28 สิงหาคม 2551 18:08 น.

"กำลังใจ"

นาคะพรรณ

ไม่นับหนึ่งคงไม่ถึงซึ่งหลักร้อย

ถ้ามัวคอยหลักร้อยคงลอยหาย

ถ้าไม่เริ่มไขว่คว้าตะเกียกตะกาย

ไยจะหมายสิ่งใดเลยไว้เชยชม


เมื่อไปถึงหลักร้อยแล้วถอยหลัง

สิ่งที่หวังตั้งใจไม่สุขสม

สิ่งที่เริ่มได้มาพาเศร้าตรม

ขอให้ชมตัวเองบ้างเป็นรางวัล


ไม่ก้าวเดินคงไม่เห็นซึ่งเส้นชัย

ถ้ามัวอายเส้นชัยคงไกลฝัน

ถ้าอ่อนแอยอมแพ้แก่ตะวัน

คงต้องฝันอยู่อย่างนั้นทุกวันไป


หากไปถึงเส้นชัยแล้วใจเจ็บ

ขอให้เก็บเจ็บนั้นอย่าหวั่นไหว

เพราะอย่างน้อยใช่ละเมอเพ้อฝันไป

ผลสุดท้ายจงพอใจที่ได้ทำ.....




นาคะพรรณ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑				
27 สิงหาคม 2551 13:52 น.

"ก้อนเน้ือมีชีวิต"

นาคะพรรณ

...ในรอยยิ้มเบื้องหน้าที่ว่าหวาน
ยังกันดารแล้งน้ำอันฉ่ำชื่น
บนรอยทางรกร้างที่หยัดยืน
กลับราบรื่นด้วยน้ำคำฉ่ำชีวา

ในดวงตาเหม่อลอยที่หงอยเหงา
ยังรุ่มเร้าร้อยเล่ห์เสน่ห์หา
ในความหนาวร้าวสะบั้นหั่นอุรา
ยังกลับมาร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ

ในวาจาอันไพเราะเสนาะหู
ยังลบหลู่หมิ่นเหม่คำเฉไฉ
ในความร้อนสุมทรวงดั่งบ่วงไฟ
กลับสดใสด้วยวลีที่พัดพา

ในรสชาติหอมหวานซาบซ่านลิ้น
ยังซ่อนกลิ่นอาฆาตปรารถนา
ในสายลมโชยเอื่อยแลโรยรา
ยังกลับมาพลัดพรากให้จากกัน

ในความงามสดใสบนใบหน้า
ยังเขียนทาแต่งเติมเพิ่มสีสัน
ในละครเรื่องราวมหัศจรรย์
หลังฉากนั้นบทชีวิตลิขิตใจ

ในก้อนเนื้อหัวใจมีดวงเดียว
ให้กลมเกลียวรักกันมั่นคงไว้
ในดวงดาวมีมากมายบนฟ้าไกล
ยังมอบใจอยู่คู่ฟ้าทุกราตรี...



นาคะพรรณ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๑				
26 สิงหาคม 2551 17:55 น.

"ปีกบริสุทธิ์"

นาคะพรรณ

...ต่างเสียดสีตีกลองเล่นร้องเป่า
ทุกสิ่งเร้าเย้ายวนชักชวนฝัน
กิริยาพันลึกอัศจรรย์
ม่านฝุ่นควันกีดขวางอำพรางตา

บ้างดื่มด่ำร่ายรำในคำหวาน
รสซาบซ่านสีสันสุดหรรษา
รัตติกาลคืบคลานมารยา
กระดังงาเริงร่าเพลิงราตรี

ส่งกลิ่นหอมรัญจวนคร่ำครวญหา
หมู่มายาสุกงอมอาบย้อมสี
สดับฟังพรั่งฟ้าคืนราตรี
บนวิถีเส้นทางต่างครรลอง

ปีกสีขาวบอบบางสว่างไสว
ต้องแสงไฟรักชอบตอบสนอง
หลงเกสรศิวิไลซ์อันเรืองรอง
เข้าครอบครองอณาจักรพักเรือนกาย

เสพเกสรถ้อยคำด่ังน้ำหวาน
บริบาลสราญรมย์์จนสมหมาย
สยายปีกโอ้อวดวาดลวดลาย
มอบเรือนกายเสพสังวาสด้วยขลาดเขลา

สลบไสลใต้ปีกเสน่ห์หา
ยามทิวาเดียวดายในความเหงา
ร่างขาดวิ่นเวิ้งว้างแลว่างเปล่า
ต้องนอนเศร้าโรยราไร้อารมณ์

ซ่อนน้ำตาที่ไหลในไรปีก
บินหลบหลีกราตรีที่ขื่นขม
ด้วยรอยบาปสลักหลังยังฝังจม
ฝากแรงลมพัดพาสู่ป่าไพร

...คำเสียดสีตีฆ้องโห่ร้องเป่า
ทุกสิ่งเร้าทายทักต่างผลักไส
ผีเสื้อน้อยคิดอ่านพลาดพลั้งไป
ขออภัยดอกไม้ป่า....จงปรานี


     
นาคะพรรณ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑				
22 สิงหาคม 2551 12:13 น.

"ผู้เฒ่า...เฝ้าควาย"

นาคะพรรณ

-บทนำ-

ปั้ง!!!..........................................

เสียงปืนดัง กึกก้อง สนั่นไพร

กลิ่นควันไฟ คละคลุ้ง เดือนฉาย

เนื้อตัวสั่น พรั่นพรึง มึงยังไม่ตาย

สาบไอ้ลาย ยังคงอยู่ คู่พงไพร

.................................................

ย้อนคิดถึง เรื่องราว ที่เล่าขาน
ถึงวันวาน บ้านป่า ถิ่นอาศัย
ฟังผู้เฒ่า เล่าเรื่อง รอบกองไฟ
กลางพงไพร ไอดิน กลิ่นฟืน

ณ วันหนึ่ง แสงอาทิตย์ อัสดง
แลลับลง ปลุกขุนเขา ตื่นฟื้น
เรียกเดือนดาว ประจำยาม หยัดยืน
วิหคคืน จับคู่ บินสู่รัง

สุมฟืน ก่อไฟ ให้วัวควาย
ปืนสะพาย แนบชิด ติดแผ่นหลัง
ลมหวีดหวิว ทิวไผ่ ร้องไห้ดัง
ผู้เฒ่านั่ง สูบยา ส่ายตามอง

พระจันทร์ฉาย ลมไหว ใบไม้หวั่น
เกราะคอสั่น ลั่นรัว วัวควายร้อง  
ลุกขึ้นพลัน ใจสั่น หันปืนส่อง
จิตจับจ้อง ย่างก้าว เดินเท้าเบา....

โธ่!...ไอ้ด่าง สั่นระริก กระดิกหาง
มึงอย่าขวาง ทางปืน เดี๋ยวกูเป่า
คำทักทาย สั่นเครือ จากผู้เฒ่า
คลายทุเลา หวาดกลัว ตัวตาย

เงียบสงัด ทึบรก พอตกดึก
ดำดิ่งลึก ข่มขวัญ ฝันสลาย
ฉุดกระชาก ลากวิญญาณ จากความตาย
ไอ้เสือร้าย พาดกลอน ย้อนกลับมา  

ฉีกความเงียบ เรียกความตาย ควายตื่น
ไอ้ด่างยืน เห่าลัั่น ขวัญผวา
นกการ้อง ก้องไพร ทั่วนภา
กลิ่นนักฆ่า เจ้าป่า จอมราชัน

ประทับปืน รุกฆาต ขึ้นพาดบ่า
ประจันหน้า จ้องตา ให้อาสัญ
ประทับเขี้ยว กัดควาย ดึงดัน
เหนี่ยวไกพลัน ตกตะลึง มึงตาย!....

ปั้ง!!!..........................................
เสียงปืนดัง กึกก้อง สนั่นไพร
กลิ่นควันไฟ คละคลุ้ง เดือนฉาย
เนื้อตัวสั่น พรั่นพรึง มึงยังไม่ตาย
สาบไอ้ลาย ยังคงอยู่ คู่พงไพร


-บทสรุป-

ครืน!!!..........................................

เสียงเครื่องยนต์  อึกทึก  กึกก้อง

คนโห่ร้อง  เฮฮา  ปราศรัย

กลิ่นน้ำมัน  พวยพุ่ง  เปลวไฟ

เสือจากไป  ไร้ผู้เฒ่า.....เฝ้าควาย




ปล.แด่คุณทวดที่จากไปนานแล้ว 
แต่เรื่องเล่า แสนสนุก	ยังคงอยู่เสมอ				
20 สิงหาคม 2551 18:47 น.

"คนละจันทร์"

นาคะพรรณ

....เห็นเดือนเพ็ญลอยเด่นกลางฟ้ากว้าง
แจ่มกระจ่างแสงนวลผ่องต้องหลงไหล
สุกสกาวกลางหมู่ดาวบนฟ้าไกล
ดังแสงไฟส่องประกายสู่ปลายทาง

    รอบข้างกายรายล้อมด้วยท้องทุ่ง
กลิ่นหอมฟุ้งโคลนดินรินน้ำค้าง
เสียงจั๊กจั่นลอยล่องร้องเบาบาง
แม้อ้างว้างไม่เดียวดายเหนื่อยหน่ายใจ

    ต่างกับคืนนี้ที่มองจ้องจันทรา
ดูเจ้าล้าหม่นหมองไม่ผ่องใส
เจ้าคงเหนื่อยที่ต้องสู้กับแสงไฟ
ที่ใครๆ ต่างพากันสรรค์สร้างมา

    รอบข้างกายรายล้อมด้วยก้อนอิฐ
กลิ่นชีวิตจิตอาฆาตปรารถนา
เสียงสังเคราะห์รัตติกาลมารยา
หนึ่งจันทราต่างคุณค่า...ฟ้าเดียวกัน



       Photo by: อาคม นาคะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนาคะพรรณ