28 กุมภาพันธ์ 2555 11:11 น.

อสุรินทราหู

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  ได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากอยุทธยา ลูกผู้พี่ผู้น้อง
ไม่ค่อยได้ติดต่อกันตั้งแต่คุณแม่เสียหลายปีมาแล้ว  บอกข่าวว่าคุณปู่ของเขา ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาเพราะเป็นน้องชายคุณตาของผม ผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
อายุแปดสิบกว่าแล้ว เกิดป่วยอาการไม่ค่อยดีนัก  ผมจึงเดินทางไปเยี่ยมพร้อมของกินของใช้สำหรับคนแก่ตามธรรมเนียมเพื่อให้กำลังใจผู้ใหญ่ และกระชับความเป็นพี่น้องซึ่งเหลืออยู่น้อยเต็มที รุ่นหลัง ๆต่างห่างเหินแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพไม่ได้ติดต่อกันมานาน
          เรือนโบราณของคุณตาที่มาฝังรกรากอยู่ที่อยุทธยาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดยังงดงามอยู่ท่ามกลางแมกไม้ทั้งไม้ผลไม้ดอกร่มเย็นน่าเป็นสุขสบาย คุณตาผ่ายผอมลงบ้างแต่หน้าตายังสดใสอยู่บ้างท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกแต่โยกไม่ได้แล้วเพราะลูกหลานล๊อกเอาไว้กลัวแกตกลงมา ยิ้มแย้มทักทายเมื่อผมก้มลงกราบที่พื้นใกล้ ๆเท้าของท่านท่านยังจำผมได้เรียกชื่อถูกต้องเพราะท่านเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ผมเอง
           ขณะที่ก้มกราบสร้อยคอทองคำหนักประมาณหนึ่งบาทเส้นยาวที่แม่ให้ไว้ ผมแขวนเหรีญญกลม ๆคล้ายจักราษีแขวนเล่น ๆไม่มีความหมายอะไรได้หลุดเลื่อนอกมาจากเสื้อผมก็รีบเก็บให้เรียบร้อยแต่คุณตาท่านเห็นถามว่าเดี๋ยวนี้แขวนอะไรล่ะ ผมบอกว่าแขวนเล่น ไม่ใช่พระไม่มีความหมายอะไร ตามปกติผมจะแขวนล๊อกเก็ดรูปคุณแม่ บางวันก็เปลี่ยนไปตามสมัยบ้าง ท่านก็เลยเรียกใช้ให้หลานไปหยิบกล่องสังกระสีสี่เหลี่ยมที่โต๊ะหมู่พระบูชาในห้องมาให้ ท่านเลือกหยิบพระเลี่ยมทององค์หนึ่งมาส่งให้ บอกว่าให้หลานแขวนองค์นี้เถอะจะให้คุณใช้ได้ผลมาแล้วผู้หลักผู้ใหญ่เกรงใจรักใคร่เอ็นดูให้เปลี่ยนเสียเดี๋ยวนี้เลย
            ผมรับพระจากมือท่านมา ก่อนถอดสายสร้อยมาเปลี่ยนก็ได้พิจารณาดู
เป็นพระเลี่ยมทองรูปร่างแปลกสัณฐานยาว ๆเอียง ๆไม่เหมือนที่คนเขาแขวนกันทั่วไปเพราะพระเป็นพระปางไสยาสน์องค์พระ สุกปลั่งอยู่บนแท่นทองเป็นทองคำท้งองค์ท่านบอกว่า ไม่ใช่ปางปรินิพพานแต่เป็นปางโปรด อสุรินทราหู สังเกตุความแตกต่างได้ถ้าพระบาทเหลื่อมกันเป็นปางปรินิพพาน ถ้าพระบาทเท่ากันวางซ้อนกัน เป็นปางไสยาสน์โปรด อสุรินทราหู ฝีมือเลี่ยมทองงดงามมีหูแขวนได้สัดส่วนถ่วงน้ำหนักตรงไม่เอียงแม้ว่ารูปพระจะดูว่าเอียง ผมก็จัดแจงเปลี่ยนแขวนพระกับสร้อยเรียบร้อยแล้วกราบขอบพระคุณท่าน ได้คุยสารทุกข์สุกดิบกันแล้วทานอาหารกลางวันเป็นอาหารที่ลูกหลานทำกันเองมีอย่างเดียวที่สั่งมาจากร้านคือกุ้งใหญ่เผาให้กินคนละตัวเท่านั้น
ได้อิ่มหนำสำราญกันแล้วผมจึงลากลับแอบกระซิบกับหลานซึ่งเป็นรุ่นไล่ ๆ กันว่ามีอะไรให้รีบบอก ถ้าว่างก็จะมาเยี่ยมอีก
              กลับมาถึงที่พักเก็บความสงสัยเรื่องพระพุทธเจ้าโปรด อสุรินราหู ไว้ไม่ได้ เอาพระบนคอมาพิจารณา เห็นงดงามนัก เหมือนพระที่เคยไปไหว้หลายแห่งเช่น ที่ป่าโมก อ่างทอง ที่สิงห์บุรี ที่ในวิหารวัดโปรดเกตุเชษฐารามที่ผมเคยพาเพื่อนไปขอบุตรกับฤาษี(เขียนเล่าไว้แต่ไม่ได้กล่าวถึงพระไสยาสน์)โดยเฉพาะที่
วัดโพธิ์ท่าเตียนซึ่งใหญ่มาก แต่ผมไม่เคยรู้เรื่องความแตกต่างของปาง เรื่องการวางพระบาทที่ไม่เหมือนกัน
               ผมจึงเปิดอินเตอเนทดู พบข้อความแจ้งไว้ทำให้ตาสว่างว่า
"ในสมัยที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ในนครสาวัตถี อสุรินทราหูซึ่งเป็นอสูรอุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดาทั้งหลาย จึงมีความประสงค์จะฟังธรรมจากพระพุทธองค์ แต่คิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์มีพระวรกายเล็ก ตนเองมีร่างกายใหญ่หากไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมองด้วยความลำบาก เมื่ออสุรินทราหู ไปเข้าเฝ้าสำคัญตัวว่ามีร่างกายใหญ่โตใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า จึงไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อม พระพุทธองค์ทรงประสงค์จะลดทิฐิของอสุรินทราหูอสูร จึงทรงเนรมิตกายให้ใหญ่โตกว่าอสุรินทราหูอสูร ทรงนอนในลักษณะเสด็จสีหไสยาสน์ พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย พระบาททั้งสองข้างที่วางซ้อนกันอยู่ สูงใหญ่กว่าอสุรินทราหู อสุรินทราหูต้องแหงนคอเพื่อชมพุทธลักษณะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูขึ้นไปยังพรหมโลก บรรดาพรหมทั้งหลายมีร่างกายเล็กกว่าพระพุทธองค์และต่างมองอสุรินทราหูเหมือนประหนึ่งมนุษย์ดูมดปลวกตัวเล็กๆ อสุรินทราหูเกิดความกลัวต้องหลบอยู่ข้างหลังพระพุทธองค์ นับแต่นั้นมาก็ลดทิฐิมานะ อ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์ และเมื่อได้สดับฟังธรรม"
                  อย่างนี้นี่เล่าคุณตาถึงบอกว่าแขวนพระองค์นี้แล้วผู้ใหญ่จะให้ความเกรงใจรักและเอ็นดู ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรู เพราะ อสุรินทราหู ยังยอมสยบ แต่ผมมาใครครวญด้วยเหตุผล ความเชื่ออาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดความมั่นใจในการทำงานในการดำรงชีวิต ทำให้เกิดความสำเร็จ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ที่ตัวของเราเอง อย่างไรก็ตามผมก็ได้พระทองคำงดงามเลี่ยมทองคำเรียบร้อยมาแขวนแต้ไปแล้ว อิอิ				
15 กุมภาพันธ์ 2555 23:31 น.

เผาตัวเอง

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

สิ่งใดที่ปรารถนาแล้วไม่ได้ดังใจ  หรือสิ่งที่ได้มาแล้วไม่อยากต้องพลัดพรากหลุดลอยไป ก็มีจะมีพฤติกรรมแสดงออกมาต่าง ๆ กันไป แต่ที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่สุดก็คือ การเผาตัวเอง
         ในประเทศอินเดีย มีประเพณีหนึ่งเรียกว่า สตี (suttee หรือ sati)ภรรยาผู้ซึ่งสามีตายจะเผาตัวเองตามไปด้วยพิธีศพอินเดีย เผาตัวเองตายตามสามี i คือพิธีศพ ทางศาสนาของชาว ฮินดูที่สืบทอดต่อๆกันมาในประเทศอินเดีย โดยให้ หญิงม่ายที่กำลังเศร้าโศกเสียใจจากการที่สามีเสีย ชีวิต โดยภรรยามานั่งข้างๆศพสามีของเธอในกองฟืน ที่ใช้ในการเผาศพ และเธอก็จะถูกเผาทั้งเป็นเคียง ข้างศพสามี หรือถ้าเมียคนไหนไม่ยอม หรือหนีออก จากกองเพลิง ก็จะถูกจับมัดแล้วโยนเข้ากองเพลิง ให้ตายตกตามสามีไปพิธีกรรมนี้ถูกสืบทอดกันมาในอินเดียเป็นเวลานาน อินเดียถูกยึดครองโดยของอังกฤษ พวกผู้ปกครอง ชาวอังกฤษเห็นว่า พิธีกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหี้ยม โหดร้ายมากจึงได้ยกเลิก และถือว่าการกระทำดัง กล่าวเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปี 1829 แต่ก็มีการแอบลัก ลอบกระทำกันอีกเรื่อยมา
          ที่โด่งดังที่สุดเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก  พระภิกษุ ทิช กวาง ดิ๊ก เผาตัวเองในท่านั่งสมาธิ กลางกรุงไซ่ง่อน เมื่อวันที่  11 มิถุนายน 2506  เพื่อประท้วง
รัฐบาลของประธานาธิบดี โงดินท์เตียม ที่กดขี่ข่มเหงพระภิษุ และชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนาอย่างรุนแรง พระ ทิช กวาง ดิ๊ก รูปนี้ เป็นเจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ อยู่ที่ริมแม่น้ำเฮืองยาง(แม่น้ำหอม)ที่เมืองเว้  แต่ได้ขับรถยนต์ออสตินพาเพื่อนพระภิกษุมาประท้วงที่กรุงไซ่ง่อน  เป็นน่าแปลกประหลาดอัศจรรย์ก็คือ ขณะที่ไฟลุกท่วมท่านนั่งสมาธิไม่ได้ขยับร่างกายเลย  หัวใจของท่านไม่ได้ไหม้ไปกับกองไฟด้วยปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ ในวัดเทียนมู่ เมืองเว้ ประเทศเวียตนาม หลังจากนั้นยังมีพระอีกหลายรูปเผาตัวเองตามอย่างด้วย
           ประเทศไทย ใช่ว่าจะไม่เคยมีการเผาตัวเองเท่าที่มีการบันทึกไว้มีถึงสองคนระยะเวลาห่างกันถึงยี่สิบหกปีเผาตัวเองสถานที่เดียวกันคือวัดแจ้ง(วัดอรุณราชวราราม)คือ นายเรือง  และ นายนก ทั้งสองคนมีผู้แกะสลักรูปด้วยหินเอาไว้ด้วย
           เรื่องของนายเรือง  พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์  รัชกาลที่ ๒
ฉบับพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า นายเรือง ผู้เผาตัวเอง
ณ วันศุกร เดือน ๓ ขึ้น๘ ต่ำ เพลาทุมเศษ จุลศักราช ๑๑๕๒(พศ.๒๓๓๓)ปีจอ โทศก แต่เมื่อก่อนเผาตัวประมาณ ๙ วัน ๑๐ วันนั้น มีความว่านายเรืองกับสหาย ๒ คนคือขุนศรีกัณฐัศว์ กรมม้า และนายทองรัก พากันไป ณ อุโบสถวัดครุธ ต่างปรารถนาพุทธภูมิ เสี่ยงดอกบัวอ่อนคนละดอก ว่าถ้าใครจะสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
แล้วขอดอกบัวผู้นั้นจงบาน  ครั้นรุ่งขึ้นก็บานแต่ดอกบัวของนายเรือง  ตั้งแต่นั้นนายเรืองก็มาอยู่ที่การบุเรียนเก่าวัดอรุณราชธารามสมาทานอุโบสถศีลฟังเทศนาเอาน้ำมันชุบสำลีเป็นเชื้อพาดแขนทั้ง ๒ จุดไฟบูชาต่างประทีปทุกวันจนถึงวันเผาตัว
นายเรืองฟังเทศจบแล้วก็นุ่งห่มผ้าชุบน้ำมันเดินออกมาหน้าการบุเรียน  นั่งพับเพียบ
พนมมือรักษาอารมณ์สงัดดีแล้ว ก็จุดไฟเผาตัวเข้า  เมื่อเปลวไฟวูบขึ้นทั่วตัวนั้นนายเรืองร้องว่าสำเร็จปรารถนาแล้ว  ขณะนั้นคนซึ่งดูอยู่ประมาณ ๕๐๐ - ๖๐๐ เศษ บ้างก็ร้องสาธุการ เปลื้องผ้าห่มโยนบูชาเข้าไปในกองไฟ ชั้นแต่แขกภายนอกพระศาสนาก็ถอดหมวกออกคำนับโยนเข้าไปในกองไฟด้วย  ครั้นไฟโทรมแล้ว คนที่มีศรัทธาช่วยกันยกศพใส่โลงไว้ในการบุเรียน สวดพระอภิธรรม ๓ คืนแล้ว พาศพไฟเอาที่ทุ่งนาวัดหงษ์  เมื่อเผาศพไฟชุมนั้นปลาในท้องนาประมาณ๑๐ ปลา ๑๒ ปลา โลดขึ้นมาเข้าในกองไฟตายด้วยครั้นไฟดับแล้วเห็นอัฐินายเรืองสีเขียว ขาว 
เหลือง ขาบ ดูปลาดก็ชวนกันเก็บอัฐิใส่โกษฐ์ดีบุกไว้ในการบุเรียนเก่าวัดอรุณราชธารามนี้
          เรื่องของนายนกประวัติกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์(ขำ บุนนาค) ว่า  เมื่อวันพุธ เดือนเจ็ด  แรมเจ็ดค่ำ(พศ. ๒๓๕๙)วันนั้นฝนตกหนักตั้งแต่เวลาพลบค่ำตนสิบเอ็ดทุ่มจึงหยุด ครั้นเวลาเช้าชายหญิงจึงมาเห็นนายนกเผาตัวอยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ที่หน้าพระอุโบสถเก่าวัดแจ้งแต่ไฟนั้นดับแล้ว นายนกได้บอกแก่ญาติมิตรชาวบ้านที่ชอบกันว่า
นายนกจะประพฤติสุจริต ทำบุญรักษาศีลตั้งจิตปรารถนานิพพานธรรม แต่นั้นมานายนกก็ปฏิบัติมักน้อย  ละบ้านเรือนญาติมิตรเสีย ออกไปสมาทานศีลเจรืผยภาวนา
รักษาจิตอยู่ในการเปรียญเก่าวัดแจ้ง จะได้เป็นกังวลด้วยการบำรุงกายแลกิจที่นะบริโภคนั้นหามิได้ เมื่อใครจะมีน้ำใจให้อาหารก็ได้บริโภคบ้าง  ลางทีไม่ได้บริโภค
อดอาหารมื้อหนึ่งบ้าง ลสงวันก็ไม่ได้บริโภค ทรมานตนมาจนวันเผาตัวตาย  เมื่อนายนกจะเผาตัวนั้นจะได้บอกกล่าวญาติมิตรผู้หน่งผู้ใดหามิได้ คนทั้งปวงเมื่อเห็นศพนายนก ก็พากันทำบุญสัการบูชาศพนายนกเป็นอันมาก
          น่าสังเกตุว่าการเผาตัวเองของไทยเป็นเรื่องวอยากหลุดพ้นไปสู้พระนิพพาน ต่างกับของเวียตนามซึ่งเกิดภายหลังหลายร้อยปี
				
21 ธันวาคม 2554 11:32 น.

ช้าง..ทหารของแผ่นดิน

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

นับแต่โบราณนานมาช้าง เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองคู่บารมีของกษัตริย์ยิ่งถ้าเป็นช้างเผือกถือว่ามีพระบารมีมากล้น กษัตริย์จะทำพิธีคล้องช้าง และใช้ช้างเป็นพาหณะออกทำศึก จะเกิดการยุทธหัตถีหลายครั้งหลายหนเกิดวีรสตรีวีรกษัตริย์ให้ได้ศึกษาเล่าเรียน ช้างยังถูกใช้เป็นสาเหตุทางการเมืองขอช้างเผือกไม่ยอมให้ก็ยกทัพมารบได้ กองทัพช้างเป็นกำลังหลักกำหนดแพ้ชนะ
        โลกพัฒนาขึ้นกาลเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่งช้างถูกปลดระวาง เอาเครื่องมือชนิดอื่นมาทดแทน ในสมัยรัชกาลที่6 ช้างถูกปล่อยให้อยู่อย่างอิสระแถบนครปฐมนครชัยศรีสมุทรสาครสมุทรสงคราม เข้ารวมโขลงกับช้างพื้นถิ่นจนเกิดมีช้างใหญ่สำคัญตกมัน อาละวาดทำร้ายผู้คนทำลายเลือกสวนไร่นาบ้านเรือนสร้างความเดือดร้อน ควาญช้างและพรานที่เก่งกาจมาปราบ ก็ไม่สามารถปราบลงได้ จนกระทั้งพรานช้างสามคนมาร่วมมือกันทำการปราบปรามชณะที่ตัวจ่าโชลงที่ตกมันอยู่ที่ท่าข้ามซึ่งเรียกปัจจุบันว่าบางช้าง ชาวบ้านได้ตั้งชื่อตำบลให้เป็นเกียรติ์ว่าตำบลสามพราน คืออำเภอสมพรานในปัจจุบัน
          วิธีการของสามพรานที่ทำการน่าสนใจ เขารวบรวมไพร่พล จัดตั้งเป็นกองทัพมีธงทิวไสวคึกกักประโคมกลองศึกโห่ร้องสนั่นหวั่นไหว ช้างสำคัญที่กำลังตกมันอาละวาดได้ยินกลองศึก เห็นธงทิวเหมือนยกทัพเข้ารบจิตใต้สำนึกที่เคยฝึกฝนและออกศึกมาจึงได้หยุดอาละวาดยอมเข้าแถวอยู่ใต้บังคับบัญชาของควาญสามารถตกปลอกล่ามโซ่ ระงับเหตุลงได้ด้วยจิตสำนึกของช้างที่เป็นทหารของแผ่นดิน ทหารของแผ่นดินต้องไม่ทำร้ายประชาชน
            ตอนนี้หลายคนไม่เปิดโทรทัศน์บางช่องเพราะไม่อยากฟังเพลงที่ถูกยัดเยียดให้ประชาชนฟังถี่ยิบ ด้วยเนื้อหาของเพลงขัดกับภาพที่เห็นเมื่อปราบปรามประชาชน เพียงแค่สองนายบนยอดตึกชี้เป้าและรายงานผลว่าล้มแล้ว ๆ ก็อยากร้องไห้ อาวุธเยี่ยมทำไมต้องแอบทำร้าย ทำไมไม่ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย หรือว่าไม่ใช่ผู้ชาย ตอนนี้เอารถยีเอ็มซีติดลำโพงเปิดเพลงวิ่งไปตามถนนต้องการผลใด       				
15 พฤศจิกายน 2554 09:42 น.

ขยายขี้เท่อ

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

การดำเนินการเพื่อบูรณาการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาล กำลังเข้มข้น
กรมทางหลวงแผ่นดิน กำลังดำเนินการกู้ถนน 340 สายบางบัวทอง สุพรรณบุรี
หลายช่วงเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ น้ำกำลังจะท่วมถนนพระราม 2 เป็นการเตรียมการล่วงหน้าไว้ก่อน เพื่อรองรับการเดินทางและขนส่งลงภาคใต้ หากถนนพระราม 2 น้ำบ่าท่วมขณะที่ผ่านลงทะเล จนไม่สามารถสัญจรได้ การกู้ถนน 340
จะช่วยให้การคมนาคมไม่ติดขัดแม้จะต้องเดินทางอ้อมไปบ้างก็ตาม
    ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนปากพรรค์อย่างว่า ของพรรคเก่า ยังอุตส่าห์ขยายขี้เท่อตามแบบของพรรคนี้ตั้งแต่หัวหน้าคือต้องด่าไว้ก่อนมองว่าจะมีการทุจริตตามความเคยชินของตนเองก่อน ทั้งที่บรรยากาศขนะนี้ต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วนเขาว่ายังไงรู้ไหม
     การกู้ถนน340 เสียค่าใช้จ่ายสูง ทำยากอาจมีการทุจริตน่าจะใช้วิธีอื่นเช่น
       กู้ถนนพระบรมราชชนนี การเดินทางสดวกกว่าตรงจากกรุงเทพฯผ่านนครชัยศรีง่ายและค่าใช้จ่ายน้อย
       กู้ถนนเพชรเกษม การเดินทางสดวกกว่า ค่าใช้จ่ายน้อย
       รักษาถนนพระราม 2 ไม่ให้น้ำท่วม ค่าใช้จ่ายอาจจะถูกว่ากู้ถนน 340
       ความ คิดเห็นได้กลั่นออกมาจากมันสมองชั้นเลิศคงจะผ่านการกลั่นกรองของระดับหัวหน้า เป็นที่น่าเชื่อถือมีผลให้มวลชนที่เคยศรัทธาพรรคนี้ต่างเห็นด้วยและมองว่ารัฐบาลทำไม่เข้าท่า ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณอาจมีการทุจริตซ้ำซ้อนเกิดขึ้นได้
       แต่ท่านผู้อ่านที่เคารพ เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของท่านอธิบดีกรมทางหลวงที่ชี้แจงกับสื่อที่จ้องจะจับผิดแล้วจึงเข้าใจซึ้งถึงสัจธรรมความบ้องตื้นของพรรคเก่าที่ว่านี้ ท่านบอกว่า
       การดำเนินการกู้ถนน 340 ได้ผ่านการประชุมพิจารณาอย่างรอบคอบของผู้ทรงคุณวุฒิและคณะกรรมการต่าง ๆ เรื องที่คนบางคนเสนอมานั้นก็ไดก้พิจารณาแล้วเห็นว่า
        ธรรมชาติของน้ำที่จะลดลงย่อมลดจากทางเหนือคือต้นทางที่สายน้ำผ่านก่อน
จึงเลือกที่จะดำเนิการด้านเหนือก่อน
        ถนน 340 เป็นเส้นถนนจากเหนือลงใต้ไม่ขวางทางน้ำไม่ผิดธรรมชาติ
        หากดำเนินการกู้ถนนพระบรมราชชนนี ซึ่งเป็นเส้นตะวันออก ไปตะวันตก
ขวางทางน้ำผ่าน หากกู้และปิดกั้นน้ำทางเหนือก็จะถูกอั้นไม่สามารถลงใต้ได้อย่างสดวกมวลน้ำก็จะแสดงพลังจนไม่สามารถคาดคุเนความสียหายได้
        ในทำนองเดียวกัน ถนนเพชรเกษมก็เป็นเส้นขวางทางน้ำเช่นเดียวกัน หากดำเนิกการกู้ ปิดกั้นไม่ให้น้ำผ่าน ผลก็จะออกมาเช่นเดียวกันกับถนนพระบรมราชชนนี
        ถนนพระราม 2 เป็นด่านสุดท้ายที่น้ำจะผ่านลงทะเล และเป็นเส้นขวางทางน้ำทั้งเส้น หากป้องกันรักษาไว้ มวลน้ำทั้งหมดของภาคตะวันตก ก็จะเข้าถล่มการปิดกั้นจะเกิดผลอะไรบ้างคงจะมองเห็นกันอยู่แล้ว
         ที่ประชุมจึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ที่สมควรกู้ถนน 340 ซึ่งกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเร็ววันนี้ เป็นการทำงานของภาครัฐอย่างเหน็ดเหนื่อยทุ่มเท
         ต่างกับคนใช้ปากทำงาน ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรด่าไว้ก่อน ขยายขี้เท่อออกมาก็ไม่มีใคว่าอะไรนอกจากปลงสังเวชเท่านั้น				
28 ตุลาคม 2554 12:40 น.

เสี่ยงเทียน

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

มนุษย์เราทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็นแทบทุกเรื่องทั้งเรื่องที่ผ่านมาแล้วและเรื่องที่ยังไม่มาถึงนอกจากเรื่องของตนเองแล้วแล้วบางครั้งยังอยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นอีกด้วย เป็นเหตุให้เกิดอาชีพหมอดู หรือโหร ทำนายทายทักมาแต่โบราณ ถึงปัจจุบันกลายเป็นโหรฟันธง โหรคอมพิเตอร โหรตาทิพย์หูทิพย์ ฯลฯ ล้วแต่จะสรรค์มาอ้าง หลายคนยอมเสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อให้คนลวงโลกย์ประเภทนี้หลอกเอา
   มีอีกหลายคนที่อยากรู้เรื่องราวล่วงหน้าแต่ไม่อยากพึ่งโหร บางครั้งเรื่องที่อยากรู้ก็ไม่อยากให้ใครรู้แม้แต่โหรเพราะมันเป็นความลับคับอกครอบคลุมด้วยความอาย จึงใช้วิธีอื่นเช่น สั่นติ้ว  โยนไม้เสี่ยงทายหงายคว่ำ เรียกอะไรก็ไม่รู้และก็อีกวิธีหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อไปคือการ เสี่ยงเทียน
   เรื่องราวอันโด่งดังมากก็คือการเสี่ยงเทียนของ บุษบา ในนิยายเรื่องอิเหนา จนถึงกับนักร้องดัง ๆหลายต่อหลายคนอัดแผ่นเสียงเพลงเวอรชั่นต่าง ๆขายกันจนร่ำรวย และเราเองก็ชอบเพลงนี้มากเหมือนกันจากนักร้องบางคนที่เสียงดี
   เรื่องราวของบุษบา เกิดขึ้นเพราะท้าวดาหา ได้ยกบุตรสาวคือบุษบาให้กับระตูจรกา กำหนดทำพิธีสยุมพรในอีกสามเดือน ระหว่างที่รอเวลาอยู่นั้น กระหมังกุหนิงได้มาขอบุษบาให้กับ วิหยาสะกำ บุตรชาย แต่ท้าวดาหายกให้ไม่ได้เพราะได้ยกให้กับระตูขรกาไปแล้ว กระหมังกุหนิงโกรธมากจึงยกทัพมาทำศึก  มีหลายหัวเมืองบกทัพมาช่วยท้าวดาหารบ รวมทั้งอิเหนาด้วย ปรากฏว่าอิเหนา มีโอกาศได้รบกับกระหมังกุหนิง ได้ใช้กริชแทงกระหมังกุหนิงตายมีความดีความชอบ แต่เมื่อจะลากลับเมืองมาหยาของตัว อิเหนาได้พบเห็น บุษบา ซึ่งมีรูปโฉมงดงามยิ่งนักเกิดความริษยาระตูจรกา และหลงรักบุษบาจึงไม่ยอมกลับ หาโอกาศเขียนสาร
ใส่เรือนแพลอยน้ำไปถึงบุษบาซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารโดยมีข้อความใส่ร้ายระตูจรกา ทำให้บุษบาและนางกำนัลไม่ชอบระตูจรกา  
     ตอนพลบค่ำ บะษบาและมะเดหวีจึงได้ไปทำพิธีเสี่ยงเทียนต่อหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บนเขาเพื่อเสี่ยงทายว่าระหว่าอิเหนา กับระตูจรกา ใครจะเป็นเนื้อคู่ที่แท้จริง  แต่อิเหนาเจ้าเล่ห์ ได้เข้าไปไล่ค้างคาวในถ้ำบินแตกตื่นออกมาทำให้เทียนดับทั้งหมด แล้วฉวยโอกาศเข้าไปกอดบุษบาไว้แน่น เมื่อจุดเทียนขึ้นใหม่ก็ยังไม่ยอมปล่อย จนมะเดหวีต้องรับปากว่า จะช่วยให้อิเหนาได้แต่งงานกับบุษบา อิเหนาจึงยอมคลายอ้อมแขนให้บุษบาพ้นจ้ากอ้อมกอด
      เรื่องราวของการเสี่ยงเทียนของบุษบา แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็หวั่นไหวเมื่อเจอชายที่พึงเชย อิอิ
      การเสี่ยงเทียนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยบันทึกไว้ในพงศาวดาร
ยิ่งใหญ่ชนาดชิงราชบัลลังก์ เมื่อแผ่นดินเกิดทุรยุคเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์
ได้รับเอาพันบุตรศรีเทพชู้รักเข้ามาในราชวังแต่งตั้งให้เป็นขุนวรวงศาธิราชถึงกับตั้งครรภ์มีบุตรด้วยกัน ได้กระทำการเอาพระยอดฟ้าซึ่งอยู่ในราชสมบัติเพียงหนึ่งปีกับสองเดือนไปประหารชีวิต ณ วัดโคกพญา กระทำพิธีราชาภิเษกยกขุนวรวงศาธิราชขึ้นเป็นเจ้าพิภพกรุงเทพทราวดีศรีอยุทธยา ข้าราชบริพารระสำระสาย เป็นเหตุให้ หลายคนไม่สามารถทนอยู่ได้จึ่งมี ขุนพิเรนเทพ ขุนอินเทพ
หมื่นราชเสนา และหลวงศรียศ ร่วมคิดกันที่จะจับขุนวรวงศาธิราชฆ่าเสียจึงได้ไปเชิน พระเฑียรราชา ซึ่งผนวชอยู่ ณ วัดราชประดิษฐาน เข้าร่วมด้วยโดยหากว่ากระทำการสำเร็จจะให้ พระเฑียรราชาครองราชสมบัติแทนปรากฏว่า ขุนอินเทพ หมื่นราชเสนา หลวงศรียศ และพระเฑียรราชา เกิดความคิดที่จะทำพิธีเสี่ยงเทียนต่อหน้าพระพุทธปฎิมากรเพื่อเสี่ยงทายว่างานจะสำเร็จหรือไม่
มีแตขุนพิเรนเทพเท่านั้นที่คัดค้านว่าพวกเราได้เตรียมการมามากมายแล้วหากการเสี่ยงเทียนไม่สมดังมโนรสจะไม่ทำให้เสียสวัดิมงคลไปหรือ ถ้าไม่เสี่ยงเทียนแล้วจะไม่ทำเรื่องนี้หรือยังไง ต่างคนก็อ้ำอึ้งแยกย้ายกันไป
     ครั้นค่ำลงวันนั้น ขุนอินเทพ หมื่นราชเสนา หลวงศรียศ และพระเฑียรราชา 
ชสนกันพั่นเทียนขึ้นสองเล่ม ขี้ผึ้งหนักเท่ากัน ด้ายไส้นับเส้นเท่ากัน ความยาวสั้นเสมอกัน แล้วพากันไปที่อุโบสถวัดป่าแก้ว พระเฑียรราชาได้กระทำพิธีจุดเทียนกราบอธิษฐานต่อหน้าพระพุทฑปฎิมากรหากตนมีบุญาธิการได้มหาเศวตฉัตร ได้เป็นมหาอรคคทานทายกอุปถัมภกพระบวรพุทธศาสนา ขอให้เทียนของขุนวรวงศาธิราชดับก่อน ถ้ามิสมดังที่ปรารถนาแล้วของให้เทียนของตนดับก่อน ขณะนั้นเอง ขุนพิเรนเทพ ได้ติดตามมาถึงวัดป่าแก้ว เห็นพิธีเสี่ยงเทียน
ซึ่งตอนนั้นเทียนของขุนวรวงศาธิราชกำลังยาวกว่าด้วยก็โกรธจัดที่ห้ามแล้วไม่ฟังกัน จึ่งถ่มถุยคำหมากในปากไปที่พิธีเสี่ยงเทียนนั้นบังเอิญน้ำหมากและคำหมากเกิดไปถูกเทียนเล่มของขุนวรวงศาธิราชดับเพียงเล่มเดียว จึงพากันถือเป็นศุภนิตรและกำลังใจ ซึ่งกระทำการครั้งนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยดี สามารถจับเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ขุนวรวงศาธิราช และบุตรที่เกิดใหม่ได้ขณะลงเรือไปทำพิธีคล้องช้างนอกกรุงตรงคลองสระบัว ได้ฆ่าทิ้งทั้งหมดเอาศพเสียบประจานไว้ที่วัดแร้ง
      การเสี่ยงเทียนทั้งของบุษบา และพระเฑียรราชา ต่างก็มีอันเป็นไปแต่ผลออกมาก็ดี สำหรับเรื่องนายกยิ่งลักษณ์ จะป้องกันน้ำท่วมกรุงฯได้หรือไม่จะต้องเสี่ยงเทียนไม๊เนี่ย อิอิ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤกษ์ ชัยพฤกษ์
Lovings  ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤกษ์ ชัยพฤกษ์
Lovings  ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤกษ์ ชัยพฤกษ์