24 ธันวาคม 2552 17:59 น.

“ตั้งไข่”

นาคะพรรณ

มองดูเจ้าลุกนั่งเริ่มตั้งไข่
เดินเตาะแตะก้าวไปในมือพ่อ
ท่ามนกน้อยแมกไม้ตายเกิดก่อ
ขณะหนึ่งยายรอจักไกวเปล


เป็นช่วงขณะพระบิณฑบาต
ไก่ขันอาดตีปีกชันมองหันเห
แล้วยายลุกหยิบขันพลางขึ้นห่างเปล
บอกแม่เตรียมกล่อมเห่ในไม่นาน


จึงมองไปยังยายที่ผ่ายผอม
สองมือน้อมพร้อมบุปผาภัตตาหาร
ไก่บินกรูลงจากรังมายังลาน
นกขับขานผ่านฟ้าลงมาดิน


พอพระท่านผ่านไปเพียงไม่นาน
ก็ถึงกาลหมู่วิหคเริ่มผกผิน
คล้ายลูกน้อยในอกเป็นนกบิน
สัมผัสดินแรกเดินเผชิญโลกา


เสียงแผ่วเบาเย้าหยอกยายบอกกล่าว
ลองกินข้าวก้นบาตรพระศาสนา
ดำรงอยู่คู่ชาติศาสดา
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินบนถิ่นทอง


ตามเวลาแสงตะวันที่ผันเปลี่ยน
เจ้าเริ่มเรียนทุกผู้หมู่เพื่อนผอง
ใครเดินล้มก้มเก็บเจ็บประคอง
บางใครร้องว้าเหว่ห่างเปลไกว


บนมือผากสากกร้านดูด้านหยาบ
ก็เพราะหาบทุกวันแบกคันไถ
ทั้งหว่านกล้าคราฝนแรกจนแตกใบ
เริ่มตั้งไข่ใบเหลืองพราวเป็นข้าวรวง


มองหลังคาบ้านนั้นตะวันส่อง
เจ้าเหมียวร้องมองปลาทำท่าหวง
มีอึ่งแห้งเสียบไม้อีกหลายพวง
คงรอดพ้นลุล่วงใครทวงคืน


ตาไล่ตีหนีแล้วเห็นแมวเหมียว
ว่าแล้วเชียวเร่งรัดรีบขัดขืน
ของของใครใครก็หวงต้องทวงคืน
รอหยิบยื่นหลังกินข้าวมื้อเช้าเย็น


ตรงที่เดิมกระถางหมานกกากิน
หลายชีวินหลากเจ้าของที่มองเห็น
ชามใบเก่าเหย้าเยือนเหมือนจำเป็น
หล่อเลี้ยงความลำเข็ญให้เป็นไป


เตาะแตะก้าวรอยเท้าเท่าฝาหอย
พ่อแม่คอยเจ้าเบ่งบานการเคลื่อนไหว
บนพื้นดินกลิ่นกรุ่นละมุนละไม
หรืออีกหนึ่งความเป็นไปบนไกปืน


จากคำพูดบอกเล่าอันเศร้าโศก
รัตติกาลวิปโยคใครขัดขืน
หลายชีวิตดับไปไม่หวนคืน
ไม่อาจยื่นมือจับประคับประคอง


เสียงระฆังวังเวงจากวัดวา
อนิจจาลับเลือนแล้วเพื่อนผอง
จึงกอดแน่นลูกน้อยคอยประคอง
แว่วกรีดร้องบางใครในศาลา


ยังมีเสียงหัวร่อให้พอเห็น
เด็กวิ่งเล่นลุ่มดอนแอบซ่อนหา
บนยุ้งฉางร้างเงาไร้ข้าวปลา
เสียงเฮฮาหน้าเตาถ่านข้างชานเรือน


เจ้าดีใจเริงร่าแขนขาสั่น
เด็กน้อยพลันรุมชะเง้อเสมอเหมือน
ประหนึ่งดาวร้อยดวงเป็นห่วงเดือน
หากแปดเปื้อนรอยคาวเป็นดาวดิน


เสียงระฆังดังหายที่ท้ายวัด
คฤหัสถ์ทั้งปวงยังห่วงถวิล
มาจับจอบสู่ท้องนาเริ่มหากิน
บนแผ่นดินหลับตื่นค่ำคืนภวังค์


โอละเห่...หลับได้แล้วนะแก้วตา
ในผืนผ้าห้วงเปลคือความหวัง
แม่จักเห่เพลงกล่อมพร้อมระวัง
พ่อจักนั่งจับมือไว้ตั้งไข่เดิน....



...รักและคิดถึงลูกมาก พ่อจะกลับบ้านไปหาลูกในวันปีใหม่ 
อีกเช่นกัน ขอให้เพื่อนกับที่แห่งนี้มีความสุขตลอดไป 
และหากพรอันใดที่เกิดแก่ข้าพเจ้า ขอพรนั้นให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว เป็นมิ่งขวัญของลูกทุกคนตลอดไป 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
แล้วพบกันใหม่ปีหน้าครับ

ขอบคุณครับ


นาคะพรรณ
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๒				
21 ธันวาคม 2552 17:17 น.

“ถึงเธอ...สายลมหนาว”

นาคะพรรณ

สวัสดี...สายลมหนาว

เรามาพบกันอีกคราวแล้วสิหนา

เมื่อปีนั้นวันนี้ที่จากลา

รู้ไหมว่าทุกเวลายังตราตรึง



หนึ่งปีแล้วที่จากกัน

สามร้อยหกสิบห้าวันฉันคิดถึง

ทุกสัมผัสลำนำยังคำนึง

ทุกรอยรสบทรำพึงยังตรึงตรา



เธอคือสิ่งหนึ่งที่ฉันรอ

จากหลายสิ่งที่ร้องขอปรารถนา

ต้องพลัดพรากเหินห่างและร้างรา

กับค่ำคืนแสงจันทราที่ล้าแรง



ทั้งฟ้าเทาเกิดก่อมรสุม

กลางแดดรุมโรมรันตะวันแล้ง

อีกห่าฝนลมกันโชกโบกพัดแรง

ฤดูกาลเคลือบแคลงแฝงอารมณ์



ฉันอยู่มาวันนี้ก็เพราะเธอ

บอกตัวเองมั่นเสมอจะสุขสม

มีเธอเคียงข้างกายเป็นสายลม

เราจะห่มกันและกันทุกวันไป



สวัสดี...สายลมหนาว

เรามาพบกันอีกคราวแล้วใช่ไหม

มีพบพานพลัดพรากแล้วจากไป

จงอยู่ได้ท่ามหนาวสุขและทุกข์ตรม



นาคะพรรณ
๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
ภาพโดย อาคม นาคะ				
18 ธันวาคม 2552 11:23 น.

“คำให้การ”

นาคะพรรณ

ข้าเขียนจากความรู้สึก

บางขณะในห้วงลึกแห่งตัณหา

กับครั้งหนึ่งซึ้งรสเริงมายา

กำซาบซ่านอาบชีวาข้าชื่นใจ



จมดิ่งในม่านควันอันวิจิตร

ไร้สมองตรองความคิดผิดวิสัย

หัวร่อร่าเริงรื่นกลืนควันไฟ

จินตนาการสาไถยไร้บทความ



เด็ดดอมดมบุปผาใต้ราตรี

กลิ่นคาวฟุ้งคลุ้งราคีที่วาบหวาม

ตีค่ารักแค่ความใคร่ในนิยาม

สิ่งสวยงามแห่งเนื้อหนังสิยั่งยืน



คืนแล้วคืนเล่าข้าเฝ้าหา

ร่ำสุราท่ามสงัดไม่ขัดขืน

กี่สิบแก้วร้อยรินข้ากินกลืน

กี่พันหมื่นตื่นหลับจะกลับมา



เพราะผีห่าซาตานในกาลก่อน

ตามหลอกหลอนอาฆาตปรารถนา

หรือสังคมโฉดเขลาเบาปัญญา

แต่สุดท้ายผิดที่ข้านั้นบ้าบอ



ลองลืมตาพร้อมแสงแห่งตะวัน

อธิษฐานท่ามพระจันทร์รำพันขอ

เพียงดอกเดียวจากร้อยป่าที่ข้ารอ

จึงเกิดก่อช่อมาลีอันจีรัง



ฉุดจากม่านหมอกควันอันธพาล

หลุดจากทาสบริวารการคุมขัง

ร่ายคำหอมกล่อมบรรเลงเป็นเพลงฟัง

เปลี่ยนเนื้อหนังมังสาเป็นมาลัย



ร้อยเรียงด้วยความรู้สึก

ทุกอณูเนื้ออันฝังลึกผนึกไว้

สำนึกผิดอดีตกาลพ้นผ่านไป

ก่อกำแพงล้อมหัวใจไว้ให้เธอ



นาคะพรรณ
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
ภาพโดย อาคม นาคะ				
17 ธันวาคม 2552 12:27 น.

“ห้องเช่า”

นาคะพรรณ

เสียงกระดานกระทบพื้นก็ตื่นพลัน

ลาแล้วหรือพระจันทร์ตะวันสร้าง

เห็นรอยเท้าเก่าใหม่ในเส้นทาง

ไม่เคยเว้นเคยว่างหรือร้างลา


ผ่านคืนหนาวบนรังสังกะสี

ผ้าขาวม้าพัดตีสีข้างฝา

ฝุ่นละอองล่องวนจนชินตา

ยามจับต้องแสงทิวาฟ้าระบาย


ชานระเบียงมุมน้อยยังคอยอยู่

ข้านั่งดูทุกยามแห่งความหมาย

สูบยาเส้นซองเดิมอย่างเดียวดาย

ท่ามกลางความวุ่นวายและวกวน


ยิ้มให้กับถ้วยถังสังกะสี

ผูกด้วยเชือกฟางที่มีอีกหนึ่งหน

แล้วโยงลงชั้นล่างจากข้างบน

ให้กับคนคอยรับหยิบจับวาง


ซื้อสบู่ยาสีฟันขันอาบน้ำ

เป็นประจำทุกคราพอฟ้าสาง

แล้วดึงขึ้นส่งลงตรงเส้นทาง

ผ่านหน้าต่างระหว่างสุขทุกข์ระทม


มีความสุขในห้องเล็กกลางเมืองใหญ่

บนวิถีความเป็นไปใครขื่นขม

แอบน้อยใจบางเวลาในอารมณ์

กับเศษซากสังคมทับถมกาย


จนก้าวเท้าเหยียบลงตรงไม้กระดาน

ที่วางพาดเป็นสะพานจนสุดสาย

ผ่านน้ำครำดำเหม็นอันตราย

หยุดหลบหลีกเคลื่อนกายให้บางคน



นาคะพรรณ
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒
ภาพโดย อาคม นาคะ				
2 ธันวาคม 2552 14:58 น.

“พึ่งพา”

นาคะพรรณ

ลมพัดพริ้วลิ่วลอยทยอยมา

สัมผัสพื้นผิวธาราระบำฉาย

แสงสุรีย์ทาทาบฉาบระบาย

ดั่งดวงดาวเพริศพรายพรรณนา


ต่างกระโดดโลดเต้นเป็นจังหวะ

รับสายลมมาปะทะทักอุษา

ดีใจไยเล่าเจ้าหมู่ปลา

หรือตกใจเสียงสกุณาสาละวน


เจื้อยแจ้วแว่วดังอีกฝั่งนา

จับจิกฉีกกินหมู่ปลาทุกแห่งหน

ในโคลนตมหล่มดินต้องดิ้นรน

ให้ผ่านพ้นสู่หนองบึงจึงปลอดภัย


เพราะรวงทองของพ่อที่รอเกี่ยว

จะรับเคียวสืบวันแห่งคันไถ

จนข้ากินบินทะยานจากบ้านไพร

สู่เมืองเรืองวิไลไร้พรมแดน


อยู่อย่างนกกระยางที่กางปีก

หรือเป็นเช่นปลาหลบหลีกลำบากแสน

ทุกชีวิตมีผิดพลาดมีขาดแคลน

ต่างอยากอยู่บนดินแดนแสนสบาย


เสียงพ่อข้าลอยล่องยืนร้องเรียก

นุ่งกางเกงขาดขาเปียกเมื่อยามสาย

นกกระยางได้ยินบินกระจาย

ปล่อยหมู่ปลาเร่งตะกายว่ายสู่บึง


สายแล้วไปกินข้าว
เส้นทางยังอีกยาวไกลจะไปถึง
ลุกขึ้นพลันหันหน้ามองที่หนองบึง
ทุกสิ่งซึ่งล้วนพึ่งพาอาศัยกัน...



นาคะพรรณ
๒ ธันวาคม ๒๕๕๒
ภาพโดย นายอาคม นาคะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนาคะพรรณ