลลงมาสมทบเพื่อป้องกันกรุงศรีอยุธยาระหว่าง ที่พม่าล้อมกรุงอยู่ ได้ทำการต่อสู้จนเป็นที่เลื่องลือว่า เป็นแม่ทัพที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง และได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ในวันที่ 4 มกราคม พุทธศักราช 2310 (ก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยา ให้แก่พม่าประมาณ3 เดือน) พระยาตากได้รวบรวมกำลังตีฝ่าวงล้อม ของพม่าไปตั้งมั่น เพื่อที่จะกลับ มากู้เอกราชต่อไป 

      จากหลักฐานตามพระราชพงศาวดาร พระยาตากได้รวบรวมไพร่พลประมาณ 500 คน มุ่งไปทาง ฝั่งทะเลทางทิศตะวันออก ระหว่างเส้นทางที่ผ่านไปนั้นได้ปะทะกับกองกำลังของพม่าหลายครั้ง แต่ก็สามารถ ตีฝ่าไปได้ทุกครั้ง และสามารถรวบรวมไพร่พลตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในวันที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2310 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ เจ้าเมืองใหญ่ๆพากันตั้งตัวเป็นเจ้าและควบคุมหัวเมืองใกล้เคียง ไว้ในอำนาจ หลังจากพระยาตากยึดเมืองจันทบุรีได้ ก็ได้ประกาศตั้งตัวเป็นอิสระ และจัดตั้งกองทัพขึ้นที่นี่ โดยมีผู้คนสมัครใจเข้ามาร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนายสุดจินดาซึ่งต่อมาได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่หนึ่ง 

      หลังฤดูมรสุมในเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2310 พระยาตากได้ยกกองทัพเรือออกจากจันทบุรีล่องมา ตามฝั่งทะเลในอ่าวไทย จนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และได้ต่อสู้จนยึดกรุงธนบุรีคืนจากพม่าได้ ต่อจากนั้น ได้ยกกองทัพเรือต่อไปถึงกรุงศรีอยุธยา เข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2310 และสามารถกอบกู้เอกราชให้ชาติไทยได้เป็นผลสำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 7 เดือนนับตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา ให้กับพม่า หลังจากนั้น ได้ทรงเลือกกรุงธนบุรีเป็นราชธานี เนื่องจากทรงเห็นว่ามีชัยภูมิดี ประกอบกับ กรุงศรีอยุธยาเสียหายหนัก จนยากแก่การบูรณะ ให้เหมือนเดิม ต่อมาในปีพุทธศักราช 2311 ได้ทรงปราบดา ภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระบรมราชาที่ 4" แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า "พระเจ้าตากสิน" ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการทำศึกสงครามอยู่เกือบตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อรวบรวมแผ่นดิน ให้เป็นปึกแผ่น และขับไล่พม่าออกจากราชอาณาจักร ถึงแม้ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะสงครามเป็นส่วนใหญ่ แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินก็ยังทรงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม ได้มีการติดต่อค้าขายกับประเทศต่างๆ เช่น จีน อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ ได้โปรดให้มีการ สร้างถนนและขุดคลอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคม นอกจากนั้นยังทรงส่งเสริมทางด้านการศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรม รวมทั้งการศึกษาในด้านต่างๆ ของประชาชนอีกด้วย

      หลังจากครองราชย์ได้ประมาณ 15 ปี ได้มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นเหตุให้รัชสมัยของพระองค์ต้อง สิ้นสุดลง สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2325 ขณะที่มีพระชนมายุได้ 48 ปี ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์จักรี และได้ทรงย้ายราชธานีมาฝั่งกรุงเทพมหานคร 

      เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะได้ ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี (ซึ่งตรงกับวันที่ทรงปราบ ดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์) เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรียังมีมติให้ถวาย พระราชสมัญญานามว่า"สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช"				
23 พฤศจิกายน 2551 17:39 น.

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ทรายกะทะเล

พระนเรศวรมหาราช


สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ (พระนเรศวรมหาราช) มีพระนามเดิมว่าพระองค์ดำพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) พระองค์เสด็จพระบรมราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๘ ที่เมืองพิษณุโลกทรงมีพระเชษฐภคิณีคือ พระสุพรรณกัลยา ทรงมีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และทรงเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระนามของพระองค์ปรากฏในลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ เช่น พระนเรศ วรราชาธิราช, พระนเรสส, องค์ดำ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพระนาม นเรศวรได้มาจากที่ใด สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เพี้ยนมาจาก สมเด็จพระนเรศ วรราชาธิราช มาเป็น สมเด็จพระนเรศวร ราชาธิราช เสด็จขึ้นครองราชเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๑๓๓ รวมสิริดำรงราชสมบัติ ๑๕ ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ รวมพระชนมพรรษา ๕๐ พรรษา



ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาติไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทยใหญ่บางรัฐ

พระองค์ได้ทำสงครามเข้าไปในประเทศที่เป็นข้าศึกของไทย ในทุกทิศทาง จนประเทศไทยอยู่เป็นปกติสุขปราศจากศึกสงคราม เป็นระยะเวลายาวนาน พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งสิ้นทั้งปวงของพระองค์ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและคนไทยทั้งมวล ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ จะอยู่ในสนามรบและชนบทโดยตลอด มิได้ว่างเว้น แม้แต่เมื่อเสด็จสวรรคต ก็เสด็จสวรรคตในระหว่างเดินทัพไปปราบศัตรูของชาติไทย นับว่าพระองค์ได้ทรงสละพระองค์ เพื่อชาติบ้านเมืองโดยสิ้นเชิง สมควรที่ชาวไทยรุ่นหลังต่อมา ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และจดจำวีรกรรมของพระองค์ เทิดทูนไว้เหนือเกล้า ฯ ไปตราบชั่วกาลนาน				
23 พฤศจิกายน 2551 10:21 น.

เคยมั้ย.........

ทรายกะทะเล

เคยมั้ย.....อยากอยู่ในมุมมุมนึงอย่างสงบ
เคยมั้ย.....พบเห็นใจคนคนนึงแล้วเค้าก้ห่าง
เคยมั้ย .....ปวดสมองมองไปจนไม่เห็นหนทาง
เคยมั้ย......ไม่อยากคิดมาก อีกต่อไปแล้วจริงจริง


เคยมั้ย...เราเป็นฝ่ายที่ผิดทุกคำกล่าวหา
เคยมั้ย....หากไม่พาใจไปเอาใจใส่ในเขา
เคยมั้ย .....ความหวังลึกลึกแม้นจะบางเบา
เคยมั้ย....เสียงหัวใจเราบอกว่าให้มีใจมั่นคง


เคยมั้ย....ดดนดูถูกรังแกสารพัด
เคยมั้ย.....แค่ยอมเป็นสัตว์เลี้ยงดีดีตัวหนึ่ง
เคยมั้ย....ไม่แยแสใครใครเรื่องงานการก้พึง
เคยมั้ย.....โดนทำร้ายจากคนี่ไม่เสมอปลาย

เคยมั้ย.......ทำดีที่สุดมามากแล้ว
เคยมั้ย......นึกถึงแก้วที่บอบบางเค้าไม่เห้นในคุณค่านั้น
เคยมั้ย......ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นการสบประมาทกัน
เคยมั้ย...โดนคิดร้ายใส่แม้นเราไม่เคยทำใคร


แล้ว.......เคยมั้ย.....เสียน้ำตาไปก๊หยดแล้ว
เคยมั้ย...ไม่เข็ดสักทีที่ทั้งเราอ่อนแอเรื่องกาย
เคยมั้ย...เวลาเค้าไม่สบายเราก็ห่วงเขาน่าเสียดาย
เคยมั้ย...เค้าบอกว่า....เค้าห่วงเรา จะไม่ทิ้งกันและกัน

ท้ายกันนี้..เคยมั้ย....ความรู้สึก
เคยมั้ย....ใจมันนึกว่าเค้าไม่ห่วงฉ้นแล้ว
เคยมั้ย....บอกตัวเองว่าอยาคิดมากไปให้ทำตัวเป็นแมว
เคยมั้ย...ทำไม่ได้เพราะประจบคลอเคลียคนไม่เป็น......................				
22 พฤศจิกายน 2551 23:51 น.

หากฉันทำอะไรให้เธอโกรธ.....

ทรายกะทะเล

หากฉันทำอะไรให้เธอโกรธ
ฉันขอโทษอย่าโกรธฉันเลยหนา
สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเพราะรักทุกเวลา
แต่กลับพาเป็นรำคาญให้เธอรำคาญ

ต่อไปนี้ไม่มี ไปให้เอยุ่งยาก
ไม่ได้จากเธอไปไหนให้โหยหา
แต่ยังอยู่เคียงคู่ทุกเวลา
ต้องการหาเวลาเสมอร้นและปลาย......ให้กับเธอ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงทรายกะทะเล