31 ตุลาคม 2547 19:42 น.

น้องจุ๋ม

มณี ปัทมะ ตารา

น้องจุ๋มบุ๋มบิ๋มปริ่มรัก
ถนอมนักจักคอยพลอยหา
ร้องเรียกเหมียวเหมียวเดี๋ยวมา
เคล้าแข้งเคล้าขาน่าเอ็นดู

ตาโตดำขลับสลับเหลือง
เชื่องเชื่องเยื้องช้าพาหราหรู
ลายเสือเรื่อเทาเงาหางพู่
ขนฟูฟูดูหยิ่งหญิงท่านแมว

คืนฝนตกตระหนกตื่นฝืนร้องเรียก
ตัวไม่เปียกเพรียกร้องจ้องตาแป๋ว
คุณแม่ขาฟ้าถล่มจมจุ๋มแจว
จุ๋มแจ๋วแหววแคล้วคลาดฟาดเคราะห์มา

คุณแม่ขาพาจุ๋มไปนอนด้วย
คุณพระช่วยอวยพรจุ๋มหน่อยหนา
จุ๋มไม่กลัวอะไรเลยเฉยทุกครา
แต่เพียงเสียงฟ้าผ่าน่าเกรงเอย

.....น้องจุ๋มเป็นแมว    เป็นลูกของแม่แป๋ว     แม่แป๋วมีลูก 4 ตัว   ชื่อ  น้องจิ้ม   น้องจุ๋งหม่ง   น้องจิ๋ม   แล้วก็น้องจุ๋ม

4 ตัวนี้   น้องจุ๋งหม่ง   อ่อนแอขี้โรคที่สุด    ต้องพาไปหาหมอตลอด   เพราะจุ๋งหม่งโดนรถทับแล้วไม่ตาย    แต่ระบบขับถ่ายภายในเสีย    น้องจุ๋งหม่งเป็นพี่ของน้องจุ๋ม     น้องจุ๋งหม่งมักจะเกิดอาการสงสัยและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเมื่อเจองูหรือหนู    คงคิดว่า   ตัวอะไรน้า    หน้าตาไม่เห็นเหมือนแมวอย่างเราเลย

สำหรับแม่แป๋ว   ฉลาดมาก   ถ้ามีอะไรผิดปกติ   เช่นมีผู้บุกรุกหน้าตาไม่เหมือนแมว   เข้ามาภายในบ้านโดยไม่ได้รับเชิญ   แม่แป๋วจะวิ่งเข้ามาหาแล้วร้องอยู่อย่างนั้น   ถ้านอนอยู่ก็จะกระโดดขึ้นมาบนอก   แล้วก็จ้องหน้า   ร้องอยู่อย่างนั้น    จนกว่าจะเดินตามเค้าไป

แม่แป๋ว   กับลูกอีก 3 ตัว ตายหมดแล้ว  ยกเว้นน้องจุ๋ม   ที่ยังอยู่เป็นคู่ชีวันขวัญชีวี    เวลาน้องจุ๋มหิว    ก็จะมานั่งใกล้ๆแล้วร้อง   ถ้าถามว่าจะเอาอะไร   น้องจุ๋มก็จะมองไปที่ถุงอาหารมีโอ   อ๋อ...เรารู้กัน...

น้องจุ๋มตื่นเช้ามาก   ถ้ายังไม่มีใครตื่น   น้องจุ๋มจะมาเคาะประตูเรียก    อีกอย่างเป็นแมวที่กลัวเสียงฟ้าร้องมาก    ไม่รู้เหมือนแมวบ้านอื่นหรือเปล่า     น้องจุ๋มนิสัยเหมือนแม่แป๋ว    ถ้ามีผู้บุกรุกหน้าตาไม่เหมือนแมว    น้องจุ๋มก็จะรีบมาบอก   ทำท่าลุกลี้ลุกลน    เหมือนวิ่งไล่ต้อนอะไรอยู่    อ๋อ...ให้ไปช่วยไล่งูกัน...

ตอนนี้น้องจุ๋มเป็นแมวเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ภายในบ้าน    น่าสงสาร   ดีที่คุยกันรู้เรื่อง   น้องจุ๋มเลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่...อ๋อ...เรารู้กัน...

อยากบอกว่า...น้องจุ๋มน่ารักมากค่ะ...

มณี   ปัทมะ  ตารา				
13 ตุลาคม 2547 10:29 น.

ชีวิต

มณี ปัทมะ ตารา

บทบาทเกี่ยวกับชีวิตของบุคคลอื่น    ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจ    ดูเหมือนจะมากกว่าชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ    บางครั้งเราก็หลงในชีวิตของผู้ไม่มีตัวตน    ชีวิตสมมติของบุคคลในเรื่องราวต่างๆ   ที่ปรากฎออกมาในฐานะของตัวละคร   ลิเก   ภาพยนตร์    ซึ่งถูกสร้างสรรค์และลิขิตไปตามบทบาทสาระพัดอย่าง

ตามแต่ผู้ประพันธ์จะลิขิต     แต่มันก็ทำให้เราสนใจในเรื่องชีวิตเหมือนกัน     แต่ทว่ากลายเป็นไปสนใจในเรื่องของคนอื่น    บทบาทของคนอื่น    จนลืมสนใจในเรื่องชีวิตของตนเอง    นานเข้า...ก็เข้าใจผิด    หลงยึดเอาบทบาทที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น    เป็นแบบอย่างประพฤติปฏิบัติตาม

ดูหนัง   ดูละคร    ดูเพื่อพิจารณาปลงธรรมสังเวช   ย่อมมีประโยชน์    แต่หากถือมาเป็นแบบฉบับและหลงเคลิบเคลิ้มไปตามบทบาท    บุคคลผู้อ่อนต่อเรื่องของชีวิต    ย่อมตกเป็นทาสของบทบาทที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างไร้สติ      จริงอยู่...ที่อาจทำให้เกิดความเพลิดเพลิน    และลืมความทุกข์ที่ประสบอยู่ได้   แต่ก็เพียงชั่วขณะหนึ่ง

ความสุขที่ได้รับมา     จึงเต็มไปด้วยอำนาจของโมหะธรรม    อำนาจของโลภะเจตนา    อำนาจของโทสะ   ถูกความหลงเข้าครอบงำ    และมีชีวิตอยู่โดยขาดสติสัมปชัญญะ    ไม่สามารถจะวินิจฉัยได้ว่า    อะไรเป็นกุศล    อะไรเป็นอกุศล    ผลสุดท้าย...ชีวิตของตนเองก็อยู่แบบแล้วแต่เหตุการณ์จะพาไป    ล่องลอยไปตามบทบาทของตัวละครในนวนิยายที่ได้อ่าน   ได้ดู    ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม...ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

สิ่งประโลมโลกทั้งหลายนั้น    หาใช่การดับทุกข์ที่แท้จริงไม่    แต่หากเรามีสติสัมปชัญญะ    รู้สึกผิดชอบชั่วดีและพิจารณา    มันก็จะกลายเป็นความสงบ    เปี่ยมไปด้วยความผาสุก    ขอเพียงรู้จักป้องกันอย่าให้สิ่งที่ไม่ดีมาทำลายจิตใจของเราให้ห่างเหินจากความเป็นมนุษย์ก็เพียงพอ

จงภูมิใจเถิดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์     สุดประเสริฐแท้ที่ได้เกิดในพุทธศาสนา    ทุกคนเป็นมนุษย์    แต่เป็นมนุษย์ที่ดีก็ยังเป็นการยาก    ทำให้เรื่องของชีวิตเป็นเรื่องยากไปด้วย

มณี   ปัทมะ   ตารา				
11 ตุลาคม 2547 09:43 น.

มนุษย์ผู้มืดบอด.

มณี ปัทมะ ตารา

ความทุกข์ใจของมนุษย์มีมากมายสารพัด และคอยที่จะบั่นทอนสุขภาพจิตของตนเอง เบียดเบียนจิตใจตนเองให้ผิดปกติแล้วยังไม่พอ มนุษย์ผู้มีจิตใจมืดบอดเลวร้ายเป็นทวีคูณ ก็คิดที่จะแก่งแย่งกัน เอาเปรียบกัน กระพือโหมกิเลสตัณหาในใจตนให้หนักยิ่งขึ้น จนเป็นบาป เป็นอกุศล เป็นทุกข์ทางใจ เป็นมโนกรรม ความชั่วแผดเผาจิตใจตนเองให้เร่าร้อน จนทะลักออกไปทางปาก เป็นวจีกรรม และทางกายเป็นกายกรรม..ชั่ว.. ก่อทุกข์ก่อโทษให้สังคม แม้แต่ในครอบครัวตนเอง จนลุกลามใหญ่โตไปทำความเดือดร้อนให้แก่สังคม มันน่าอดสู น่าอับอายสัตว์เดรัจฉานยิ่งนัก

มนุษย์ผู้มืดบอดด้วยโมหะ อวิชชา มิจฉาทิฏฐิ จึงหลงมัวเมาไปใน สุขเวทนา อันเป็นอิฏฐารมณ์จากกามคุณ 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส พากันตกเป็นทาสอารมณ์ ทาสวัตถุ อย่างเบาปัญญา

บ้าสุดเหวี่ยง เพื่อหวังยื้อแย่ง ช่วงชิง หวงแหน ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งสุขภาพจิตและสุขภาพกายตน ใฝ่ฝันที่จะได้มี ได้เป็น ไม่สมหวังก็โกรธ เคียดแค้น อิจฉาริษยา มนุษย์.....จึงเป็นสัตว์ที่ต้องทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส.....ช่างน่าสมเพช.....น่าเวทนาเป็นยิ่งนัก..... มนุษย์.....ปกติชอบเข้าใจ กงจักรว่าเป็นดอกบัว ไม่กำหนดรู้ทุกข์ทางกาย และสาเหตุของทุกข์ แล้วจัดการดับทุกข์นั้นลงให้ตรงสาเหตุ ให้ขาดสะบั้นไป..... 

มนุษย์.....เป็นสัตว์ชนิดเดียว ที่สามารถศึกษามหาวิทยาลัยโลก คือ จิตใจที่ควบคุมกายนี้ แต่มักไม่ชอบศึกษา เพราะมันไม่สนุกเหมือนกับการได้ศึกษาโลกภายนอก คือ กามคุณทั้ง 5 นั่นเอง จึงถูกกงจักรปั่นอยู่บนศีรษะจนเลือดไหลโทรมแล้วโทรมอีกก็หารู้สึกตัวไม่ เหมือนแมลงเม่าที่หลงผิดไปว่า ไฟนั้นให้ความสุขสนุกสนานแก่ตนได้ จึงพากันบินเข้าสู่กองไฟ ตายไปเสียนักต่อนักแล้ว

มหาวิทยาลัยโลก.....อยู่ที่ใดหนอ.....ฟังเถิดหนา.....มนุษย์.....ช่างไร้เดียงสาต่อธรรมชาติยิ่งนัก.....เหตุใด.....มาก็มืด.....ไปก็มืด.....เสียดายชาติเกิดนักหนา..... 

.....จงเรียนรู้สัจธรรม ความเป็นจริงของธรรมชาติที่จริงแท้.....โลกนี้หนา...คือ...กายอันยาววา หนาคืบ กว้างศอก ที่มีพร้อมทั้งสัญญาและใจ..... 

.....มนุษย์ผู้มีกายและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ครบบริบูรณ์ จึงจะสามารถเรียนรู้โลกนี้ได้.....เกิดมาแล้ว เมื่อยามจากไป ใยทิ้งไว้ให้เหลือเพียงแต่...ซากศพ...มนุษย์..... 

พัฒนากายและจิตวิญญาณตนเองเถิดหนา เพื่อจะได้พ้นไปจากอำนาจของโลกียะ และสามารถยกระดับจิตขึ้นสู่ โลกุตตระ ใช้พลังศรัทธาและวิริยะ ศึกษาโลกจนเข้าใจโลกธรรมโดยกระจ่าง และแจ้งในโลกุตตระ แม้มีชีวิตต่อไปเพื่อทำหน้าที่ของมนุษย์ ก็จะเป็นมนุษย์ที่ได้รับประโยชน์ตนและทำประโยชน์ท่านอย่างดียิ่ง มิเสียดายชาติเกิดเช่นนี้หนา.....มนุษย์.....

ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ   คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา   สวัสดี

มณี   ปัทมะ  ตารา				
7 ตุลาคม 2547 19:57 น.

อนิจจา.....ถนนสายดอกกุหลาบ

มณี ปัทมะ ตารา

ทางเดินแห่งชีวิต    แต่ละคนย่อมเดินอยู่บนหนทางที่แตกต่างกัน    บางคนตลอดระยะเวลาการเดินทางล้วนโรยด้วยกลีบกุหลาบ    หนทางคงสวยสดงดงาม    กรุ่นหอมไปด้วยธรรมชาติของดอกไม้

ใครจะรู้บ้างว่า    กว่าจะบรรจงดึงกลีบกุหลาบอันนุ่มและบอบบางแต่ละกลีบ    ต้องทะนุถนอมขนาดไหน    ผิวอันบอบบางบนฝ่ามืออันอ่อนนุ่ม    ถูกทิ่มตำและบาดลึกด้วยหนามแหลมคมของกุหลาบแต่ละดอก    กว่าจะโรยกลีบให้เต็มถนน    มือก็เจ็บระบม    บาดลึกเป็นแผลใหม่    ซ้ำแทงลึกลงรอยแผลเก่าให้ปวดร้าวหนักขึ้นไปอีก

ทุกคนอยากมีถนนสายดอกกุหลาบเป็นของตนเอง    บางคนก็รู้ความหมายและบั้นปลายแห่งการเดินทาง    แต่บางคนแทบไม่รู้เลยว่า    ถนนที่โรยโปรยกลีบไว้เพื่อให้สวยสดงดงามอย่างผู้อื่น    กลับไม่มีกลิ่นอายความหอมหวลของธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็นอยู่เลย

ทำอย่างไรได้เล่า.....นอกจากอดทนโปรยกลีบกุหลาบลงบนเส้นทางเดินของตนเองต่อไป    แต่ก็สดชื่นหัวใจและดื่มด่ำกับความงามที่กรุ่นอวลหอมหวล    ด้วยเข้าใจในธรรมชาติของดอกไม้ทุกครา   เปรียบประดุจได้เบ่งบานอยู่ในดวงจิต.....ช่างมีความสุขเสียนี่กระไร

ระเบียบกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง    ตั้งอยู่บนความเอารัดเอาเปรียบ    เพียงเพื่อหาสรรเสริญแห่งตน   คือปกติธรรมดาของสังคม    บนความสุขย่อมมีความทุกข์    และบนความทุกข์    ความสุขก็เบียดคู่มาตลอด

ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น    ซึ่งมีอยู่ในสังคมมนุษย์ทุกระดับ    แต่ก็ยังมีความอุ่นอวลของความเมตตา   กรุณา  อยู่ในสังคมทุกระดับเช่นกัน

ชีวิตเต็มไปด้วยปรัชญา    แต่อนิจจา.....ก็ไม่สามารถไขปรัชญาแห่งชีวิตของตนเองออก    เพราะบังเอิญเป็นปรัชญาที่จดจำมาจากผู้อื่น   ดูช่างไร้ความหมาย   เพราะไม่ได้ซึมเข้าไปจุดประกายปัญญาตนเองอย่างแท้จริง

อนิจจา.....ถนนสายดอกกุหลาบ.....จึงปราศจากความกรุ่นอวลหอมหวลตามธรรมชาติไปโดยสิ้นเชิง.....อนิจจา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมณี ปัทมะ ตารา
Lovings  มณี ปัทมะ ตารา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงมณี ปัทมะ ตารา