22 พฤศจิกายน 2547 00:36 น.

...ถนอมขวัญ...

รัถยา

.

     
ฤทัยเธอเสมอธาร           	   
ระรื่นสานติ์ชโลมทรวง
ละอองเย็นก็ยื่นยวง -	     
ฤดี.ยงทะนงยืน

ธ ยื่นฉ่ำซิคำช้อย	     
ภิรมย์คล้อย ทะยอยคืน
ระบมฝัน ก็ผันฟื้น	     
ทวีหวานก็ซ่านไหว

และยิ่งย้ำเพราะคำหยาด                  
ระดมดาด ฤ หยดใด
มิสับย้ายสลายใย	      
และรัดสร้างสล้างสาน

ก็กลั่นกลมผสมเกลียว               
นะหนึกเหนียวก็นับนาน
ประดุจคลื่นคละครืนคลาน	     
ระคนพลิ้วระริ้วพราว

ระพีผันจรัลผ่าน	      
จะเวียนวาร มิเว้นวาว
เสมือนสร้อยทะยอยสาว 	      
ขจัดหมองสิปองหมาย

จรดวาง ธ รางวัล	      
ถนอมขวัญ มิห่างคลาย
อณูปราณจะหว่านปราย	      
ประโลมในฤทัยนวล


๒๐ พ.ย. ๒๕๔๗

.				
15 พฤศจิกายน 2547 23:05 น.

...สนทะเล..

รัถยา

.


แว่วเสียงจากใบสน     	
ทั้งห้วงหนเสียงโหยหวน
หวิวใจหวามไหวจวน-         	
เจียนดวงใจเกือบกระจาย

ตรองนึกให้ตรึกนับ    	
สนยืนรับล้อลมราย
งามท่าและท้าทาย          	
คลื่น.พายุคราโถมย้ำ

กิ่งก้านช่างกร้านแกร่ง        	
ทานลมแกล้งที่กรูกรำ
ใบริ้วเป็นทิวลำ	
ลู่ริ้วล่องตามช่องลม

ยืนต้นไม่โค่นตาม	
ลมคร้านขาม แลหมดคม
ฝืนต้านแม้นซ่านตรม	
จนผงาดแลงามเงย

ชีวันที่ผันว่าย		
ท่ามระคายทุกคามเคย
ครรลองอย่ามองเลย	
อ่อนน้อมนำ หนักแน่นใน

ดังหลัก สนทะเล	
อุปเท่ห์สู่ฤทัย
ลมโลกย์ที่โกรกไล้	
หรือทอนสุขให้ทุกข์ทรวง

.

				
23 ตุลาคม 2547 02:17 น.

...ห่วงใยเสมอ...

รัถยา




...เพียงสิ้นหยาดวสันต์               สายสัมพันธ์หรือสิ้นสาย

สายลมที่พรมราย                       คือลมหวนคำนึงหา

...เดือนเคียวที่เรียวโค้ง             เกี่ยวคล้องโครงโยงเค้า  ครา

คู่พ้องคล้องนภา                          สรวงพยานเหนือโพยม

...แสงจางพาห่างจาก                  ต่างฟากขอบแห่งเดือนโคม

เพียงสร้อยจากเรืองโสม             เป็นสายทองเชื่อมหทัย

...แสงเรื่อพอเหลือหลั่ง               ให้เยื่อยังคือห่วงใย

แหล่งด้นผจญใด                        ในดวงดาวหรือดวงเดือน

...ที่หยัด  ที่ผลัดย่าง                    ที่พักร่าง  ที่สร้างเรือน

ทุกข์ท้อล้อสะเทือน                      หรือสรวลสบพบสุขสันต์

...ลมเหนือโชยหนาวหนุน           มีไออุ่นจากไอ อัน         

ปองปรกจากอกปัน                      ทุกย่างยามที่ปิ่นยืน .


				
21 ตุลาคม 2547 02:03 น.

...เพราะผูกพัน...

รัถยา


บรรจงหยิบเปิดย้อนบทกลอนเก่า
เหมือนเรื่องเล่าเรียงยาวราวชลสาน
แต่ละตอนราวร้อย สร้อยชลธาร
คล้องสมานมนมวลล้วนเพื่อนพ้อง

เคยแบ่งปันฝันเคล้าอันเนาเนื่อง
ในฝันเฟื่องเรืองรุ้งอันฟุ้งฟ่อง
แต่ละใจที่จัดถนัดจอง
เหมือนธารล่องไหลเย็นอยู่เป็นนิจ

บางเวลาอักษระจะเลือนหาย
ไม่ละลายลานฝัน เคยปันจิต
คงคิดถึงลานทองและผองมิตร
เรียงลิขิตกรองคำคอยพร่ำพลี

เพราะผูกพันประหนึ่งสายลายกนก
ที่ต่อยกปลายยอดแต้มสอดสี
เป็นเถาวัลย์พันร้อยถ้อยกวี
ที่บรรจงวาดวจีสู่วงใจ

หลายดวงจิตหลอมพลังดังปรากฏ
ไม่แล้งลดหรี่ลาง....กระจ่างใส
ดั่งเดือนดาวพราวแสงเย็นแหล่งไพร
จนหทัย.....สู้แดดที่แผดร้อน

มีสายลมผสมปราณผสานสาย
ที่พริ้วรายพัดไล้..ปรายลมอ่อน
แปรอ่อนล้า  กล้าแกร่งมีแรงจร
กลางอ้อมกรแกร่งกล้าพายุกราย

แม้นมีเพียงสายลมที่พรมฟ้า
ในแสงพร่าจากเรียวเสี้ยวเดือนฉาย
ถึงนิดนวลอวลผสม ลมชื่นชาย
ก็พรมพรายรายอกเจ้านกน้อย

๒๐ ต.ค. ๒๕๔๗


				
8 ตุลาคม 2547 03:25 น.

...เมรุ...

รัถยา


                                  

กลิ่นธูปและควันเทียน........................ก็คละเวียนและวนเคล้า
ควันล่องละปล่องเทา............................จรถึงจะตรึงฟ้า

แดดคล้อยจะคอยเหตุ.........................ชลเนตรละนองคา -
คราบเศร้ามิเบาซา.............................อุระซ่านจะรานทรวง

คือกาล ธ ขานเที่ยง.............................ฤจะเลี่ยง ฤ หลบลวง
แถวท่องมิต้องทวง..............................นรทั้ง ฤ ยังทาน		

เริงชื่นระรื่นโชค.................................วรโลกอลังการ	
เหลือเถ้าและเคล้าถ่าน.......................จะระเริง ณ โลกไหน

หัวโขน ก็บนหัว...................................กลยั่วกระหยิ่มใจ
หยิ่งเยี่ยงก็เกรียงไกร.........................สิหราชฉกาจเกรง

 ข่มย่ำ ฤ ค้ำอยู่...................................ฤดิดูก็ดุจเพลง
ชื่นฉันท์ก็บรรเลง...............................ฤจะบั่นก็บรรลัย

ยืนกร่างระหว่างทาส..............................ฤ ผงาดระหว่างไท
กล้ำกลืนก็ยืนใกล้...............................มิเขย่งก็เล็งเห็น

หวังชื่นระรื่นชนม์...............................ตละคนก็คอยเป็น
ถูกถ้วนก็ควรเน้น..............................นะจะนำก็ธรรมนอง

เกียรติผลึกผนึกผา..............................มรณาก็หนึ่งทอง
ผองปกและยกย่อง...............................ตละอยู่ลุผู้เยาว์

วารสัตประวัติศาสตร์............................ตละลาดจรัสเนา
แบบอย่างมิบางเบา..............................ฤจะบังพลังเบน

ทางมอง ฤ ท่องใหม่..............................บถไหน ฤ ในเมรุ	
ปราศปราณจะหว่านเวร.......................จรว่าย มิวายวัน

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงรัถยา