30 เมษายน 2550 18:11 น.

อัศจรรย์

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ข่าวสังคมตามสื่อต่าง ๆเกี่ยวกับเด็กและสตรีเกี่ยวกับดารา มักจะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องเพศ เรื่องเซ็กส์ ดังระเบิดเถิดเทิงภาพที่ออกมาทางสื่อก็ล่อแหลมจะเป็นขั้นอนาจาร แถมพวกสื่อลามกมีทั้งหนังสือ วีซีดี และอินเตอรเนท ช่างโจ่งแจ้งแดงแจ๋ ไม่ปิดกั้นทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่  เห็นง่ายเกิดอารมณ์ร่วมง่ายดายไม่ต้องใช้จินตนาการอะไรทั้งสิ้น  ต่างกับเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน สมัยที่ผมเริ่มแตกพาน  สื่อพวกนี้ไม่ค่อยแพร่หลาย ถึงมีก็ไม่มีปัญญาจะหาดูเอง  เมื่อเราสนใจก็จะต้องหาอ่านหนังสือทุกประเภท ทั้งหนังสือเริงรมณ์และวรรณคดีเก่า ๆ 

  สำนวนที่ติดปากในกลุ่มเรามักจะพูดถึง"จูบต่ำจับสูง"หัวเราะหัวใคร่กันเป็นที่ครื้นเครงก็ได้มาจากนิยายเรื่อง จันดารา นั่นแหละ สำหรับผมชอบเสาะหาบทอัศจรรย์อ่าน ซึ่งเป็นการสร้างจินตนาการอันวิไล ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งชอบความละเมียดละมัยของบรมครูกวีเก่า ก่อนท่านรู้จักหาคำและเรื่องราวมาแต่งให้สอดคล้องจนเราเห็นภาพอัศจรรย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ วันนี้จึงอยากจะนำมาให้อ่านกันเล่น ๆ 
จากวรรณคดีสังสองสามเรื่อง เพื่อให้เห็นว่า จินตานาการเกิดขึ้นได้ยังไง จากเรื่องพระอภัยมณี  มีแฟนหลายคนยกตัวอย่าง

                         ผีเสื้อสมุทร           
 
" เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด  
กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง   
ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด

กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพล่องกระแพล่ง  
ปักเป้าแทงแต่ละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขไม่หลุดสุดความคิด   
ประกบติดตกผางลงกลางดิน "

                          นางเงือก

 " พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า  
ค่อยต้องเต้าเต่งอุรามารศรี
พระเชยปรางค์ทางฉะอ้อนอ่อนอินทรีย์  
ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ

อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง   
เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉานหาดเหวเป็นเปลวไฟ  
พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด

เมฆขลาล่อแก้วแววสว่าง  
อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัต
พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด   
เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ

ผลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง   
เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน
สิขรินทร์อิสินธรก็อ่อนเอน  
ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย  "

                คราวนี้ถึงที ระเด่นลันได กับนางประแดะ บ้าง 

 " อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง  
ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่ 
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป  
หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง

ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่  
ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง  
อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ

นกกระจอกออกจากรังวิมาณมะพร้าว  
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางเปียกจนมอซอ  
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล "

   ส่วนพระลอก็ไม่ใช่ย่อย    สำเร็จโทษทั้งเพื่อนพี่แพงน้องเลยละ

                                เพื่อนพี่

  " เชยชมชู้ปากป้อน..........แสนอมฤตรสข้อน
    สวาสทเคล้าคลึงสมร ฯ
    กรเกี้ยวกรกอดเกื้อ........เนื้อแนบเนื้อโอ่เน้อ
    อ่อนเนื้อเอาใจฯ
    พักตราใสใหม่หม้า..........หน้าแนบหน้าโอ่หน้า
    หนุ่มหน้าสรสมฯ
    นมแนบนมนิ่มน้อง.........ท้องแนบท้องโอ่ท้อง
    อ่อนท้องทรวงสมรฯ
    สมเสน่หอ่อนใหม่หมั้ว......กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว
    เกลสกลั้วสงสารฯ
    บุษบาบานคลี่คล้อย...........สร้อยแลแสร้อยซ้อนสร้อย
    เสียดสร้อยสระศรีฯ
                                                   
                                      แพงน้อง

สะเทือนฟ้าพื้นลั่น................สรวงสวรรค์
พื้นแผ่นดินแดยรร.............หย่อนไส้
สาครคลื่นอึงอรร- ณพเฟื่อง...ฟองนา
แลทั่วทิศไม้ไหล้..................โยกเยื้องอัศจรรย์ฯ

ขุนสีหคลึงคู่เคล้า..................สาวสีห์
สารแสบนางคชลี..................ลาสเหล้น
ทรายทองย่องยงกรี-ฑาชื่น.....ชทนา
กระต่ายกระแตเต้น..............ตอบเต้าสมสมรฯ

ทินกรกรก่ายเกี้ยว...............เมียงบัว
บัวบ่บานหุบกลัว...................ภู่ย้ำ
ภุมรีภมรมัว..........................เมาซราบ  บัวนา
ชอนนอกในกลีบกล้ำ.............กลิ่นกลัวเกสรฯ
                                                        

เพื่อน ๆ คงจะเบื่อ วรรณคดีจนเอียนเต็มทีแล้วคราวนี้ลองหันมาดูสำนวนของเพื่อนในไทยโพเอ็มกันบ้าง

                    จากโคลงฝนเอยฝนตก ของ คุณม้าลาย

 " เริงเนื้อเนาแนบเนื้อ.........สนิทใจ
กายโอบกายอุ่นไอ.................ออดอ้อน
หนาวฟ้ากลับคุไฟ..................กลางอก
พลิงสวาทสุมทรวงร้อน...........รุ่มเร้าเคล้าฝน

ยลหยดน้ำกระทบน้ำ..............รอบกาย
คลายรักฤๅจักคลาย................จิตคล้อง
เกลียวกอดสอดเป็นสาย.........สร้อยสวาท
ร่ำร่ำระงมร้อง.........................กระเส่าโอ้อัศจรรย์  "


ส่วน ฤกษ์  ชัยพฤกษ์ ก็อุตส่าห์มีบทอัศจรรย์กับเขาบ้างนิดหน่อยเหมือนกัน อยู่ในกลอนตื่นเถิดชาวไทย ไง

" ฝ่าเปลวแดดแผดเผาเข้าพายุ
ทะลวงทะลุเมฆาผ่านห่าฝน
สายฟ้าแลบแปลบปลาบวาบกมล
ทั้งเวหนพลันพิโรธโกรธคำราม

ดั่งวิหคเปียกฝนทนหนาวเหน็บ
แปลบเสียวเจ็บปีกหักปักพงหนาม
ร้าวสะท้านรานกายหลายชั่วยาม       
จึงฝ่าข้ามวังวนลมฝนคราง   "

สำหรับสำนวนที่น่ารักน่าเอ็นดูละเมียดละมัย คงจะเป็นของคุณอัลมิตรา ซึ่งแต่งไว้ในกลอนโฉบเฉี่ยวเธออุปมาอุปมัยไว้งดงามเหมือนขี่เครื่องบินเจ็ท เมื่อมีผู้ถามถึงอารมณ์อ้อยอิ่งเธอชี้แจงอย่างเอียงอายว่า ไม่ใช่เป็นแบบ ควบสมบุกสมบัน อย่างกะรีบไปนางเลิ้งนี่นา ลองอ่านดูสิครับ
๑. 
..๏ ปล่อยใจให้พลิ้วปลิวลม
เบิกฟ้านภาพรหม 
สูงลิ่วเริงรมย์สมฤดี 

ปล่อยใจอิสระเสรี
สุขเกษมเปรมปรีดิ์ 
เกินที่พรรณนาสาธยาย 

มุ่งสู่สรวงสวรรค์พรรณราย 
รุกล้ำกล้ำกลาย 
คาดหมายพบสิ่งมหัศจรรย์ 

แทรกสู่เมฆาสารพัน
เสมือนม่านแพรพรรณ- 
พิลาสอัศจรรย์งามจริง ฯ 

๒. 
..๏ ลึกลับซับซ้อนจนประวิง
หวาดระแวงในสิ่ง- 
แอบสิงซุกซ่อนหลอนลวง 

เกินหยั่งชั่งใจทั้งปวง
เกรงจิตติดบ่วง 
เล่ห์ร้ายในปวงเมฆา 

พุ่งผ่านยิ่งสะท้านอุรา
แม้นมาดปรารถนา 
ยิ่งประหม่ายังประเมินเหตุการณ์ 

ร้อนรุ่มคลุมจิตพิสดาร
สับสนลนลาน 
ซาบซ่านทั้งสนุกสุขแสน ฯ 

๓. 
..๏ อัสนีลือเลื่องเมืองแมน
ปรากฏทดแทน 
ทั่วแดนอึกทึกครึกโครม 

ลมพลันกรรโชกโกรกโพยม
ฤๅสวรรค์บรรโลม 
หักโหมห้าวหาญกระนั้นเอง ? 

ร้อนผ่าวหนาวสั่นหวั่นเกรง
สับสนอลเวง 
โคลงเคลงเคลื่อนคล้อยลอยลำ- 

บ้างสะเทือนเลื่อนลั่นพลันนำ-
ลำบากตรากตรำ 
ยิ่งย้ำความสุขปลุกใจ ฯ 

๔. 
..๏ เสียดสีบรรยากาศไป
เสียงสนั่นทันใด 
เหตุไฉนร้อนผ่าวหนาวเย็น 

มวลเมฆเสกสรรธารกระเซ็น
หลั่งชโลมให้เห็น 
แท้เป็นเช่นฉะนี้แลฤๅ

อัสนีสาปสั่งพลางระบือ
สรวงสวรรค์บันลือ 
หัวตื้อทั้งตัวตื่นตะลึง 

สยิวกายไฉนกันมั่นตะบึง
ฝ่าเสียงอื้ออึง 
ปานประหนึ่งซึ่งให้ใจคะนอง ฯ 

๕. 
..๏ เบื้องลึกนึกชอบตอบสนอง
ด้วยใจใคร่ลอง 
แคล่วคล่องเคว้งคว้างกลางนภา

เมฆแยกแตกรูปแปลกตา
ชวนให้หรรษา
แผลงท่าฉวัดเฉวียนเวียนวน  

ผาดโผนโจนทะยานซ่านกมล
กลางเมฆแลฝน 
หนาวร้อนคละระคนจนสะท้าน

ล่วงกาลผ่านยามสำราญ
เริงระรื่นชื่นบาน 
ซาบซ่านพลันสุขสนุกนัก ฯ 

๖. 
..๏ เครื่องบินโฉบเฉี่ยวให้ประจักษ์
แม้นนึกคึกคัก 
แล้วจักพักเครื่องผ่อนคลาย 

จึงได้ถลาเลี้ยวดังหมาย
พ้นเมฆประปราย 
ผ่านสายวสันต์ก่อนร่อนลง 

ปรากฏการณ์นี้ยังคง
ชวนให้ใจหลง 
ยิ่งประสงค์อีกครั้งดั่งเดิม 

ความสุขสนุกนั้นพลันเสริม-
สร้างให้ใจเหิม 
ขอเริ่มขึ้นเครื่องอีกคราว ๚ะ๛


   ต้องยอมรับว่าอาจจะมีเพื่อนนักกลอนที่เก่งกาจระดับบรมครูแต่งไว้อีกมากในไทยโพเอ็ม  แต่ผมไม่มีปัญญาจะอ่านได้หมด ถ้าใครมีอะไรดี ๆ แจมมาให้ได้เห็นกันบ้างสิครับผม




                                                
				
28 ธันวาคม 2549 11:10 น.

โฆษณาหลอกเด็ก

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ท่านเคยพบเด็กมีอาการแบบนี้บ้างไหม
 1 ปวดท้องมากเพราะกินน้ำอัดลมและขนมอบกรอบ
 2 เบื่ออาหารทั่วไป แต่ชอบกินน้ำอัดลมและขนมอบกรอบ
   (บางคนผอมซีด พบภาวะทุโภชนาการ)
 3 อ้วน(บางคนเป็นเบาหวานด้วย) และกินลูกกวาดลูกอม
            น้ำอัดลม และขนมอบกรอบเป็นประจำ
 4 ฟันผุ เพราะชอบกินลูกกวาดลูกอม และน้ำอัดลม
 5 อาการป่วยไข้ไม่สบายอื่น ๆ เพราะชอบกินขนมเจ้าปัญหาคือ
            ลูกกวาดลูกอม น้ำอัดลม และขนมอบกรอบเหล่านี้

ขนมขบเคี้ยวประเภทปังกรอบ(Snack), ลูกกวาดลูกอม (Candy) และน้ำอัดลม (Soft dring )
เป็นขนมยอดนิยม (90%)ของเด็กไทยปัจจุบัน เฉพาะขนมขบเคี้ยวอย่างเดียว มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท 
(พ.ศ. 2543 ) โดยมีเด็กและวัยรุ่นเป็นฐานใหญ่ของตลาด (70%) เมื่อผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่น
การเปลี่ยนยี่ห้อสินค้าที่นิยมซื้อ จึงเกิดขึ้นได้ง่าย ผู้ผลิตจึงต้องโหมจัดกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการโฆษณา
ที่หวังให้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค  เทคนิคการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเข้มข้นที่สินค้าเหล่านี้ใช้เป็นเครื่องมือ
สำคัญในการขายสินค้าแก่เด็กและเยาชน  จึงเพิ่มอัตราการเสี่ยง ภาวะทุโภชนาการ (Mainutrition) แก่เด็ก ปลูกฝัง
ลีลาชีวิตที่เป็นภัยต่อสุขภาวะในระยะยาว  และทำให้เด็กขาดโอกาศวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการพัฒณาเป็นผู้บริโภค
ที่ชาญฉลาด(Wise consumer) ในอนาคต

ขนมเจ้าปัญหาเหล่านี้องค์การอนามัยโลก(WHO)ยืนยันว่าเป็นอาหารทำลายสุขภาพ แม้จะไม่ใช่อาหารอันตรายกินแล้วตายทันที(ดังที่
อ้างกันว่า "ก็ผ่าน อย.แล้ว") แต่การบริโภคมากเกินไปจะทำลายสุขภาพหระชากรตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ และมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบ
สุขภาวะของสังคมในระยะยาว  เด็กและเยาชนเป็นตลาดใหญ่เป็นเป้าหมายสำคัญของอาหารทำลายสุขภาพเหล่านี้  การตลาดการโฆษณาที่
ขาดความรับผิดชอบ ขาดการควบคุมดูแล เป็นการเฉพาะ จะมุ่งสร้างอิทธิพลต่อพฤติการรมการซื้อบริโภคของเด็กและเยาชน ด้วยวิธีบ่อน
ทำลายวิจารณญาณและขัดขวางการพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์การใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และการตัดสินใจซื้อจากคุณค่ามากกว่า
ภาพลักษณ์ด้วยโฆษณาหลอกเด็กที่เกินกำลังการควบคุมของพ่อแม่และโรงเรียน

                                                                           
                                   ข้อเรียกร้อง  12 ประการ

                                             เด็กไทยรู้ทัน

                  1 มีวิธีจัดการกับขนมเจ้าปัญหา  
                  2 สามารถวิเคราะห์วิจารณ์โฆษณา
                  3 รู้จัออมทรัพย์ช่วยบิดามารดาประหยัด

                                              พ่อแม่รู้ทัน

                  4 ปิดทีวีเช้าเสาร์อาทิตย์สร้างชีวิตใหม่
                  5 สอนลูกให้รู้วิธีใช้จ่ายเงินอย่างมีประโยชน์
                  6 สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโฆษณาหลอกเด็ก

                                               โรงเรียนรู้ทัน
                  
                  7 สร้างโรงเรียนปลอดขนมเจ้าปัญหา
                  8 ไม่ยอมให้โฆษณาบุกเข้าโรงเรียน
                  9 สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กด้วยสื่อการศึกษาในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

                                                 รัฐบาลรู้ทัน

                 10 มีกฏหมายควบคุมโฆษณาสินค้าเด็กโดยเฉพาะ
                 11 ส่งเสริมรายการโทรทัศน์ดี ๆ สำหรับเด็กและครอบครัวที่ปลอดโฆษณา
                 12 สร้างกิจกรรมทางเลือกให้เด็กเรียนรู้ในช่วงเวลาเย็นและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

                                 เด็กไทยรู้ทันต่อต้านโฆษณาหลอกเด็ก
              
                                                                                       
				
23 กันยายน 2549 00:38 น.

เสียกระบาน

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ในสังคมบ้านนอกห่างไกลความเจริญยังมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจเจ้าที่เจ้าทาง ผีสางนางไม้รุขเทวดา ที่สิงสถิตอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรแม่น้ำลำคลองตามโบราณสถานเจดีย์ร้างหรือแม้แต่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยอยู่ทุกวันก็ยังมีผีเหย้าผีเรือน และบรรดาสิ่งสักสิทธิ์หรือผีสางพวกนี้หากทำอะไรไม่ดีไม่ถูกใจอาจจะให้โทษกระทำเอาก็ได้
           เมื่อตอนผมเป็นเด็กเรียนประถมในโรงเรียนบ้านนอกเป็นโรงเรียนอยู่ติดกับวัดผมและพวกเพือ่น ๆ ชอบเล่นซุกซนตามสนามเล็ก ๆ หน้าโรงเรียนบ้างตามป่าละเมาะข้างวัดหรือตามเจดีย์เก่า ๆ หลังวัดบ้างการละเล่นที่ชอบกันนักก็พวกวิ่งไล่จับและซ่อนแอบ พวกผู้หใญ่มักจะขู่ว่าเล่นซ่อนแอบกันละวังผีจะพาไปซ่อนหาไม่เจออดข้าตาย ซึ่งเราก็ไม่เคยกลัวเพราะเวลาซ่อนก็จะหากันจนเจอทุกครั้ง
           ครั้งหนึ่งผมกลับจากโรงเรียนเกิดตัวร้อนมีไข้สูงมากผู้ใหญ่เขาเอายาที่มีอยู่ซึ่งหาซื้อจากร้านยาในกลาดมาเก็บไว้ให้กินก็ไม่หายหมอพื้นบ้านเอายาต้มให้กินก็ไม่ทุเลานอนซมอยู่สองวันชักจะมีอาการสั่นเพ้อบาง เขาจึงไปตามตาลุงคนหนึ่งมา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าแกเป็นหมอผี  เกงทางไสยศาสตร์มีคาถาอาคมปลุกเสก
ทำของขลัง น้ำมนต์เสดาะเคราะห์ ทำเสน่ห์ยาแฝด และเป็นเจ้าพิธียกเสาเอกปลูกบ้านใหม่ด้วย
           แกมาเดินดูรอบ ๆบ้านแล้วมาลูบคลำตัวผมถามว่าไปเล่นซนที่ไหนมาบ้าง
ผมก็เล่าให้แกฟังว่าก่อนวันที่จะไม่สบายไปเล่นซ่อนแอบกันหลังวัดบริเวณเจดีย์ร้างแกก็พยักหน้าไม่ว่าอะไร เสร้จแล้วแกก็ไปปรึกษากับพวกผู้ใหญ่แล้วบอกว่าจะต้องทำพิธีเสียกระบาน  ให้จัดเตรียนเครื่องเซ่น โดยให้ทำ อาหารคาวหวาน มีข้าวสุก ปลานึ่งคล้าย ๆ ปลาแป๊ะซะ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว เหล้าขาว หมากพลู ดอกไม้ธูปเทียน  ส่วนตัวแกไปตัดต้นกล้วยมาลอกเอากาบกล้วยขาว ๆมาสองสามกาบจัดทำกระบะใส่ของ
           พวกจัดหาของเซ่นก็ทำกันตั้งแต่เข้ามืด การทำกระบะกาบกล้วย ตาลุงแกเอากาบกล้วยมาหักเป็นสี่เหลี่ยมขนาดสักฟุตกว่า ๆหาวไม่แหลม ๆ เสียมให้เป็นรูปกระบะ เอาใบตองรองพื้น และเอาใบตองเย็บกระทงเล็ก ๆ ไว้หลายใบ เมื่อเครื่องเซ่นทำเสร็จแกก็จัดใส่ลงในกระทงใบตองเป็นอย่าง ๆกระทงของแกใส่เหล้าขาวไม่รั่ว ของวทั้งหมดจัดวางลงในกระบะเต็มพอดี
           ลุงแกแต่งตัวทะมัดทะแมงมีผ้าขาวม้าพาดขวางไหล่เหมือนตอนพวกผู้ชายเขาไปไหว้พระถามย่าม และกระบะของมากลางบ้านให้ผมนอนบนเสื่อเหยียดยาวเอาผ้าคลุมทั้งตัวถึงคอเอากระบะของเซ่นวางไว้ที่ปลายเท้า แกจุดธูปเทียนแล้วท่องคาถาเสียงดังงึมงัมอยู่นานแล้วควักมีดออกมาจากย่ามปลอกมีดและด้ามมีดเป็นเขาควายสีดำขลับชักออกมาจากฝักใบมีดขาวลงอักขระขอมไว้เต็มทั้งสองหน้า ใบมีดยาวสักคืบกว่ารู้ทีหลังว่าเขาเรียก มีดหมอ
            แกเอามีดทำเป็นเฉาะเบา ๆ พร้อมท่องคาถาตั้งแต่หัวของผมไล่ลงไปจนถึงเท้าแสดงกิริยาและน้ำเสียงเหมือนขับไล่ตะเพิดอะไรให้ออกไปอยู่สักเจ็ดเที่ยวเห็นจะได้แล้วแกก็ลุกขึ้นหยิบเอากระบะของเซ่นเดินออกจากบ้านไป บอกว่าอย่าเพิ่งลุกขึ้นจนกว่าแกจะกลับมา หายไปสักพักใหญ่ ๆ แกเดินกลับมาผ่านหน้าบ้า ตะโกนถามเข้ามาว่า บ้านนี้ช่องนี้ คนที่เจ็บป่วยหายสบายดีแล้วหรือไง พวกผู้ใหญ่เขาคงจะรู้อยู่ก่อนว่าจะตอบยังไงมี คนตะโกนตอบไปว่า หายสบายดีแล้วจ้า  ตาลุงแกก็เดินจากไปไม่กลับมาอีกเลยก็เป็นอันเสร็จพิธีเสียกระบาน มารู้กันทีหลังว่า กระบะของเซ่นนั้น แกเอาไปวางไว้ตรงทางสามแพร่งใกล้โรงเรียนกับวัด
             ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็หายวันหายคืนกลับไปเล่นซุกซนได้เหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ท่านอู้อ่านล่ะ คิดเห็นว่าเป็นไปได้ไม ยังไง				
31 สิงหาคม 2549 10:43 น.

เซียมซี (แก้ไขใหม่)

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักเซียมซี เพราะตั้งแต่เด็กจะเห็นผู้ใหญ่เขาเสี่ยงใบเซียมซีกันจนถึงขั้นมีเพลงร้องเกี่ยวกับเซียมซีใบที่เก้าของสมยส ทัศนพันธุ์ได้ยินได้ฟังจนถึงเดี๋ยวนี้    ต้นตอของเซียมซีจะมาจากไหนก็ไม่ทราบแต่ดูจากสำเนียงที่เรียกชื่อก็คงจะเป็นของจีน
อุปกรณ์การเสี่ยงเซียมซีใช้กระบอกไม้บรรจุชิ้นไม้เล็ก ๆยาว ๆกว่ากระบอกนิดหน่อยมีตัวเลขตั้งแต่ ๑ ถึงเท่าไรก็ได้แล้วแต่จำนวนใบเซียมซีที่ทำไว้ส่วนใหญ่จะไม่เกิน  ๒๐ เรียกอุปกรณ์นี้ว่าติ้ว วิธีการเสี่ยงก็ อธิษฐาน ต่อหน้าพระ หรือเจ้าพ่อ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไปเคารพกราบไหว้
แล้วจึงสั่นกระบอกติ้ว  จนชิ้นไม้ที่มีตัวเลขหล่นลงมาหนึ่งอัน ถ้าหล่นมากกว่านั้นต้องเก็บใส่กระบอกสั่นใหม่จนกว่าจะได้เพียงหนึ่งอันแล้วดูว่าเลขอะไรก็ไปเลือกใบเซียมซีหมายเลขนั้นมาอ่านดูคำทำนาย ซึ่งแต่ละแห่งจะมีบทกลอนทำนายทายทักไว้ไม่เหมือนกันแล้วแต่สำนักใดจะสรรค์หามาจากไหน
     ที่จับเอาเรื่องเซียมซีมาเขียนเล่นให้เพื่อน ๆอ่านกันก็ด้วยเหตุที่เพื่อนซึ่งแต่งงานที่อำเภอพะโต๊ะ นานแล้วผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย(เคยเขียนกลอนเล่าไว้แล้ว)จนถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่มีลูกสักที  ผู้หลักผู้ใหญ่เขาก็อยากได้หลานมาอุ้มเชยชม เพื่อนผมกลุ้มอกกลุ้มใจมาก เมื่อมีโอกาศเจอกัน
เขาจึงปรับทุกข์ ยังแกล้งเย้ากันว่าทำไม่เป็นรึไงหรือว่าผิดทางรักหรือเปล่า ซึ่งเขาไม่สนุกขบขันด้วยบอกว่าซีเรียสนะ  อยากจะหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอลูก  เผื่อจะได้สมใจผู้ใหญ่ซะทีผมก็อึ้งไป นึกฉงนว่าคนรุ่นนี้ยังเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีกรึ
  ผมเคยทราบกิตติศัพท์อยู่แห่งหนึ่งเมื่อครั้งไปเที่ยวงานประเพณีสงกรานต์ที่พระประแดง  ขบวนแห่ปลาจะนำปลาไปปล่อยที่วัดโปรดเกตุเชษฐาราม ซึ่งมีสระใหญ่ มีมณฑพสวยงามอยู่กลางน้ำ และที่นั่น มีหินเขียวแกะสลักเป็นรูป ฤษี อายุก็คงเป็นร้อย ๆปีสมัยสร้างวัด 
หรืออาจนำมาจากที่อื่นซึ่งสร้างไว้ก่อนสร้างวัดก็ได้ ทางวัดเขาเขียนชื่อไว้ว่า ฤษีนาคสิทธิโคดก เป็นที่เล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นักในเรื่องขอลูก ใครไปกราบไหว้ขอลูกมักจะไม่ผิดหวังแล้วส่วนใหญ่จะได้เด็กผู้ชายแก่นแก้วนัก ผมก็เลยนัดกับเพื่อนจะพากันไปขอลูกสักคน
  อำเภอพระประแดง ไปไม่ยากขึ้นทางด่วนข้ามสะพานพระรามเก้าพอถึงฝั่งธนบุรีก็ลงเลยแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางป้อมพระจุลจอมเกล้า พอถึงสามแยกพระประแดงเลี้ยวซ้ายเข้าไปนิดเดียว วัดโปรดเกตุ ฯถามใครก็รู้จัก  ผมพาเพื่อนกับภรรยาของเขามาจนถึงหน้าพระฤษีหินเขียวองค์นี้จนได้
แล้วเขาก็จุดธูปเทียนกราบไหว้บนบานขอลูกกันสองคน ผมไม่เกี่ยวเลี่ยงไปสั่นติ้วเสี่ยงเซียมซี ปรากฏว่าได้ใบที่สี่ เอามาอ่านกลอนที่ทำนายได้ดังนี้
               ใบที่สี่ชี้ชัดความพลัดพราก    เหมือนต้องจากคู่ไปไกลสถาน
                ดังลูกไก่พลัดวงหลงไปนาน   กว่าจะพานพบหน้าก็ช้าจัง
                ต้องอุตส่าห์อดกลั้นถึงนานหน่อย  แล้วจึงค่อยเป็นสุขในยุคหลัง
                จงประคองตนไว้อย่าให้พลั้ง  ดวงจิตตั้งหวังสมานสามัคคี
                เร่งนอบนบเคารพอยู่ที่ผู้ใหญ่  คอยตามไปใช้พินิจกิจวิถี
                เหมือนดวงจันทร์ส่องฟ้าในราตรี  เมื่อแสงศรีสุริยันตะวันรอน
                ถามถึงไข้ว่าคงหายได้สำราญ  ความโรงศาลมีชัยไม่หลอกหลอน
                ยังไม่พบลูกหนี้ที่หนีจร    ในอุทรบุตรเป็นชายคำทาย เอยฯ
วัดนี้ทันสมัยมากคำทำนายมีภาคภาษาอังกฤษ และภาษาจีนด้วย  ภาษาอังกฤษเขาว่าไว้ว่า
    Parting from loved one envisaged,may be a longtime before reunited,
Cooperation needed in conducting activities.Avoid taking role as a leader.
Patient recovering. More likely to win legal case. Hidden ones still not
found. A baby boy forthcoming.
    สำหรับภาษาจีน จนด้วยเกล้าจริง ๆ  ผลของการขอลูกคราวนี้ยังไม่ทราบ แต่คงไม่นานเกินรอ ถ้าได้ความยังไงก็จะรายงานให้เพื่อนทราบ อิอิ

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤกษ์ ชัยพฤกษ์
Lovings  ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤกษ์ ชัยพฤกษ์
Lovings  ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤกษ์ ชัยพฤกษ์