30 สิงหาคม 2547 19:24 น.

ไภรวภาวะ

มณี ปัทมะ ตารา

ดุจห้วงห่วงหาอาวรณ์
หุบเหวเปลวร้อนจรถึง
ไร้ซึ่งตรึงตราพาคนึง
ลึกซึ้งพึงอันตรธานปลาย

ห้วงเหวเปลวซึ้งถึงรัก
จงตระหนักรักแท้แปรสลาย
ไภรวภาวะจะกลาย
ดำรงหมายปลายจุดสุดทาง

ยามใดใจจมตรมรัก
อุบัติหนักหักห้ามตามห่าง
ตื่นตระหนกอกขมซมนาง
ไร้ร้างต่างดำรงปลงรูปกาย

แม้ร่างจางคลายมลายสูญ
กอบกูลพูนผลยลหมาย
รักแรกแทรกซึมซับพราย
สูญสลายหมายปลาย...สัจจธรรม

กายเธอนั้นมีเพียงฉันดำรงอยู่
เฉกเช่นรู้กายเธออยู่สถิตย์ล้ำ
อมตะรักนิรันดร์หนาค่าครวญคำ
ดำรงย้ำพร่ำรักแท้แน่นักเอย

...ไภรวสภาวะ  คือ  ภาวะแห่งความรักอันบริสุทธิ์    ที่ไม่มีการหวนกลับอีกต่อไป   แต่จะดำรงอยู่ ณ จุดสุดยอดนั้นตลอดไป...

ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ  คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา   สวัสดี

มหะศักติ   กาลิ 

..........

บทกลอนไภรวภาวะบทนี้กล่าวถึง   การปฏิบัติตันตระที่ลิขิตไว้ด้วยภาษารัก

เพราะความรักเป็นอุบายขั้นแรกสุดสำหรับถ่ายทอดพุทธิปัญญาของตันตระ   

ไภรว   คือศัพท์เฉพาะในทางตันตระสำหรับเรียกขานบุคคลที่สามารถก้าวล่วงแล้วจากทวิภาวะทั้งปวง

ซึ่งเป็นการยากดังที่ท่านผู้เฒ่ากล่าว   ด้วยเหตุเพราะว่า   ต้องลงมือฝึกปฏิบัติและต้องละทิ้งกายเนื้อโดยสิ้นเชิงในขณะที่มีชีวิตอยู่    

ซึ่งเป็นการปฏิบัติในขั้นอุกฤษ   เหลือเพียงพลังทางจิตวิญญาณบริสุทธิ์ล้วนๆ    จึงจะเข้าใจในอุบายคำสอนที่ลึกซึ้งดังกล่าว

ตันตระ  ในศัพท์สันสกฤต  หมายถึง  หัวข้อ   คำสอน  หรือสิ่งสำคัญ   ซึ่งเป็นเพียงอุบายวิธี (อุปายะ)  หรือเทคนิคเท่านั้น

ในทางมหายานหรือวัชรยานนั้น   อุปายะ คือ  หลักการที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวด    กล่าวคืออาศัยอุบายวิธีเป็นพลังหนุนนำไปสู่มรรคผลที่พึงประสงค์   ซึ่งอุบายวิธีบางอย่างอาจดูแปลกประหลาดสำหรับชาวพุทธเถรวาทอย่างเรา

บทกลอนข้างต้น  กล่าวถึงสภาวะธรรมของบุคคลสองคน   ที่ใช้ความรักเป็นอุบายในการก้าวล่วงจากทวิภาวะ   ซึ่งบางท่านอาจไม่เคยพบหน้ากันเลย

ร่างกายยังคงเป็นสอง   หากแต่พลังทางจิตวิญญาณที่พ้นจากร่างกาย    ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว  ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกามารมณ์แต่อย่างใด

แต่ทว่า   อันตรายอย่างยิ่งถ้ามัวไปติดตรึงอยู่กับมัน    ต้องก้าวล่วงให้พ้น   และแปรเป็นความรัก   ความอบอุ่น   ความเมตตา  ให้ได้ในที่สุด

ไร้ซึ่งสัมผัสทางกาย
ไร้ซึ่งรูปหมายให้รู้
ไร้ซึ่งคำพรรณนาพรั่งพรู
ไร้ซึ่งตัวตนกู ของกู เช่นกัน

มณี   ปัทมะ  ตารา				
20 สิงหาคม 2547 16:50 น.

คือดรรชนีแห่งชีวิต

มณี ปัทมะ ตารา

มวลหมอกลอยลอกซอกเขา
เคลื่อนเนาว์เขาสนปนหิน
อวลตลบซบพฤกษ์ผลึกจินต์
จรุงดินกลิ่นอายสายใย

ยินลมผสมแตะแซะซอก
คละหมอกออกเสียงเพียงไหว
ดุจพิณยินยามทรามวัย
พริ้วไหลในดรรชนีนาง

ดีดขยับสลับสายปลายเสียง
ไล่เรียงเพียงเส้นสายใส
ส่งสะเทือนเรือนกายภายใน
สลายใยเอ็นเส้นเช่นกายา

พรมนิ้วพริ้วล้ำน้ำไหล
สว่างในไหวเกลียวเดียวหมุน
จากเกศาพาโล้โลมาดุล
นขาจุลพรุนทันตาตโจ

ธรรมะสวัสดีทุกท่านค่ะ				
17 สิงหาคม 2547 08:44 น.

มรรคา - บายน

มณี ปัทมะ ตารา

ยินเสียงเพรียกเรียกสู่เทวาลัย
ดำเนินเดินไป
ตามมรรคามหาเทพจำลอง
ศิลาจำแลงแดงมอญ
อมชมพูเรืองรอง
มองชะม้ายจ้องดูชำเลืองตาม
เทพอัปสรรับสู่ประตูนาม
สู่ลานเขตคาม
แห่งแดนบวงสรวงเทพศิวาลัย

.....



กรรมก่อหมุนเวียนบรรจบ
เหตุพบจากทุกข์ก่อหนา
ภาพผุดดุจดั่งมายา
แต่หาหยุดยั้งดั่งใจ

นางในศีลขาวบริสุทธิ์
งามพิสุทธิ์อาภรณ์ไร้สี
ทรงซึ่งพละแห่งบารมี
กล่าววจีมธุรสวาจา

พรั่งพรูล้วนแล้วประกาศิต
สาปแช่งทั่วทิศแดนหล้า
ทรัพย์ใดเอาไปคืนมา
ของข้าอย่าถือครอบครอง

เพียงวจีกรรมผ่านข้ามภพ
สามชาติบรรจบครบหนา
ตามทวงทรัพย์คืนฟื้นมา
กลายเป็นบิดาชาติหนึ่ง

ด้วยผลปฏิบัติชาตินี้
กล่าววจีสลายสิ้นสุดหนา
ปลดปล่อยแม้เพียงวิญญา
กรรมพามาละสลายกรรม

ทรัพย์กูของกูหวงแหน
ตามทวงตามแค้นแดนหน
บทเรียนมีค่ามาผจญ
วางตนละซึ่งของกู

ศักติ  ตารา				
9 สิงหาคม 2547 10:34 น.

หากเป็นได้ดั่งแสง

มณี ปัทมะ ตารา

หากเป็นแสงขอเป็นเพียงแสงหิ่งห้อย
ประดับย้อยอยู่กลางดงพงพฤกษา
หากเป็นแสงขอเพียงส่องดงพงา
ในราวป่าได้ชื่นชมสมฤทัย

หากเป็นแสงขอเพียงส่องในดวงจิต
แห่งพุทธิเป็นพีชะปลั่งรัศมี
วางวางว่างผลบริสุทธิ์ผุดผ่องมี
ทรงความดีย่อมถึงซึ่งพลังธรรม

หากเป็นแสงขอสาดล้างทำลายทุกข์
กังวลผุดสาดดับสิ้นมลทินหนา
มิให้โลภ โกรธา หลง เหลือเชื้อนา
ศรัทธากล้าตั้งสงบสันติธรรม

หากเป็นแสงขอสาดส่องอิสระ
จิตพุทธะมั่นแน่วแน่ไม่แปรผัน
ไม่ทอดทิ้งสรรพสิ่งซึ่งผูกพัน
สรรพสัตว์นั้นพลันรู้ชื่นตื่นเถิดเอย

ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ   คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา   สวัสดี

มณี   ปัทมะ   ตารา 				
9 สิงหาคม 2547 10:22 น.

หากเป็นได้ดั่งแสง

มณี ปัทมะ ตารา

หากเป็นแสงขอเป็นเพียงแสงหิ่งห้อย
ประดับย้อยอยู่กลางดงพงพฤกษา
หากเป็นแสงขอเพียงส่องดงพงา
ในราวป่าได้ชื่นชมสมฤทัย

หากเป็นแสงขอเพียงส่องในดวงจิต
แห่งพุทธิเป็นพีชะปลั่งรัศมี
วางวางว่างผลบริสุทธิ์ผุดผ่องมี
ทรงความดีย่อมถึงซึ่งพลังธรรม

หากเป็นแสงขอสาดล้างทำลายทุกข์
กังวลผุดสาดดับสิ้นมลทินหนา
มิให้โลภ โกรธา หลง เหลือเชื้อนา
ศรัทธากล้าตั้งสงบสันติธรรม

หากเป็นแสงขอสาดส่องอิสระ
จิตพุทธะมั่นแน่วแน่ไม่แปรผัน
ไม่ทอดทิ้งสรรพสิ่งซึ่งผูกพัน
สรรพสัตว์นั้นพลันรู้ชื่นตื่นเถิดเอย

ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ   คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา   สวัสดี

มณี   ปัทมะ   ตารา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงมณี ปัทมะ ตารา