11 มิถุนายน 2553 11:20 น.

"ห่วงโลก"

บพิตร

ณ เวิ้งจักรวาล
ดาวนับล้านร่วมโคจร
เคลื่อนคลามิล้าอ่อน
กี่ปีแสงคงเวียนวน

สุริยะจักรวาล
อาทิตย์หาญศูนย์กลางหน
นพเคราะห์เลาะลอยวน
รับแสงสาดสุริยา

ดาวโลกแหล่งมนุษย์
บริสุทธิ์จรัสหล้า
ผู้คนมากปัญญา
ใยโง่เขลาเข้าทำลาย

ธรรมชาติเคยอุดม
ก็ล่มจมแห้งเหือดหาย
เห็นอยู่คือความตาย
ที่คืบคลุกเข้ารุกราน

โลกร้อนก็ลามเลีย
น้ำเน่าเสียพายุผลาญ
น้ำท่วมทะโยนยาน
แผ่นดินไหวคลื่นใหญ่ซัด

น้ำแข็งหลอมละลาย
รวมเป็นสายไหลเซาะกัด
โถมสาดเข้าฟาดฟัด
ทั้งเมืองหายทะเลโคลน

มนุษย์สร้างเรือนกระจก
ความร้อนวกมาสู่ตน
โรงงานควันพวยพ่น
กลับแผ่มาคร่าชีวิต

ห่วงโลกจะถึงครา
อย่าถามว่าใครคนผิด
ร่วมกันเถิดมวลมิตร
แก้ปัญหาอย่าโยนกลอง.				
9 มิถุนายน 2553 09:07 น.

คืนเหงา

บพิตร

เพียงลำพังกับราตรีที่เงียบเหงา
พลิ้วแผ่วเบาเล้าโลมคือลมฝน
เสียงเห่กล่อมโปรยปรายคือสายชล
ที่ร่วงหล่นพร่างพร่ำในค่ำคืน

หลับตาลงครุ่นคิดจิตสำนึก
ความรู้สึกซ่อนไว้ใจแข็งขืน
ข่มตาหลับใยจิตคิดหยัดยืน
มิอาจฝืนหลับลงตรงห้วงกาล

ดึกสงัดฝนซาฟ้าสงบ
ยังซึมซบภาพฝันที่ผันผ่าน
ทอดกายนิ่งเงียบงันนานเนิ่นนาน
เสียงขับขานเรไรไร้รื่นรมย์

หมู่เมฆเคลื่อนผ่านเลยเผยหมู่ดาว
สุกสกาวมิชื่นยิ่งขื่นขม
มิอยากไขว่อยากคว้ามาชื่นชม
แม้สายลมพลิ้วผ่านมิซ่านกาย

ไกลแสนไกลอยู่ไหนเล่าขอบฟ้า
ยามหลับตาดวงดาวเจ้าหลบหาย
เพียงม่านน้ำผ่านตาก็พร่าพราย
หมดความหมายคืนเหงาคืนเศร้าใจ

จะเฝ้ารอแสงทองส่องขอบฟ้า
รอเวลาพบเห็นเป็นวันใหม่
จะลืมเธอลืมเขาลืมใครใคร
ผ่านพ้นไปเถิดคืนเหงาเท่านี้พอ.				
8 มิถุนายน 2553 12:43 น.

"เพลงฝน"

บพิตร

มองสายฝนหล่นพราวจากราวฟ้า
ลมพัดพาไอเย็นเป็นเส้นสาย
ความกลัดกลุ้มรุ่มร้อนก็ผ่อนคลาย
ชื่นฉ่ำกายใจอิ่มยิ้มเบิกบาน

เจ้านกน้อยซ่อนกายใต้คาคบ
เคียงคู่หลบไอฝนปนเสียงขาน
ซุกไซร้ขนให้กันนานเนิ่นนาน
สอดประสานส่งเสียงคู่เคียงกัน

ลมพัดพาระลอกคลื่นระริกพลิ้ว
ลมแผ่วผิวยอดหญ้าพาเหหัน
ตามแรงลมเล่นน้ำพร่ำรำพัน
เสียงจำนรรจ์ยอดหญ้าพาครื้นเครง

หมู่แมลงแฝงตนต้นไม้ใหญ่
อาบกลิ่นไอชื่นฉ่ำมิคร่ำเคร่ง
รอฝนซาจะขับขานตำนานเพลง
ร่วมบรรเลงวงใหญ่ให้รื่นรมย์

เมื่อฝนซาฟ้าใสไรแสงส่อง
หยาดละอองวับวามงามแสงสม
ยอดหญ้าพราวขาวเกร็ดดั่งเพชรพรม
เย็นสายลมบริสุทธิ์ดุจวิมาน

เจ้านกน้อยโบยบินยินเสียงร้อง
ท่วงทำนองออดอ้อนป้อนคำหวาน
เหล่าภู่ผึ้งซุกซอกดอกไม้บาน
ใครขับขานเพลงรักก้องท้องทุ่งนา.				
7 มิถุนายน 2553 12:09 น.

"เขาใหญ่"

บพิตร

เขาใหญ่ ร่ำไห้โศก
มรดกแห่งโลกเข็ญ
ผืนป่าน้ำตาเร้น
เพราะ เขาใหญ่คือใครกัน?

กล่าวอ้างพัฒนา
ความเริงร่าในฝั่งฝัน
อำนาจเข้าฟาดฟัน
ต้นไม้ล้มจมกองดิน

หนึ่งต้นที่สูงใหญ่
แผ่กิ่งใบซับน้ำริน
นกกาที่โบยบิน
ได้เกาะกิ่งเกี่ยวดอกใบ

สิบปีหรือร้อยปี
กว่าจะมีต้นไม้ใหญ่
ล้มพับชั่วฉับไว
เหลือเพียงตอต่อตำนาน

เขาใหญ่ใหญ่กว่าเขา
บอกลูกเต้าถึงเหล่าหลาน
เขาใหญ่แต่ใจพาล
มีอำนาจขาดสำนึก

เขาใหญ่ใยเจ้าโศก
โลกทั้งโลกยังรู้สึก
เขาใหญ่ภัยร้ายลึก
จากคนพาลที่ผลาญรุก!!!				
2 มิถุนายน 2553 13:27 น.

หักดิบ!!!

บพิตร

พอกันทีที่รักขอหักดิบ
เคยจับหยิบเสพสมอารมณ์หมาย
พกพาเจ้าเคียงข้างไม่ห่างกาย
ช่วยผ่อนคลายล้วนจิตคิดไปเอง

เจ้าซุกซ่อนพิษภัยไว้เบื้องลึก
ความรู้สึกสบายหายคร่ำเคร่ง
พอติดพันโรคร้ายเริ่มบรรเลง
ฟังเสียงเพลงไอขรมถุงลมพอง

เสียงหัวใจใยเต้นไม่เป็นส่ำ
ฝีปากคล้ำดำซีดจิตหม่นหมอง
กลิ่นกายเหม็นสาบไกลใครก็มอง
เสียงไอก้องค่ำคืนยังฝืนทน

ใจมุ่งมั่นว่าพอขอหักดิบ
ไม่งุบงิบป่าวร้องก้องทุกหน
จากนี้ไปจะยากดีหรือมีจน
ขอก้าวพ้น บุหรี่ร้ายไม่หวนคืน.!!!				
Lovers  0 คน เลิฟบพิตร
Lovings  บพิตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบพิตร
Lovings  บพิตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบพิตร
Lovings  บพิตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบพิตร