24 มิถุนายน 2551 12:35 น.

เห็นภาพแล้ว...เฮ้อ..ใครแต่งกลอนได้ แต่งให้หน่อยสิ

น้ำผึ้งเดือนห้า

หรือว่าหน้ามืด ตามัวไปหมดแล้ว เพียงแค่ต้องการจะชนะฝ่ายรัฐบาล วิจารณญาณหรือความคิดที่มีว่า เรื่องใดควรไม่ควรถึงกับไม่มีเชียวหรือ 
     ไม่มีคำกลอนใดจะแต่งอีกแล้ว เพียงแค่เห็นภาพก็อื้งจริงๆ ไม่คิดว่าจะคิดและทำได้ขนาดนี้ ทีเรื่องนี้ทำไมไม่นำขึ้นไปพูดบนเวทีบ้างล่ะคะ..เห็นแล้วสงสารท่านจริงๆ ที่ต้องถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับตำรวจ
      คนที่คิดทำเรื่องนี้ คงจะต้องตกนรกหมกใหม้ไม่รู้ว่าอยู่ขุมไหนเลยเชียวแหละ ทำอะไรก็คงจะไม่เจริญรุ่งเรื่อง....จริงๆไม่เชื่อคอยดู				
12 มิถุนายน 2551 14:14 น.

ประกาศ"รับสมัครแฟน"

น้ำผึ้งเดือนห้า

1144765191.gif

ก็สมัยนี้อ่ะนะ...อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ 

ใครๆก็ย่อมต้องการความรักและคนรัก..

(เห็นว่าน่ารักดี เลยเอามาฝาก เผื่อโดนใจใครบางคน...)				
4 มิถุนายน 2551 13:44 น.

เป็นจริงอย่างที่คิด...ไม่ผิดอย่างที่เห็น

น้ำผึ้งเดือนห้า

fig7-1.gif

เมื่อมาถึง เวลาหนึ่ง จึงรู้สึก
ได้สำนึก ความเป็นไป อย่างไรนั่น
ทั้งที่คิด ว่าเราต่าง เป็นเพื่อนกัน
ได้มาฝัน ได้บอกเล่า ผ่านบทกลอน

เคยมีทั้ง เหล่าพี่น้อง และผองเพื่อน
ไม่ลืมเลือน ครูอาจารย์ ที่คอยสอน
ทั้งแนะนำ และบอกกล่าว ในบ้านกลอน
ไม่ลิดรอน สิทธิ์ของใคร ได้พึงมี

ได้โอกาส ฝึกฝีมือ คือศึกษา
ใช่ตำรา แต่เป็นคน ในบ้านนี้
เป็นตัวตน ที่คงใช่ ที่ใจมี
เป็นคนดี ที่คงใช่ ในบ้านกลอน

แต่เมื่อถึง เวลาหนึ่ง จึงรู้แน่
ว่าที่แท้ มีมากมาย ที่หลอกหลอน
มิตรที่แท้ ก็มีบ้าง ในบ้านกลอน
ที่คลางคลอน ที่เคลือบแฝง ก็คงมี

เมื่อเรามี ทัศนคติ ไม่ตรงกัน
เธอกับฉัน เป็นศัตรู ไปหรือนี่
ไม่เลือกข้าง ถือเป็นกลาง ยังไม่ดี
ให้เฉยสิ ถึงเป็นกลาง ในทางเธอ.



พอไม่เลือกเข้าข้างตนเอง ก็โยนให้เป็นฝ่ายตรงกันข้ามทันที

 พอความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็หาว่าเข้าข้างฝ่ายตรงกันข้าม 

พอพูดถึงเรื่องฝ่ายตนเองเข้าบ้าง ก็อ้างว่าเชื่อฝ่ายตรงข้าม 

       ถ้ามีใครมีความคิดเห็นไม่ตรงกับฝ่ายของตนเองและบังเอิญเดิน
เข้าไปในกลุ่มแล้ว..จะเกิดอะไรขึ้น  นี่ขนาดแค่เป็นบทกลอนที่ออกมาโต้ตอบกันในบ้านกลอนเท่านั้น ยังไม่ทันได้เห็นหน้าตา ยังไม่ทันได้รู้จัก ยังไม่ทันได้รู้นิสัยใจคอกัน ยังมีทีท่ากันถึงขนาดนี้ ถ้าหากเจอหน้ากันจะๆแล้ว..จะเป็นยังไง มีใครเคยคิดบ้างไม๊ คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างไหม ในเมื่อเท่าที่อ่านดูก็รู้แล้วว่า ถ้าใครมีความคิดเห็นไม่ตรงกันกับเขา เขาก็จะกำหนดว่าเราเป็นฝ่ายตรงข้ามทันที..

          นี่คือเหตุผลของความต้องการให้มีการหยุดการชุมนุมกัน เพราะประชาชนที่สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็คิดกันแต่แบบนี้ ยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อ เรื่องยิ่งรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ				
2 มิถุนายน 2551 09:31 น.

ได้คืบ...จะเอาศอก.?

น้ำผึ้งเดือนห้า

002kid2xw0.gif

เหตุใดหนอ การชุมนุม จึงยืดเยื้อ
เรื่องน่าเบื่อ เมื่อไร จะจบได้
แรกยื่นมา จักรภพ ควรออกไป
ห้ามแก้ไข รัฐธรรมนูญ ทุกมาตรา

ทั้งที่ยื่น ข้อเสนอ เพียงสองข้อ
เขาก็รอ จนจบเรื่อง ควรจบได้
สองข้อนี้ จบไปแล้ว จะทำไง
ยื่นข้อใหม่ ใล่รัฐบาล ที่โกงกิน

พอใด้หนึ่ง จะเอาสอง จะเอาสาม
หนักเข้าลาม ไปที่อื่น ไม่จบสิ้น
ปากก็บอก ว่ารักชาติ รักแผ่นดิน
ไม่จบสิ้น แล้วเมื่อไร ชาติได้ดี

พูดแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ให้แบ่งขั้ว
หลงเมามัว พูดมากมาย ให้บัดสี
ขั้วโน่นเล่า เขาเป็นไง เขาไม่ดี
ขั้วเรานี้ ถึงจะมี ดีนับพัน

มัวยึดมั่น ต่อผู้น้ำ ของสองขั้ว
ที่เมามัว ต่ออำนาจ ของตนนั้น
เอ่ยอ้างต้น เอ่ยอ้างเขา สารพัน
ทุกทุกวัน ใช้คำพูด ที่รุนแรง

ไม่ควรให้ เด็กนักเรียน เห็นแบบอย่าง
พวกแบ่งข้าง ใช้ถ้อยคำ ที่เคลือบแฝง
ด่าคนอื่น ว่าคนอื่น อย่างรุนแรง
คอยตะแบง ว่าตนนี้ ดีกว่าใคร

แล้วมีนัก วิชาการ เก่งหลายคน
ขึ้นไปบ่น ขึ้นไปด่า ก็ว่าได้
เก่งกันนัก ใยไม่คิด ความผิดไป
ใช้กฏหมาย แทนกฏหมู่ น่าดูกว่า

เมื่อปากเก่ง สมองนั้น ก็คงเก่ง
ควรรีบเร่ง หาความผิด จะดีหนา
ผิดตรงไหน แจ้งเขาไป จับตัวมา
ร้อนวิชา ก็รีบใช้ ให้ได้พลัน

ดีกว่ามา ทำตัวเก่ง บนเวที
ประกาศนี้ ข้าก็เก่ง มันน่าขัน
ถ้าแน่จริง เอาผิดมัน ให้ได้กัน
ดีกว่าขัน เอ๊กอีเอ๊ก บนเวที..

Nagaland

     เวลาพูดบนเวที คนนั้นทำผิดอย่างนั้น คนนี้ทำผิดอย่างนี้ มีนักวิชาการหลายๆคนที่เขาอ้างว่าเก่งเสียเหลือเกิน เข้ามาพูดปลุกปั่น ด่าคนโน้น คนนี้ ใช้คำพูดที่รุนแรง หลายครั้งที่เด็กๆถามว่า "คำนี้แปลว่าอะไร เขาไล่ใคร เขาด่าใคร ทำไมเขาทำแบบนั้น..ฯลฯ" คุณคิดว่าคุณจะตอบเด็กเหล่านี้ว่าอย่างไร (ที่จริงแล้วในแต่ละความผิดคุณก็รู้อยู่ ทำไม่ไม่แจ้งจับไปล่ะ ทำไมไม่หาหลักฐานส่งฟ้องศาลให้ได้ ทำไมไม่หาวิธีจับให้ได้"คาหนังคาเขา"ให้มันแก้ตัวไม่ออก(อย่างเช่นจักรภพ) อย่างนั้นน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าและแยบยลกว่า มีนักวิชาการ นักกฏหมายเก่งๆอยู่ในขั้วด้วย ก็น่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ ใช้ปากพูดน่ะ ใครๆก็ใช้ได้ มีโพยให้ใบเดียวก็พูดได้หมดแล้ว)

219688-1.jpg

     การใช้คำพูดบนเวทีน่าจะดีกว่านี้ เพราะมีการออกข่าว มีการถ่ายทอดออก ASTV คำพูดที่รุนแรงและหยาบคายที่สื่อออกมากมาย มีสุภาษิตคำหนึ่งที่ว่า"สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล" คำนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย น่าจะดูคุณอภิสิทธ์เป็นตัวอย่างในการใช้คำพูดที่ฟังแล้วดูดีกว่าและได้ผลมากกว่า แต่ที่ผู้นำที่กลุ่มชุมนุมนี้ใช้ เพียงเพื่อให้เกิดอารมณ์"เกลียด"มากกว่าที่จะเป็นการให้ข้อมูล   นี่คือสิ่งที่ไม่ชอบอีกอย่างหนึ่งของการชุมนุมครั้งนี้
    v3163059211nw.jpg
       แท้จริงแล้วการชุมนุมน่าจะจบสิ้นไปตั้งแต่นายจักรภพลาออกและรัฐบาลไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้ว หรือที่อยู่ทุกวันนี้ เพื่อดึงเงินบริจาคที่เรียกร้องให้คนบริจาคมาเยอะๆกันแน่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คงจะได้จำนวนไม่น้อย อีกอย่าง ต่อไป คงจะมีหนังสือและ CD รวมทั้งของที่ระลึกออกมาขายด้วย ผู้ร่วมชุมนุมก็เตรียมตัวซื้อก็แล้วกันนะ เตรียมเงินไว้เยอะๆด้วยล่ะ เดี๋ยวจะไม่พอซื้อ........

p4178041479uk3.jpguntitledeeeeexc7.png				
1 มิถุนายน 2551 08:40 น.

ประท้วง รัฐประหาร ประท้วง นองเลือด

น้ำผึ้งเดือนห้า

1pho8.jpg


ตอนก่อนหน้า ก็ออกมา ตั้งประท้วง
ยกทั้งยวง ดึงประชา มาเกี่ยวข้อง 
โชคยังดี ไม่มีเลือด ให้เนืองนอง
เพราะได้ผอง ทหารกล้า กู้หน้าแทน

ก็กลายเป็น รัฐประหาร รัฐบาลหนึ่ง
ยังไม่ซึ้ง ก็ยังด่า พาคนแค้น
พอเลือกตั้ง ก็ได้มา ซึ่งผู้แทน
ยังมีแผน จะล้มล้าง ในทางเลว

จะมีใคร ที่มีดี ในสายตา
เลือกใครมา ก็มุ่งพา ผลักตกเหว
มองคนอื่น คิดแบ่งข้าง ทางเลวเลว
ดิ่งลงเหว ทั้งประเทศ ไม่เข็ดเลย


        จริงอยู่ที่รัฐบาลรุ่นก่อนรัฐประหารนั้นไม่ดี มีประชาชนออกมาต่อต้านเรื่องการกินบ้านกินเมือง เรื่องอะไรอีกมากมาย นั่นเป็นเพราะฝ่ายค้านไม่สามารถหรือ"ไม่มีปัญญา"ที่จะทำอะไรเขาได้ จึงต้องมาตกหนักที่ประชาชน และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดดังเช่นพฤษภาทมิฬ ทหารจึงได้ตัดสินใจทำการรัฐประหาร ที่ถือว่าเป็นวิธีการแก้ไขเหตุการณ์ ณ ขณะนั้นดีที่สุด ดีกว่าการดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งน้ำผึ้งมั่นใจว่าการกระทำของทหารครั้งนั้น คือทางออกที่ดีที่สุดจริงๆ และประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวทหาร เพราะประชาชนไม่เคยกลัวทหารหรือตำรวจ (น่าจะดูออกจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ) แต่นั่นเป็นเพราะ "ต้องการให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง"มากกว่า 
       เหตุการณ์รัฐประหารก็ยังไม่ถูกใจของใครบางคน บางกลุ่ม ที่ออกมาเรียกร้องซึ่งประชาธิปไตย ที่บางครั้งมันขัดกันเหลือเกินในบทบาท ทำให้น้ำผึ้งมองว่า "ประชาธิปไตย"ของคนผู้นั้น หรือคนกลุ่มนั้น เป็น"แบบไหน"กันแน่ หรือว่าประชาธิปไตยที่จะได้มานั้น ต้องมีการนองเลือดเสียก่อน จึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย คนบางคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มประกาศก้องว่าจะชุมนุมกันแบบอหิงสา แล้วอหิงสานี้มันคืออะไรคะ ใครที่มีความรู้ช่วยตอบหน่อย และคุณแน่ใจหรือว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นี้เป็นอหิงสาจริงๆ สิ่งที่น่ากลัวคือความคิดของคนที่เป็นผู้นำในการชุมนุมมากกว่า
      สำหรับผู้ที่เข้าร่วมชุมนุม คุณแน่ใจในอุดมการณ์ของคนกลุ่มนั้นหรือ คุณแน่ใจว่าเขาเป็นคนดี มีจิตมุ่งมั่นในทางดี ไม่มีใจแอบแฝงคิดทำร้ายใครเป็นส่วนตัว คุณแน่ใจว่าคุณยอมตายเคียงข้างกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อคำว่า "ประชาธิปไตย"ในความคิดของคุณ 
บางคนยอมตายเพื่อ 3 สถาบันคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 
1.คุณแน่ใจหรือว่าสิ่งที่ทุกคนทำนี้ จะทำให้ชาติอยู่รอดได้
2.คุณแน่ใจหรือว่าศาสนาสอนสั่งให้ทุกคนทำแบบนี้
 3.คุณแน่ใจแล้วหรือว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ท่านจะภาคภูมิใจในสิ่งที่ทุกคนกำลังทำ ท่านจะภาคภูมิใจที่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามแบ่งประชาชนของท่านเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน (ทั้งที่จริงแล้วมี 3 ฝ่ายด้วยซ้ำคือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคน 2 ฝ่ายนี้) ท่านจะภาคภูมิใจหรือไม่หากเหตุการณ์นี้เลวร้ายจนเกิดพฤษภาทมิฬอีกครั้ง เพราะถ้อยคำที่บ่มเพาะให้เกิดความเคียดแค้นชิงชัง ปลุกปั่นเพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว
     ที่ผู้นำชุมนุมมีการกล่าวอ้างถึงสถาบันโดยนำคำของท่านมาพูดให้ทุกคนฟัง คุณคิดว่าท่านนั้นจะปลาบปลื้มหรือ 
     เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยพูดไว้ว่า "มีคนคนนี้อยู่ที่ไหน จะมีคนตายอยู่ที่นั่น" เป็นเพราะคนคนนี้คิดได้วิธีเดียวเท่านั้น เอาตัวเข้าแลก แต่ไม่ใช่ตัวเอง เป็นตัวของประชาชน "ผมจะอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ไปไหน จะรอให้เขามาจับอยู่ที่นี่ ถ้าแน่จริงก็มาจับเลย" หลังจากพูดเสร็จก็ไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน มีเด็กและผู้หญิงเป็นโล่กำบัง ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับผู้ก่อการร้ายที่ภาคใต้เลยสักนิด
     "เราจะชุมนุมกันแบบอหิงสากันอยู่ที่นี่ อย่างไม่หยุดหย่อน ตอนเช้าไปทำงาน ตอนเย็นเรากลับมาเจอกันอีก ใครมีเงินก็ช่วยกันบริจาคเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนเหมือนกัน" มันน่าหัวเราะจริงๆที่ขอรับเงินบริจาคกันอย่างไม่อายเลย เงินที่มีคนสนับสนุนให้ทำการนี้หายไปไหนหมดเหรอ หรือว่ากินกันเองแบ่งกันเองจนหมดไปแล้ว จึงขอใหม่ 
       ดู ASTV ทุกวัน ไม่เห็นจะทราบซึ้งกับคำพูดเลย มีแต่ด่าว่าคนอื่นโดยที่ไม่มองตัวเอง เรื่องเก่าเล่าใหม่ ปลุกปั่น ยุยงตลอด ที่จริงแล้ว เป็นการสื่อสารทางเดียวโดยที่เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าเรื่องที่คนกลุ่มนี้พูดอยู่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
        ไม่เคยคิดที่จะไปชุมนุมเพราะคนกลุ่มนี้เลยสักนิด แต่ถ้าเป็นผู้นำคนอื่นน้ำผึ้งอาจจะไปด้วย แต่ถ้าเป็นคนกลุ่มนี้ล่ะก็ ไม่ดีกว่า เสียชาติเกิดเปล่าๆ
        ถ้อยคำอาจไม่ถูกใจใครบางคนที่รักชาติและคิดเห็นตรงกันกับคนกลุ่มนี้ ส่วนน้ำผึ้งขอบอกเลยว่าน้ำผึ้งก็รักชาติเช่นเดียวกันแต่ไม่ชอบที่ถูกหลอกใช้ คิดเห็นตรงกันหรือไม่ตรงกันก็แสดงออกมาได้ ตามสบาย เพราะรับฟังคนอื่นได้เสมอ
         "ประเทศไทยไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปไตยได้แน่นอน หากยังมีคนกลุ่มนี้อยู่ ถึงมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้านายกที่ได้มาไม่ทำให้เขาพอใจได้ เขาก็จะกระทำการแบบนี้อีก ไม่เชื่อคอยดู"
http://www.geocities.com/thaifreeman/17may/may.html

 http://www.oknation.net/blog/abccalo/2007/09/21/entry-4
       
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=37273.msg905589				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำผึ้งเดือนห้า
Lovings  น้ำผึ้งเดือนห้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำผึ้งเดือนห้า
Lovings  น้ำผึ้งเดือนห้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำผึ้งเดือนห้า
Lovings  น้ำผึ้งเดือนห้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน้ำผึ้งเดือนห้า