27 มีนาคม 2546 14:27 น.

ด้วง และผีเสื้อ (หนอนด้วง ภาคอวสาน)

ม้าก้านกล้วย

หนึ่งด้วงกว่างอ้างว้างกลางดงดอก
ชงโคชอกใจช้ำร่ำไห้หา
ตำหนิตนต่ำต้อยด้อยปรีชา
ผีเสื้อสาวชาวฟ้ามิกล้ากราย

หนึ่งผีเสื้อเรื่อริ้นรินน้ำตา
การจากลารุนแรงเกินแหนงหน่าย
มิรู้เกณฑ์จากเป็นหรือเร้นตาย
มิรู้ภายภาคหน้าว่าจะเจอ

ด้วงกว่างปีกแข็งโผโล้เล่นลม
เจ็บระบมคลายบ้างว่างและเผลอ
ชอนไชดงชงโค โถ ละเมอ
จำเหลือบรุ้ง มุ่งเหม่อ ถึงเธอนั้น

ผีเสื้อสาว เมียงมอง ลงท้องทุ่ง
หน่ายสังคม ขรมคลุ้ง สูงสนั่น
กรุ่นกลิ่นกาย คลับคล้าย หนอนในฝัน
ก็หุนหัน แสวงหา ว่าคือใคร

พบพานแล้ว พลัดพรากเพื่อ จะพบพาน
สูดลมซ่าน กักสะอื้น กลืนเสียงไห้
ต่างฝ่ายต่าง ผ่านเหงา ต่างเข้าใจ
พบกันใหม่ ฐานะใหม่ ใช่กีดกัน
สองมิตร สองศักดินาเหลื่อม
ซึ่งเอื้อมมือสมานร่วมสานฝัน
เหงามานานผ่านมาหน่ายตั้งหลายวัน
เมื่อพบกันเข้าใจในมิตรแท้ 


(ม้าก้านกล้วย)				
27 มีนาคม 2546 10:12 น.

ลมเอย(กลอนกลวิสูตร สองไข และ สะบัดสะบิ้ง)

ม้าก้านกล้วย

เย็นโอ้เย็น ลมพัด สะบัดสบาย
คลายลมคลาย ร้อนแรง แสลงสงวน
พัดเจ้าพัด ไกวกวัด สำบัดสำนวน
ชวนเจ้าชวน เย็นใจ หทัยหฤษฎ์
พายพระพาย ไหวหวาน ผ่านฝนผ่านหนาว
ผ่าวก็ผ่าว ผ่านร้อน สะท้อนสนิท
คราอุรา เยือกเยียบ เป็นเฉียบเป็นนิตย์
ได้ผ่อนได้ผาย คลายพิษ อุกฤษอุทรณ์
ยามเมื่อยาม เจ้าไกล โหยไห้โหยหวล
คอยฉันคอย ลมครวญ ใจด่วนใจร้อน
ลมเอ๋ยลม ตรมใด อาลัยอาวรณ์
พักเถิดพัก พักก่อน นิทรนิทรา
ร้อนถึงร้อน เพียงไหนนั้น จะกลั้นจะทน
รอฉันรอ ลมมาดล สกลสง่า
แล้งก็แล้ง มินาน ระรานระอา
มีเรี่ยวมีแรง กลับมา ถลาเถลิง
แต่เดี๋ยวแต่ แค่กลมกล่อม ละม่อมละมุน
อย่ามาอย่าหมุน เกรี้ยวกริ้ว อย่าลิ่วอย่าเหลิง
มาพัดมาโถม โหมเปิด กระเจิดกระเจิง
ไม่ร่าไม่เริง เช่นเคย อย่าเฉยอย่าชา
ขอแค่ขอ ให้อ่อนโยน อย่าโลนอย่าหยาบ
ราบนะราบ รอนใจ ไสวสง่า
รักเพราะรัก ลมนะเจ้า เฝ้าหวังเฝ้าว่า
ก็หยุดก็อย่า แกล้งกัน ให้ฉันให้เคือง

 กลอนกลนี้ ชื่อ วิสูตร สองไข คือ ใช้กล สองกล มาเล่น ด้วยกัน กล่าวคือ กลแรก ใช้ วิสูตร(ม่านหน้า) ด้วยกล วิสูตรสองไขหน้า คือ ใช้คำซ้ำ แบ่งได้ สองแบบ คือ คำ สามคำ มี คำคู่ อยู่ หน้า และหลัง ท่อนแรก เรียก วิสูตรหน้าบรรณ  และ ถ้าใช้  4 คำ เล่นคำคู่ แบบ 1 - 3 เหมือนกัน เรียกกล สะบัดหน้า หรือ วุสูตร สองไข 
ส่วน ท่อนที่สาม ใช้ คำแรก คั่น คำใด ๆ แล้วให้ย้ำคำเก่า โดยจะเปลี่ยนลายคำท้าย เรียก สะบัดสะบิ้ง				
26 มีนาคม 2546 21:09 น.

จาน เปลวแห่งป่า

ม้าก้านกล้วย

ตกตะลึง ตรึงตา เหมือนว่าเพลิง
เลวเถลิง บนคบคา ผืนผาต่ำ
จิตสนใจ ใยเปลวล้อม ช่างหอมล้ำ
อวดอ้างอำ คำใด ไม่เทียบทัน
กนกกลาย ลวดลาย วิไลโรจน์
โชนดั่งโชติ อัคคี เพราะสีสัน
แสดเจ้าแสบ แปลบตา กว่าตะวัน
หอมเจ้าหั่น บั่นใจ ให้ลืมตน
จานเจ้าบาน เบ่งโบย โชยระริน
จานเจ้ากลิ่น หอมยวน ชวนฉงน
จานเจ้าสี แสบสัน อันร้อนรน
จานเจ้าสวย เสียจน กมลหลง
เพราะพฤกษา มาลี ที่เร้นหลอก
เปลวแห่งดอก มาลี พิสูจน์ส่ง
เปลวกลีบวาว ราวไฟ ไล่ลามลง
เปลวปลดปลง เปลือยป่า มาเบ่งบาน
งามเจ้าดอก ทองกวาว ราวแหล่งเพลิง
เหมือนช้อนเชิง ฟาดฟ้อน ช่างอ่อนหวาน
ประดับป่า เหมือนไฟป่า มารุกราน
สีแสดสาด ฉาดฉาน ตระการนัก
เจ้าสมญา เปลวไฟ ในแดงดอก
เจ้าใบ้บอก ป่าแปลง จะแล้งหนัก
เจ้าชูช่อ ล้อลมร้อน วอนให้รัก
เจ้าตระหนัก ตระหนกจึง ตะลึงแล

(ม้าก้านกล้วย)				
25 มีนาคม 2546 21:37 น.

ดารา ดารดาษ (กลอนกล งูกลืนหาง)

ม้าก้านกล้วย

ดารดาษ ดาริกา ดารดาษ
วาดแววหวาน เกลื่อนกราด วาดแววหวาน
สุดสายธาร เกษียรสมุทร สุดสายธาร
ล้านเรื่องราว ตำนาน ล้านเรื่องราว
กระพริบหยอก หลอกลิบ กระพริบหยอก
ระลอกร้าว ช้ำชอก ระลอกร้าว
ชะเง้อดาว ดลใจเผลอ ชะเง้อดาว
เล่าเรียงร้อย เรื่องราว เล่าเรียงร้อย
หวังเป็นดาว แทรกสว่าง หวังเป็นดาว
มาเฝ้าสอย ลอยหาว มาเฝ้าสอย
กระต่ายน้อย เพ้อนะ กระต่ายน้อย
คอยลมลม ตรมเลื่อนลอย คอยลมลม
โลกเศร้าโศก แสนเหงา โลกเศร้าโศก
รักโศกขม ตรมวิโยค รักโศกขม
ทุกข์ระทม ไร้สุข ทุกข์ระทม
ข่มคำลา ปร่าอารมณ์ ข่มคำลา
ดารดาษ ดาริกา ดารดาษ
ผงาดกล้า ฤาบังอาจ  ผงาดกล้า
หนึ่งดารา ไร้ที่พึ่ง หนึ่งดารา
โรยละออง ส่องแสงล้า โรยละออง
ใจจะขาด ปลาตไป ใจจะขาด
อาจหม่นหมอง ต้องอนาถ อาจหม่นหมอง
ไร้คู่ครอง หดหู่ ไร่คู้ครอง
 เพียงดาวลอย จึงเหม่อมอง เพียงดาวลอย

(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกล งูกลือนหาง นี้ เป็น กลอนซ้ำท่อนทาง คือ เอาท่อนแรก มาซ้ำคำอีกครั้งในท่อนที่สาม โดย เลื่อนสัมผัส มาให้อยู่ในท่อนที่สอง แทน				
25 มีนาคม 2546 16:54 น.

สะพรึงเพลิง (กลอนกล สนม หน้านวล)

ม้าก้านกล้วย

เปลวพระเพลิง เหลิงเร่า เผาป่าป่น
เปลวระคน ลนลวก พวกพรรณผอง
เปลวระริก หงิกงอ ก่อเกิดกอง
เปลวละล่อง ต้องลาม ตามแนวเนิน
เปลือกกะพี้ มีแผล แผ่เป็นแผ่น
จึงข้นแค้น แสนแสบ แทบสะเทิ้น
ระอุไอ ไฟผลาญ นานเหลือเกิน
ยับย่อยเยิน เกินกว่า มาแก้ไข
ยามกลางวัน นั้นยัง บังบดแสง
มิให้แจ้ง แสงกระจ่าง กลางไสว
พอพลบพลัน พรั่นพรึง ซึ่งแสนไกล
ลับแลไป ในลาดเนิน เกินคะเน
เห็นเป็นแสง แดงฉาน ปานทางเลือด
แผ่นดินเดือด เหือดแห้ง แหล่งสรวลเส
ทยอยลาม วามวาว ราวเกเร
ยามลมเพ เหทาง ล้างมลาย
เปลวอาวรณ์ ร้อนแรง แผลงพิฆาต
เปลวพินาศ กวาดล้าง อย่างโหดร้าย
เปลวอาถรรพ์ บั่นทอน วอนวอดวาย
เปลวทำลาย ร้ายกาจ อาจลุกลาม
ระทึกกลัว ตัวตน บนกองเพลิง
ขวัญกระเจิง เพิงไพร ไหววูบหวาม
กระจายฮือ อื้ออึง จึงวู่วาม
ต้องตายตาม ท่ามใน ไฟนรก

(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกล สนมหน้านวล นี้ จะเรียกเป็นกลกลอนที่ มีรูปแบบ ตรงฉันทลักษณ์ที่สุด คือ ให้เฉพาะ สัมผัสสระ ต่อตรง ข้ามท่อน คือ คำที่ สาม ส่งสัมผัสสู่ คำที่ สี่ และ คำท้ายท่อนสอง สัมผัสตรงสู่ คำแรก ท่อนสาม ซึ่ง หลักการเขียนกลอนแปด จะเป็นอย่างนี้ เพียงแต่ ให้คลี่คลายได้บ้าง ไม่สัมผัสได้บ้าง สัมผัสทบคำ(โดดไปใช้คำถัดไป) ได้บ้าง แต่ กลนี้ ไม่ยินยอม เพราะ เงื่อนกล อยู่ตรงนี้ นี่เอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย