18 มกราคม 2553 15:11 น.

โคลงกำศรวล ***บรรพตวิทยา***

ปติ ตันขุนทด

อำลาจากถิ่นบ้าน              สุขฤทัย
ขับเครื่องมอเตอร์ไซค์      วิ่งอ้อม
ไปเวียงแก่นเมืองไกล     เกินกู่
หมายสู่บรรพตล้อม           ที่ตั้งโรงเรียน

ถึงเชียงแสนบ่นเศร้า      ใจเจียน   ขาดนา
ตาพร่าหัววิงเวียน            ขุ่นไข้
อาลัยเพื่อนโรงเรียน        คนเก่า
เคยร่วมทุกข์สุขใกล้         ห่างแล้วใจหาย

ถึงหาดบ้ายบ่อนบ้าน        ริมโขง
หยุดฝั่งชลหวิงโหวง          เหมื่อยล้า
โขงเอยแม่ยืดโยง            ไหลเรื่อย
เปรียบดั่งชีวิตข้า              เกี่ยวข้องตัณหา

ถึงเชียงของบ่ายคล้อย      ทิวา
พักวัดหาดไคร้หนา          ฝั่งนี้
มองโขงเยี่ยมทัศนา         อีกฝั่ง
เป็นเพื่อนเทศลาวชี้        บ่อแก้วเขตแขวง

ถึงเวียงแก่นถิ่นใกล้          ไปแฝง
บรรพตวิทยาแยง               เยิ่นเย้อ
จันทร์เพ็ญอย่านึกแหนง     ใจหน่าย
เรียมพี่ยังเพรียกเพ้อ        เก่าย้อนคืนหลัง

ถึงปางหัดเบี่ยงเข้า          ทางคด
หมายมุ่งถึงบรรพต          แห่งห้อง
เขาสูงเริ่มปรากฏ            ลดหลั่น
เป็นเถื่อนพงไพรต้อง     อยู่ยั้งราชการ

ถึงสถานแห่งบ้าน         ศิลาแดง
รถป่ายปีนทางแข็ง        ฝุ่นฟุ้ง
ลูกรังเรี่ยทางแวง         เวียนวิ่ง
พบผ่านเรือนราวยุ้ง      ใส่หญ้าหลังคา

แหงนเห็นวัดเด่นตั้ง     บนผา
พระท่านวิปัสนา            เพื่อพ้น
สารวัฏฏ์วุ่นไปมา          นึกหน่าย
องค์สี่อริยสัจค้น            แจ่มแจ้งดับขันธ์

ฉันโมหันรุ่มร้อน       ไฟกาม
หลงแม่ยอดเยาว์งาม    ส่องหล้า
คิดมองส่องใจตาม       หญิงนั่น
นางบ่แลดูหน้า            นี่แล้ทุกขัง

รักนางเพาะบ่มไว้       ทุกข์จิต
เรือนร่างมายาฤทธิ์      ยั่วแย้ม
ตราบตายบ่วายติด          รูปกลิ่น
เวียนว่ายจอดจนแต้ม    อยู่ยั้งโลกสาม

ผาตั้งโดดเด่นตั้ง      ดูงาม
ไปเที่ยวตามเขตคาม   หมู่เย้า
ดงดอยเมื่อเห็นยาม    เย็นย่ำ
อาทิตย์แดงลับเข้า    เหลี่ยมฟ้าเหงาหนา

บรรพตคราค่ำแล้ว    คิดเห็น
ทุกข์ที่มาขัดเข็ญ          คู่เคล้า
เดียวดายอยู่ลำเค็ญ    รออุ่น
กินนั่งนอนโศกเศร้า   ซ่อนน้ำตาใน

บรรพตเคยอยู่ยั้ง        สุขสันต์
ศิษย์เพื่อนครูรักกัน   เกี่ยวคล้อง
กันดารแต่ชวนฝัน      ครองคู่
กับเผ่าดอยนางน้อง    แช่มช้อยชวนชม

เคยภิรมย์สี่ร้อย          เขตคาม
นางชื่อเพ็ญพิศงาม     อุ่นร้อน
แสนชาติพี่ขอตาม       ขอแต่ง
เคียงคู่อิงแอบอ้อน      เคลื่อนเคล้าเคียงเชย

โรงเรียนจีนชื่อนั้น           เผยอิง
เคยนั่งเคียงเหมยหลิง      ยั่วยิ้ม
นักเรียนร่ำเรียนจริง       เหวินอวี่
จนค่ำกลับหลับพริ้ม          ตื่นเช้าเรียนไทย

ตรุษจีนเคยร่วมเต้น  ในงาน
วัยรุ่นรำสนุกสนาน    ร่ายดิ้น
ชาวชนแต่ยูนนาน     จีนเผ่า
มาอยู่ไทยสุขสิ้น         ร่วมสร้างแดนทอง

บ้านหนองมองแต่ใกล้    เดินไกล
เป็นถิ่นสาวสวยใส         เมี่ยนเย้า
หลิวฮินผ่องยองใย        นางหนึ่ง
ใครแต่งครองสวาทเคล้า    อุ่นแท้คราหนาว

รัฐฎางามแจ่มฟ้า        ครูสาว
หนีแต่งไปในคราว      พี่จ้อง
ชาวดินบ่เทียมดาว      ดวงเด่น
ทำพี่ซึมโศกร้อง          บ่นบ้าโรยแรง

ศิลาแดงเผ่าม้ง    คนงาม
สุดสวาทพิลาสนาม    นิ่มน้อง
บรรพตแม่เคยยาม    ยลเยี่ยม
เรียมพี่วาดภาพฟ้อง    แต่งไว้เตือนใจ

นาซีชะแม่ม้ง        สาวดอย
ยังอยู่ครองใจคอย   คู่เคล้า
ชายใดบ่ลมลอย     ลวงเล่น
ไปสู่ขอนางเจ้า      แต่งซ้อนสวาทศรี

บรรพตมีหมู่ไม้        ดอกดี
เสือโคร่งชมพูสี      พร่างพร้อย
เชิญชวนหมู่ชาวกวี     เยือนเยี่ยม
เขียนแต่งโคลงกลอนคล้อย    ยั่วเย้ามาลี

ธรณีถิ่นนี้         เขาสูง
เวียงแก่นคือทางจูง    เกลื่อนใกล้
บรรพตนั้นมีฝูง          ชนเผ่า
อาข่าจีนลาวให้           แผ่เอื้อเมตตา

บรรพตภูมิเยี่ยมฟ้า           เมฆา
ฝนฉ่ำเหมยหมอกหนา       ชุ่มชื้น
ประจำอยู่อุรา           หนาวสั่น
ขาดคู่เคียงเรียงพื้น     แห่งห้องกันดาร

ขาหมูสูตรนุ่มเนื้อ         ยูนนาน
แขกเที่ยวกินสำราญ       รื่นลิ้น
บรรพตแต่งอาหาร          เอมอุ่น
เชิญท่านไปเดินดิ้น          เยี่ยมเข้าอุดหนุน

ฟามฟุนางเผ่าเมี้ยน         ใจบุญ
งามดั่งอัปสรสุนทร์           สู่พื้น
ชายใดใคร่เจือจุน            จองแต่ง
ไปแอ่วลำเนาชื้น              ที่บ้านหนองนาม

เพ็ญเดือนดวงเด่นนี้        นวลงาม
รักแต่เพ็ญพิศนาม          ผ่องผู้
ไยนางบ่ตรองความ          รักพี่
ใจบ่ปองรักรู้                 เบื่ออ้ายอันใด

ชีวีในแหล่งหล้า             อนิจจัง
เพ็ญพี่ไยชิงชัง              เบื่อหน้า
เรือนกายย่อมผุพัง        ภายแก่
ฤาว่าเพ็ญพิศข้า             หนุ่มเหน้าตลอดไป

ศิลาแดงอยู่ใต้             บรรพต   วิทยา
เด็กดุ่มเดินดอยคด      เหนื่อยล้า
ไปเรียนเพื่อจำจด        คิดอ่าน
เรืองรุ่งวุฒิวิทย์กล้า      เพื่อใช้สอนตน

ครูปติคนนี่นั้น              คิดถึง
รักที่เคยตราตรึง           ก่อนโน้น
นักเรียนน่ารำพึง         เป็นห่วง
เหินห่างกันไกลโพ้น    อยู่ร้อนฤาหนาว

โตเป็นสาวหนุ่มหน้า      ตาสวย
จงอย่าทำสำรวย             เกียจคร้าน
ใดดีเร่งอำนวย              กอปรกิจ
ดีชั่วแยกแยะต้าน         เพื่อพ้นทางจน

สาวแซ้ซนจบแล้ว           ฤายัง
ใจมุ่งหมายใดหวัง            เร่งเร้ง
การคิดที่พาพัง                 ตกต่ำ
รักใคร่ใจพลาดเพล้ง     หมั่นรู้รักษา

นักเรียนเรียนเร่งไว้     วิชา
ดีชั่วชาญศึกษา              ส่องรู้
ปฏิบัติบ่มจรรยา            เพียรมั่น
จึงชื่อเป็นคนผู้              ล่วงพ้นโมหัน

งานกีฬาเมื่อครั้ง          ทรายทอง
ไปแข่งขันประลอง        เก่งกล้า
บรรพตนั่นคงครอง       บาสเยี่ยม
ทีมหมู่คนเพียงห้า        แข่งได้ทองชัย

วิชาการที่บ้าน             ปางหัด
ไปแข่งขันสอบคัด        เลือกไว้
บรรพตนั่นเจนจัด       คนเก่ง
เป็นหนึ่งนักเรียนได้    ค่าล้นมาตรฐาน

วังคมคายห่างแล้ว       บรรพต
คิดห่วงใจระทด          เหม่อคล้อย
มองเดือนส่องทรงกลด   สวยแจ่ม
ยังครุ่นคิดเพ็ญน้อย      หุ่นเพียงจันทร์นวล

**********

จักรำพันเรื่องไว้                  เชียงราย
เชิญอ่านตามสบาย               ม่วนแท้
คราใดเมื่อกรีดกราย           ไปเที่ยว
เชิญท่านแวะเวียนแล้         ถิ่นท้องศรีเมือง

เชียงรายเรืองรุ่งแก้ว     รัตน์ตรัย
พุทธผ่องเป็นศรีใส         ทั่วถ้วน
ธรรมรสฉ่ำโลมใจ          ไททั่ว
สงฆ์เพ่งเพียรมรรคล้วน  มุ่งหน้านิพพาน

เชียงรายเดิมพ่อเจ้า     เม็งราย
เป็นใหญ่พาพลกราย     แต่งสร้าง
นานมามั่นเฉิดฉาย       เรืองรุ่ง
ตราบเท่าอยุธยาอ้าง       ถิ่นนี้ของไทย

แม่ฟ้าหลวงถิ่นตั้ง          ดอยตูง
ดูคู่พระธาตุสูง                จ่อฟ้า
พฤกษ์ไพรป่ายางยูง      งามชื่น
ไปเที่ยวชมกันจ้า          อย่าได้เลยลืม

ดอยสะลองเด่นฟ้า         เขาเขียว
ชาไร่มองลดเหลียว       ค่าล้าน
นานาเผ่ากลมเกลียว     ชีพอยู่
งามแง่สาวสะอ้าน          ผ่องพริ้มตามพงศ์

ลีซออนงค์แน่งน้อย       อรชร
ผิวผ่องเพียงอัปสร         มิ่งฟ้า
พงไพรป่าดอยดอน       ดูแม่
งามแจ่มโลมโลกหล้า     หนุ่มหน้าสวยใส

จีนยูนนานต่างด้าว        แปลงไทย
สาวแซ่จงซินใส             เพี่ยวเหลี้ยง
นวลนางคู่ควรใคร         ครองแต่ง
มีพี่ปองครองเลี้ยง          แม่เชื้อพงศ์งาม

นามสาวอาข่านี้           บูสือ
บนบ่านางหนักคือ       ท่อนไม้
ทับกระท่อมฝีมือ          งามแต่ง
เป็นอยู่จนยากไร้        แต่เจ้าดีขยัน

แม่จันแยกเร่เข้า             แม่สาย
สามแพร่งทางใจหมาย      มุ่งหน้า
เชียงแสนแล่นขวาผาย     ถึงแน่
ทางแม่อายจรอ้า               อยู่ซ้ายวกเวียน

แม่สายสายแม่น้ำ           ไหลเวียน
เขตม่านไทยเกษียณ      แบ่งไว้
ทัศนาเล่นชมเรียน        เมืองใหม่
เมียนม่าเหนือไทยใต้    ผ่านเข้าแลกขาย

เหนือสุดสยามท่าขี้          เหล็กหลาย
สาวม่านงามเฉิดฉาย      ผ่องพริ้ม
เรียมมองมุ่งใจหมาย      ปองอุ่น
นางนุ่งถุงเดินยิ้ม           แต่งหน้านวลใย

ไปเชียงแสนฝั่งนี้          ของไทย
เบือนเบิ่งไกลโขงไป      ฝั่งโน้น
ลาวเหนือนั่นอาลัย         เกินกู่
ไทยห่วงฮักลาวโพ้น      อยู่ร้อนฤาหานาว

เยือนยลสามเหลี่ยมด้าว   ทองคำ
ไทยม่านลาวมีธรรม         แต่งไว้
ไปมาอยู่ประจำ                ผันผ่อน
เราเพื่อนกันชิดใกล้        แน่นแฟ้นสัมพันธ์

ไปเชียงของล่องข้าม        โขงกัน
เรือดแล่นจรจอดยัน        บ่อแก้ว
ไทยลาวมุ่งแปงปัน          สุขสุขทั่ว
รักอุ่นเนานานแล้ว         ต่างค้าขายของ


เชียงแสนเมืองเก่าสร้าง   นานมา
เป็นที่สืบศาสนา               มั่นไว้
พระธาตุเด่นงามตาม        เห็นอยู่
นามว่าผาเงาไล้           แต่งแต้มดอยงาม

ตามโขงเรือแล่นขึ้น        ทวนธาร
สองฝั่งงามสำราญ           รื่นหน้า
ถึงสามเหลี่ยมคำสถาน    พระใหญ่
องค์ดั่งทองทาบจ้า           เด่นฟ้าแลลอย

นางนอนดอยแม่ฟ้า      หลวงแมน
เขตแม่สายชายแดน    ม่านบ้าน
นอนรอบ่าวเมินแสน    เยือนเยี่ยม
ลืมตื่นฤานางสร้าน       ขุ่นเศร้าโศกหมอง

เชียงของปองจ่องจ้อง      จับบึก
ปลาใหญ่ในโขงลึก          ลุ่มน้ำ
พรานปลาเก่งทางฝึก      กรรมก่อ
ลงบ่วงอวนลึกล้ำ             ผ่านได้ฤาปลา

มีมรรคาคดเคี้ยว            แรมไป
เวียงแก่นแดนพงไพร    ต่อเต้า
แดนลาวเขื่อนของไทย    มาก่อน
ปีนสู่ภูสูงเฝ้า                   เบิ่งฟ้าเห็นไกล

นำไปเวียงแก่นใกล้    เชียงของ
เพลินเที่ยวดอยเมียงมอง   ม่อนฟ้า
ปีนผาบ่องละออง                 หมอกหม่น
พบเผ่าชนหลากหน้า         เมี่ยนม้งจีนไทย

อำเภอเทิงถิ่นใกล้              เชียงคำ
เคยเที่ยวเป็นประจำ          เมื่อยล้า
บรรพตอยู่ไกลทำ             งานศึก   ษาแฮ
ดอยเด่นภูชี้ฟ้า                 อยู่แคว้นเขตเทิง

                             
*****ประวัติปติ*****
*****
ฉันเกิดในหมู่บ้าน        หนองกราด
นาไร่เป็นภูมิชาติ          หล่อเลี้ยง
ศรัทธามั่นพุทธศาสน์    บุญบ่ม
เติบใหญ่นามรูปเกลี้ยง หล่อเพี้ยงเทวัญ

ด่านขุนทดถิ่นนี้            กันดาร
ราฎร์อยู่ในรัฐบาล         อ่อนด้อย
ชาวนานั่นทำงาน          เหน็ดเหนื่อย
จนจ่อมผลผลิตน้อย       ค่าไร้พุงโร

ราชสีมาใหญ่กว้าง         ทวดโม
มีแม่นำชัยโย                อยู่ยั้ง
ลาวกาวพ่ยเลโล            คืนบ่อน
พระนั่งเกล้าทรงตั้ง       ว่าท้าวสุรนารี

ศรีสุชาติชื่อนี้                นามเดิม
คุณพ่อเขียนจานเจิม     แต่งให้
นามปติเปลี่ยนเฉลิม     ตนใหม่
นามเก่ามิตรเรียกไว้     ว่าไอ้ชาติหมา

ปีสองห้าสี่เก้า                 เกิดเป็น        ชายนา
เสาร์มะโรงวันเพ็ญ          สิบห้า
เจริญวัยใหญ่ยากเข็ญ     อกแม่
คุณพ่อสอนเรียนอ้า         อ่านได้เขียนดี				
17 มกราคม 2553 14:14 น.

พระศาสดาอยู่วัดใด

ปติ ตันขุนทด

เชตวันวัดแห่งนี้    พุทธองค์
ชีพเมื่อทรงดำรง    อยู่ยั้ง
อนาถบิณฑิกเจตจง     ใจก่อ
ถวายศาสดาคราวครั้ง  แผ่ฟุ้งสัจธรรม

เชตวันวิหาร่นี้       งามขำ
พระโลกนาถประจำ    เนิ่นช้า
ทรงเทศน์พระสัทธรรม   โปรดหมู่   สัตว์นา
สาวกปัญญากล้า      ต่างได้โสดา

ทุกข์สมุทัยนิโรธทั้ง      มัคคา
องค์เอกพระศาสดา     ส่องชี้
โกรธหลงรักตัณหา      เป็นบ่วง
จงเร่งคลายมัดนี้         เพื่อข้ามสงสาร

อุปาทานนี่แล้            พาหลง
ยึดติดเป็นกรรมกง      เรื่อยรี้
เกิดเจ็บแก่ตายคง       ครองอยู่
เพราะบ่เห็นธรรมชี้     ปลดเปลื้องตัณหา

สาวัตถีถิ่นนี้           แดนพุทธ
พระเชตวันเกิดผุด     เพื่อเกื้อ
สมณะศากยบุตร         ทรงอยู่
ตราบชั่วสังขารเนื้อ      แก่แล้วปลงขัย

พระลาไกลเพื่อเข้า      ดับขันธ์
ผินพักตรลาเชตวัน     นั่นแล้ว
ไปยังป่าสาลวัน            กุสิ
ปรินิพพานแผ้ว           ดับสิ้นทุกขัง				
15 มกราคม 2553 09:02 น.

กระดูก

ปติ ตันขุนทด

กระดูกคือโครงร่างของเลือดเนื้อ
มีไว้เพื่อทรงกายเดินผายผัน
เป็นธาตุแข็งค่าล้ำส่วนสำคัญ
ต้องคิดหมั่นฝึกฝนให้ทนดี
  
กระดูกหักจักได้ความลำบาก
ต้องยุ่งยากรักษาตามหน้าที่
หาแคลเซี่ยมมาเสริงแรงให้แกร่งดี
จบเท่านี้กระดูกเราก่อนเผาเอย				
13 มกราคม 2553 15:14 น.

โอ้กาญ

ปติ ตันขุนทด

พฤกษาไทรกิ่งก้าน       ใบเขียว
เป็นร่มเย็นจริงเจียว     ต่ำใต้
จรไปนั่งดายเดียว        มองเหม่อ
ขาดคู่เคียงกรายใกล้     เหว่ว้าอาวรณ์

ทินกรจรต่ำใกล้             อัศดง
เรียมพี่ยังใจตรง            ต่อน้อง
วันคืนเคลื่อนเวียนวง     ผันเปลี่ยน
รักจ่อจินต์คงคล้อง         แต่เจ้านามกาญ				
13 มกราคม 2553 13:13 น.

ศักดิ์ศรีดีพอ

ปติ ตันขุนทด

***กลอนหยอกล้อ***

เอาคืนมาเลยรักที่เหลือ
รักที่เคยจุนเจือเผื่อไว้ให้
ไม่ใช่เป็นเดนเพื่อใคร
รักอาลัยจากไปแต่ลำพัง

รักที่เหลือมีค่ามหาศาล
หากพบพานวันหน้าถ้ามีหวัง
จะยืนอยู่ข้างกายให้กำลัง
จะมอบให้ทุกอย่างที่ต้องการ

*****ให้ทั้งหมดไม่เหลือเศษ
*****ให้ทั้งเต็มๆไม่แบ่งใคร
*****เอาปะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปติ ตันขุนทด