30 กันยายน 2547 01:02 น.

...ใจบังคับให้หลับตา...

รัถยา





เพียงเปลือกตาหรี่หลับภาพกลับเผย
ค่อยชัดเชยแฉล้มหวานสะท้านหวาม
ในนวลพักตร์ผ่องเย็นปานเพ็ญงาม
แววตาวาม วาวประกายคล้ายแววดาว

ตาคู่นั้นวันนี้ยังหวานนัก
ราวสลักแววไว้ จากนัยน์สาว
รอยประทับจับฤทัยไสวพราว
เผยทุกคราวที่ขยับและหลับลง

ตาเนื้อทรายสบนั้นหรือปั้นเปรียบ
สุรางเทียบหรือถึง...กลับตรึงหลง
เรียวคันศรคู่พระรามว่างามทรง
เพียงครึ่งวงคิ้วงามจากทรามวัย

ทั้งชะม้ายชายช้อน ทั้งค้อนควัก
ทั้งพยักพเยิดหน้าเมื่อปราศัย
ยิ่งเง้างอนก็ยิ่งงามกว่างามใคร
หาถ้อยใดหรือเทียมความครบงามนวล

จำต้องขับตาตื่นจนคืนล่วง
จากภาพลวงลอยไล่คอยไฝ่หวน
ที่ล่องลอยช้อยชิดเหมือนติดตรวน
ปิดทางสวนสู่ทรวง...กลัวลวงซ้ำ

ต้องลืมตาเพื่อลืมเธอ...แต่เผลอไผล
ก็เพราะใจยังเพ้อพิศคิดถลำ
ข่มบังคับหลับตาแล้วพานำ
ให้แววตามาขยำ ขยี้ทรวง       

.
				
27 กันยายน 2547 01:40 น.

...ความเคลื่อนไหว...

รัถยา



เป็นมาและเป็นไป
คือเคลื่อนไหว คือวัฒนา
เสื่อมสลายละลายลา
อนิจจังพลังกาล

สองฝั่งเสริมพลังขั้ว
สะท้านทั่วดังกลธาร
ใหม่เข้าและเก่าขาน
แต่ละข้างต่างพองขน

ล้าหลังก็รั้งหน้า
ด้วยเดชาประชิดชน
อธิปไตยรอร่ายกล
เข้ากอบกู้ประตูกรรม

กฎเกณฑ์ประเคนกิจ
อันวิจิตรวิถีนำ
ก้อนครอบเป็นกอบคำ
ในกลุ่มกลาง กระจ่างกราย

ยังชายังหน้าช้ำ
ยังล้มคว่ำขมำหงาย
ยากหยั่งยังมากมาย
ยังข้าวยากและหมากแพง

กลบเกลื่อนว่าเลือนลบ
เพียงแค่หลบรอสำแดง
ปักเสาเข้าแสวง
เริ่มสว่างกลางแผ่นดิน

แตกแยกในหย่อมหญ้า
รอเยียวยา แร้งกาบิน
ไม่ตายก็ได้กิน
ได้กินทั้งยังไม่ตาย

กรเกี่ยวจับเคียวแกว่ง
ด้วยน้ำแรงเป็นรวงราย
แรงก่อเพียงพอกาย
เพียงน้ำแกงพอแบ่งกิน


.....................................        






				
25 กันยายน 2547 23:37 น.

..เพราะฝนสร่างฟ้า..

รัถยา



แล้วสายลมเริ่มหวนเริ่มทวนย้อน
ฝนโปรยอ่อนผันล่อง ละอองฝอย
ได้พรมพรำย้ำฝันให้ผันลอย
ยังทะยอยย้ำยวนหวนรำลึก

ความงดงามเคียงเค้า เป็นเงาครอบ
เข้าเวียนรอบแม้ลาง และจางผลึก
หากความหมายนั้นครองทำนองนึก
ในรู้สึกซาบซ่าน ที่จารใจ

ลั่นทมขาวพราวพรูโรยสู่พื้น
แลดาดดื่นชื่นหวลหอมอวลไหว
เคล้าหอมนวลอวลอุ่นละมุนละไม
คงเวียนไล้หอมรื่นยังชื่นทรวง

ผกาเอ๋ย
ไอระเหยไม่เคยหาย.....ไม่คลายหวง
หากหอมเจ้าเร้าใจ ใครสักดวง
อยากจะทวงหอมคืน....ต้องฝืนยั้ง

แผ่วลมฝนชนไชไหวยะเยือก
ใยเจ้าเลือกย้ำยลความหนหลัง
จึงรุ่มเร้าดังไฟลน แม้นฝนยัง
หรือยับยั้งรุ่มร้อนที่ซอนตัว

ฝนสร่างฟ้า สั่งฝันให้ผันกลับ
ให้ลอยรับจับอันฝันสลัว
ฝันสล้างค้างอรุณยังมุ่นมัว
ฝนโรยรัวยิ่งเร้า ยิ่งเคล้าครวญ

				
25 กันยายน 2547 01:54 น.

.....นางนวล.....

รัถยา


.

เจ้านางนวลเพลินพงในดงไหน
หรือลืมไพรร่มพร้อย...คอยห่วงหา
ฝากความนัยและความฝันกับจันทรา
ไขความว่ามีฝันฝาก อีกฟากพง

ริมชายน้ำปลายไม้ ที่หมายมั่น
ได้เกาะคูคู่กัน...กิ่งตันหยง
เคยไซร้ปีกเรียงเปรียบให้เรียบตรง
เคยเคล้าลงเคียงรังอยู่ทั้งคืน

เมื่อปีกเปลื่ยนแววปลาบ เงาฉาบฉาย
เริ่มกรีดกรายกราดแสง สำแดงขืน
โผผินไกลลับไพรกว้าง จนพรางกลืน
ลืมแหล่งยืนร่วมเย็น คราเพ็ญยวน

เย็นยะเยือกเกลือกย้ำน้ำค้างหยด
ย้ำรันทด ยิ่งท้อ รอเจ้าหวน
ทะเลกว้าง กล่อมเร้าเจ้านางนวล
จนลืมทวน หรือหลงถ้อย พลอยทะเล

เจ้าโผผินผ่านพงหลายดงนัก
ลอยลงพักร่มไหน ใจจึงเห
หรือคลื่นซัดสะบัดใส่ จนใจเซ
หรือปีกหักหลักเท จึงเฉทาง

ได้วนเวียนวกลง ทุกพงผืน
บินผ่าฝืนผ่านขวาก ทุกฟากขวาง
ถามหาเจ้านางนวลถ้วนทุกทาง
ใยเจ้าร้างเลือนลับไม่กลับคอน

..............................๒๔ กันยายน๒๕๔๗

				
20 กันยายน 2547 02:24 น.

..กลัว..

รัถยา




เคยโผผินเหินฟ้าฝ่าสายฝน
สุริยนยังเคยหยาม   ไร้ความหมาย
พายุหรือ กระพือพัดสะบัดกาย
ปีศาจร้ายรุมล้อมมิยอมกลัว

เมื่อปีกกร่อนล่อนกราน ความหาญกล้า
กลายอ่อนล้าแม้นแรงแสงสลัว
น้ำกระเซ็นก็หนาวซ่าน  สะท้านตัว
ใจระรัวเพียงจิ้งหรีดกรีดเสียงร้อง

จำรำงับจับมน แม้นวนหวั่น
รอถึงวันมั่นตรง คงสนอง
จะแผ่ปีกฉีกฝันอันคะนอง
ในคืนผ่องแสงเพ็ญ ที่เด่นฟ้า

..........


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงรัถยา