23 เมษายน 2551 22:00 น.

ฐานะอะไร

ปลายตะวัน

1502.jpg

ใจเคยโศก ดังโลกเคล้า เศร้าผสม
รอยระทม เทียมเทียบ สุดเปรียบหมอง
รอยร้าวรัก ปักทรวง เป็นบ่วงจอง
ที่คาดคล้อง ดวงจิต มานิตย์นาน

จึงมิกล้า เอ่ยพร่ำ คำว่ารัก
เพื่อสลัก ฤดีเจ้า เว้าหวามหวาน
มิกล้าเอื้อน มธุรส เพียงจดจาร
ทรมาน กลืนกล้ำ แทบช้ำวาย

เกรงเจ้าเบือน เลือนร้าง ห่างวิถี
เกรงน้องพี่ จะระอา แล้วลาหาย
เกรงว่านุช  สุดสิ้น สวาทวาย
เกรงว่ากลาย  คล้ายจัก รักข้างเดียว

จึงเพียงมอง ปองเพียงตา ผวาหวั่น
รอสักวัน ที่ใจเจ้า เฝ้าเฉลียว
เพียรทอรัก ถักไย ให้เป็นเกลียว
คล้องก้อยเกี้ยว เกี่ยวน้องไว้ ไม่คลาดคลา


				
12 เมษายน 2551 03:50 น.

๏ รักเธอเพียงผู้เดียว ๛

ปลายตะวัน

coffee_morning.jpg
รอยลึกลึกลุ่มร้าว................รอยใด
รอยรักฝากรอยใน.............ชอกช้ำ
รอยสวาทบาดหัวใจ............มิอาจ ลืมนา
รอยถวิลถวิลกล้ำ................รอบกล้ำหทัยเสมอฯ

หนึ่งหทัยฝากไว้................เพียงเธอ
หนึ่งรักเพียรเสนอ............มอบให้
หนึ่งกมลละไมละเมอ..........ภิรมย์รื่น
ร้อยรักฤๅเทียบได้.............เช่นชู้ชิดสมรฯ

รักเอยจงอย่าร้าว..............รอนเลย
รักเอ่ยเอื้อนเฉลย............เพรียกเจ้า
รักนี้บ่เคยเผย.................คำฝาก ใครนา
แรงรักแรงรุมเร้า.............ค่ำเช้าบ่ห่างหายฯ

รักเจ้าเกินกว่าแก้ว..........มณีใด
รักสุดสิ้นดวงใจ................จะรักได้
รักสุดพิภพไหน................สุดลับ ตาแล
รักบ่สุดสวาทไซร้..............บ่สุดสิ้นสวาทสลายฯ

				
20 กุมภาพันธ์ 2551 13:51 น.

๏ เรื่อยเปื่อยตามใจ...ปลายตะวัน ๛

ปลายตะวัน

121181726527.jpg

จันทร์แต้มแต่งฟากฟ้า           งามเหงา
งามง่ายซุกซอกเงา                 หลืบเร้น
ใจเอยเอ่ยเบาเบา                 เอื้อนบอก 
ซ่านแทรกดังคับเค้น             ขื่อค้ำอกไฉนฯ

รักไล้โลมอ่อนอ้อน                เอื่อยไหว
หวิวหวั่นวุ่นภายใน               ชื่นช้ำ
พบพรากพรางผันไป             ปลายภพ
เคยชื่นกลับกลืนกล้ำ             กลัดกลุ้มบ่หายฯ

จิตเอยเพียงแต่งแต้ม            เติมเอง
ไหวหวั่นบ่หวั่นเกรง              โศกเศร้า
ยามสุขเสพครื้นเครง             เริงโลก
ละร่างลืมจิตเคล้า                   คลุกครื้นโลกีย์ฯ

ปลายตะวันตกต้อง                เตือนตน
เบิกบาปบ่มเจียนจน             หม่นไม้
ทิวาว่ายวารวน                     เวียนว่าง
ดังรักดังสุขไซร้                     สุดสิ้นเสน่หาฯ




				
5 ตุลาคม 2550 18:21 น.

สังคหวัตถุธรรม เครื่องยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่น

ปลายตะวัน

pojinban.jpg
สังคหวัตถุแผ้ว               ผ่องธรรม
สี่ประการกุศลกรรม        ก่อเกื้อ
คือเครื่องยึดเหนี่ยวนำ     มิตรภาพ
น้ำจิตน้ำใจเอื้อ              โอบอุ้มพิภพสถานฯ

(1.ทาน )
ทานคือเสียสละแม้น       ทรัพย์ตน
ละละโมบฉ้อฉล             ชั่วช้า
มิหวังเพื่อพึงผล             เพียงประโยชน์ ตนเฮย
พลีทรัพย์ ณ เมื่อหน้า      เมื่อนี้สุขสนองฯ

(2.ปิยวาจา)
ปิยพจน์โอษฐ์เอื้อน         วจี
อดหยาบหยามพาที        อวดอ้าง
เว้นส่อเสียดเสียศรี         ทุศีลบาป
สานสืบสัมพันธ์สร้าง        มิตรแม้นโลก-สวรรค์

(3.อัตถจริยา)   
บำเพ็ญสงเคราะห์ให้       แก่ชน
รู้ช่วยบำเรอผล               โลกหล้า
ยังประโยชน์ทุกหน         ทุกแห่ง
คนย่อมใคร่คบค้า           ครึกครื้นทุกสมัยฯ

(4.สมานัตตตา)
ประพฤติดีแต่ต้น            จนปลาย         
สม่ำเสมอใจกาย            ทั่วถ้วน
ละเว้นอัตตาคลาย          อคติ
รู้ตริรู้ตรองล้วน              โลกนั้นสรรเสริญฯ

นรชนแลโลกนี้               อนิจจัง 
เงาบาปเงาบุญบัง          บ่มไซร้
ชาติภพย่อมสิ้นสัง-        ขารที่ สุดนา
บังบาปเบิกบุญไว้           บ่มบ้างบ่เสียหลายฯ





หมายเหตุ 

สังคหวัตถุธรรม หมายถึง หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น 
ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน 
มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่ 

1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตน
    เพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น  ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว 
    ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ 
    ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ 
     มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้

2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ 
    ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ 
     พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง 
     เพราะการพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น
      วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์
      ดังต่อไปนี้
      -เว้นจากการพูดเท็จ
      -เว้นจากการพูดส่อเสียด
      -เว้นจากการพูดคำหยาบ
      -เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ 

3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 

4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย 
   คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล 
   รวมทั้งยังเป็นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่น
				
30 กันยายน 2550 00:01 น.

๏ นรชาติ ๏

ปลายตะวัน

7670.jpg
นรชาติผู้ขลาดเคล้า      เขลากมล
ผันภพจุติตน                เปล่าสิ้น
กาลล่วงลุล่วงจน           ปลงปลด
อันกุศลแม้ริ้น               บ่ไล้โลมฉวีฯ

แลร่างยามลับแล้ว         ลิบลอย
เถ้าถ่านธุลีทะยอย         ทบเถ้า
ยอดชู้รักเคยคอย          พิทักษ์  ถนอมเฮย
แม้นุ่มเนื้อเคยเคล้า      คลาดเคล้าบ่ครวญถวิลฯ

ควรทวนสำนึกไว้           มิวาย
ก่อนชีพมล้างมลาย       ด่าวดิ้น
บังบาปเบิกบุญปลาย     ปรภพ  พอฤๅ
ปริโทมนัสบ่สิ้น             บ่สิ้นเสมือนสมัยฯ

ทุกข์คอยรอรับโพ้น      พะนอเนา
บุญสั่งสมหนักเบา        ก่อเกื้อ
กรรมวิบากดังเงา         งุ้มงอก
ชาติภพมิลบเรื้อ           เมื่อม้วยธุลีสลายฯ
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปลายตะวัน
Lovings  ปลายตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปลายตะวัน
Lovings  ปลายตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปลายตะวัน
Lovings  ปลายตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปลายตะวัน