26 มกราคม 2549 21:48 น.

ช่วยตั้งชื่อเรื่องให้หน่อยครับ

นัฐรัญ

..........มีผู้หญิงผู้ชายกลุ่มหนึ่งถือหนังสือมาคนละสองสามเล่ม ด้วยท่าทางอันสง่างามเป็นผู้ดี เดินตรงไปเข้าห้องกว้างมีโต๊ะอยู่ ๖-๗ โต๊ะ แต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปจัดของต่างๆบนโต๊ะของตนให้เข้าที่แลดูมีระเบียบเรียบร้อย จากนั้นทั้งหมดก็เดินออกไปโดยมือติดไม้เรียวยาวไปคนละไม้

.........."นักเรียนเคารพ" เด็กชายคนหนึ่งเอ่ย เด็กทุกคนยืนตรงประนมมือก้มศีรษะแล้วเอ่ยพร้อมกันว่า "สวัสดีครับคุณครู" ครูผู้หญิงคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มแล้วแนะนำตน จากนั้นก็มีครูคนถัดๆมาแนะนำตัวตามลำดับจนครบทุกคน แววตาของเด็กๆเต็มไปด้วยความหวัง...นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาสอนในป่าดงงพงพีนี้...นานแล้วที่เด็กๆต้องนั่งอยู่กับบ้านวิ่งเล่นไปวันๆ...นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ท่องก.ไก่ ข.ไข่...บัดนี้ พวกเขามี "ครู" มาสอนแล้ว

..........วันหนึ่งเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งไม่มาโรงเรียน ครูผู้เข้ามาสอนห่วงใยอาทรเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหมดเวลาสอนในวันนั้นเธอก็วานนักการผู้ชราช่วยนำจักรยานอันคร่ำครึจากโรงเก็บของแสนเก่าออกมา นักการจูงจักรยานมาให้เธอก็ไม่รอช้ารีบเร่งขี่จักรยานตรงไปตามถนนที่แม้แต่ลูกรังก็ไม่ใช่ จนถึงปลายทาง นั่นคือ บ้านของเด็กหญิงที่ไม่มาเรียนนี่เอง บ้านของเด็กผู้เยาว์นี้ไม่ต่างอะไรกับกระท่อมที่ใกล้จะผุพัง พื้นบ้านเป็นพื้นไม้ขัดแตะอันเป้นทั้งห้องนอน ห้องกิน ห้องขับแขก ภาพตรงหน้าของครูหญิงวัยยี่สิบกว่านั้น คือ เด็กหญิงผู้จับไข้หนักมีแม่กำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวอยู่ ครูเร่งเข้าไปช่วยเสมือนเด็กนั้นเป็นบุตรในอุทร เมื่อเห็นท่าอาการจะไม่ดี ก็รีบขี่จักรยานคันโบราณไปที่โรงเรียน บอกครูคนอื่นๆให้ออกจากป่าชื้นนี้ไปซื้อยา เด็กน้อยนี้แสนโชคดีกินยาทันท่วงทีอาการเจ็บไข้จึงทุเลา เมื่อพร้อมเรียน ครูก็สอนย้อนหลังให้ทันกับเพื่อนในชั้นเรียน

.........อีกครูหนึ่งนั่งกังวลกับพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กรุ่นที่ยึดมั่นถือติดกับความคิดของตัวเอง ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครู ที่หนักกว่านั้นคือเที่ยวชักชวนเพื่อนให้หนีเรียนไปมั่วสุมเสพกัญชา ครูบุรุษนั้นรุนแรงจับเด็กใส่โซ่ตรวนแล้วดุด่าสารพัด เด็กนั้นแทนที่จะเจ็บใจข้องจิตกลับหดหู่สลดใจ เพราะน้ำตาครูอาบแก้มท่วมล้นจนกลั่นเป็นหยดลงไปสัมผัสกับเส้นผมของศิษย์ผู้นั้น น้ำตานักเรียนพรั่งพรูออกมาดั่งชลธีดันตัวลงก้มกราบเท้าผู้เป็นครู แล้วสัญญาว่าจะไม่ยอมเป็นทาสยาเสพติด

..........ปัญหาใดก็ไม่หนักใจเท่านักเรียนผู้เฉลียวฉลาดแต่นิสัยเห็นแก่ตัวมากนักหนา ครูทั้งหลายกลุ้มใจทุกเวลา จึงหาทางออกสั่งสอนนักเรียน ด้วยการเข้าไปอยู่ในห้องมืดแสนสะพรึงกลัวอย่างยิ่งเพียงหนึ่งคน ใจนักเรียนทรมานอยากมีเพื่อนมาอยู่เคียงข้าง พอพ้นราตรีนั้นไป ครูก็ถามว่า "รู้สึกเช่นไร" เด็กผู้มากทิฐิจึงตอบตามสัตย์ว่า "เหงา" ครูถามต่อไป "อยากมีเพื่อนไปอยู่ด้วยหรือไม่" เด็กนั้นตอบ "อยากเป็นที่สุด" ครูจึงถามข้อสุดท้าย "รู้มั้ยเหตุใดไม่มีเพื่อนเข้าไปด้วย" เด็กนั้นเงียบก่อนเอ่ยขึ้นมาด้วยความสำนึกว่า "เพราะหนูไม่เคยให้อะไรใคร ก็คงไม่มีใครให้อะไรหนู" ครูพูดว่า "ครูไม่ให้เพื่อนเข้าไป" เด็กนั้นใจสั่นไหวก้มหน้านิ่งเพราะเข้าใจในสิ่งที่ตนทำมา

..........ผ่านไป ๒๐ ปี ครูเริ่มแก่ตัวแต่ยังคงถือไม้เรียวเข้าห้อง ขี่จักรยานห่วงนักเรียนอยู่เหมือนเดิม แต่นักเรียนเมื่อกาลก่อนกลับเปลี่ยนแปลง เด็กผู้อ่อนแอเป็นหมอรักษาคนยากคนจน อาสาสมัครถวายงานเป็นแพทย์พอสว.เพื่อแผ่นดิน เด็กชายผู้เคยเสพยากลับเป็นทหารชาญการยุทธรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดทุกวิถีทาง เพราะมีปณิธานกระทำตนเป็นคนดีเพื่อประเทศไทย ส่วนเด็กหญิงผู้มากทิฐินั้นรับราชการเป็นแม่พิมพ์ของชาติผู้อุทิศตนและยังมีมิตรสหายเสียอีกมากมาย นักเรียนเมื่อหลายปีก่อนถือพวงมาลัยพวงงามมาคนละพวงเดินเข้าไปก้มกราบตรงเท้าครูผู้เคยประสิทธิ์ประสาทวิชาและอบรมจริยาเป็นคนดี พร้อมมอบมาลัยอันวิจิตรนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณ

..........ครูต่างยิ้มกันหน้าระรื่นชื่นใจที่มีศิษย์เป็นคนดี และปณิธานของครูทุกคนคือ สร้างศิษย์เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าต่อสังคม และใจครูก็หวังต่อไปว่า "แม่พิมพ์ของชาติคงจะเป็นแม่พิมพ์แท้ที่ไม่สูญพันธุ์" 



ขอมอบงานเขียนนี้บูชาครู				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนัฐรัญ
Lovings  นัฐรัญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนัฐรัญ
Lovings  นัฐรัญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนัฐรัญ
Lovings  นัฐรัญ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนัฐรัญ