ขอคำแนะนำ

เพชรใต้ตม

สวัสดีค่ะ คือหนุเป็นตัวแทนแข่งทักษะวิชาการ ด้านการแต่งคำประพันธ์ ม.ต้น ของโรงเรียน แต่อีก 2 วันต้องส่งคำกลอนให้คุณครูตรวจว่าควรปรับปรุงยังไง แต่หนูคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ว่าจะแต่งยังไง คิดมานานแล้วก็ยังคิดไม่ออก จะหาแรงบันดาลใจ +วิธีที่ทำให้คิดได้ ต้องทำอย่างไรคะ รู้สึกไม่ดีนิดๆ เพราะต้องแข่งระดับภาคเลย				
comments powered by Disqus
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    27 ตุลาคม 2555 15:18 น. - comment id 38337

    ก็ลงมือแต่งซะเดี๋ยวนี้สิ แก้ไขไปเรื่อย ๆ เริ่มใหม่ไปเรื่อย ๆ อย่าเบื่อเสียก่อนหมั่นอ่านของึนอื่นของกวีเก่า ๆ  แต่งถูกบ้างผิดบ้างเดี๋ยวก็ดีเองอย่ามัวอ้อนวอนใครอยู่เลย
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    27 ตุลาคม 2555 19:01 น. - comment id 38338

    ปัญหาแบบนี้ ผมเคยเจอเหมือนกัน ตอนอยู่ ม.3
    ตอนนั้นเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งระดับโรงเรียน เครียดมาก เพราะไม่มั่นใจจะทำได้
    
    ในการแข่งประกวดที่โรงเรียน เรารู้เรื่องก่อนว่าจะแต่งเรื่องอะไร เช่น เรื่องวันแม่ ผมก็จะไปเตรียมแต่งไว้ก่อน
    หรือหากลอนวันแม่จากที่อื่นๆมาอ่าน ท่องไว้ เผื่อนำมาใช้ได้ (อันนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง) เดาข้อสอบ ขึ้นวรรคแรกเองแล้วแต่งไปให้ครบตามจำนวนบทที่ระบุไว้ในการแข่งขัน  เวรกรรมตามทัน ชนะได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน แล้วก็ไปตกรอบเมื่อไปแข่งกับโรงเรียนอื่น 
      การแข่งขันในระดับภูมิภาคหรือที่ไหนก็ตาม เราจะไม่รู้หัวข้อเรื่องที่จะมาแต่ง เขาจะขึ้นวรรคสดับมาให้เท่านั้น และบอกว่ากี่บท กี่นาที 
      ให้คำแนะนำได้ เพราะผ่านช่วงนั้นมาแล้ว และมีประสบการณ์มากขึ้น แต่จะทำได้หรือเปล่าเท่านั้น ในวัยขนาดนี้ แต่ลองดูนะ อาจจะมีประโยชน์
    
    1.	อย่าคาดหวัง ถือว่าเป็นประสบการณ์ ถ้าชนะก็ถือว่าเป็นของสมนาคุณ  ถึงจะแพ้ก็ไม่ได้หมายความว่างานเขียนร้อยกรองจะสิ้นสุดลง หรือถ้าชนะก็อย่าคาดว่าเราเป็นมือหนึ่งแล้ว เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ที่สำคัญคือความภาคภูมิใจในงานที่เราเขียน ว่าได้เขียนสุดความสามารถแล้ว และรู้สึกรักงานที่เราทำออกไป เมื่ออายุมากขึ้นแล้วมองกลับไป อาจเป็นเรื่องตลกที่เล่ากับในกลุ่มเพื่อน และอาจเป็นความภูมิใจเล็กๆของเราเอง
    
    2.	แรงบันดาลใจ อันนี้ยากหน่อย เราสามารถหยิบทุกเรื่องที่ได้พบมาเขียนได้ทั้งหมด ลองนึกถึงเรื่องที่ประทับใจ ที่เราสะเทือนใจ จำได้ไม่เคยลืม แล้วเล่าออกมาเป็นกลอน อย่าไปสนใจสัมผัสในจนลืมความสำคัญของเนื้อหา คุมสัมผัสนอกให้ได้ตามฉันทลักษณ์เท่านั้น  เอาอารมณ์ของเราใส่ไปทุกตัวอักษร เรารู้สึกอย่างไร ผู้อ่านจะรู้สึกแบบนั้น เล่าให้ออกมาเป็นภาพดึงผู้อ่านลงไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย  อย่าตั้งใจจนเกินไป เอาอารมณ์ของเราเป็นตัวตั้ง  ฟังเพลงก็ได้ เพลงช่วยสร้างแรงบันดาลใจและอารมณ์ได้
    
    3.	ที่ยากที่สุดคือบทจบ จะต้องทิ้งคำ เพราะเป็น climax ของงาน พยายามนึกก่อนว่าจบแบบไหน จะบอกคนอ่านอย่างไร
    
    4.	เดาข้อสอบ  งานระดับนี้ ผู้กำหนดหัวเรื่องมักจะเน้นอนุรักษ์นิยม ส่วนมากเป็นเรื่อง วัฒนธรรมไทย ปัญหาวัยรุ่น บทเฉลิมพระเกียรติ  ผลงานของในหลวง ความรู้สึกที่มีต่อในหลวง ฯลฯ เหล่านี้ ให้ช่วยกับเพื่อนในกลุ่มที่จะไปแข่งเขียน list ออกมา ปรึกษาอาจารย์ด้วย  พอได้แล้ว ให้มาประชุมกันว่าจะจบเรื่องนั้นอย่างไรให้น่าประทับใจ แล้วซ้อมแต่ง ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าการเน้นความรู้สึก จะทำให้งานน่าประทับใจกว่าความสละสลวยของคำ (ถ้าได้ครบทั้งหมดจะดีมาก )
    
    5.	กลับไปที่ข้อ 1  อย่าคาดหวัง  แล้วจะไม่เครียด ทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกเป็นสุข ผ่อนคลาย
     
    สังเกตไหมดวงตาเธอล้าเศร้า
    กระจกเงาบานโตมิโกหก
    ดูซิ! เธอประหวั่นจนงันงก
    หวาดวิตกจนจิตเธออิดโรย
    ฉันมองเห็นคู่แข่งผู้แกร่งกล้า
    ซ่อนดวงตาซีดเซียวและเหี่ยวโหย
    ซ่อนแผลลึกถึงกระดูกด้วยถูกโบย
    แสร้งเสียงโวยให้เชื่อว่าเหนือคน
    
    ถ้าเธอเดินทอดเท้าแต่เช้าตรู่
    ลองเหลียวดูต้นไม้ข้างถนน
    บางเมล็ดถูกทิ้งและทุกข์ทน
    พอต้องฝนลำแรกก็แตกใบ
    หากเธอบรรจงวาดแล้วพลาดหวัง
    อย่าหันหลังให้โลกจงเริ่มใหม่
    เป็นเพียงเรื่องขำขันแห่งวันวัย
    ให้เธอได้คิดถึงอีกหนึ่งรอย
    
    เมื่อความฝันสีทองมาร้องท้า
    เธอจะเร่งเข้าหาหรือว่า..ถอย
    เธอจะเร่งไขว่คว้าหรือว่า..คอย
    จะเลือกปล่อยหรือรั้งลองชั่งใจ
    
    ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๕
  • เด็กบ้านนอก

    27 ตุลาคม 2555 20:53 น. - comment id 38340

    เป็นประโยชน์ครับ
    
    41.gif41.gif41.gif
  • ยา แก้ปวด

    29 ตุลาคม 2555 15:13 น. - comment id 38350

    ตามที่คุงฤทธิ์บอกแหล่ะหนูน้อย
    
    46.gif59.gif
  • อัลมิตรา

    29 ตุลาคม 2555 16:31 น. - comment id 38352

    เคล้าความฝันอันกระจ่างสว่างไสว	
    จากจิตใจรื่นรมย์ผสมผสาน
    หลากวิธีที่ตระหนักวิจักขณ์วิจารณ์
    บังเกิดกานท์เสริมศัพท์ประดับประดา
    
    สวมวิญญาณพรานไพรไล่ล่าฝัน	
    เข้าเขตขัณฑ์พฤกษ์ไพรไต่ภูผา
    พกลายแทงจินตนาการอันโสภา
    เพื่อเสาะหาขุมทรัพย์เมืองลับแล
    
    ยามราตรีมีดาวสกาวพร่าง
    แสงส่องทางจรัสศรีมีดวงแข
    ไร้เดือนดาวคืนใดใช่ตัวแปร
    ความพ่ายแพ้ใช่อุปสรรคปักแทงใจ
    
    ออกเดินทางสร้างสรรค์ประพันธ์พจน์
    แม้นกำหนดกฎเกณฑ์เช่นเขาใหญ่
    จักก้าวข้ามมุ่งมั่นไปทันใด
    ด้วยหัวใจเสรีมิรีรอ
    
    ลบอ่อนแอแพ้พ่ายหายหมดสิ้น
    นอนกลางดินกินกลางทรายหายย่อท้อ
    สัมภาระคือฝันเท่านั้นพอ
    ไม่อ่อนข้อต่อชะตาขอท้าทาย
    
    แม้นไร้ดาวพราวพร่างทางมืดมิด
    แต่ดวงจิตแจ่มกระจ่างช่างเฉิดฉาย
    จินตนาการความฝันพร่างพรรณราย
    แม้นเดียวดายไม่ขยาดหรือหวาดระแวง
    
    หากผู้ใดใครมีไมตรีจิต
    ร่วมลิขิตวรรณกรรมล้ำกล้าแกร่ง
    อุดมการณ์ความสามารถอาจพลิกแพลง 
    มาร่วมแปลงอรรถรสเป็นบทกวี 
    
    สัญชาตญาณนักล่าตามหาฝัน
    เสกอักษรสร้างสรรค์บรรณวิถี
    ไร้กฏเกณฑ์คุมขังดั่งเคยมี
    อิสระเสรีที่หัวใจ
  • กวีปกรณ์

    31 ตุลาคม 2555 00:21 น. - comment id 38388

    ทุกคำคัดขีดเขียนเพียรบรรจง
    วรรครับส่งสื่อความตามแต่สรรค์
    รู้กฎเกณฑ์การกรองลองประพันธ์
    เสียงยาวสั้นหนักเบาให้เข้าที
    
    เรารอบรู้เรื่องใดใช้เป็นโจทย์
    การค้นคว้าเกิดประโยชน์เชื่อคำพี่
    อ่านทุกงานรอบรู้งานครูกวี
    แล้วรังสรรค์สิ่งดีประยุกต์ตน
    
    ครูสอนอย่างไรให้จำจด
    แต่ไม่ใช่ทั้งหมดจึงเกิดผล
    ปรับใ้ห้ต่างสร้างเอกลักษณ์ดล
    สรรค์วรรคทองงามล้นให้คนจำ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน